ESBI คือ 4 รูปแบบการหารายได้ของโลกทุนนิยม
ซึ่งผู้ที่คิดทฤษฎีและหลักการนี้คือ คุณโรเบิร์ต คิโยซากิ
โดยท่านได้กล่าวไว้ว่า บนโลกนี้จะมีคนอยู่ 4 กลุ่ม ได้แก่
E คือ Employee ได้แก่ กลุ่มมนุษย์เงินเดือน ข้าราชการลูกจ้าง ฯลฯ
S คือ Self employed ได้แก่ กลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระ
เป็นเจ้าของร้าน ผู้รับเหมา ฟรีแลนซ์ ฯลฯ
B คือ ฺBusiness Owner ได้แก่ กลุ่มเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ ที่บริหารงานโดยใช้ระบบ เช่น MKสุกี้ ,7 ELEVEn,True ฯลฯ
I คือ Investor ได้แก่ กลุ่มนักลงทุน
เมื่อเราทราบหลักการนี้แล้ว เราพอจะวิเคราะห์ตัวเองได้ไหมครับ ว่าเราอยู่ในกลุ่มใด ซึ่งเราอาจจะอยู่มากกว่า 1 กลุ่มก็ได้
แต่ประเด็นที่ผมต้องการสื่อสารในบทความนี้ คือ
ท่านทราบหรือไม่ว่า ทุกคน ย้ำนะครับ ทุกคน เป็นนักลงทุน
แต่จะเป็นนักลงทุนประเภทไหน ค่อยว่ากันทีหลังครับ
ทำไมผมถึงได้กล่าวว่าทุกคนเป็นนักลงทุน เพราะนักลงทุน
คือคนที่คิดเสมอว่าเขาจะได้อะไรตอบแทน จากการลงทุน
เขาจะวิเคราะห์สิ่งที่เขาลงทุน และผลตอบแทนที่จะได้รับ
คุณคิดดูซิ ทุกวันนี้คุณมาเรียนเพื่ออะไร เพราะอยากได้
งานดีๆ เงินดีๆ ใช่หรือไม่ นั่นแหละการลงทุน
คุณเลือกรับประทานอะไรเป็นอาหาร และเพื่ออะไร
บางมื้อเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อน แฟนหรือครอบครัว
บางมื้อเพื่อให้รางวัลตัวเอง นั่นแหละการลงทุน
คุณจะเลือกซื้อหนังสืออะไร แล้วจะอ่านไปเพื่ออะไร
อ่านเพื่อพัฒนาตัวเอง อ่านเพื่อให้ได้รู้ในสิ่งที่ไม่รู้
อ่านเพื่อความสนุกผ่อนคลาย คลายเครียด นั่นแหละการลงทุน
ทุกครั้งที่เราจะทำอะไรสักอย่าง สมองเราคิดอยู่เสมอว่า
เมื่อเราทำสิ่งนั่นแล้วเราจะได้อะไร ได้ความสุข
ได้การยอมรับ ได้ความปลอดภัย ได้เงิน ได้ความสัมพันธ์
ได้สุขภาพ ได้เติมเต็มจิตตวิญญาณ ฯลฯ
เพราะเราคิดว่ามันดีสำหรับเราไง เราถึงเลือกลงทุนทำ
ลงทุนซื้อ ลงทุนจ่ายเวลา ลงทุนทุ่มเทให้กับสิ่งนั้นๆ
แต่น่าเสียดายที่คนบ้านเราส่วนใหญ่ มองว่าการลงทุน
เป็นเรื่องไกลตัว และไม่คิดจะศึกษาเรื่องการลงทุนกันเลย
ซ้ำร้าย หลายคนเข้าใจผิดว่า นักลงทุนใช้เงินต่อเงิน
ต้องมีเงินเยอะๆ ถึงจะเป็นนักลงทุนได้ ซ้ำร้ายหนักไปกว่านั้น
คือบางคนคิดว่า นักลงทุน
! โคตรสบายเลย
เพราะชีวิตนี้ไม่ต้องทำอะไร รอเก็บดอกผลกินอย่างเดียว
คนส่วนใหญ่จึงเสียโอกาสในหลายๆอย่าง
และตกเป็นเหยื่อย ถูกหลอกโดยไม่รู้ตัว
เพราะแท้จริงแล้วนักลงทุน จะศึกษา และเรียนรู้
ในเรื่องที่เขาลงทุน ยิ่งเขารู้ในเรื่องที่เขากำลังลงทุน
มากเท่าไหร่ เขาก็จะมีโอกาสในสร้างกำไรได้มากขึ้นเท่านั้น
ดังนั้น นักลงทุนจะไม่หยุดเรียนรู้ และเขาจะพัฒนาตัวเอง
อยู่เสมอ คุณเองก็เป็นนักลงทุนที่ยอดเยี่ยมได้ เชื่อผมซิ
ชีวิตมันต้องง่าย ถ้ามันยากแสดงว่ามันมาผิดทาง
คติพจน์ จินดาวงศ์
