ต่อจาก Part ที่แล้วนะคะ
https://pantip.com/topic/36516794
พวกเราเล่นบ้างเดินบ้างเลียบหาดไป ในที่สุดก็มาถึง


เราเองผิดหวังมาก เพราะสิ่งที่เราคิดมันสวยกว่านี้เยอะ แต่ก็เป็นเพราะสภาพอากาศ และช่วงเวลาด้วยค่ะ เพื่อนเราที่ไปมาเค้าก็ถ่ายรูปกันมาได้สวยๆกันแบบนี้เลย

คราวนี้ก็ถึงเวลาเดินกลับ เดินไปสักพักซวยละ น้ำขึ้น ต้องว่ายน้ำไปค่ะคุณผู้โช้มมมมมมม ดีที่เราเอากระเป๋ากันน้ำติดตัวมาด้วย สภาพก็เป็นอย่างที่เห็นนี่ล่ะค่ะ เหมือนผู้อพยพข้ามเมือง

ตอนเดินกลับรู้สึกว่าไกลมาก เดินเท่าไหร่ก็เหมือนยังอยู่ที่เดิม กว่าจะถึงก็มืดค่ำ พอกลับมาถึงที่ตั้งแคมป์ทุกอย่างเงียบสงบ คนที่มา day trip กลับกันหมดแล้ว บนชายหาดมีพวกเราสี่คน กับอีกคู่นึงที่มาตั้งแคมป์ใกล้ๆกัน รวมเป็นหกคน เหมือนหาดส่วนตัวเลยค่ะ อยากจะอยู่ต่ออีกสักคืน แต่อากาศไม่เป็นใจ อีกอย่างมีน้ำไม่พอใช้ด้วย ถ้ามีโอกาส คงจะกลับไปแก้ตัวอีกครั้ง
Cardwell
เมืองชนบทเล็กๆที่น้อยคนนักจะแวะมา เรามาที่นี่ตามคำแนะนำของเพื่อน มี 2 สถานที่ที่เราสามารถแวะชมได้ คือ Spa Pool และ Wallaman Falls
Spa pool เป็นสระน้ำสีเขียวมรกตตามธรรมชาติในป่าใหญ่

เห็นแล้วก็อดใจไม่ได้ที่จะกระโดดน้ำดับร้อนกันซะหน่อย

จาก Cardwell ขับรถย้อนลงไปอีกหน่อยก็จะเจอกับ Wallaman Falls น้ำตกที่ได้ชื่อว่า country’s tallest single-drop waterfall ดูยิ่งใหญ่อลังการอย่างที่เค้าว่าจริงๆ
Cairns
ก่อนถึง Cairns จะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่นึงชื่อว่า Paronella Park ที่นี่มีค่าเข้านะคะคนละ $45 แต่ตอนเราไป ได้เจอกับเจ้าของพอดี เค้าเลยให้ส่วนลดเรา จำได้ว่าลดไปเยอะเหมือนกัน Paronella Park แห่งนี้ก็คือบ้านของชาวสเปนที่มาตั้งรกรากในออสเตรเลียในสมัยก่อน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1929 ซึ่งถูกออกแบบให้เหมือนปราสาทและมีที่ตั้งติดกับน้ำตก มีเนื้อที่ประมาณ 13 เอเคอร์ ซึ่งบ้านหลังนี้เมื่อผ่านมาหลายปีก็ไม่มีคนดูแล เจ้าของคนปัจจุบันเลยซื้อต่อเพื่อมาทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้คนได้เข้าชมกันนี่ล่ะค่ะ ส่วนน้ำตกที่นี่ห้ามลงเล่นนะคะ เพราะนอกจากจะมีปลาและเต่าแล้ว ก็ยังมีจระเข้อีกด้วย



Cairns
