[CR] Sendai อีกเมืองที่น่าเที่ยวเหมือนกันนะ


คิดอยู่นานว่าจะ Review ดีไหม แต่ไหนๆก็ไหนๆแระเอาซะหน่อยดีกว่า เผื่อไว้ให้ใครที่หาข้อมูลเข้ามาอ่านได้


เมื่อปลายเดือนก่อน(เมษา)ผมได้รับไลน์มาจาก UnithaiTrip ส่งมาบอกว่ามีตั๋วไปลงเซ็นไดซึ่งเป็นของ TG ด้วยราคาไปกลับไม่ถึงหมื่นเหลืออยู่ 3 ใบ

จัดการถ่ายรูป Passport แล้วส่งไปจองเลยทันที แล้วก็โอนเงินตอนนั้นเลย  อันนี้ต้องขอขอบคุณ UnithaiTrip มากๆที่ดำเนินเรื่องการจองตั๋วให้ทั้งหมด

ซึ่งผมไม่ต้องทำอะไรเลย รอรับ mail แล้วก็เอาเลขที่จองเข้าไปเช๊คกับการบินไทย ผลคือเรียบร้อยทุกอย่าง ไปกลับคนละไม่ถึงหมื่นราคารวมทุกอย่างแล้ว

โอ้ว...... ช่างโชคดีอะไรแบบนี้ (ผมไม่ใช่หน้าม้านะ แต่ที่ระบุชื่อ UnithaiTrip เพราะอยากขอบคุณนี่แหล่ะที่ทำให้ผมมีทริปนี้)


คืนนั้นผมก็เลยเปิดหาโรงแรมซะเลย Alt+หาย สิครับ โรงแรมเต็ม!!!!! เปิดไปอันไหนก็เต็ม พยายามหานอกเมืองก็เต็ม เปลี่ยนไปนอนเมืองข้างๆก็เต็ม

คืนนั้นหลับไปพร้อมกับความคิดที่ว่า..... มันเกิดไรขึ้นฟร่ะ!!!!

เช้าตื่นมาถึงได้นึกออกว่าวันที่ไป 2-7 พค. 2560 นี่มันคือ Golden Week นี่นา OMG!!!!!!!!!!!!!!!  ทีนี้ล่ะ Shift+หายจริงๆแล้ว

Golden Week ของญี่ปุ่นคืออะไร  จริงๆผมรู้แล้วแต่วันนั้นลืมจริงๆ มันคือช่วงวันหยุดยาวของญี่ปุ่นคล้ายๆสงกรานต์บ้านเรานี่แหล่ะ ช่วงนั้นคนญี่ปุ่น

จะแห่ออกมาเที่ยวกันอย่างครึกครื้น เรียกได้ว่าชินกังเซ็นนี่ Reserve Seat กันไม่ได้เลยแหล่ะ โรงแรมตามที่เที่ยวต่างๆขึ้นราคากันสองเท่า!!!

แต่ก็จะเต็มกันแทบจะทุกที่เลย  ยอมรับเลยว่าวันนั้นผมเสียววูปเลย  แต่รู้ว่ามันทำอะไรไม่ได้แล้ว ชีวิตต้องดำเนินต่อไป!!! หาโรงแรมสิครัช......

ผมจองโรงแรมได้แบบ 4 คืนติดกัน จองแบบไม่รู้อะไรทั้งนั้นขอให้ได้ไว้ก่อน แล้วผมไปกันสามคนพ่อแม่ลูก(8 ขวบ)ซึ่งโรงแรมที่ญี่ปุ่นถ้าระบุไปแบบนี้

ไม่มีห้องว่างสำหรับ 3 คนเลย ดังนั้นผมโกงครับระบุว่าไปกันสองคน ได้ห้องเล็กๆขนาด 15 ตรม. ห้องน้ำในตัวมาหนึ่งห้องนอนยาวๆ 4 คืน

โรงแรมชื่อ Hotel Premium Green Plus อยู่ในย่าน Aoba-Dori ซึ่งเป็นแหล่งช๊อปปิ้งของเซ็นได้เลย(เป็นการมั่วที่โชคดีมากๆ)

กะไว้ว่าตอนไปถึงค่อยบอกเขาว่าเราหาโรงแรมไม่ได้จะให้เสียเงินเพิ่มก็ยอม เพราะเราหาโรงแรมไม่ได้จริงๆ .....

