โรคฮิสทีเรีย
สวัสดีค่ะ ชาวพันทิพทุกท่าน
ขอเรียกตัวเองว่าเอนะคะ เอป็นฮิสทีเรียค่ะ ฮิสทีเรียนี้ไม่ใช่โรคเสพติดเซ็กส์แบบที่หลายท่านเข้าใจนะคะ
.
เอขอตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อเป็นอุทาหรณ์ ให้ทุกคนที่ยังเข้าใจโรคนี้แบบผิดๆให้เข้าใจพวกเราค่ะ
.
ก่อนอื่นขอทำความเข้าใจก่อนว่า ที่เอมาตั้งกระทู้ในพันทิพ เพราะเอมีข้อสงสัย แต่เอถามใครไม่ได้ ด้วยสภาพสังคม หน้าที่การงาน ครอบครัว เอกลัวการซ้ำเติมของคนค่ะ ซึ่งมาจากความเข้าใจผิด และความรู้แบบผิดๆของคนส่วนใหญ่ที่คิดว่าโรคนี้คือการเสพติดเซ็กส์ มีเซ็กส์กับใครก็ได้ เปลี่ยนคู่นอนบ่อย ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดอย่างแรงมาก เอขอไม่เปิดเผยตัวตน หรือที่ทำงานนะคะ กลัวว่าถ้ามีคนที่รู้จักรู้จะกระทบจิตใจค่ะ และจะเกิดปัญหาร้ายแรงตามมา
.
เอรู้ได้ยังไงว่าเป็นฮิสทีเรีย
เอศึกษาเองค่ะ โดยดูจากอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีไม่มาก เอสังเกตตัวเองจากอาการของโรคหลายๆอย่างที่แสดงออก และจากภาวะทางจิตใจ กับพฤติกรรมที่แสดงออกค่ะ
.
ก่อนอื่นขอเล่าเรื่องราวก่อนนะคะ
ครอบครัวของเอมีพ่อ แม่ พี่ชาย2คน พี่สาว1คน พ่อจะเป็นคนคิดมากกลัวทุกอย่าง คอยพูดทุกอย่าง เตือนทุกอย่าง (หลังจากที่พ่อเสียพี่ชายคนไปเพราะอุบัติเหตุ พี่ชายคนรองก็ใช้ยาเสพติดตั้งแต่เด็ก พี่สาวของเอก็หนีตามผู้ชายไปค่ะ) ทำให้พ่อเอมากดดันเอหลายเรื่องทั้งเรื่องเรียน เรื่องงาน เรื่องรัก ทุกอย่างแม้เรื่องหยุมหยิม แค่มีดบาดเอพ่อเอก็คิดมากแล้วค่ะ ส่วนแม่เป็นคนหัวโบราณค่ะ อะไรก็ห้ามไปทุกอย่าง เรื่องรักนี่ปรึกษาแม่ไม่ได้เลยค่ะ ต้องแต่งงานก่อนเท่านั้น สรุปคือทั้งพ่อทั้งแม่ปรึกษาปัญหาชีวิตไม่ได้ค่ะ เอเลือกที่จะเก็บความรู้สึกตัวเองตั้งแต่เด็ก มีอะไรก็จะไม่พูดไม่กล้าบอก เก็บไว้ในใจคนเดียว
.
สภาพการทำงาน ในหน่วยงานของเอทำงานเครียดมากค่ะ หัวหน้าเอสั่งงานแบบหามรุ่งหามค่ำมาก ไม่ได้หลับไม่ได้นอน เพื่อนเอมาหาเอก็ไปหาไม่ได้ค่ะ หัวหน้ายังอยู่ก็ไปไม่ได้ ทำไปเรื่อยๆ กลายเป็นว่าตี1นั่งทำงานคนเดียวค่ะ อาศัยนั่งหลับที่ทำงาน สภาพทนทำค่ะ สภาพจิตใจตอนนั้นคือพออยู่คนเดียวจะเหงามากๆ ต้องทำงาน หรือร้องไห้ถึงจะหายค่ะ ร้องไห้บ่อยมาก ร้องตอนนอนนะคะ ตอนทำงานร้องไม่ได้ค่ะต้องสตรองนั่งทำงานหัวฟูไป ขอร้องแล้วนะคะว่างานที่ให้มาหนักเกินไป ก็มีคนเหมือนพยายามแกล้งว่าทำงานได้ดีก็ทำไปซิ พยายามเข้าหาหัวหน้าแล้วมายัดงานให้เพิ่มค่ะ ทนค่ะ ทน ทำงานต่อไปจะได้ไม่ต้องร้องไห้คิดถึงพี่หนึ่ง
ตอนนั้นเออายุ 23 แล้ว แต่เอยังดูเหมือนเด็ก เพราะการทำงานที่เห็นแต่ห้องทำงานเล็กๆกับคอมพิวเตอร์ อยู่กับ มนุษย์ป้า ตอนนั้นเงินเดือนยังน้อยอยู่ค่ะทำงานใหม่ๆ แต่ก็ได้มนุษย์ป้าที่ใช้งานเยี่ยงทาสคอยเปเลยไม่มีปากมีเสียงค่ะ ทำได้แค่ทนทำงานต่อไปค่ะ สู้ๆ
.
