ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าผมเป็นแฟนการ์ตูนมาร์เวล ส่วน DC นอกจาก The Flash กับ Teen Titan แล้วผมแทบไม่ได้ตามอ่านสักเท่าไหร่
ดังนั้นรีวิวนี้ แม้ผมพยายามจะให้เป็นกลางมากที่สุด แต่ก็อาจมีอคติเจือปนอยู่ก็ได้
หนังเรื่มด้วยเนื้อเรื่องต่อจาก BvS มาไม่นานนัก ไม่ถึง 5 นาที ไม่มีอะไรสำคัญมากมาย จากนั้นก็ย้อนอดีตไปในสมัยปลายสงครามโลกครั้งที่ 1
เหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มที่เกาะอันแสนสงบ และร่มเย็นของเหล่าอเมซอน
หนังเล่าเรื่องเรื่อย ๆ จากอดีตวัยเด็กของไดอาน่า เจ้าหญิงแห่งเผ่าอเมซอน ชนเผ่าหญิงล้วนที่มีความสามารถด้านการรบ
หนังพยายามสร้างปริศนาให้คนดูสงสัยว่าเหตุใดราชินีจึงไม่อยากให้ไดอาน่าฝึกการต่อสู้ แต่ก็ทำได้เพียงคล่าว ๆ ตื้นเขินโดยการยัดคำพูดใส่ตัวละคร
พอบทจะเปลี่ยนใจอนุญาตให้ฝึก ก็เปลี่ยนใจเอาง่าย ๆ ไม่ได้รู้สึกลุ้นหรืออยากเอาใจช่วยเลยสักนิด
จนเมื่อไดอาน่าโตขึ้นเป็นหฐิงสาวเต็มวัย ทั้งเรื่องจึงสว่างไสวด้วยประกายออร่าของนาง
ต้องยอมรับจริง ๆ ว่า นึกไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าใครจะแสดงบทนี้ได้ดีเท่า Gal Gadot อีกแล้ว
ถ้าบทหมอแปลกต้องเบเนดิก โทนี่ สตาร์ค ต้องป๋าโทนี่ บทสาวน้อยมหัศจรรย์นี้ก็ต้องเป็นเธอคนนี้แหละที่ดีงามที่สุดแล้ว
จากนั้นหนังก็เริ่มเดินเรื่องไปเรื่อย ๆ ตามสูตรหนัง Super Heroes ทุกประการ
มีการพยายามจะหักมุมหลอกคนดูบ้าง แต่ก็บอกไบ้เยอะเสียจนคนดูไม่ต้องลุ้นครุ่นคิดอะไรมาก รับรองว่าเดาทางได้ไม่ยากเลย
ว่าจะเจอ Boss ตอนไหน เฉลยปมอย่างไร ไปจนถึงเรื่องจะจบยังไง ไม่มีอะไรเซอร์ไพร์ซ ไม่ต้องต้องลุ้น ไม่ต้องเดาทางกันให้ยาก
งานด้านภาพ ในเกาะอเมซอน งดงามราวแดนสวรรค์ ดูสวยงามน่าตื่นตาตื่นใจ จากนั้นก็เป็นฉากในลอนดอนอันแสนวุ่นวายซึ่งทำได้ดี
ปิดท้ายด้วยแดนสมรภูมิสู้รบที่ให้อารมณ์หดหู่ได้เป็นอย่างดี สรุปงานด้านภาพ งานออกแบบเครื่องแต่งกาย ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ
งาน Special Effect และ ฉากต่อสู้ ออกแบบได้ดี มีภาพช้าให้ได้เห็นระหว่างการต่อสู้แทรกตลอดทั้งเรื่อง แต่ CG ยังไม่เนียนตา
ตัวละครยังมองดูโดด ๆ ออกมาจากหลัง แต่รวม ๆ แล้วก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร
แต่ปัญหาใหญ่คือมันไม่ให้อารมณ์ลุ้นระทึก หรืออยากเอาใจช่วยเลย
งานด้านเสียง Theme Song ยังไม่โดนเท่าไหร่ แม่กระทั่งช่วงต่อสู้กลางและท้ายเรื่องที่ใช้เพลงเดียวกันกับตอน BvS
แต่คราวนี้ไม่ปัง ไม่ได้อารมณ์ อย่างที่ BvS ทำได้
ด้านนักแสดง อย่างที่บอกไป ตัว Wonder Woman นั้นเหมาะสมดีงาม เธอดูสวยดูสง่าได้ตลอดเวลา