Hotel Premium Green Plus

Aoba-Dori

พอได้โรงแรมแล้วก็สบายใจละ เรื่องแพลนที่เที่ยวไว้ค่อยหาเอา ผมก็พยายามเปิดๆหาข้อมูลของโทโฮคุซึ่งบอกตรงๆว่ามีรีวิวในนี้น้อยมากๆ

แล้วก็เก่ามากๆแล้วด้วย ทริปนี้จึงเป็นทริปญี่ปุ่นที่ผมไม่ได้หาข้อมูลไปสักเท่าไหร่ @@@@@เพราะญี่ปุ่นนั้นมันเที่ยวง่ายจะตายไป@@@@@@



ผมไม่รู้ว่าปรกติไม่มีเที่ยวบิน บินตรงไปเซ็นไดเพราะตอนเปิดหาข้อมูลก็มีคนรีวิว TG บินไปเซ็นไดเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าไม่มีแล้ว(กรุณาตรวจสอบ)

หลังๆมานี้ผมบินไปญี่ปุ่นด้วย Low Cost ตลอดเพราะว่ามันถูกกว่า แต่คราวนี้บินไปกับ TG ซึ่งต้องขอชมว่า Cabin Crew ของ TG บริการดีมากๆๆๆๆ

เดินเสริฟกันตลอดแทบจะทั้งคืน ขนาดภรรยาผมซึ่งเคยเป็นแอร์มาก่อน(ตอนนี้เป็นตู้เย็น)ยังชม

>>>>>> "คุณคือความภูมิใจของคนไทยครับ"

TG8098 03/05/2560

สนามบินเซ็นได สนามบินเล็กๆ(มากกกกกกกกก)ที่ไม่วุ่นวายเหมือน NRT HND KIX ลงเครื่องมาเดินแปล๊ปเดียวก็ทั่วสนามบินแล้ว

มีร้านสะดวกซื้ออยู่ร้านนึง

แน่นอนว่าไปญี่ปุ่นเมื่อลงเครื่องก็ต้องเข้าเมืองเพื่อเอากระเป๋าไปฝากโรงแรมเนื่องจากโรงแรมในญี่ปุ่นยังไม่ให้เช๊คอิน

สถานีรถไฟเข้าเมืองมีอยู่ 2 ชานชลาเท่านั้น(ผมเห็นแค่นี้นะ) ดังนั้นมันจึงง่ายมากๆๆๆๆ

ใช้เวลาแปล๊ปเดียวก็มาถึงสถานีรถไฟเซ็นไดแล้ว

Sendai Station

จากสถานีเดินไปแปล๊ปเดียวก็ถึงโรงแรม แล้วก็ไปลุ้นเอาว่าเขาจะว่าไงถ้าเราจะพัก 3 คน ตอนแรกเขาก็อ้ำๆอึ้งๆแล้วก็ไปตาม Manager มา

คุยไรกันสักพักก็ยื่นกุญแจให้เป็นอันเสร็จเรียบร้อย (กรูรอดแล้ววววววว) จริงๆผมไม่อยากให้เอาเป็นแบบอย่างนะครับ ผมว่าเพราะเขาก็รู้ว่ามันคือช่วง

Golden Week เขาถึงได้ยอมให้ผมพัก 3 คน ซึ่งจริงๆบางโรงแรมอาจจะไม่ยอมก็ได้

เอาล่ะ...ทีนี้ก็มาหาที่เที่ยวกัน วันแรกเที่ยวไหนดีน้าาาาา เที่ยวรอบเมืองแล้วกันเพิ่งจะเคยมาเมืองนี้เป็นครั้งแรกนั่งรถเล่นรอบเมืองก่อนเลยดีกว่า

เมืองนี้มี Loople Sendai (ชื่อแปลกปะล่ะ)เป็นรถเมล์ Classic สำหรับนั่งรถเล่นรอบเมืองโดยจะมีจุดให้ลงไปชมอยู่หลายจุด

ซึ่งรถจะวิ่งตลอดมาทุกๆ 15 นาที

Loople Sendai

ค่ารถถ้านั่งเป็นเที่ยว ก็ขึ้นลงทีนึง 260 เยน  ซึ่งสามารถไปซื้อตั๋ว One Day Pass ได้ที่ป้ายรถบัสหมายเลข 16 ซึ่งอยู่หน้าสถานีเซ็นได้นั่นแหล่ะ

Loople Sendai Bus One Day Pass

ที่แรกที่จะลงก็คือ Zuihoden หรือหลุมศพของเจ้าเมืองเซ็นได มังกรตาเดียว Date Masamune ใช้เวลานั่งจากสถานีเซ็นไดแค่ไม่นาน

ก็มาถึงแล้ว พอลงรถก็ต้องเดินเข้าไปด้านใน ระหว่างทางก็ไปเจอร้านนี้ครับ ร้านขนมเล็กๆ(มาก)


ที่ต้องแวะก็เพราะร้านนี้มีของขึ้นชื่อของเมืองนี้ นั่นคือ โมจิไส้ถั่วแระญี่ปุ่นนั่นเอง


คือเวลาไปญี่ปุ่นเนี่ยไม่ว่าใครไปก็ตามกินไรก็อร่อยไปหมดแหล่ะครับ เจ้าขนมนี้ผมก็ว่ามันอร่อยมากได้กลิ่นถั่วแระเต็มๆ

สำหรับที่เที่ยวที่นี่นั้นมีจุดให้เดินชมหลายที่ครับ ตอนแรกนึกว่านิดๆ เอาเข้าจริงๆนี่เดินกันเมื่อยเลย