รักครั้งแรกหัวใจก็แตกสลาย
จนกระทั่งมีผู้ชายคนนึงเข้ามาในชีวิตค่ะ ชื่อพี่หนึ่ง เป็นรักครั้งแรก พี่เค้าอายุมากกว่าเอ8ปี เค้าดูแลเอาใจใส่เอทุกอย่าง เอรักเค้าค่ะ เราคบกันอยู่ช่วงนึง เป็นช่วงสั้นๆแต่จดจำนานค่ะ จนมีอะไรกันค่ะ แต่ด้วยสภาพการทำงาน ครอบครัว อายุ หรือคำพูดของคนอื่นๆ ที่รู้เรื่องก็เตือนมานั่นนี่ ทำให้เอตัดสินใจยุติความสัมพันธ์กับเค้าค่ะ เอปิดโทรศัพท์ เฟส ไลน์ทุกอย่าง บล็อกทุกอย่าง จนพี่หนึ่งไปจากชีวิตเอค่ะ
เอยอมรับว่าถึงเอจะตัดพี่หนึ่งออกไป เอก็ยังคิดถึงเค้ามาก ช่วงแรกๆที่เลิกกัน เอจำได้ว่าเอไม่สบายเป็นไข้นานมาก3เดือนกว่าจะดีขึ้น
.
รักครั้งที่สอง
หลังจากนั้นเอก็ทำงานต่อไปค่ะ ย้ายงานใหม่ เจอคนใหม่ๆ เอก็เจอเพื่อนเก่า ชื่อเจ ซึ่งไม่ได้เจอกันนานมากๆ ทำงานที่ใหม่ด้วยกันค่ะ ตอนที่เรียนหนังสือด้วยกันเคยบอกว่าชอบเอค่ะ แต่เอไม่ยอมคบด้วยค่ะ บอกเจว่าเวลาเรียนยังไม่ใช่เวลามีแฟน แต่พอมาเจอกันอีกครั้งเจมาสารภาพกับเอว่า ตอนนี้เค้าก็ยังชอบเอ เค้ารักเอค่ะ แต่ในใจเอยังมีแต่พี่หนึ่งอยู่ เอคอยดูเค้าไปสักระยะ คุยกันจนแน่ใจว่าเค้าโสด เพิ่งเลิกกับแฟน 3เดือน เอก็เลยตัดสินใจคบเจค่ะ จะได้ลืมพี่หนึ่งด้วย เค้าเฟนลี่ดูแลเออย่างดี แต่พอคบกันไปไม่กี่เดือนก็ออกอาการค่ะ ไม่ค่อยรับโทรศัพท์ อะไรๆก็เปลี่ยนไป จนเค้าลาออกไปโดยไม่บอกเอสักคำค่ะ เอโดนบล็อกโทรศัพท์ บล็อกเฟส เอติดต่อเค้าไม่ได้ เหมือนที่เอบล็อกพี่หนึ่ง จนเอไปเจอเฟสแฟนเก่าเจค่ะ คือเค้าไปคืนดีกันเรียบร้อย โอเค ขอให้มีความสุข เอร้องไห้อยู่หลายคืนค่ะ นอนไม่หลับเลยไปจิกยานอนหลับยายมากิน อาการก็ดีขึ้น ในใจคิดว่าไม่เป็นไรฉันสบายดี
สภาพหลังจากนั้นทำงานค่ะ ทำงานไปทั้งวันทั้งคืนแก้เครียด รับทำรายงานเพื่อน นั่งอ่านหนังสือเรียน ปิดเทอมก็หาเรียนภาษาเพิ่ม เอเรียนด้วยทำงานด้วยค่ะ พองานไม่มีก็เคว้ง ไม่มีที่พึ่ง เอก็จะคิดถึงรักครั้งแรกที่เอทิ้งพี่เค้ามา เอจะนั่งร้องไห้ กินยานอนหลับ บางวันก็กินเหล้าค่ะ กินแค่นิดหน่อยพอให้หลับได้ค่ะ
.
รักครั้งล่าสุด
เป็นเพื่อนร่วมคราสค่ะ ชื่อแมน คุยกันแล้วรู้สึกดี ชอบอะไรหลายๆอย่างเหมือนกัน เอก็เลยคบเค้าเป็นแฟน คิดว่าจะหยุดอยู่กับคนนี้แล้ว คบกันจนเรียนจบ ก็ย้ายไปอยู่กับเค้าค่ะ แรกๆก็รู้สึกดี แต่คบไปเรื่อยๆ แปลกค่ะ เอไม่มีความต้องการทางเพศ เอไม่อยากให้เค้ามาถูกเนื้อต้องตัวเอเลย เค้าพูดขอเอดีๆเอก็ไม่ให้ บังคับเอเอก็ไม่ให้ ความสัมพันธ์เลยลดลงๆ จนเอคิดว่าเอเบื่อผู้ชายคนนี้ สุดท้ายเอทิ้งเหมือนเดิมค่ะ ออกจากบ้านเค้าและไม่ยอมให้มาหา ไม่รับโทรศัพท์ บล็อกเฟส บล็อกไลน์ คนนี้คบมาประมาณ 5 ปี แต่ตอนที่เลิกกันเอกลับคิดถึงแต่พี่หนึ่ง เอไม่ได้คิดถึงแมนเลย ในหัวมีแต่พี่หนึ่งคนเดียว
ตอนที่เอไม่มีใครเอก็จะเครียด กินเหล้า บางวันกินยานอนหลับ บางคืนต้องเดินเที่ยวไปทั่วกรุงเทพให้เหนื่อยแล้วกลับมานอนค่ะ เออยู่หอพักที่ทำงาน บางคืนเอก็รู้สึกหมดอาลัยตายอยากในชีวิต ด้วยความที่ปรึกษาใครไม่ได้ และไม่มีเพื่อนที่ไว้ใจได้ที่จะมาคอยให้คำปรึกษา คิดฆ่าตัวตายหลายครั้ง กินยาพาราเยอะๆ จนตับอักเสบ กินยานอนหลับเยอะๆ (มิลลิกรัมไม่เยอะ) เลยไม่สำเร็จสักที ระหว่างนี้ก็หางานทำเพิ่ม อยากทำทั้งวันทั้งคืนเลย เพราะรู้ว่ากินเหล้ามากๆไม่ดี กินยานอนหลับบ่อยๆไม่ดี และไม่อยากคิดฆ่าตัวตาย นั่งร้องไห้คนเดียวแต่พูดกับใครไม่ได้ แต่พอไม่มีอะไรทำก็คิดถึงพี่หนึ่งแล้วนั่งร้องไห้อีก (เลิกกับพี่หนึ่ง10 ปีแล้ว)
.