เป็นจุดหมายปลายทางหลักสำหรับนักน้ำดำและผู้ที่สนใจจะมาชมความงามของ Great Barrier Reef เพราะที่นี่จะมีสนามบินนานาชาติและการขนส่งสาธารณะที่สะดวกสบายต่อการเดินทาง แต่เมืองก็ไม่ได้ใหญ่และวุ่นวายนัก เมื่อเรามาถึง Cairns ก็จะเริ่มเห็นคนพื้นเมืองหรือที่เรียกกันว่า ไอบอริจินี่ เพิ่มมากขึ้นค่ะ สถานที่ท่องเที่ยวหลักๆนอกจาก Great Barrier Reef และ Paronella Park แล้วก็จะมีนั่งกระเช้าและรถไฟชมป่า rainforest ที่ Kuranda ซึ่งเราเองไม่ได้ไปค่ะเพราะงบหมด และก็จะมีชายหาดรอบๆที่ไม่ไกลมากนัก แต่ตอนนี้เราอยู่ที่ Cairns ซึ่งเป็นตอนเหนือของ Queensland แล้ว การเล่นน้ำมี่ชายหาดต้องเล่นเฉพาะในมี่ๆเข้ากันตาข่ายไว้นะคะ เนื่องจากบริเวรนี้จะมีจระเข้น้ำเค็ม ซึ่งเราไม่สามารถรู้เลยว่าเค้าจะโผล่มาตอนไหนบ้าง
และแล้วการเดินทางของเราก็ได้สิ้นสุดลง ใช้เวลาประมาณสองเดือนพอดี เงินที่มีอยู่ก็เริ่มร่อยหรอ ได้เวลาที่เราจะต้องเริ่มหางานอีกครั้ง ครั้งนี้เราเองอยากทำงานในเมือง ไม่อยากจะกลับไปทำงานฟาร์มแล้ว คิดถึงสีสันในเมืองใหญ่ขึ้นมา เลยลองเสิชหางานตามเวปต่างๆที่ประกาศ โดยหลักๆก็คือ gumtree แต่กลับพบว่ามันไม่ง่ายอย่างที่เราคิดเนื่องจากเรามีข้อจำกัดคือ เราต้องการทำงานแค่ 2-3 เดือนเท่านั้น และในขณะนั้นก็เป็นช่วง Low Season ซึ่งร้านค้า คาเฟ่ต่างๆก็ยังไม่รับคนเพิ่ม ในขณะเดียวกัน เราลองไปทิ้งเรซูเม่ตามเอเจนซี่หางานหลายๆที่ในเมืองก็ไม่มีการติดต่อกลับมาแต่อย่างใด จากการได้พบปะพูดคุยจากการสมัครงาน พบว่า ณ ตอนนั้นมี Backpackers จำนวนมากที่กำลังมองหางานใน Cairns แต่งานก็มีไม่มาก ทำให้ตอนนี้มี backpackers ว่างงานล้นเมือง และเราก็เป็นหนึ่งในนั้น
แฟนเราเลยลองมองหาอีกทางออก นั่นก็คือกลับไปทำงานฟาร์มอีกเช่นเคย คราวนี้ก็เสิชหาใน gumtree ส่งอีเมลหรือโทรไปถามตามเอเจนซี่และฟาร์มต่างๆ และก็ต้องผิดหวัง เพราะไม่มีที่ไหนต้องการคนเพิ่มเลย เราก็ได้แต่รอและลองหาที่อื่นๆไปเรื่อยๆ