เพียงแต่ด้วยบทเนิบ ๆ ทำให้ไม่ได้แสดงความสามารถมากไปกว่านี้ ส่วนพระเอก คริส ไพน์ ก็หล่อ มีเสน่ห์พอที่จะทำให้สาว ๆ ใจละลายได้สบายมาก
แต่ปัญหาคือ ฉากเข้าพระเข้านาง มันดูประดักประเดิด เคมียังไม่ได้สักเท่าไหร่ แต่ไม่ได้ถือว่าแย่อะไรนัก ออกไปทางไม่อิน มากกว่า
ส่วนตัวละครอื่น ล้วนจมหายไปกับฝุ่นควัน ไม่มีความน่าจดจำใด ๆ เลย แม้แต่ตัวร้ายสุดท้ายก็ตาม
งานด้านบทภาพยนตร์ ออกแนวกลาง ๆ ไม่ถึงกับแย่ แต่ก็ไม่ถึงกับดี บทเดินไปง่าย ๆ เดาทางได้ และไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นตดใจ
แถมบางปมอย่างทำไมทำไมราชินีพยายามไม่สอนการต่อสู้ให้ไดอาน่าที่อุตส่าห์ปูมา ก็เฉลยรวบเร็ว ๆ ๆ ไม่คุ้มกับที่พยายามปูพื้นมาเลย
ข้อดี
1. งานด้านภาพยอดเยี่ยม สวยงาม โดยเฉพาะบนเกาะของเหล่าอเมซอน
2. ฉากต่อสู้ของเหล่านักรบอเมซอนตอนต้นเรื่องดีงาม และน่าเอาใจช่วยมากที่สุดแล้ว
3. ดารานำ โดยเฉพาะ Gal Gadot คือข้อดีที่สุดในเรื่อง สวย สง่า และทรงพลัง ส่วนพระเอกก็หล่อกระชากใจ และแสดงได้สมบทบาท
4. ถ้าคุณอยากดู Gal Gadot ในบทนี้ คุณไปดูเถอะ เพราะเรื่องนี้เธอดีงามที่สุดของเรื่องแล้วจริง ๆ
ข้อเสีย
1. พระเอกนางเอกเคมียังไม่ได้ เมื่อแยกกันอยู่ล้วยเปล่งประกานออกมา แต่พอจับมาอยู่ด้วยกัน มันดูประดักประเดิด ไม่อินในความสัมพันธ์เท่าไหร่
2. บทเนิบ ๆ เป็นเส้นตรง มีหักมุมนิด ๆ แต่เชื่อว่าส่วนใหญ่เดาทางได้ตั้งแต่กลางเรื่อง มีช่วงอืด ๆ เนือย ๆ ให้หาวเล่นบ้าง
3. ตัวร้ายและตัวประกอบอื่น ๆ ไม่น่าจดจำ และ Dr. Poison ทำมาเสียของมาก ดูมีแววน่าจะได้บทดีกว่านี้
4. คิวบู้อื่น ๆ นอกจากตอนอยู่บนเกาะแล้วไม่ชวนลุ้นเลย เน้นภาพสวยอย่างเดียว ไม่ได้ชวนให้คนดูอยากเอาใจช่วย
5. จงลืม Wonder Woman ที่แข็งแกร่งพอที่จะถ่วงเวลา Doomsday รอพี่ซุปไปซะ เวอร์ชั่นนี้ แค่ปืนกลธรรมดาสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1
เธอก็แทบยันไม่อยู่แล้ว ถึงจะปล่อยพลังได้ในช่วงท้ายก็เถอะ แต่มันดูยังไม่ค่อยเก่งเหมือนตอน BvS เลย
6. อย่าคาดหวังมุกตลก มีมาให้พอหัวเราะ หึ ๆ ในลำคออยู่ 2-3 มุข แค่นั้นจริง ๆ
7. อย่าคาดหวังดราม่า หรือปรัชญาลุ่มลึก หนังทำไม่ได้เข้าถึงอารมณ์เหล่านั้นเลย มีก็เพียงเพิ่มเข้ามาให้อยู่ใน Theme
แต่อารมณ์ร่าม ผกก. ทำได้ไม่ถึง อย่าคาดหวังอะไรด้านนี้
สรุป 6.5/10 ได้คะแนนจากงานภาพและพลังดาราล้วน ๆ
ความคุ้มค่า 50-50 ดูฆ่าเวลาก็ได้ หรือไม่ดูก็ได้ไม่ต้องเสียดายอะไร ไม่ได้มีเนื้อเรื่องไปเกี่ยวกับ Justice League เลยสักนิด
ปล. ไม่มี End Credit ไม่ต้องรอ คุณไม่ได้พลาดอะไรไปหรอก
[CR] (6.5/10) Wonder Woman เดินตามสูตร ไม่เกินความคาดหมาย ปล่อยผ่านก็ได้ ดูเล่นก็ได้ไม่ถึงกับเสียดายเงิน (ไม่สปอย)