อาการเริ่มแรก
ที่ทำงานมีพี่ผู้หญิงเข้ามาทำงานค่ะ เป็นผู้หญิงที่ทะลึ่งที่สุดในสามโลกสี่โลกที่เอรู้จัก เอก็เลยกลายเป็นแบบเค้าค่ะ เอคิดว่าการพูดทะลึ่งลามกทำให้อาการทีเอคิดถึงพี่หนึ่งดีขึ้น เอทำงานได้ รู้สึกว่าตัวเองได้รับความสนใจ เอไม่ต้องกินยานอนหลับ หรือเหล้าให้หลับได้ในตอนกลางคืนอีกแล้ว ถึงเอจะชอบพูดทะลึ่ง ลามก แทะเล็มผู้ชาย แต่เอก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับใครอีกนะคะ คือปากพูดทะลึ่ง ยั่วยวน เปิดทางชวนให้มีเพศสัมพันธ์ แต่พออยู่กับผู้ชายสองคนเอกลับกลายเป็นคนเรียบร้อย คือเอแค่ชอบพูดทะลึ่งลามก แต่เอไม่ได้มีความรู้สึกว่าอยากจะมีเซ็กส์กับผู้ชายเหล่านั้น มีผู้ชายบางคนพยายามเข้ามาจีบ ขอมีอะไรด้วยเพราะเอทะลึ่งใส่เค้า เอก็ปฏิเสธค่ะ เพราะเอรู้สึกโอเคกับตัวเอง เอรู้ตัวว่าเอไม่ต้องการเซ็กส์ ไม่ต้องการการสัมผัสทางกายอีกต่อไป ไม่จำเป็นต้องมีผู้ชายเข้ามาในชีวิตเอ เอก็อยู่ได้ด้วยความทะลึ่ง ยั่วยวน กำกวม เอมีความสุขมากขึ้น
.
ฉันเป็นโรคเยอะแยะ
เอทะลึ่งจนพี่ที่ทำงานผู้หญิงเริ่มไม่ชอบใจ คิดว่าเอเป็นคนที่ง่ายมาก และต้องการผู้ชายทุกคนบนโลก คิดไปถึงว่าจะเป็นเอดส์มั้ย เอเลยปรับลดความทะลึ่งลงค่ะ เอกลายเป็นคนเงียบไม่พูดไม่ทะลึ่ง จะพูดก็แค่เรื่องงาน คือดีขึ้นในสายตาคนอื่น แต่ในใจเอมันไม่ดีขึ้นเลย เอกลับมานอนไม่หลับเหมือนเดิม ร้องไห้เหมือนเดิม และคิดฆ่าตัวตายเหมือนเดิม ทีแรกเอคิดว่าเอเป็นไบโพล่านะคะ เพราะเดี๋ยวเศร้า เดี๋ยวร่าเริง โรคที่เกิดขึ้นจากที่สังเกต คือขับถ่ายผิดปกติ คือปวดท้องถ่ายทั้งวันทั้งคืน ตื่นขึ้นมาก็ถ่าย ไปหาหมอ หมอบอกว่าเป็นโรค IBS ที่เกิดจากความเครียด เอเป็น IBS นานมาก แล้วแต่สภาพจิตใจ ตอนนั้นคิดว่าเรียนหนักไปหน่อย ช่วงสอบจะปวดมาก ในหนึ่งวิชาต้องขอไปห้องน้ำมากสุด 5 ครั้ง กินยาก็ไม่ค่อยหาย ไปพบหมอเรื่อยๆ ส่องกล้อง ตรวจเลือด หมอก็ยืนยันว่าเป็น IBS จากนั้น เอไม่มีประจำเดือนค่ะ ประจำเดือนเอหายไป 5 ปี จนเออ้วนมาก เอทนไม่ไหวไปหาหมอนรีเวช หมอบอกว่าเป็นโรค PCOS คือไข่ไม่สุก ก่อนหน้านี้ประจำเดือนเอมาปกติ เพราะเอไปซื้อยาคุมกินเองค่ะ ถ้าไม่กินยาคุมเมนก็ไม่มา เอมีอาการผมร่วง อ้วนลงพุง หน้ามัน มีสิว ซึ่งหมอบอกว่าอาจะเป็นเพราะฮอร์โมน หรือความเครียด และอ้วนทำให้ไข่ไม่ตก เอเลยค้นหาในอินเทอร์เน็ดค่ะ และสังเกตตัวเอง ทั้ง IBS PCOS เกิดจากความเครียด แล้วฉันเครียดเรื่องอะไรล่ะ ยัง ยังไม่รู้ตัวอีก
.