ในที่สุดวันนึงแฟนเราก็ได้รับโทรศัพท์จากเอเจนซี่ที่ Mareeba ซึ่งห่างจาก Cairns ประมาณ 60 km ทางเอเจนซี่แจ้งว่าตอนนี้มีงานเก็บมะนาวว่าง 1 ตำแหน่ง และรับเฉพาะผู้ชายเท่านั้น ค่าจ้าง $21.60/ชม. ส่วนที่พัก ในฟาร์มมีที่พักให้ ซึ่งจะหักค่าเช่าออกจากค่าแรงอาทิตย์ละ $150 คราวนี้ติดอยู่ที่ว่าถ้าแฟนเราไปแล้วเราล่ะจะทำยังไง เลยถามทางฟาร์มไปว่าเราสามารถหาที่อยู่เองได้มั้ย แล้วค่อยขับรถมาทำงาน แต่เจ้าของฟาร์มกลับบอกว่าไม่ได้ เค้าต้องการให้ลูกจ้างอยู่ใกล้ๆเค้าจะได้ใช้งานได้สะดวก แต่อนุญาตให้เราไปอยู่ด้วยได้ในระหว่างที่รองานอยู่ โดยเราก็ต้องจ่ายให้เค้าในราคา $150/สัปดาห์ เช่นกัน เราสองคนตัดสินใจตกลงหลังจากนั่งคิดอยู่ครู่นึง เพราะอย่างน้อยหนึ่งในสองคนก็มีคนนึงที่ได้งานทำ
เราสองคนกลับมาเก็บของและขับรถไปในวันนั้นเลย เนื่องจากงานเริ่มพรุ่งนี้ เมื่อไปถึงก็เข้าไปหาเอเจนซี่ กรอกข้อมูลส่วนตัวนิดหน่อย และขอแผนที่ฟาร์มมา หลังจากนั้นเราก็เข้าไปที่ฟาร์ม เราไปถึงก่อนเวลานัด ซึ่งยังเป็นเวลาทำงานของคนในฟาร์มอยู่ และในระหว่างที่รอ เราเลยถือวิสาสะเข้าไปส่องบริเวณที่พัก ซึ่งสกปรกมาก เหมือนไม่มีการทำความสะอาดกันเลยมาเป็นเวลานาน เมื่อเห็นแบบนี้แฟนเราเลยบอกว่าเรากลับกันดีกว่า สภาพแบบนี้เราทนอยู่ไม่ได้แน่นอน เค้าเลยโทรหาเจ้าของฟาร์มและบอกขอโทษด้วยแต่ไม่รับงานนี้แล้ว เจ้าของฟาร์มโมโหมากค่ะคุณ ดีที่ยังไม่เจอหน้ากัน แล้วเราก็รีบเผ่น แต่ไหนๆก็มาที่นี่แล้ว ยังไม่อยากขับรถกลับ เลยลองดูใน wikicamp ว่ามีอุทยานหรือที่เที่ยวอะไรใกล้ๆบ้าง และตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว เลยกะจะค้างคืนที่นี่ซะเลย จนมาเจอที่ๆนึง ชื่อว่า Granite Gorge Nature Park ซึ่งเรายกให้ที่นี่เป็นสุดยอด Caravan Park ตั้งแต่เราได้ออกเดินทางมาเลยล่ะค่ะ


ที่นี่นอกจากจะมีบริเวณสำหรับตั้งแคมป์แล้ว ยังมีสัตว์นานาชนิดที่ทางเจ้าของเลี้ยงไว้เอง ทั้งไก่ เป็ด นกยูง นกแก้ว ม้า หมู งู แฮมสเตอร์ อีกทั้งยังมีวัลลาบี (wallaby) อันนี้เค้าไม่ได้เลี้ยงนะคะ แต่จะให้อาหาร สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่อยากมาตั้งแคมป์ที่นี่ ก็สามารถเข้ามาชมสัตว์ หรือให้อาหารอย่างเดียวก็ได้ค่ะ



ส่วนเจ้าตัวนี้ มีเบบี๋อยู่ในกระเป๋าหน้าเหมือนจิงโจ้ด้วย


