สวัสดีครับชาวพันทิป ถ้าย้อนไปสมัยที่ Smart phone ยังไม่เกิด ตอนนั้นก็มี Moto นี่และครับที่ดูว้าวสุดแล้ว ตั้งแต่รุ่นกระดูกหมา ต่อมาก็ moto v3 ที่ผมชอบมากๆ ใครถือไว้ในมือนี่จัดว่าคูล!!!

V70 อีกตัวที่ผมว่ามันว้าวดี ทั้งดีไซน์การออกแบบและการใช้งาน บ่งบอกเลยว่า Moto เค้าชัดเจนเรื่อง Innovations มาก แล้วที่สำคัญคือเค้าก็ยังคง Concept ความล้ำและแปลกใหม่มาตลอดจนถึงวันนี้ นี่แหละครับเป็นเหตุผลว่าทำไมผมกลับมาเลือก Moto อีกครั้ง
ผมเป็นคนที่ชอบถ่ายรูปอยู่แล้ว พอมีโอกาสไปชมกระทู้ของน้า tamrong ที่เคยรึวิว Moto G5 Plus เมื่อเร็วๆนี้ โดยในรีวิวเน้นไปที่เรื่องสมรรถนะของกล้อง บวกกับฝีมือของน้าโอ๋ที่รู้กันอยู่ว่าระดับเทพ รูปที่ออกมานี่เลยแบบเด็ดดวงจริงๆ และสิ่งที่สำคัญมากในการตัดสินใจซื้อครั้งนี้ของผมเลยคือ กล้องของ G5 Plus เค้าใช้ sensor รับภาพตัวเดียวกับ สมาร์ทโฟนเครื่องละหลายหมื่น ผมว่ามันก็คุ้มนะ จ่ายไม่ถึงหมื่นแต่ได้กล้องระดับ hi-end เลยไปจัดมาเรียบร้อย อยากจะลองของ ฝึกฝีมือตัวเองซักหน่อย ดูซิว่าเอามาลุยในชีวิตจริงจะเป็นยังไงบ้าง แต่ผมคงไม่อาจเทียบกับน้าโอ๋หรอกนะครับ ยังอีกห่างไกล ยังไงก็ติชมกันได้เต็มที่นะครับ
ตอนที่ 1 : เช้านี้ที่สวนรถไฟ
ขอเลือกสวนรถไฟเป็นที่แรกเลยละกันนะครับ ช่วงนี้ฝนตกเกือบทุกวันเลยโชคดีวันนี้ยังพอมีแสงแดดให้เล่นให้ลองของกันอยู่บ้าง เลยชวนน้องสาวออกมาเที่ยวกันสักหน่อย เผื่อจังหวะที่ลองใช้กล้องหน้าจะได้ไม่ต้องทนดูหน้าผมด้วย 555
มาดูกล้องหลังกันก่อนครับ จะมีฟังก์ชั่นการใช้งานดังนี้
มาดูภาพที่ได้จากกล้องหลังกันครับ หลักๆผมจะใช้เป็นโหมด Auto
ถ่ายในที่ร่มได้สีสันจัดจ้านดีครับ

โหมด Auto วัดแสงค่อนข้างดีเลยครับสีตรงไม่มีเพี้ยน ให้ WB ที่ถูกต้อง ส่วนตัวเลนส์ให้ contrast
ค่อนข้างดี พวกเส้นก็คมชัด จัดว่าเยี่ยมเลย
ถัดมาดูที่กล้องหน้ากันบ้างครับ หน้าตาของฟังก์ชั่นกล้องหน้าจะมีทั้งโหมดปกติ แล้วก็โหมด Selfie แบบ Beauty ในระบบ Auto และ Beauty แบบระบบ Manual ที่สามารถปรับค่าของ Skin ได้ ไปชมหน้าตาของ
ฟังก์ชั่นกันครับ
กล้องหน้าแบบปกติครับ

โหมด Beauty แบบ Auto และ Manual ครับ
รูปที่ได้จากโหมดปกติแล้วก็ Beauty ครับ

รูปนี้ผมลองย้อนแสงดู ดีเทลยังอยู่ครบเก็บรายละเอียดได้ดีไม่ฟุ้งจนเกินไป ส่วนโหมด Beauty สีผิวจะเนียน หน้าเรียวขึ้นกว่าเดิมนิดนิดหน่อยครับ