ตกลงฉันเป็นโรคอะไร
เอเคยถูกคนที่ทำงานต่อว่าแกเป็นฮิสทีเรีย เอกลับมานั่งคิดจะบ้าเหรอว่าฉันขาดผู้ชายไม่ได้ ฉันไม่ได้ต้องการเซ็กส์ฉันแค่ชอบพูดทะลึ่งเท่านั้น เอมานั่งทบทวนพฤติกรรมตัวเอง เลยคิดว่าเป็นฮิสทีเรีย
.
สรุปอาการ
1.เครียดง่าย กังวลง่าย
2.นอนไม่หลับ นั่งร้องไห้ ต้องกินเหล้าก่อนนอน
3.ชอบพูดทะลึ่งลามก ยั่วยวน เหมือนเชื้อชวนให้มีเพศสัมพันธ์ แต่
4.ไม่ชอบการมีเซ็กส์ ไม่ชอบให้เพศตรงข้ามถูกเนื้อต้องตัว
5.มีกลุ่มอาการที่เกิดจากความเครียด
6.ชอบฟังเพลงเศร้า แบบรออยู่รักอยู่คนเดียว เช่นเพลงรักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง งมงาย ซื่อสัตย์
7.คิดจะฆ่าตัวตายอยู่เรื่อยๆ
.
แล้วตกลงฮิสทีเรียคืออะไรกันแน่
บุคลิกภาพแบบฮิสทีเรีย (Histrionic Personality Disorder) ผู้ที่มีอาการในกลุ่มนี้ จะมีลักษณะที่พยายามทำตัวโดดเด่น เรียกร้องความสนใจอยู่ตลอดเวลา บุคลิกของคนกลุ่มนี้จะมีลีลาท่าทางการแสดงออกมากจนเหมือนเล่นละคร การแสดงอาการและอารมณ์ต่างๆ จะดูเกินจริง จนดูเหมือนเสแสร้ง เจ้ามารยา และการที่กิริยาท่าทางแสดงออกเพื่อดึงดูดความสนใจ จึงดูเหมือนเป็นการยั่วยวนเพศตรงข้าม ทำให้คนจึงมักเข้าใจผิดว่าคนที่เป็นฮิสทีเรียนั้นมีความต้องการทางเพศสูง ต้องการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่เลือก ที่จริงแล้ว ผู้ที่มีบุคลิกภาพแบบฮิสทีเรียนั้น มีความเป็นเด็กสูง ชอบเรียกร้องความสนใจ จึงมีการแสดงออกที่มากมายเพื่อให้คนมาสนใจ ผู้ป่วยมักจะรู้สึกขาดความมั่นใจและไม่สบายใจหากไม่ได้เป็นศูนย์รวมความสนใจ และบางครั้งก็อาจใช้วิธีข่มขู่เพื่อเรียกร้องความสนใจ
สาเหตุที่ทำให้คนมีบุคลิกภาพแบบฮิสทีเรียมักมาจากการที่ขาดความรักในช่วงหนึ่งของชีวิต ซึ่งเป็นช่วงที่ต้องการความรักมากที่สุด จึงทำให้มีอาการโหยหาความรักอยู่ตลอดเวลา และเมื่อมีความรักก็จะไม่รู้จักพอ แต่ก็เป็นความต้องการในความรัก ไม่ใช่ด้านความใคร่อย่างที่เข้าใจกัน
.
สาเหตุหลักของโรคฮิสทีเรีย
สาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการฮิสทีเรียเกิดจากหลายปัจจัย เช่น ปัญหาครอบครัว ความเครียด ความกดดันจากสภาพแวดล้อม บุคลิกภาพผิดปกติ หรือจากพันธุกรรม
.
คำถามค่ะ
1.เออยากรู้ว่ารู้ตัวว่าเป็นฮิสทีเรียแบบนี้ต้องไปหาหมอมั้ยคะ
2.เป็นฮิสทีเรียนานๆ อาการขั้นต่อไปหรือสูงสุดของฮิสทีเรียคืออะไร
3.ทำยังไงให้หายจากฮิสทีเรียคะ
4.ขอคำแนะนำวิธีคลายเครียดค่ะ ที่น่าจะได้ผลค่ะ (ทุกวันนี้ใช้วิธีทำงานให้ไม่ต้องคิด)
5.คิดถึงพี่หนึ่งมากจะไปหาก็ไม่ควร ควรจะทำยังไงดีคะ เวลาคนอกหักเค้าทำยังไงกัน
6.คนส่วนใหญ่มองฮิสทีเรียยังไง ทำยังไงถึงจะมีคนเข้าใจ
เออยากออกจากภาวะนี้ค่ะ แต่ในอินเทอร์เน็ตไม่มีบอก เลยต้องตั้งกระทู้ถามในพันทิพค่ะ เผื่อจะได้รับคำแนะนำที่ดี เอไม่มีที่ปรึกษาจริงๆ
ขอคำแนะนำนะคะ งดซ้ำเติมค่ะ แค่นี้ก็เกินพอแล้วค่ะ มันเกินใจจะอดทน
ปล.เอไม่ได้แ-ดนะคะ มันแค่รู้สึกดีเวลาที่พูดทะลึ่งเท่านั้นเอง แล้วคนเป็นฮิสทีเรียมันจะเป็นเอดส์ได้ยังไงในเมื่อใจรักแค่คนๆเดียว ฮิสทีเรียกับนิมโฟมาเนียต้องแยกกันให้ออกนะคะ
เมื่อฉันรู้ตัวว่าเป็นฮิสทีเรีย
สวัสดีค่ะ ชาวพันทิพทุกท่าน
ขอเรียกตัวเองว่าเอนะคะ เอป็นฮิสทีเรียค่ะ ฮิสทีเรียนี้ไม่ใช่โรคเสพติดเซ็กส์แบบที่หลายท่านเข้าใจนะคะ
.
เอขอตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อเป็นอุทาหรณ์ ให้ทุกคนที่ยังเข้าใจโรคนี้แบบผิดๆให้เข้าใจพวกเราค่ะ
.
ก่อนอื่นขอทำความเข้าใจก่อนว่า ที่เอมาตั้งกระทู้ในพันทิพ เพราะเอมีข้อสงสัย แต่เอถามใครไม่ได้ ด้วยสภาพสังคม หน้าที่การงาน ครอบครัว เอกลัวการซ้ำเติมของคนค่ะ ซึ่งมาจากความเข้าใจผิด และความรู้แบบผิดๆของคนส่วนใหญ่ที่คิดว่าโรคนี้คือการเสพติดเซ็กส์ มีเซ็กส์กับใครก็ได้ เปลี่ยนคู่นอนบ่อย ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดอย่างแรงมาก เอขอไม่เปิดเผยตัวตน หรือที่ทำงานนะคะ กลัวว่าถ้ามีคนที่รู้จักรู้จะกระทบจิตใจค่ะ และจะเกิดปัญหาร้ายแรงตามมา
.
เอรู้ได้ยังไงว่าเป็นฮิสทีเรีย
เอศึกษาเองค่ะ โดยดูจากอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีไม่มาก เอสังเกตตัวเองจากอาการของโรคหลายๆอย่างที่แสดงออก และจากภาวะทางจิตใจ กับพฤติกรรมที่แสดงออกค่ะ
.
ก่อนอื่นขอเล่าเรื่องราวก่อนนะคะ
ครอบครัวของเอมีพ่อ แม่ พี่ชาย2คน พี่สาว1คน พ่อจะเป็นคนคิดมากกลัวทุกอย่าง คอยพูดทุกอย่าง เตือนทุกอย่าง (หลังจากที่พ่อเสียพี่ชายคนไปเพราะอุบัติเหตุ พี่ชายคนรองก็ใช้ยาเสพติดตั้งแต่เด็ก พี่สาวของเอก็หนีตามผู้ชายไปค่ะ) ทำให้พ่อเอมากดดันเอหลายเรื่องทั้งเรื่องเรียน เรื่องงาน เรื่องรัก ทุกอย่างแม้เรื่องหยุมหยิม แค่มีดบาดเอพ่อเอก็คิดมากแล้วค่ะ ส่วนแม่เป็นคนหัวโบราณค่ะ อะไรก็ห้ามไปทุกอย่าง เรื่องรักนี่ปรึกษาแม่ไม่ได้เลยค่ะ ต้องแต่งงานก่อนเท่านั้น สรุปคือทั้งพ่อทั้งแม่ปรึกษาปัญหาชีวิตไม่ได้ค่ะ เอเลือกที่จะเก็บความรู้สึกตัวเองตั้งแต่เด็ก มีอะไรก็จะไม่พูดไม่กล้าบอก เก็บไว้ในใจคนเดียว
.
สภาพการทำงาน ในหน่วยงานของเอทำงานเครียดมากค่ะ หัวหน้าเอสั่งงานแบบหามรุ่งหามค่ำมาก ไม่ได้หลับไม่ได้นอน เพื่อนเอมาหาเอก็ไปหาไม่ได้ค่ะ หัวหน้ายังอยู่ก็ไปไม่ได้ ทำไปเรื่อยๆ กลายเป็นว่าตี1นั่งทำงานคนเดียวค่ะ อาศัยนั่งหลับที่ทำงาน สภาพทนทำค่ะ สภาพจิตใจตอนนั้นคือพออยู่คนเดียวจะเหงามากๆ ต้องทำงาน หรือร้องไห้ถึงจะหายค่ะ ร้องไห้บ่อยมาก ร้องตอนนอนนะคะ ตอนทำงานร้องไม่ได้ค่ะต้องสตรองนั่งทำงานหัวฟูไป ขอร้องแล้วนะคะว่างานที่ให้มาหนักเกินไป ก็มีคนเหมือนพยายามแกล้งว่าทำงานได้ดีก็ทำไปซิ พยายามเข้าหาหัวหน้าแล้วมายัดงานให้เพิ่มค่ะ ทนค่ะ ทน ทำงานต่อไปจะได้ไม่ต้องร้องไห้คิดถึงพี่หนึ่ง
ตอนนั้นเออายุ 23 แล้ว แต่เอยังดูเหมือนเด็ก เพราะการทำงานที่เห็นแต่ห้องทำงานเล็กๆกับคอมพิวเตอร์ อยู่กับ มนุษย์ป้า ตอนนั้นเงินเดือนยังน้อยอยู่ค่ะทำงานใหม่ๆ แต่ก็ได้มนุษย์ป้าที่ใช้งานเยี่ยงทาสคอยเปเลยไม่มีปากมีเสียงค่ะ ทำได้แค่ทนทำงานต่อไปค่ะ สู้ๆ
.