สำหรับที่ตั้งแคมป์ก็จะมีที่ไว้สำหรับก่อกองไฟในเวลากลางคืนได้ค่ะ และมีเตาบาบีคิวเล็กๆ รอบๆที่พักเราสามารถเดินไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติได้ ก็จะเป็นแก่งหิน ลำธาร สามารถลงไปเล่นน้ำได้ ที่นี่พื้นที่ค่อนข้างกว้างเลยทีเดียว และมีความเป็นธรรมชาติมาก ตอนกลางคืนก็จะได้ยินเจ้าวัลลาบีวิ่งไปวิ่งมารอบๆเต็นท์ และทางช้างเผือกก็ออกมาทักทายเราอีกแล้ว จากที่คิดว่าจะพักที่นี่แค่คืนเดียว เราก็อยู่ต่อไปอีกสี่คืน เพราะต้องยอมบรรยากาศเค้าจริงๆ รวมถึงเจ้าสัตว์ต่างๆที่เดินไปมารอบแคมป์ ทำให้ที่นี่น่าอยู่มากจริงๆค่ะ

อีกอย่างนึงที่เราชอบมากๆก็คือ outdoor cinema ที่ Mareeba นี่ล่ะค่ะ เป็นกิจกรรมนึงที่เราอยากทำมากในออสเตรเลีย ปัจจุบันนี้จะเหลือแค่ไม่กี่ที่เท่านั้นนะคะ เราจ่ายค่าเข้าในราคา $13 ต่อคน สำหรับหนัง 2 เรื่อง โดยเมื่อเข้าไปด้านใน มันก็จะเป็นลานกว้างๆ และจอใหญ่ๆอยู่จอนึง และก็จะมีลำโพงขนาบข้างให้สำหรับรถทุกคันที่ไปจอด เราก็เลือกที่เอาเองตามใจชอบเลยค่ะ

เราเห็นคนที่นี่ส่วนใหญ่ก็ยกกันมาทั้งครอบครัว เอากระบะมาจอด ขนที่นอนปิกนิกและผ้าห่มเอามาปูนอนดูกันท้ายกระบะ ชิลสุดๆ พอฟ้าเริ่มมืด หนังก็เริ่มฉาย เราก็จะเห็นหน้าจอกับฉากหลังที่เป็นดาวเต็มท้องฟ้า ฟินสุดๆไปเลยค่ะ เมื่อจบเรื่องนึงเค้าก็จะมีพักเบรคให้ครึ่ง ชม. เราก็ไปเข้าห้องน้ำหรือซื้อขนมและเครื่องดื่มมาทานได้ ซึ่งจะมีร้านค้าให้บริการค่ะ และสำหรับคนที่ไม่อยากนั่งดูในรถ ก็จะมีโซฟาและเก้าอี้ให้เรานั่งเช่นกัน
จาก Mareeba ขับรถไปประมาณ 50 km ก็จะเจอทะเลสาบที่ชื่อว่า Lake Eacham น้ำใสและขนาดกว้างพอสมควร รอบทะเลสาบก็จะมีเส้นทางให้เดินศึกษาธรรมชาติ

หลังจากที่เราทำตัวเสมือนว่าหลงลืมไปแล้วว่ากำลังหางานอยู่ เลยได้เวลากลับไปสู่โลกแห่งความจริงที่ Cairns อีกครั้ง แต่วันเวลาผ่านไปเราทั้งสองก็ยังไม่ได้งาน เลยได้เวลาตัดสินใจที่จะย้ายเมือง ซึ่งมีตัวเลือกอยู่สองที่คือ Darwin และ Ayr โดย Darwin จะอยู่ห่างจาก Cairns 2,300 km ซึ่งเราจะต้องขับรถไปในระยะทางที่ไกลมาก และก็ไม่อะไรการัยตีว่าเราจะได้งานหรือไม่ และหากไม่ได้งานเราก็คงไม่กลับมาที่เดิมอีกแล้ว ส่วน Ayr ตั้งอยู่ทางใต้ของ Cairns ระยะทาง 430 km ซึ่งเราต้องขับรถกลับไปทางเดิมจากที่เรามา และในตอนนั้นก็มีเพื่อนของแฟนเราหลายคนทำงานอยู่ที่นั่น และหากไม่ได้งานขึ้นมาเราก็ยังสามารถขับต่อไป Darwin ได้อีกด้วย ดังนั้นก็ได้ข้อสรุปว่าเราจะไปหางานที่ Ayr กัน
Part 4
https://pantip.com/topic/36518917