การลงทุน เรื่องใกล้ตัวที่หลายคนมองข้าม และนี่คือเหตุผลที่คนส่วนใหญ่ไม่รวย
ซึ่งผู้ที่คิดทฤษฎีและหลักการนี้คือ คุณโรเบิร์ต คิโยซากิ
โดยท่านได้กล่าวไว้ว่า บนโลกนี้จะมีคนอยู่ 4 กลุ่ม ได้แก่
E คือ Employee ได้แก่ กลุ่มมนุษย์เงินเดือน ข้าราชการลูกจ้าง ฯลฯ
S คือ Self employed ได้แก่ กลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระ
เป็นเจ้าของร้าน ผู้รับเหมา ฟรีแลนซ์ ฯลฯ
B คือ ฺBusiness Owner ได้แก่ กลุ่มเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ ที่บริหารงานโดยใช้ระบบ เช่น MKสุกี้ ,7 ELEVEn,True ฯลฯ
I คือ Investor ได้แก่ กลุ่มนักลงทุน
เมื่อเราทราบหลักการนี้แล้ว เราพอจะวิเคราะห์ตัวเองได้ไหมครับ ว่าเราอยู่ในกลุ่มใด ซึ่งเราอาจจะอยู่มากกว่า 1 กลุ่มก็ได้
แต่ประเด็นที่ผมต้องการสื่อสารในบทความนี้ คือ
ท่านทราบหรือไม่ว่า ทุกคน ย้ำนะครับ ทุกคน เป็นนักลงทุน
แต่จะเป็นนักลงทุนประเภทไหน ค่อยว่ากันทีหลังครับ
ทำไมผมถึงได้กล่าวว่าทุกคนเป็นนักลงทุน เพราะนักลงทุน
คือคนที่คิดเสมอว่าเขาจะได้อะไรตอบแทน จากการลงทุน
เขาจะวิเคราะห์สิ่งที่เขาลงทุน และผลตอบแทนที่จะได้รับ
คุณคิดดูซิ ทุกวันนี้คุณมาเรียนเพื่ออะไร เพราะอยากได้
งานดีๆ เงินดีๆ ใช่หรือไม่ นั่นแหละการลงทุน
คุณเลือกรับประทานอะไรเป็นอาหาร และเพื่ออะไร
บางมื้อเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อน แฟนหรือครอบครัว
บางมื้อเพื่อให้รางวัลตัวเอง นั่นแหละการลงทุน
คุณจะเลือกซื้อหนังสืออะไร แล้วจะอ่านไปเพื่ออะไร
อ่านเพื่อพัฒนาตัวเอง อ่านเพื่อให้ได้รู้ในสิ่งที่ไม่รู้
อ่านเพื่อความสนุกผ่อนคลาย คลายเครียด นั่นแหละการลงทุน
ทุกครั้งที่เราจะทำอะไรสักอย่าง สมองเราคิดอยู่เสมอว่า
เมื่อเราทำสิ่งนั่นแล้วเราจะได้อะไร ได้ความสุข
ได้การยอมรับ ได้ความปลอดภัย ได้เงิน ได้ความสัมพันธ์
ได้สุขภาพ ได้เติมเต็มจิตตวิญญาณ ฯลฯ
เพราะเราคิดว่ามันดีสำหรับเราไง เราถึงเลือกลงทุนทำ
ลงทุนซื้อ ลงทุนจ่ายเวลา ลงทุนทุ่มเทให้กับสิ่งนั้นๆ
แต่น่าเสียดายที่คนบ้านเราส่วนใหญ่ มองว่าการลงทุน
เป็นเรื่องไกลตัว และไม่คิดจะศึกษาเรื่องการลงทุนกันเลย
ซ้ำร้าย หลายคนเข้าใจผิดว่า นักลงทุนใช้เงินต่อเงิน
ต้องมีเงินเยอะๆ ถึงจะเป็นนักลงทุนได้ ซ้ำร้ายหนักไปกว่านั้น
คือบางคนคิดว่า นักลงทุน
เพราะชีวิตนี้ไม่ต้องทำอะไร รอเก็บดอกผลกินอย่างเดียว
คนส่วนใหญ่จึงเสียโอกาสในหลายๆอย่าง
และตกเป็นเหยื่อย ถูกหลอกโดยไม่รู้ตัว
เพราะแท้จริงแล้วนักลงทุน จะศึกษา และเรียนรู้
ในเรื่องที่เขาลงทุน ยิ่งเขารู้ในเรื่องที่เขากำลังลงทุน
มากเท่าไหร่ เขาก็จะมีโอกาสในสร้างกำไรได้มากขึ้นเท่านั้น
ดังนั้น นักลงทุนจะไม่หยุดเรียนรู้ และเขาจะพัฒนาตัวเอง
อยู่เสมอ คุณเองก็เป็นนักลงทุนที่ยอดเยี่ยมได้ เชื่อผมซิ
ชีวิตมันต้องง่าย ถ้ามันยากแสดงว่ามันมาผิดทาง
คติพจน์ จินดาวงศ์