ด้วยความที่เลนส์กล้องหน้ามีรูรับแสง 2.2 ถ่ายในร่มเงาก็ยังคงเก็บรายละเอียดได้ดี
กล้องหน้าเป็นเลนส์ wide มุมกว้าง เวลาที่เซลฟี่ก็จะเห็นบรรยากาศรอบๆไปด้วยทำให้ดูไม่อึดอัด หน้าไม่บวมเหมือนช่วง ระยะ 50 ขึ้นไป
ตอนที่ 2 : หิวแล้วพักกินข้าวเที่ยงกันดีกว่า
หลักจากที่ไปสนุกกับการปั่นจักรยานที่สวนรถไฟมาแล้ว ตอนนี้ก็เกือบเที่ยง ท้องไส้เริ่มงอแงหิวข้าวขึ้นมา รีบหนีร้อนเข้าห้างเลยดีกว่า ใกล้ๆสวนรถไฟก็ไม่มีที่ไหนครับ เซนทรัลลาดพร้าวนั่นเอง นั่งตากแอร์เย็นๆ กินอาหารแบบฟินๆ มาถึงด้วยความหิวโหย แต่ละคนก็สั่งแหลกแบบไม่คิดชีวิต พออาหารมาก็ตามสเต็ป ถ่ายรูปสิครับรออะไร? มาดูกันว่ากล้องจะทำงานได้ขนาดไหนในสภาวะที่มีแสงต่างกันของหลอดไฟในร้าน สีสันที่ได้จะสมจริงมั้ย? จะทำออกมาได้ดีแค่ไหน ไปดูกันครับ

โหมดที่ใช้ก็เป็น Auto เหมือนเดิมครับ กล้องยังคงวัดแสงได้ดีได้ WB ที่ถูกต้องใกล้เคียงกับสีที่ตาผมเห็น แม้ไฟที่ร้านจะเป็นสีเหลือง แต่สีในอาหารก็ไม่ได้ผิดเพี้ยนอะไรเลย ตรงนี้เยี่ยมจริงๆ
อีกความรู้สึกนึงตอนที่ย้ายกล้องไปโฟกัสอย่างอื่น ตัว G5 Plus โฟกัสเร็วมากๆ อาจจะเพราะตัวเซนเซอร์มี Dual auto focus ด้วยครับ พอย้ายวัตถุปุ๊บ โฟกัสปั๊บเลย อันนี้สายถ่ายรูปน่าจะชอบเหมือนผมแน่ๆ
หลังจากที่ทานอาหารกันอิ่มแล้ว พวกบรรดาน้องก็เรียกร้องขึ้นมาว่า เฮีย หนูกินคาวแล้วยังไม่ได้กินหวานเลย ผมก็ได้แต่เอิ่มมม -*- โอเคร ไปก็ไป!!! สุดท้ายก็ไปจบที่ร้านของหวานแถวนั้น พวกน้องสาวก็นั่งกินกันไป ส่วนผมมีนี่ .. ฟิกเกอร์!!! ที่ผมเอาติดมือมาถ่ายรูปเล่นด้วย อยากรู้ว่า Moto G5 Plus ตัวนี้ จะสามารถทำ Effect หน้าชัดหลังเบลอได้ดีแค่ไหน (จริงๆผมอยากอวดฟิกเกอร์ด้วยแหละ ลงทุนขนมาด้วยเล๊ยยย)
โหมดที่ใช้ในการถ่ายภาพครั้งนี้เป็นโหมด Auto เหมือนเดิมครับ เรามาดูภาพที่ได้กันครับ