[CR] มหากาพย์ การเดินทางกว่า 30,000 km รอบออสเตรเลียด้วยวีซ่า WAH <Part 3>
พวกเราเล่นบ้างเดินบ้างเลียบหาดไป ในที่สุดก็มาถึง
เราเองผิดหวังมาก เพราะสิ่งที่เราคิดมันสวยกว่านี้เยอะ แต่ก็เป็นเพราะสภาพอากาศ และช่วงเวลาด้วยค่ะ เพื่อนเราที่ไปมาเค้าก็ถ่ายรูปกันมาได้สวยๆกันแบบนี้เลย
คราวนี้ก็ถึงเวลาเดินกลับ เดินไปสักพักซวยละ น้ำขึ้น ต้องว่ายน้ำไปค่ะคุณผู้โช้มมมมมมม ดีที่เราเอากระเป๋ากันน้ำติดตัวมาด้วย สภาพก็เป็นอย่างที่เห็นนี่ล่ะค่ะ เหมือนผู้อพยพข้ามเมือง
ตอนเดินกลับรู้สึกว่าไกลมาก เดินเท่าไหร่ก็เหมือนยังอยู่ที่เดิม กว่าจะถึงก็มืดค่ำ พอกลับมาถึงที่ตั้งแคมป์ทุกอย่างเงียบสงบ คนที่มา day trip กลับกันหมดแล้ว บนชายหาดมีพวกเราสี่คน กับอีกคู่นึงที่มาตั้งแคมป์ใกล้ๆกัน รวมเป็นหกคน เหมือนหาดส่วนตัวเลยค่ะ อยากจะอยู่ต่ออีกสักคืน แต่อากาศไม่เป็นใจ อีกอย่างมีน้ำไม่พอใช้ด้วย ถ้ามีโอกาส คงจะกลับไปแก้ตัวอีกครั้ง
Cardwell
เมืองชนบทเล็กๆที่น้อยคนนักจะแวะมา เรามาที่นี่ตามคำแนะนำของเพื่อน มี 2 สถานที่ที่เราสามารถแวะชมได้ คือ Spa Pool และ Wallaman Falls
Spa pool เป็นสระน้ำสีเขียวมรกตตามธรรมชาติในป่าใหญ่
เห็นแล้วก็อดใจไม่ได้ที่จะกระโดดน้ำดับร้อนกันซะหน่อย
จาก Cardwell ขับรถย้อนลงไปอีกหน่อยก็จะเจอกับ Wallaman Falls น้ำตกที่ได้ชื่อว่า country’s tallest single-drop waterfall ดูยิ่งใหญ่อลังการอย่างที่เค้าว่าจริงๆ
Cairns
ก่อนถึง Cairns จะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่นึงชื่อว่า Paronella Park ที่นี่มีค่าเข้านะคะคนละ $45 แต่ตอนเราไป ได้เจอกับเจ้าของพอดี เค้าเลยให้ส่วนลดเรา จำได้ว่าลดไปเยอะเหมือนกัน Paronella Park แห่งนี้ก็คือบ้านของชาวสเปนที่มาตั้งรกรากในออสเตรเลียในสมัยก่อน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1929 ซึ่งถูกออกแบบให้เหมือนปราสาทและมีที่ตั้งติดกับน้ำตก มีเนื้อที่ประมาณ 13 เอเคอร์ ซึ่งบ้านหลังนี้เมื่อผ่านมาหลายปีก็ไม่มีคนดูแล เจ้าของคนปัจจุบันเลยซื้อต่อเพื่อมาทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้คนได้เข้าชมกันนี่ล่ะค่ะ ส่วนน้ำตกที่นี่ห้ามลงเล่นนะคะ เพราะนอกจากจะมีปลาและเต่าแล้ว ก็ยังมีจระเข้อีกด้วย
Cairns
