พ่อเลี้ยงจะทำร้ายแม่อีกแล้วค่ะ เค้าอยากได้เงิน

สวัสดีค่ะ ท่านผู้รู้เกี่ยวกับกฎหมายทุกท่าน

ขอท้าวความก่อนนะคะ
แม่นู่กับพ่อเลี้ยงต่างฝ่ายต่างมีลูกติดมาเจอกันแล้วตกลงอยู่กินกัน แม่นู่มีอาชีพขายอาหาร  รายได้แม่หลังหักกำไรบางวันอยู่ที่ 500 - 1000 บาทค่ะ ส่วนนู่กลับพี่ก็จะช่วยแม่ทำงานขายของช่วยกันตั้งแต่เล็กยันโตค่ะ มีไม่มีโอกาสได้วิ่งเล่นหรือสนุกกับเพื่อนๆเลย วันไหนขายก็ได้กิน วันไหนไม่ขายก็ไม่ได้กินค่ะ จนเพื่อนๆ ที่มหาลัยมาดูว่าเอ๊ะทำไม มันรีบกลับบ้าน จริงหรือปะที่ต้องมาทำงานเข็ญรถออกไปขายของ เห็นภาพใช่ไหม๊คะ ส่วนพ่อเลี้ยงทำงานรับจ้าง รายได้วันละ 2xx-3xx บาท เงินที่ได้จากการทำงานของพ่อเลี้ยง ลงเหล้า กับ เบียร์ค่ะ แม้กะทั่งสบู่ยังถามขอเงินซื้อ คิดภาพออกไหม๊คะ

แล้วต่อมาแม่นู่ได้จดทะเบียนกับพ่อเลี้ยงค่ะ เวลาผ่านไปทั้งสองคนชอบทะเลาะกัน แม่นู่จะโดนทำร้ายอยู่เสมอ รวมทั้งลูกๆ ติดทั้งสองฝ่าย ก็ได้หวาดผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นระยะเวลายาวนานหลายสิบปี ทะเลาะกับถึงขึ้นแจ้งความก็มีค่ะ วันไหนที่พ่อเลี้ยงเมาเหล้าวันนั้นแหละ ทุกคนเตรียมตัวบ้านแตก ชีวิตของนู่กับพี่ไม่มีความสุขที่แม่แต่งงานกับพ่อเลี้ยงคนนี้เลยค่ะ ไม่เป็นอันกินอันเรียน (แต่ไปยุ่งเรื่องของผู้ใหญ่ไม่ได้ว่าอย่างไรค่ะ ตอนนั้นยังเด็กมากค่ะ จะห้ามให้แม่ไม่ให้เอาสามีใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องของเด็ก ได้แต่มองตากันสองพี่น้องว่ายังไงต่อไป เราเป็นลูกผู้หญิงทั้งสองคนค่ะ) เวลาผ่านไปหลายสิบปี จนกะทั่งนู่จาก 15 จนอายุ 30 จนกะทั่ง แม่กับพ่อเลี้ยงได้ทะเลาะกันอีกรอบ รอบนี้หนักหน่อยค่ะ พ่อเลี้ยงย้ายออกไปอยู่ที่บ้านแม่ของเค้า เป็นระยะเวลาถึง 7-8 เดือน ในช่วงนี้ค่ะเลยมีโครงการบ้านเอื้ออาทรเกิดขึ้น แม่นู่เลยไปจองแล้วก็ได้จับฉลากได้บ้านค่ะ ทีแรกทางธนาคารต้องการให้สามีมากู้ร่วมเพราะแม่รายได้น้อย ทางเจ้าหน้าที่ธนาคารได้ทำตามที่แม่ร้องขอ เค้าสงสารแม่เลยอนุมิตให้ อย่างน้อยจะได้มีที่อยู่กับลูกๆ แทนเช่าบ้านค่ะ โดยให้แม่เขียนกู้ซื้อบ้านแต่เพียงผู้เดียว โดยมีระบุ หากแม่ได้เสียชีวิต ลูกสองคนจะได้บ้าน (ซึ่งไม่เกี่ยวกับพ่อเลี้ยงใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีเอกสารของเค้าไปส่งไรกับทางธนาคารเลยนะคะ) ณ ช่วงนี้นู่เรียนจบมหาลัยเรียนร้อยแล้วค่ะ แล้วได้ย้ายมาทำงานที่ กรุงเทพ จากต่างจังหวัด