อันนี้เป็นระยะห่างจากมือถือไปถึงตัวฟิกเกอร์ครับ


จะเห็นว่าตัว Moto G5 Plus ไม่ได้ยื่นเข้าไปใกล้ตัวฟิกเกอร์มาก แต่ยังสามารถทำ Effect หน้าชัดหลังเบลอได้อย่างเป็นธรรมชาติ ด้วย Optic ของเลนส์ ตอนจิ้มย้ายโฟกัสก็สามารถเปลี่ยนโฟกัสได้อย่างรวดเร็วเหมือนเคย ในส่วนนี้ผมชอบมากๆ ต่างจากตัว Huewei ที่ผมเคยลอง หรือตัว Iphone 7 plus ที่ลองใช้ถ่ายมาก่อนหน้านี้ ซึ่งต้องใช้ตัวซอฟแวร์ในมือถือนำไปประมวลผลอีกครั้ง ถึงจะได้ภาพที่ละลายฉากหลัง
ตอนที่ 3 : ตกเย็นแล้วไปถ่ายวิวกันดีกว่า
หลังจากที่กินอิ่มและเดินช็อปปิ้งสักพักก็เหลือบไปเห็นนาฬิกาจวนจะ5โมงแล้ว ไหนๆก็ออกมาแล้วขอลองเอา Moto G5 Plus ไปลองถ่ายวิวสักหน่อย เพื่อจะได้รูปดีๆกลับไปบ้าง
ผมเคยขึ้นไปถ่ายวิวที่โรงแรม Prime Hotel Central Station Bangkok ข้างบนของโรงแรมมันจะเห็นวิวของสถานีรถไฟหัวลำโพงแล้วก็ตึกใบหยกอยู่ ค่อนข้างสวยก็เลยเอาที่นี่แหละ
จากนั้นก็รอเวลาไปเรื่อยๆ ระหว่างรอก็รัวชัตเตอร์ไปยาวๆ ทำให้รู้ว่าโหมด Auto มันจะเอาไม่อยู่แล้ว เค้าจะวัดแสงให้ภาพมันสว่างตลอดเพราะรูรับแสงมัน 1.7 ผมเลยต้องงัดโหมด Professional มาใช้ ไม่งั้นมัน
จะสว่างทั้งภาพแน่ๆ ภาพที่อยากได้อาจจะไม่ได้ ขอคุม Speed Shutter กับ ISO หน่อยครับ

มาดูรูปที่ได้กันครับ

ในโหมด Professional มันสามารถคุมสปีดชัตเตอร์ได้ต่ำสุด ที่1/3 วินาที เออแบบนี้เราลองถ่ายลากไฟดูดีกว่าแต่จริงๆแล้วค่าสปีดชัตเตอร์มันต้องต่ำกว่านี้นะถึงจะเห็นไฟเป็นเส้นๆ แต่ไหนๆก็ซื้อมาแล้วต้องลองให้สุด ว่าแล้วก็ลุยเลย

อื้มม!ใช้ได้เลยนะครับ ยังคงเห็นดีเทลต่างๆครบถ้วน ถ้าดัน Speed Shutter ลงได้ต่ำกว่านี้จะเป็นอะไรที่สุดยอดมาก แต่ส่วนตัวผมยอมรับแล้วว่ากล้องมือถือทำได้ขนาดนี้ คุณภาพเกินตัวจริงๆ
ตอนที่ 4 ระหว่างทางกลับบ้าน
ระหว่างทางก็จะผ่านตลาดนัดเรียบทางด่วนรามอินทรา ก็เลยตกลงกับน้องๆว่าจะหาข้าวกินกันที่นี้ก่อนเข้าบ้าน และแวะเดินเล่นสักหน่อยผมมีภาพเล็กๆน้อยๆ จากการถ่ายภาพในที่แสงน้อยมาให้ชมกันครับ มาดูกันดีกว่า Moto G5 Plus ตัวนี้จะจัดการกับสภาวะแสงน้อยได้ดีแค่ไหน ไปชมกันครับ



เก็บรายละเอียดในที่แสงน้อยได้ดีเลยครับ ดูอย่างตัวออฟติมัส จะเห็นว่ารายละเอียดครบถ้วนแถมยังเก็บปุยเมฆลอยๆบนฟ้าดำๆมาได้อีกด้วย สีสันอาจจะมีดร็อปลงนิดหน่อย แต่โดยรวมโอเคมากๆ รูรับแสงกว้าง 1.7 นี่มันดีจริงๆ
เห่อของใหม่มาทั้งวันแล้ว มาดู Battery กันว่าเหลือเท่าไหร่