เป็นจุดหมายปลายทางหลักสำหรับนักน้ำดำและผู้ที่สนใจจะมาชมความงามของ Great Barrier Reef เพราะที่นี่จะมีสนามบินนานาชาติและการขนส่งสาธารณะที่สะดวกสบายต่อการเดินทาง แต่เมืองก็ไม่ได้ใหญ่และวุ่นวายนัก เมื่อเรามาถึง Cairns ก็จะเริ่มเห็นคนพื้นเมืองหรือที่เรียกกันว่า ไอบอริจินี่ เพิ่มมากขึ้นค่ะ สถานที่ท่องเที่ยวหลักๆนอกจาก Great Barrier Reef และ Paronella Park แล้วก็จะมีนั่งกระเช้าและรถไฟชมป่า rainforest ที่ Kuranda ซึ่งเราเองไม่ได้ไปค่ะเพราะงบหมด และก็จะมีชายหาดรอบๆที่ไม่ไกลมากนัก แต่ตอนนี้เราอยู่ที่ Cairns ซึ่งเป็นตอนเหนือของ Queensland แล้ว การเล่นน้ำมี่ชายหาดต้องเล่นเฉพาะในมี่ๆเข้ากันตาข่ายไว้นะคะ เนื่องจากบริเวรนี้จะมีจระเข้น้ำเค็ม ซึ่งเราไม่สามารถรู้เลยว่าเค้าจะโผล่มาตอนไหนบ้าง
และแล้วการเดินทางของเราก็ได้สิ้นสุดลง ใช้เวลาประมาณสองเดือนพอดี เงินที่มีอยู่ก็เริ่มร่อยหรอ ได้เวลาที่เราจะต้องเริ่มหางานอีกครั้ง ครั้งนี้เราเองอยากทำงานในเมือง ไม่อยากจะกลับไปทำงานฟาร์มแล้ว คิดถึงสีสันในเมืองใหญ่ขึ้นมา เลยลองเสิชหางานตามเวปต่างๆที่ประกาศ โดยหลักๆก็คือ gumtree แต่กลับพบว่ามันไม่ง่ายอย่างที่เราคิดเนื่องจากเรามีข้อจำกัดคือ เราต้องการทำงานแค่ 2-3 เดือนเท่านั้น และในขณะนั้นก็เป็นช่วง Low Season ซึ่งร้านค้า คาเฟ่ต่างๆก็ยังไม่รับคนเพิ่ม ในขณะเดียวกัน เราลองไปทิ้งเรซูเม่ตามเอเจนซี่หางานหลายๆที่ในเมืองก็ไม่มีการติดต่อกลับมาแต่อย่างใด จากการได้พบปะพูดคุยจากการสมัครงาน พบว่า ณ ตอนนั้นมี Backpackers จำนวนมากที่กำลังมองหางานใน Cairns แต่งานก็มีไม่มาก ทำให้ตอนนี้มี backpackers ว่างงานล้นเมือง และเราก็เป็นหนึ่งในนั้น
แฟนเราเลยลองมองหาอีกทางออก นั่นก็คือกลับไปทำงานฟาร์มอีกเช่นเคย คราวนี้ก็เสิชหาใน gumtree ส่งอีเมลหรือโทรไปถามตามเอเจนซี่และฟาร์มต่างๆ และก็ต้องผิดหวัง เพราะไม่มีที่ไหนต้องการคนเพิ่มเลย เราก็ได้แต่รอและลองหาที่อื่นๆไปเรื่อยๆ