จนกะทั่ง พ่อเลี้ยงกับแม่ย้ายมาคือดีกันค่ะ สักพักทะเลากันใหม่ บ่อยครั้งประจำๆ แจ้งความก็บ่อย ก็มาขอร้องไม่ให้เราเอาความ จะกลับตัวกลับใจทุกที เหตุเกิดปีใหม่ปีที่ผ่านมาค่ะ ปี2016 เอาขว้างมีดใส่เกือบจะถูกแม่นู่ แม่นู่กลัว พี่นู่ก็พากันกลัวค่ะ ตอนนั้นนู่ยังไม่ได้กลับบ้านค่ะ ติดทำงานที่กทม พี่กับแม่เลยไปแจ้งความอีก พอตำรวจมา ผู้ใหญ่มาช่วยเจรจา พ่อเลี้ยงกลัวมากค่ะ กลัวจะถูกดำเนินคดี แล้วก็ขอร้องเราอย่างหน้าเวทนาไม่ให้เราดำเนินคดีใดๆ  นู่ก็เคารพการตัดสินใจของเค้าทั้งสองคน หากอยู่กันต่อก็เรื่องของเค้า แต่นู่กับพี่ไม่เห็นด้วยมากค่ะ เพราะมันรุงแรงหลายครั้งนับไม่ถ้วน แต่คิดว่าเค้าเลี้ยงดูเรามาบ้างไม่อยากอตัญญู เลยจับแยกให้พ่อเลี้ยงอยู่บ้านอีกหลังหนึ่งซึ่งเป็นของนู่ค่ะ (พี่สาวอยู่หลังนี้ค่ะ) แล้วแม่อยู่อีกหลังหนึ่ง สร้างรั้วกั้นไว้ ไม่ให้ไปเกี่ยวข้องเรื่องส่วนตัวค่ะ แม่จะเอาไปทำสะอาดบริเวณนอกบ้านตอนพ่อเลี้ยงไม่อยู่บ้างเป็นครั้งคราวคะ ต่อมาแม่เห็นว่าบ้านหลังของแม่มันรก ต้นไม้ใบแตก แม่นู่เลยไปตัดหญ้า ตัดต้นไม้ พ่อเลี้ยงเมามาเห็นแม่อยู่บ้านหลังนั้นอารมณ์เสียมาเห็นเลยขู่ว่า หากแม่นู่เข้ามาจอดมอไซด์หรือเข้ามายุ่งบ้านหลังนี้จะค่าปาดคอให้ตายหมดทุกคนค่ะ

พ่อเลี้ยงไม่ยอมไม่ไหน กับญาติๆ ที่โลภๆ ของเค้าคือ เค้าต้องการให้แม่นู่ขายบ้าน เพราะเค้าคิดว่าขายคงได้ตังค์เยอะแนะๆ บ้านเป็นราคา จะแคร์ไร ไม่ออก ไม่ย้าย ไม่หย่าให้ ต้องได้เงินตามที่เค้าเรียกเท่านั้น ใจจริงคือ เค้าสมน้ำหน้าแม่นู่ไม่อยากให้มีที่ซุกหัวนอน อยากให้เราหมดไปกับสิ่งที่เราหามาได้ค่ะ นู่เข้าใจแม่นู่นะคะ คนไม่เคยมีบ้าน เช่ามาตลอดชีวิต พอมีบ้านถึงจะเป็นบ้านเอื้ออาทร แต่เค้าก็ภมิใจ ซึ่งหามาจากน้ำพักน้ำแรงของแม่ ซื้อเมื่อมีโครงการรัฐออกมาค่ะ น่าจะ 12 ที่แล้วค่ะ แม่ผ่อนคนเดียวเรื่อยมาทุกบาททุกสตางค์ หามาด้วยหยาดเหงื่อ เธอไม่อยากขาย อยากเก็บไว้ให้ลูกๆ ของเธอ เพราะเราไม่มีสมบัติหรืออะไรเลย หากจะไปซื้อใหม่บ้าน ณ ปัจจุบันราคาถูกๆ ก็ไม่มีค่ะ