ด้วยอานุภาพของ 3000mAh ขนาดผมกดรัวๆมาทั้งวัน แบตยังอึด! เหลือตั้งครึ่งนึง ไปเล่นโซเชี่ยลต่อได้อีก
ไม่ต้องคอยมานั่งชาร์จ หรือ พก Power Bank เพิ่ม อยู่กันไปยาวๆจนหมดวันได้สบายๆเลยครับแบบนี้
หมดไป 1วัน กับการตะลอนด้วย Moto G5 Plus ของผม เจ้าตัวนี้ตอบโจทย์คนชอบถ่ายภาพแบบผมได้ดีเลยทีเดียว จากที่เคยต้องพก กล้อง Dslr, mirrorless ไปไหนมาไหน เหลือแค่หยิบตัวนี้ใส่กระเป๋ากางเกงตัวเดียวจบ แม้ว่าอาจจะมีบางอย่างที่ทำไม่ได้เหมือนกล้องตัวใหญ่ แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร
จะมีอีก1ฟังก์ชั่นที่ผมชอบในความ Innovations ที่ Moto เค้าใส่มาให้ ช่วยอำนวยความสะดวกเวลาใช้งานจริง (และดูคูลด้วย) เจ้าตัวนี้เเค้าจะเรียกว่า Moto Action ทำหน้าที่เหมือนเมนูลัดที่ช่วยให้เราเข้าถึงฟังก์ชั่นต่างๆได้โดยการขยับมือครับ เช่น