ในที่สุดวันนึงแฟนเราก็ได้รับโทรศัพท์จากเอเจนซี่ที่ Mareeba ซึ่งห่างจาก Cairns ประมาณ 60 km ทางเอเจนซี่แจ้งว่าตอนนี้มีงานเก็บมะนาวว่าง 1 ตำแหน่ง และรับเฉพาะผู้ชายเท่านั้น ค่าจ้าง $21.60/ชม. ส่วนที่พัก ในฟาร์มมีที่พักให้ ซึ่งจะหักค่าเช่าออกจากค่าแรงอาทิตย์ละ $150 คราวนี้ติดอยู่ที่ว่าถ้าแฟนเราไปแล้วเราล่ะจะทำยังไง เลยถามทางฟาร์มไปว่าเราสามารถหาที่อยู่เองได้มั้ย แล้วค่อยขับรถมาทำงาน แต่เจ้าของฟาร์มกลับบอกว่าไม่ได้ เค้าต้องการให้ลูกจ้างอยู่ใกล้ๆเค้าจะได้ใช้งานได้สะดวก แต่อนุญาตให้เราไปอยู่ด้วยได้ในระหว่างที่รองานอยู่ โดยเราก็ต้องจ่ายให้เค้าในราคา $150/สัปดาห์ เช่นกัน เราสองคนตัดสินใจตกลงหลังจากนั่งคิดอยู่ครู่นึง เพราะอย่างน้อยหนึ่งในสองคนก็มีคนนึงที่ได้งานทำ
เราสองคนกลับมาเก็บของและขับรถไปในวันนั้นเลย เนื่องจากงานเริ่มพรุ่งนี้ เมื่อไปถึงก็เข้าไปหาเอเจนซี่ กรอกข้อมูลส่วนตัวนิดหน่อย และขอแผนที่ฟาร์มมา หลังจากนั้นเราก็เข้าไปที่ฟาร์ม เราไปถึงก่อนเวลานัด ซึ่งยังเป็นเวลาทำงานของคนในฟาร์มอยู่ และในระหว่างที่รอ เราเลยถือวิสาสะเข้าไปส่องบริเวณที่พัก ซึ่งสกปรกมาก เหมือนไม่มีการทำความสะอาดกันเลยมาเป็นเวลานาน เมื่อเห็นแบบนี้แฟนเราเลยบอกว่าเรากลับกันดีกว่า สภาพแบบนี้เราทนอยู่ไม่ได้แน่นอน เค้าเลยโทรหาเจ้าของฟาร์มและบอกขอโทษด้วยแต่ไม่รับงานนี้แล้ว เจ้าของฟาร์มโมโหมากค่ะคุณ ดีที่ยังไม่เจอหน้ากัน แล้วเราก็รีบเผ่น แต่ไหนๆก็มาที่นี่แล้ว ยังไม่อยากขับรถกลับ เลยลองดูใน wikicamp ว่ามีอุทยานหรือที่เที่ยวอะไรใกล้ๆบ้าง และตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว เลยกะจะค้างคืนที่นี่ซะเลย จนมาเจอที่ๆนึง ชื่อว่า Granite Gorge Nature Park ซึ่งเรายกให้ที่นี่เป็นสุดยอด Caravan Park ตั้งแต่เราได้ออกเดินทางมาเลยล่ะค่ะ
ที่นี่นอกจากจะมีบริเวณสำหรับตั้งแคมป์แล้ว ยังมีสัตว์นานาชนิดที่ทางเจ้าของเลี้ยงไว้เอง ทั้งไก่ เป็ด นกยูง นกแก้ว ม้า หมู งู แฮมสเตอร์ อีกทั้งยังมีวัลลาบี (wallaby) อันนี้เค้าไม่ได้เลี้ยงนะคะ แต่จะให้อาหาร สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่อยากมาตั้งแคมป์ที่นี่ ก็สามารถเข้ามาชมสัตว์ หรือให้อาหารอย่างเดียวก็ได้ค่ะ
ส่วนเจ้าตัวนี้ มีเบบี๋อยู่ในกระเป๋าหน้าเหมือนจิงโจ้ด้วย