รักครั้งแรกหัวใจก็แตกสลาย
จนกระทั่งมีผู้ชายคนนึงเข้ามาในชีวิตค่ะ ชื่อพี่หนึ่ง เป็นรักครั้งแรก พี่เค้าอายุมากกว่าเอ8ปี เค้าดูแลเอาใจใส่เอทุกอย่าง เอรักเค้าค่ะ เราคบกันอยู่ช่วงนึง เป็นช่วงสั้นๆแต่จดจำนานค่ะ จนมีอะไรกันค่ะ แต่ด้วยสภาพการทำงาน ครอบครัว อายุ หรือคำพูดของคนอื่นๆ ที่รู้เรื่องก็เตือนมานั่นนี่ ทำให้เอตัดสินใจยุติความสัมพันธ์กับเค้าค่ะ เอปิดโทรศัพท์ เฟส ไลน์ทุกอย่าง บล็อกทุกอย่าง จนพี่หนึ่งไปจากชีวิตเอค่ะ
เอยอมรับว่าถึงเอจะตัดพี่หนึ่งออกไป เอก็ยังคิดถึงเค้ามาก ช่วงแรกๆที่เลิกกัน เอจำได้ว่าเอไม่สบายเป็นไข้นานมาก3เดือนกว่าจะดีขึ้น
.
รักครั้งที่สอง
หลังจากนั้นเอก็ทำงานต่อไปค่ะ ย้ายงานใหม่ เจอคนใหม่ๆ เอก็เจอเพื่อนเก่า ชื่อเจ ซึ่งไม่ได้เจอกันนานมากๆ ทำงานที่ใหม่ด้วยกันค่ะ ตอนที่เรียนหนังสือด้วยกันเคยบอกว่าชอบเอค่ะ แต่เอไม่ยอมคบด้วยค่ะ บอกเจว่าเวลาเรียนยังไม่ใช่เวลามีแฟน แต่พอมาเจอกันอีกครั้งเจมาสารภาพกับเอว่า ตอนนี้เค้าก็ยังชอบเอ เค้ารักเอค่ะ แต่ในใจเอยังมีแต่พี่หนึ่งอยู่ เอคอยดูเค้าไปสักระยะ คุยกันจนแน่ใจว่าเค้าโสด เพิ่งเลิกกับแฟน 3เดือน เอก็เลยตัดสินใจคบเจค่ะ จะได้ลืมพี่หนึ่งด้วย เค้าเฟนลี่ดูแลเออย่างดี แต่พอคบกันไปไม่กี่เดือนก็ออกอาการค่ะ ไม่ค่อยรับโทรศัพท์ อะไรๆก็เปลี่ยนไป จนเค้าลาออกไปโดยไม่บอกเอสักคำค่ะ เอโดนบล็อกโทรศัพท์ บล็อกเฟส เอติดต่อเค้าไม่ได้ เหมือนที่เอบล็อกพี่หนึ่ง จนเอไปเจอเฟสแฟนเก่าเจค่ะ คือเค้าไปคืนดีกันเรียบร้อย โอเค ขอให้มีความสุข เอร้องไห้อยู่หลายคืนค่ะ นอนไม่หลับเลยไปจิกยานอนหลับยายมากิน อาการก็ดีขึ้น ในใจคิดว่าไม่เป็นไรฉันสบายดี
สภาพหลังจากนั้นทำงานค่ะ ทำงานไปทั้งวันทั้งคืนแก้เครียด รับทำรายงานเพื่อน นั่งอ่านหนังสือเรียน ปิดเทอมก็หาเรียนภาษาเพิ่ม เอเรียนด้วยทำงานด้วยค่ะ พองานไม่มีก็เคว้ง ไม่มีที่พึ่ง เอก็จะคิดถึงรักครั้งแรกที่เอทิ้งพี่เค้ามา เอจะนั่งร้องไห้ กินยานอนหลับ บางวันก็กินเหล้าค่ะ กินแค่นิดหน่อยพอให้หลับได้ค่ะ
.
รักครั้งล่าสุด
เป็นเพื่อนร่วมคราสค่ะ ชื่อแมน คุยกันแล้วรู้สึกดี ชอบอะไรหลายๆอย่างเหมือนกัน เอก็เลยคบเค้าเป็นแฟน คิดว่าจะหยุดอยู่กับคนนี้แล้ว คบกันจนเรียนจบ ก็ย้ายไปอยู่กับเค้าค่ะ แรกๆก็รู้สึกดี แต่คบไปเรื่อยๆ แปลกค่ะ เอไม่มีความต้องการทางเพศ เอไม่อยากให้เค้ามาถูกเนื้อต้องตัวเอเลย เค้าพูดขอเอดีๆเอก็ไม่ให้ บังคับเอเอก็ไม่ให้ ความสัมพันธ์เลยลดลงๆ จนเอคิดว่าเอเบื่อผู้ชายคนนี้ สุดท้ายเอทิ้งเหมือนเดิมค่ะ ออกจากบ้านเค้าและไม่ยอมให้มาหา ไม่รับโทรศัพท์ บล็อกเฟส บล็อกไลน์ คนนี้คบมาประมาณ 5 ปี แต่ตอนที่เลิกกันเอกลับคิดถึงแต่พี่หนึ่ง เอไม่ได้คิดถึงแมนเลย ในหัวมีแต่พี่หนึ่งคนเดียว
ตอนที่เอไม่มีใครเอก็จะเครียด กินเหล้า บางวันกินยานอนหลับ บางคืนต้องเดินเที่ยวไปทั่วกรุงเทพให้เหนื่อยแล้วกลับมานอนค่ะ เออยู่หอพักที่ทำงาน บางคืนเอก็รู้สึกหมดอาลัยตายอยากในชีวิต ด้วยความที่ปรึกษาใครไม่ได้ และไม่มีเพื่อนที่ไว้ใจได้ที่จะมาคอยให้คำปรึกษา คิดฆ่าตัวตายหลายครั้ง กินยาพาราเยอะๆ จนตับอักเสบ กินยานอนหลับเยอะๆ (มิลลิกรัมไม่เยอะ) เลยไม่สำเร็จสักที ระหว่างนี้ก็หางานทำเพิ่ม อยากทำทั้งวันทั้งคืนเลย เพราะรู้ว่ากินเหล้ามากๆไม่ดี กินยานอนหลับบ่อยๆไม่ดี และไม่อยากคิดฆ่าตัวตาย นั่งร้องไห้คนเดียวแต่พูดกับใครไม่ได้ แต่พอไม่มีอะไรทำก็คิดถึงพี่หนึ่งแล้วนั่งร้องไห้อีก (เลิกกับพี่หนึ่ง10 ปีแล้ว)
.