สุดท้ายเป็นสเปคเครื่องครับ มาพร้อมกับ Snapdragon 625 พร้อม Pure android อันนี้ก็อีกไฮไลท์เด็ดเลย เพราะเป็นอีกข้อนึงที่ผมกลับมาลองใช้ Moto อีกครั้ง หลังจากแอบเล็งมาตั้งแต่ G4Plus สเปคส่วนอื่นๆ ลองดูตามรูปด้านล่างนี้ได้ครับ
วันนี้ก็จบการพาเที่ยวด้วยสมาร์ทโฟนคู่ใจตัวใหม่ของผมเท่านี้ล่ะครับ
ไว้เจอกันตอนหน้า ผมจะกลับมาพร้อมภาพจาก G5Plus ชุดใหญ่
ขอตัวไปลองเล่นให้คล่องมือก่อนล่ะครับ
“つづく”
[CR] พก Moto G5 Plus ตะลุยถ่ายรูป 1 วันเต็ม จะเป็นยังไงไปดูกันเล๊ยยย!!!
V70 อีกตัวที่ผมว่ามันว้าวดี ทั้งดีไซน์การออกแบบและการใช้งาน บ่งบอกเลยว่า Moto เค้าชัดเจนเรื่อง Innovations มาก แล้วที่สำคัญคือเค้าก็ยังคง Concept ความล้ำและแปลกใหม่มาตลอดจนถึงวันนี้ นี่แหละครับเป็นเหตุผลว่าทำไมผมกลับมาเลือก Moto อีกครั้ง
ผมเป็นคนที่ชอบถ่ายรูปอยู่แล้ว พอมีโอกาสไปชมกระทู้ของน้า tamrong ที่เคยรึวิว Moto G5 Plus เมื่อเร็วๆนี้ โดยในรีวิวเน้นไปที่เรื่องสมรรถนะของกล้อง บวกกับฝีมือของน้าโอ๋ที่รู้กันอยู่ว่าระดับเทพ รูปที่ออกมานี่เลยแบบเด็ดดวงจริงๆ และสิ่งที่สำคัญมากในการตัดสินใจซื้อครั้งนี้ของผมเลยคือ กล้องของ G5 Plus เค้าใช้ sensor รับภาพตัวเดียวกับ สมาร์ทโฟนเครื่องละหลายหมื่น ผมว่ามันก็คุ้มนะ จ่ายไม่ถึงหมื่นแต่ได้กล้องระดับ hi-end เลยไปจัดมาเรียบร้อย อยากจะลองของ ฝึกฝีมือตัวเองซักหน่อย ดูซิว่าเอามาลุยในชีวิตจริงจะเป็นยังไงบ้าง แต่ผมคงไม่อาจเทียบกับน้าโอ๋หรอกนะครับ ยังอีกห่างไกล ยังไงก็ติชมกันได้เต็มที่นะครับ
ตอนที่ 1 : เช้านี้ที่สวนรถไฟ
ขอเลือกสวนรถไฟเป็นที่แรกเลยละกันนะครับ ช่วงนี้ฝนตกเกือบทุกวันเลยโชคดีวันนี้ยังพอมีแสงแดดให้เล่นให้ลองของกันอยู่บ้าง เลยชวนน้องสาวออกมาเที่ยวกันสักหน่อย เผื่อจังหวะที่ลองใช้กล้องหน้าจะได้ไม่ต้องทนดูหน้าผมด้วย 555
มาดูกล้องหลังกันก่อนครับ จะมีฟังก์ชั่นการใช้งานดังนี้
ถ่ายในที่ร่มได้สีสันจัดจ้านดีครับ
โหมด Auto วัดแสงค่อนข้างดีเลยครับสีตรงไม่มีเพี้ยน ให้ WB ที่ถูกต้อง ส่วนตัวเลนส์ให้ contrast
ค่อนข้างดี พวกเส้นก็คมชัด จัดว่าเยี่ยมเลย
ถัดมาดูที่กล้องหน้ากันบ้างครับ หน้าตาของฟังก์ชั่นกล้องหน้าจะมีทั้งโหมดปกติ แล้วก็โหมด Selfie แบบ Beauty ในระบบ Auto และ Beauty แบบระบบ Manual ที่สามารถปรับค่าของ Skin ได้ ไปชมหน้าตาของ
ฟังก์ชั่นกันครับ
โหมด Beauty แบบ Auto และ Manual ครับ
รูปนี้ผมลองย้อนแสงดู ดีเทลยังอยู่ครบเก็บรายละเอียดได้ดีไม่ฟุ้งจนเกินไป ส่วนโหมด Beauty สีผิวจะเนียน หน้าเรียวขึ้นกว่าเดิมนิดนิดหน่อยครับ
ด้วยความที่เลนส์กล้องหน้ามีรูรับแสง 2.2 ถ่ายในร่มเงาก็ยังคงเก็บรายละเอียดได้ดี