(6.5/10) Wonder Woman เดินตามสูตร ไม่เกินความคาดหมาย ปล่อยผ่านก็ได้ ดูเล่นก็ได้ไม่ถึงกับเสียดายเงิน
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าผมเป็นแฟนการ์ตูนมาร์เวล ส่วน DC นอกจาก The Flash กับ Teen Titan แล้วผมแทบไม่ได้ตามอ่านสักเท่าไหร่
ดังนั้นรีวิวนี้ แม้ผมพยายามจะให้เป็นกลางมากที่สุด แต่ก็อาจมีอคติเจือปนอยู่ก็ได้
หนังเรื่มด้วยเนื้อเรื่องต่อจาก BvS มาไม่นานนัก ไม่ถึง 5 นาที ไม่มีอะไรสำคัญมากมาย จากนั้นก็ย้อนอดีตไปในสมัยปลายสงครามโลกครั้งที่ 1
เหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มที่เกาะอันแสนสงบ และร่มเย็นของเหล่าอเมซอน
หนังเล่าเรื่องเรื่อย ๆ จากอดีตวัยเด็กของไดอาน่า เจ้าหญิงแห่งเผ่าอเมซอน ชนเผ่าหญิงล้วนที่มีความสามารถด้านการรบ
หนังพยายามสร้างปริศนาให้คนดูสงสัยว่าเหตุใดราชินีจึงไม่อยากให้ไดอาน่าฝึกการต่อสู้ แต่ก็ทำได้เพียงคล่าว ๆ ตื้นเขินโดยการยัดคำพูดใส่ตัวละคร
พอบทจะเปลี่ยนใจอนุญาตให้ฝึก ก็เปลี่ยนใจเอาง่าย ๆ ไม่ได้รู้สึกลุ้นหรืออยากเอาใจช่วยเลยสักนิด
จนเมื่อไดอาน่าโตขึ้นเป็นหฐิงสาวเต็มวัย ทั้งเรื่องจึงสว่างไสวด้วยประกายออร่าของนาง
ต้องยอมรับจริง ๆ ว่า นึกไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าใครจะแสดงบทนี้ได้ดีเท่า Gal Gadot อีกแล้ว
ถ้าบทหมอแปลกต้องเบเนดิก โทนี่ สตาร์ค ต้องป๋าโทนี่ บทสาวน้อยมหัศจรรย์นี้ก็ต้องเป็นเธอคนนี้แหละที่ดีงามที่สุดแล้ว
จากนั้นหนังก็เริ่มเดินเรื่องไปเรื่อย ๆ ตามสูตรหนัง Super Heroes ทุกประการ
มีการพยายามจะหักมุมหลอกคนดูบ้าง แต่ก็บอกไบ้เยอะเสียจนคนดูไม่ต้องลุ้นครุ่นคิดอะไรมาก รับรองว่าเดาทางได้ไม่ยากเลย
ว่าจะเจอ Boss ตอนไหน เฉลยปมอย่างไร ไปจนถึงเรื่องจะจบยังไง ไม่มีอะไรเซอร์ไพร์ซ ไม่ต้องต้องลุ้น ไม่ต้องเดาทางกันให้ยาก
งานด้านภาพ ในเกาะอเมซอน งดงามราวแดนสวรรค์ ดูสวยงามน่าตื่นตาตื่นใจ จากนั้นก็เป็นฉากในลอนดอนอันแสนวุ่นวายซึ่งทำได้ดี
ปิดท้ายด้วยแดนสมรภูมิสู้รบที่ให้อารมณ์หดหู่ได้เป็นอย่างดี สรุปงานด้านภาพ งานออกแบบเครื่องแต่งกาย ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ
งาน Special Effect และ ฉากต่อสู้ ออกแบบได้ดี มีภาพช้าให้ได้เห็นระหว่างการต่อสู้แทรกตลอดทั้งเรื่อง แต่ CG ยังไม่เนียนตา
ตัวละครยังมองดูโดด ๆ ออกมาจากหลัง แต่รวม ๆ แล้วก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร
แต่ปัญหาใหญ่คือมันไม่ให้อารมณ์ลุ้นระทึก หรืออยากเอาใจช่วยเลย
งานด้านเสียง Theme Song ยังไม่โดนเท่าไหร่ แม่กระทั่งช่วงต่อสู้กลางและท้ายเรื่องที่ใช้เพลงเดียวกันกับตอน BvS
แต่คราวนี้ไม่ปัง ไม่ได้อารมณ์ อย่างที่ BvS ทำได้