อาการเริ่มแรก
ที่ทำงานมีพี่ผู้หญิงเข้ามาทำงานค่ะ เป็นผู้หญิงที่ทะลึ่งที่สุดในสามโลกสี่โลกที่เอรู้จัก เอก็เลยกลายเป็นแบบเค้าค่ะ เอคิดว่าการพูดทะลึ่งลามกทำให้อาการทีเอคิดถึงพี่หนึ่งดีขึ้น เอทำงานได้ รู้สึกว่าตัวเองได้รับความสนใจ เอไม่ต้องกินยานอนหลับ หรือเหล้าให้หลับได้ในตอนกลางคืนอีกแล้ว ถึงเอจะชอบพูดทะลึ่ง ลามก แทะเล็มผู้ชาย แต่เอก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับใครอีกนะคะ คือปากพูดทะลึ่ง ยั่วยวน เปิดทางชวนให้มีเพศสัมพันธ์ แต่พออยู่กับผู้ชายสองคนเอกลับกลายเป็นคนเรียบร้อย คือเอแค่ชอบพูดทะลึ่งลามก แต่เอไม่ได้มีความรู้สึกว่าอยากจะมีเซ็กส์กับผู้ชายเหล่านั้น มีผู้ชายบางคนพยายามเข้ามาจีบ ขอมีอะไรด้วยเพราะเอทะลึ่งใส่เค้า เอก็ปฏิเสธค่ะ เพราะเอรู้สึกโอเคกับตัวเอง เอรู้ตัวว่าเอไม่ต้องการเซ็กส์ ไม่ต้องการการสัมผัสทางกายอีกต่อไป ไม่จำเป็นต้องมีผู้ชายเข้ามาในชีวิตเอ เอก็อยู่ได้ด้วยความทะลึ่ง ยั่วยวน กำกวม เอมีความสุขมากขึ้น
.
ฉันเป็นโรคเยอะแยะ
เอทะลึ่งจนพี่ที่ทำงานผู้หญิงเริ่มไม่ชอบใจ คิดว่าเอเป็นคนที่ง่ายมาก และต้องการผู้ชายทุกคนบนโลก คิดไปถึงว่าจะเป็นเอดส์มั้ย เอเลยปรับลดความทะลึ่งลงค่ะ เอกลายเป็นคนเงียบไม่พูดไม่ทะลึ่ง จะพูดก็แค่เรื่องงาน คือดีขึ้นในสายตาคนอื่น แต่ในใจเอมันไม่ดีขึ้นเลย เอกลับมานอนไม่หลับเหมือนเดิม ร้องไห้เหมือนเดิม และคิดฆ่าตัวตายเหมือนเดิม ทีแรกเอคิดว่าเอเป็นไบโพล่านะคะ เพราะเดี๋ยวเศร้า เดี๋ยวร่าเริง โรคที่เกิดขึ้นจากที่สังเกต คือขับถ่ายผิดปกติ คือปวดท้องถ่ายทั้งวันทั้งคืน ตื่นขึ้นมาก็ถ่าย ไปหาหมอ หมอบอกว่าเป็นโรค IBS ที่เกิดจากความเครียด เอเป็น IBS นานมาก แล้วแต่สภาพจิตใจ ตอนนั้นคิดว่าเรียนหนักไปหน่อย ช่วงสอบจะปวดมาก ในหนึ่งวิชาต้องขอไปห้องน้ำมากสุด 5 ครั้ง กินยาก็ไม่ค่อยหาย ไปพบหมอเรื่อยๆ ส่องกล้อง ตรวจเลือด หมอก็ยืนยันว่าเป็น IBS จากนั้น เอไม่มีประจำเดือนค่ะ ประจำเดือนเอหายไป 5 ปี จนเออ้วนมาก เอทนไม่ไหวไปหาหมอนรีเวช หมอบอกว่าเป็นโรค PCOS คือไข่ไม่สุก ก่อนหน้านี้ประจำเดือนเอมาปกติ เพราะเอไปซื้อยาคุมกินเองค่ะ ถ้าไม่กินยาคุมเมนก็ไม่มา เอมีอาการผมร่วง อ้วนลงพุง หน้ามัน มีสิว ซึ่งหมอบอกว่าอาจะเป็นเพราะฮอร์โมน หรือความเครียด และอ้วนทำให้ไข่ไม่ตก เอเลยค้นหาในอินเทอร์เน็ดค่ะ และสังเกตตัวเอง ทั้ง IBS PCOS เกิดจากความเครียด แล้วฉันเครียดเรื่องอะไรล่ะ ยัง ยังไม่รู้ตัวอีก
.