กล้องหน้าเป็นเลนส์ wide มุมกว้าง เวลาที่เซลฟี่ก็จะเห็นบรรยากาศรอบๆไปด้วยทำให้ดูไม่อึดอัด หน้าไม่บวมเหมือนช่วง ระยะ 50 ขึ้นไป
ตอนที่ 2 : หิวแล้วพักกินข้าวเที่ยงกันดีกว่า
หลักจากที่ไปสนุกกับการปั่นจักรยานที่สวนรถไฟมาแล้ว ตอนนี้ก็เกือบเที่ยง ท้องไส้เริ่มงอแงหิวข้าวขึ้นมา รีบหนีร้อนเข้าห้างเลยดีกว่า ใกล้ๆสวนรถไฟก็ไม่มีที่ไหนครับ เซนทรัลลาดพร้าวนั่นเอง นั่งตากแอร์เย็นๆ กินอาหารแบบฟินๆ มาถึงด้วยความหิวโหย แต่ละคนก็สั่งแหลกแบบไม่คิดชีวิต พออาหารมาก็ตามสเต็ป ถ่ายรูปสิครับรออะไร? มาดูกันว่ากล้องจะทำงานได้ขนาดไหนในสภาวะที่มีแสงต่างกันของหลอดไฟในร้าน สีสันที่ได้จะสมจริงมั้ย? จะทำออกมาได้ดีแค่ไหน ไปดูกันครับ
โหมดที่ใช้ก็เป็น Auto เหมือนเดิมครับ กล้องยังคงวัดแสงได้ดีได้ WB ที่ถูกต้องใกล้เคียงกับสีที่ตาผมเห็น แม้ไฟที่ร้านจะเป็นสีเหลือง แต่สีในอาหารก็ไม่ได้ผิดเพี้ยนอะไรเลย ตรงนี้เยี่ยมจริงๆ
อีกความรู้สึกนึงตอนที่ย้ายกล้องไปโฟกัสอย่างอื่น ตัว G5 Plus โฟกัสเร็วมากๆ อาจจะเพราะตัวเซนเซอร์มี Dual auto focus ด้วยครับ พอย้ายวัตถุปุ๊บ โฟกัสปั๊บเลย อันนี้สายถ่ายรูปน่าจะชอบเหมือนผมแน่ๆ
หลังจากที่ทานอาหารกันอิ่มแล้ว พวกบรรดาน้องก็เรียกร้องขึ้นมาว่า เฮีย หนูกินคาวแล้วยังไม่ได้กินหวานเลย ผมก็ได้แต่เอิ่มมม -*- โอเคร ไปก็ไป!!! สุดท้ายก็ไปจบที่ร้านของหวานแถวนั้น พวกน้องสาวก็นั่งกินกันไป ส่วนผมมีนี่ .. ฟิกเกอร์!!! ที่ผมเอาติดมือมาถ่ายรูปเล่นด้วย อยากรู้ว่า Moto G5 Plus ตัวนี้ จะสามารถทำ Effect หน้าชัดหลังเบลอได้ดีแค่ไหน (จริงๆผมอยากอวดฟิกเกอร์ด้วยแหละ ลงทุนขนมาด้วยเล๊ยยย)
โหมดที่ใช้ในการถ่ายภาพครั้งนี้เป็นโหมด Auto เหมือนเดิมครับ เรามาดูภาพที่ได้กันครับ
อันนี้เป็นระยะห่างจากมือถือไปถึงตัวฟิกเกอร์ครับ
จะเห็นว่าตัว Moto G5 Plus ไม่ได้ยื่นเข้าไปใกล้ตัวฟิกเกอร์มาก แต่ยังสามารถทำ Effect หน้าชัดหลังเบลอได้อย่างเป็นธรรมชาติ ด้วย Optic ของเลนส์ ตอนจิ้มย้ายโฟกัสก็สามารถเปลี่ยนโฟกัสได้อย่างรวดเร็วเหมือนเคย ในส่วนนี้ผมชอบมากๆ ต่างจากตัว Huewei ที่ผมเคยลอง หรือตัว Iphone 7 plus ที่ลองใช้ถ่ายมาก่อนหน้านี้ ซึ่งต้องใช้ตัวซอฟแวร์ในมือถือนำไปประมวลผลอีกครั้ง ถึงจะได้ภาพที่ละลายฉากหลัง
ตอนที่ 3 : ตกเย็นแล้วไปถ่ายวิวกันดีกว่า
หลังจากที่กินอิ่มและเดินช็อปปิ้งสักพักก็เหลือบไปเห็นนาฬิกาจวนจะ5โมงแล้ว ไหนๆก็ออกมาแล้วขอลองเอา Moto G5 Plus ไปลองถ่ายวิวสักหน่อย เพื่อจะได้รูปดีๆกลับไปบ้าง
ผมเคยขึ้นไปถ่ายวิวที่โรงแรม Prime Hotel Central Station Bangkok ข้างบนของโรงแรมมันจะเห็นวิวของสถานีรถไฟหัวลำโพงแล้วก็ตึกใบหยกอยู่ ค่อนข้างสวยก็เลยเอาที่นี่แหละ