ด้านนักแสดง อย่างที่บอกไป ตัว Wonder Woman นั้นเหมาะสมดีงาม เธอดูสวยดูสง่าได้ตลอดเวลา
เพียงแต่ด้วยบทเนิบ ๆ ทำให้ไม่ได้แสดงความสามารถมากไปกว่านี้ ส่วนพระเอก คริส ไพน์ ก็หล่อ มีเสน่ห์พอที่จะทำให้สาว ๆ ใจละลายได้สบายมาก
แต่ปัญหาคือ ฉากเข้าพระเข้านาง มันดูประดักประเดิด เคมียังไม่ได้สักเท่าไหร่ แต่ไม่ได้ถือว่าแย่อะไรนัก ออกไปทางไม่อิน มากกว่า
ส่วนตัวละครอื่น ล้วนจมหายไปกับฝุ่นควัน ไม่มีความน่าจดจำใด ๆ เลย แม้แต่ตัวร้ายสุดท้ายก็ตาม
งานด้านบทภาพยนตร์ ออกแนวกลาง ๆ ไม่ถึงกับแย่ แต่ก็ไม่ถึงกับดี บทเดินไปง่าย ๆ เดาทางได้ และไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นตดใจ
แถมบางปมอย่างทำไมทำไมราชินีพยายามไม่สอนการต่อสู้ให้ไดอาน่าที่อุตส่าห์ปูมา ก็เฉลยรวบเร็ว ๆ ๆ ไม่คุ้มกับที่พยายามปูพื้นมาเลย
ข้อดี
1. งานด้านภาพยอดเยี่ยม สวยงาม โดยเฉพาะบนเกาะของเหล่าอเมซอน
2. ฉากต่อสู้ของเหล่านักรบอเมซอนตอนต้นเรื่องดีงาม และน่าเอาใจช่วยมากที่สุดแล้ว
3. ดารานำ โดยเฉพาะ Gal Gadot คือข้อดีที่สุดในเรื่อง สวย สง่า และทรงพลัง ส่วนพระเอกก็หล่อกระชากใจ และแสดงได้สมบทบาท
4. ถ้าคุณอยากดู Gal Gadot ในบทนี้ คุณไปดูเถอะ เพราะเรื่องนี้เธอดีงามที่สุดของเรื่องแล้วจริง ๆ
ข้อเสีย
1. พระเอกนางเอกเคมียังไม่ได้ เมื่อแยกกันอยู่ล้วยเปล่งประกานออกมา แต่พอจับมาอยู่ด้วยกัน มันดูประดักประเดิด ไม่อินในความสัมพันธ์เท่าไหร่
2. บทเนิบ ๆ เป็นเส้นตรง มีหักมุมนิด ๆ แต่เชื่อว่าส่วนใหญ่เดาทางได้ตั้งแต่กลางเรื่อง มีช่วงอืด ๆ เนือย ๆ ให้หาวเล่นบ้าง
3. ตัวร้ายและตัวประกอบอื่น ๆ ไม่น่าจดจำ และ Dr. Poison ทำมาเสียของมาก ดูมีแววน่าจะได้บทดีกว่านี้
4. คิวบู้อื่น ๆ นอกจากตอนอยู่บนเกาะแล้วไม่ชวนลุ้นเลย เน้นภาพสวยอย่างเดียว ไม่ได้ชวนให้คนดูอยากเอาใจช่วย
5. จงลืม Wonder Woman ที่แข็งแกร่งพอที่จะถ่วงเวลา Doomsday รอพี่ซุปไปซะ เวอร์ชั่นนี้ แค่ปืนกลธรรมดาสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1
เธอก็แทบยันไม่อยู่แล้ว ถึงจะปล่อยพลังได้ในช่วงท้ายก็เถอะ แต่มันดูยังไม่ค่อยเก่งเหมือนตอน BvS เลย
6. อย่าคาดหวังมุกตลก มีมาให้พอหัวเราะ หึ ๆ ในลำคออยู่ 2-3 มุข แค่นั้นจริง ๆ
7. อย่าคาดหวังดราม่า หรือปรัชญาลุ่มลึก หนังทำไม่ได้เข้าถึงอารมณ์เหล่านั้นเลย มีก็เพียงเพิ่มเข้ามาให้อยู่ใน Theme
แต่อารมณ์ร่าม ผกก. ทำได้ไม่ถึง อย่าคาดหวังอะไรด้านนี้
สรุป 6.5/10 ได้คะแนนจากงานภาพและพลังดาราล้วน ๆ
ความคุ้มค่า 50-50 ดูฆ่าเวลาก็ได้ หรือไม่ดูก็ได้ไม่ต้องเสียดายอะไร ไม่ได้มีเนื้อเรื่องไปเกี่ยวกับ Justice League เลยสักนิด
ปล. ไม่มี End Credit ไม่ต้องรอ คุณไม่ได้พลาดอะไรไปหรอก