เข้าไปเสียเงินค่าเข้าอีกนิดหน่อย สามคน 1500 เยน แล้วก็เดินขึ้นเขาไปได้เลย รูปทางเดินครับ


Zuihoden

จากตรงนี้เดินกลับไปยังป้ายรถบัสเพื่อไปต่อกันที่ Side of Sendai Castle ซึ่งคนเยอะมากกกกกกกก


ช่วงต้นเดือน พค. แบบนี้อากาศที่เซ็นได้จะเย็นๆสบายๆครับ ไม่ร้อน ไม่หนาว อุณหภูมิอยู่ที่ 17-22 ในตอนกลางวัน ส่วนตอนกลางคืนก็จะหนาวหน่อย

ใส่เสื้อผ้าเหมือนเดินห้างบ้านเราได้สบายๆ   ตรงจุดนี้คนเยอะมากๆเพราะแห่กันมาเที่ยว มีจุดชมวิวเมืองเซ็นไดได้เป็นอย่างดีด้วย


และแน่นอนว่าถ้าคุณมาเซ็นไดก็ต้องลองนี่ครับ ซาลาเปาใส้ลิ้นวัว ชื่อไม่น่ากินใช่มะ คือบอกตรงๆว่าก่อนไปก็ไม่คิดจะกินหรอก แต่ไงก็ไปแล้วต้องลองสิครัช

รสชาติมันก็ประมาณซาลาเปาบ้านเราแหล่ะ แต่มันมีกลิ่นลึกๆของลิ้นวัว มันหอมๆไม่เหม็น นุ่มๆ กุบๆ บอกไม่ถูกครับ เอาเป็นว่าใครไปต้องลองก็แล้วกัน

เสร็จจากตรงนี้สามคนพ่อแม่ลูกเริ่มๆหมดแรงแล้ว ตอนนั้นมันสี่โมงกว่าๆเลยตกลงกันว่า.............กลับโรงแรมกันเถอะ

ถึงโรงแรมก็หมดแรงหลับกันหมดตั้งแต่ห้าโมงเย็น ผมตื่นมาห้าทุ่มนิดๆคิดว่าเดี๋ยวลูกกับเมียตื่นมาน่าจะหิว เลยออกไปเดินเล่นหาซื้อไรมาให้กินกันดีกว่า

เดินกลับมาที่สถานีรถไฟแล้วก็แวะ Family Mart ซื้อโอเด้งกับขนมปังเบค่อนกลับไปให้แม่ลูกซึ่งตื่นมาเที่ยงคืนนิดๆพอดีเลย


เช้าวันรุ่งขึ้นเราคิดกันไว้แล้วว่าวันนี้จะไปเที่ยวอ่าว Matsushima กัน ซึ่งจากที่หาข้อมูลมาก็เดินทางง่ายๆนั่งรถไฟต่อเดียวจากสถานีเซ็นไดไปลงที่

สถานี Matsushimakaikan แล้วก็เดินเที่ยวต่อได้เลย


ตอนแรกผมไม่อยากมาเลยเพราะรู้ดีว่าอ่าวนี้โดนสึนามิเต็มๆ ยังจำคลิปเรือขึ้นมาบนแผ่นดินได้อยู่เลย แถวๆนี้เละมาก เรียกได้ว่าโดนถล่มด้วยคลื่นยักษ์

เต็มๆแบบหน้าด่านเลย แต่!!!! เมื่อมาถึงแทบไม่รู้เลยว่าที่นี่เคยโดนอะไรมา ไม่มีล่องรอยอะไรให้ได้รู้เลยสักนิด เมืองเต็มไปด้วยผู้คนที่เดินกันเต็มเมือง

ร้านขายของเพียบ มีคนยืนต่อแถวรอล่องอ่าวกันเยอะมากๆ เมืองริมฝังที่นี่บรรยากาศดีมากๆ มีเกาะเล็กๆอยู่เต็มไปหมด

บางเกาะก็มีสะพานให้เดินข้ามไปได้ บนเกาะเล็กๆมีศาลเจ้าที่คนญี่ปุ่นมาต่อคิวขอพรกัน



บางเกาะก็เป็นสะพานยาวมากให้เดินข้ามไป(เสียเงิน 200 เยน) ชื่อ Fukuurabashi

Bridge
บนเกาะนี้เป็นเส้นทางเดินเที่ยวชมธรรมชาติยาวมากครับ เรียกได้ว่าเดินกันทั่วเกาะเลย มีจุดให้ชมวิวทิวทัศรอบๆเกาะเป็นจุดๆ

ช่วงที่ไปนั้นไม่มีซากุระแล้ว แต่ก็ยังพอมีดอกไม้ให้ถ่ายรูปได้อยู่บ้าง






เดี๋ยวมาต่อครับ

***** tex *****
ชื่อสินค้า:   Tohoku, Japan
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่