สำหรับที่ตั้งแคมป์ก็จะมีที่ไว้สำหรับก่อกองไฟในเวลากลางคืนได้ค่ะ และมีเตาบาบีคิวเล็กๆ รอบๆที่พักเราสามารถเดินไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติได้ ก็จะเป็นแก่งหิน ลำธาร สามารถลงไปเล่นน้ำได้ ที่นี่พื้นที่ค่อนข้างกว้างเลยทีเดียว และมีความเป็นธรรมชาติมาก ตอนกลางคืนก็จะได้ยินเจ้าวัลลาบีวิ่งไปวิ่งมารอบๆเต็นท์ และทางช้างเผือกก็ออกมาทักทายเราอีกแล้ว จากที่คิดว่าจะพักที่นี่แค่คืนเดียว เราก็อยู่ต่อไปอีกสี่คืน เพราะต้องยอมบรรยากาศเค้าจริงๆ รวมถึงเจ้าสัตว์ต่างๆที่เดินไปมารอบแคมป์ ทำให้ที่นี่น่าอยู่มากจริงๆค่ะ
อีกอย่างนึงที่เราชอบมากๆก็คือ outdoor cinema ที่ Mareeba นี่ล่ะค่ะ เป็นกิจกรรมนึงที่เราอยากทำมากในออสเตรเลีย ปัจจุบันนี้จะเหลือแค่ไม่กี่ที่เท่านั้นนะคะ เราจ่ายค่าเข้าในราคา $13 ต่อคน สำหรับหนัง 2 เรื่อง โดยเมื่อเข้าไปด้านใน มันก็จะเป็นลานกว้างๆ และจอใหญ่ๆอยู่จอนึง และก็จะมีลำโพงขนาบข้างให้สำหรับรถทุกคันที่ไปจอด เราก็เลือกที่เอาเองตามใจชอบเลยค่ะ
เราเห็นคนที่นี่ส่วนใหญ่ก็ยกกันมาทั้งครอบครัว เอากระบะมาจอด ขนที่นอนปิกนิกและผ้าห่มเอามาปูนอนดูกันท้ายกระบะ ชิลสุดๆ พอฟ้าเริ่มมืด หนังก็เริ่มฉาย เราก็จะเห็นหน้าจอกับฉากหลังที่เป็นดาวเต็มท้องฟ้า ฟินสุดๆไปเลยค่ะ เมื่อจบเรื่องนึงเค้าก็จะมีพักเบรคให้ครึ่ง ชม. เราก็ไปเข้าห้องน้ำหรือซื้อขนมและเครื่องดื่มมาทานได้ ซึ่งจะมีร้านค้าให้บริการค่ะ และสำหรับคนที่ไม่อยากนั่งดูในรถ ก็จะมีโซฟาและเก้าอี้ให้เรานั่งเช่นกัน
จาก Mareeba ขับรถไปประมาณ 50 km ก็จะเจอทะเลสาบที่ชื่อว่า Lake Eacham น้ำใสและขนาดกว้างพอสมควร รอบทะเลสาบก็จะมีเส้นทางให้เดินศึกษาธรรมชาติ
หลังจากที่เราทำตัวเสมือนว่าหลงลืมไปแล้วว่ากำลังหางานอยู่ เลยได้เวลากลับไปสู่โลกแห่งความจริงที่ Cairns อีกครั้ง แต่วันเวลาผ่านไปเราทั้งสองก็ยังไม่ได้งาน เลยได้เวลาตัดสินใจที่จะย้ายเมือง ซึ่งมีตัวเลือกอยู่สองที่คือ Darwin และ Ayr โดย Darwin จะอยู่ห่างจาก Cairns 2,300 km ซึ่งเราจะต้องขับรถไปในระยะทางที่ไกลมาก และก็ไม่อะไรการัยตีว่าเราจะได้งานหรือไม่ และหากไม่ได้งานเราก็คงไม่กลับมาที่เดิมอีกแล้ว ส่วน Ayr ตั้งอยู่ทางใต้ของ Cairns ระยะทาง 430 km ซึ่งเราต้องขับรถกลับไปทางเดิมจากที่เรามา และในตอนนั้นก็มีเพื่อนของแฟนเราหลายคนทำงานอยู่ที่นั่น และหากไม่ได้งานขึ้นมาเราก็ยังสามารถขับต่อไป Darwin ได้อีกด้วย ดังนั้นก็ได้ข้อสรุปว่าเราจะไปหางานที่ Ayr กัน
Part 4 https://pantip.com/topic/36518917