จากนั้นก็รอเวลาไปเรื่อยๆ ระหว่างรอก็รัวชัตเตอร์ไปยาวๆ ทำให้รู้ว่าโหมด Auto มันจะเอาไม่อยู่แล้ว เค้าจะวัดแสงให้ภาพมันสว่างตลอดเพราะรูรับแสงมัน 1.7 ผมเลยต้องงัดโหมด Professional มาใช้ ไม่งั้นมัน
จะสว่างทั้งภาพแน่ๆ ภาพที่อยากได้อาจจะไม่ได้ ขอคุม Speed Shutter กับ ISO หน่อยครับ
ในโหมด Professional มันสามารถคุมสปีดชัตเตอร์ได้ต่ำสุด ที่1/3 วินาที เออแบบนี้เราลองถ่ายลากไฟดูดีกว่าแต่จริงๆแล้วค่าสปีดชัตเตอร์มันต้องต่ำกว่านี้นะถึงจะเห็นไฟเป็นเส้นๆ แต่ไหนๆก็ซื้อมาแล้วต้องลองให้สุด ว่าแล้วก็ลุยเลย
อื้มม!ใช้ได้เลยนะครับ ยังคงเห็นดีเทลต่างๆครบถ้วน ถ้าดัน Speed Shutter ลงได้ต่ำกว่านี้จะเป็นอะไรที่สุดยอดมาก แต่ส่วนตัวผมยอมรับแล้วว่ากล้องมือถือทำได้ขนาดนี้ คุณภาพเกินตัวจริงๆ
ตอนที่ 4 ระหว่างทางกลับบ้าน
ระหว่างทางก็จะผ่านตลาดนัดเรียบทางด่วนรามอินทรา ก็เลยตกลงกับน้องๆว่าจะหาข้าวกินกันที่นี้ก่อนเข้าบ้าน และแวะเดินเล่นสักหน่อยผมมีภาพเล็กๆน้อยๆ จากการถ่ายภาพในที่แสงน้อยมาให้ชมกันครับ มาดูกันดีกว่า Moto G5 Plus ตัวนี้จะจัดการกับสภาวะแสงน้อยได้ดีแค่ไหน ไปชมกันครับ
เก็บรายละเอียดในที่แสงน้อยได้ดีเลยครับ ดูอย่างตัวออฟติมัส จะเห็นว่ารายละเอียดครบถ้วนแถมยังเก็บปุยเมฆลอยๆบนฟ้าดำๆมาได้อีกด้วย สีสันอาจจะมีดร็อปลงนิดหน่อย แต่โดยรวมโอเคมากๆ รูรับแสงกว้าง 1.7 นี่มันดีจริงๆ
เห่อของใหม่มาทั้งวันแล้ว มาดู Battery กันว่าเหลือเท่าไหร่
ด้วยอานุภาพของ 3000mAh ขนาดผมกดรัวๆมาทั้งวัน แบตยังอึด! เหลือตั้งครึ่งนึง ไปเล่นโซเชี่ยลต่อได้อีก
ไม่ต้องคอยมานั่งชาร์จ หรือ พก Power Bank เพิ่ม อยู่กันไปยาวๆจนหมดวันได้สบายๆเลยครับแบบนี้
หมดไป 1วัน กับการตะลอนด้วย Moto G5 Plus ของผม เจ้าตัวนี้ตอบโจทย์คนชอบถ่ายภาพแบบผมได้ดีเลยทีเดียว จากที่เคยต้องพก กล้อง Dslr, mirrorless ไปไหนมาไหน เหลือแค่หยิบตัวนี้ใส่กระเป๋ากางเกงตัวเดียวจบ แม้ว่าอาจจะมีบางอย่างที่ทำไม่ได้เหมือนกล้องตัวใหญ่ แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร
จะมีอีก1ฟังก์ชั่นที่ผมชอบในความ Innovations ที่ Moto เค้าใส่มาให้ ช่วยอำนวยความสะดวกเวลาใช้งานจริง (และดูคูลด้วย) เจ้าตัวนี้เเค้าจะเรียกว่า Moto Action ทำหน้าที่เหมือนเมนูลัดที่ช่วยให้เราเข้าถึงฟังก์ชั่นต่างๆได้โดยการขยับมือครับ เช่น
สุดท้ายเป็นสเปคเครื่องครับ มาพร้อมกับ Snapdragon 625 พร้อม Pure android อันนี้ก็อีกไฮไลท์เด็ดเลย เพราะเป็นอีกข้อนึงที่ผมกลับมาลองใช้ Moto อีกครั้ง หลังจากแอบเล็งมาตั้งแต่ G4Plus สเปคส่วนอื่นๆ ลองดูตามรูปด้านล่างนี้ได้ครับ
วันนี้ก็จบการพาเที่ยวด้วยสมาร์ทโฟนคู่ใจตัวใหม่ของผมเท่านี้ล่ะครับ
ไว้เจอกันตอนหน้า ผมจะกลับมาพร้อมภาพจาก G5Plus ชุดใหญ่
ขอตัวไปลองเล่นให้คล่องมือก่อนล่ะครับ
“つづく”