ตกลงฉันเป็นโรคอะไร
เอเคยถูกคนที่ทำงานต่อว่าแกเป็นฮิสทีเรีย เอกลับมานั่งคิดจะบ้าเหรอว่าฉันขาดผู้ชายไม่ได้ ฉันไม่ได้ต้องการเซ็กส์ฉันแค่ชอบพูดทะลึ่งเท่านั้น เอมานั่งทบทวนพฤติกรรมตัวเอง เลยคิดว่าเป็นฮิสทีเรีย
.
สรุปอาการ
1.เครียดง่าย กังวลง่าย
2.นอนไม่หลับ นั่งร้องไห้ ต้องกินเหล้าก่อนนอน
3.ชอบพูดทะลึ่งลามก ยั่วยวน เหมือนเชื้อชวนให้มีเพศสัมพันธ์ แต่
4.ไม่ชอบการมีเซ็กส์ ไม่ชอบให้เพศตรงข้ามถูกเนื้อต้องตัว
5.มีกลุ่มอาการที่เกิดจากความเครียด
6.ชอบฟังเพลงเศร้า แบบรออยู่รักอยู่คนเดียว เช่นเพลงรักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง งมงาย ซื่อสัตย์
7.คิดจะฆ่าตัวตายอยู่เรื่อยๆ
.
แล้วตกลงฮิสทีเรียคืออะไรกันแน่
บุคลิกภาพแบบฮิสทีเรีย (Histrionic Personality Disorder) ผู้ที่มีอาการในกลุ่มนี้ จะมีลักษณะที่พยายามทำตัวโดดเด่น เรียกร้องความสนใจอยู่ตลอดเวลา บุคลิกของคนกลุ่มนี้จะมีลีลาท่าทางการแสดงออกมากจนเหมือนเล่นละคร การแสดงอาการและอารมณ์ต่างๆ จะดูเกินจริง จนดูเหมือนเสแสร้ง เจ้ามารยา และการที่กิริยาท่าทางแสดงออกเพื่อดึงดูดความสนใจ จึงดูเหมือนเป็นการยั่วยวนเพศตรงข้าม ทำให้คนจึงมักเข้าใจผิดว่าคนที่เป็นฮิสทีเรียนั้นมีความต้องการทางเพศสูง ต้องการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่เลือก ที่จริงแล้ว ผู้ที่มีบุคลิกภาพแบบฮิสทีเรียนั้น มีความเป็นเด็กสูง ชอบเรียกร้องความสนใจ จึงมีการแสดงออกที่มากมายเพื่อให้คนมาสนใจ ผู้ป่วยมักจะรู้สึกขาดความมั่นใจและไม่สบายใจหากไม่ได้เป็นศูนย์รวมความสนใจ และบางครั้งก็อาจใช้วิธีข่มขู่เพื่อเรียกร้องความสนใจ
สาเหตุที่ทำให้คนมีบุคลิกภาพแบบฮิสทีเรียมักมาจากการที่ขาดความรักในช่วงหนึ่งของชีวิต ซึ่งเป็นช่วงที่ต้องการความรักมากที่สุด จึงทำให้มีอาการโหยหาความรักอยู่ตลอดเวลา และเมื่อมีความรักก็จะไม่รู้จักพอ แต่ก็เป็นความต้องการในความรัก ไม่ใช่ด้านความใคร่อย่างที่เข้าใจกัน
.
สาเหตุหลักของโรคฮิสทีเรีย
สาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการฮิสทีเรียเกิดจากหลายปัจจัย เช่น ปัญหาครอบครัว ความเครียด ความกดดันจากสภาพแวดล้อม บุคลิกภาพผิดปกติ หรือจากพันธุกรรม
.
คำถามค่ะ
1.เออยากรู้ว่ารู้ตัวว่าเป็นฮิสทีเรียแบบนี้ต้องไปหาหมอมั้ยคะ
2.เป็นฮิสทีเรียนานๆ อาการขั้นต่อไปหรือสูงสุดของฮิสทีเรียคืออะไร
3.ทำยังไงให้หายจากฮิสทีเรียคะ
4.ขอคำแนะนำวิธีคลายเครียดค่ะ ที่น่าจะได้ผลค่ะ (ทุกวันนี้ใช้วิธีทำงานให้ไม่ต้องคิด)
5.คิดถึงพี่หนึ่งมากจะไปหาก็ไม่ควร ควรจะทำยังไงดีคะ เวลาคนอกหักเค้าทำยังไงกัน
6.คนส่วนใหญ่มองฮิสทีเรียยังไง ทำยังไงถึงจะมีคนเข้าใจ
เออยากออกจากภาวะนี้ค่ะ แต่ในอินเทอร์เน็ตไม่มีบอก เลยต้องตั้งกระทู้ถามในพันทิพค่ะ เผื่อจะได้รับคำแนะนำที่ดี เอไม่มีที่ปรึกษาจริงๆ
ขอคำแนะนำนะคะ งดซ้ำเติมค่ะ แค่นี้ก็เกินพอแล้วค่ะ มันเกินใจจะอดทน
ปล.เอไม่ได้แ-ดนะคะ มันแค่รู้สึกดีเวลาที่พูดทะลึ่งเท่านั้นเอง แล้วคนเป็นฮิสทีเรียมันจะเป็นเอดส์ได้ยังไงในเมื่อใจรักแค่คนๆเดียว ฮิสทีเรียกับนิมโฟมาเนียต้องแยกกันให้ออกนะคะ