ทรัพย์สินที่แม่มีกับพ่อเลี้ยงช่วงจดทะเบียนสมรส คือ
1.สร้อยทองสามบาท อยู่กับพ่อเลี้ยงสองบาท กับแม่บาทหนึ่ง (แต่ก่อนสองบาท แม่เอาไปจำเวลาทะเลากันไม่ได้ขายของเงินก็หมดไปค่ะ) ตรงนี้แม่เอารถที่ผ่อนหมดเข้าไฟล์แนนค์เอาเงินออกมาซื้อทองแล้วผ่อนเอาค่ะ
2.รถกะบะหนึ่งคันค่ะ ราคาประเมินที่ 70,000 บาท
3.ก็มีบ้านช่วงเค้าที่แยกกันอยู่เป็นชื่อของแม่ ไม่รู้จะเรียกว่าสินสมรสหรือไม ตามที่นู่เล่าข้างต้นค่ะ ราคาประมาณ ตามสัญญาที่ซื้อค่ะ 3xx,xxx บาท

พ่อเลี้ยง เห็นว่า บ้านเป็นราคา ไม่หนีอยากถือครอบครัวเพราะตัวเองเป็นผู้ชายมีกำลังมากกว่า เอ๊เอะ คือขู่ทำร้ายแม่นู่ทุกทีค่ะ (อยากอยู่ให้เราขายบ้านเผื่อแบ่งอย่างเดียว บ้านที่เราผ่อนทุกเดือน พ่อเลี้ยงบาทเดียวไม่เคยให้ นอกจากซื้อกินปากตัวเองกับเหล้า เบียร์ สังสรรค์ ก็หาเรื่องทะเลาะ ไม่ช่วยทำมาหากิน) แล้วตอนนี้ พ่อเลี้ยงมีสาวมาติด แม่ก็อยากเลิก ซึ่งก็ไม่ได้อยู่กินกันอีกแล้ว พ่อเลี้ยงก็อยากเลิกมาก แต่ติดคือ พ่อเลี้ยงโมโหร้ายเรียกเงิน จำนวน 350,000 บาท สร้อยทองก็จะเอา รถกะบะ ก็จะเอา ความยุติธรรมอยู่ตรงไหนคะ มีใครช่วยนู่คิดได้บ้าง หากเช้ากินค่ำ จะเอาเงินจำนวนมากนั้นเกือบเท่าๆ กับราคาบ้านที่เราหาซื้อกันมาจ่ายเค้าได้หรือคะ ตอนนี้แม่เช็คว่าค่าผ่อนบ้านเหลืออยู่ประมาณ 200,700 บาท ค่ะ

แม่นู่ไปร้องเรียนกับกำนัน แจ้งความขู่ทำร้าย รวมถึงทำร้ายงวดก่อนๆ มีเอกสารทางตำรวจค่ะ กำนันเลยให้ไปแจ้งต่อที่ราชการ เค้าจะทำจดหมายมาหาทางกำนันให้เรียกพ่อเลี้ยงมาเจรจา นู่มีคำถามค่ะว่า

1. เค้าเกี่ยวข้องกับบ้านที่แม่ซื้อช่วงที่แยกกันอยู่หรือไม
2. บ้านราคาโดยประมาณ 38x,xxxบาท เค้าเรียกมาทำร้ายจิตใจนู่มากๆค่ะที่ 350,000 โดยที่กินอยู่ฟรี สบูก้อนเดียวไม่เคยซื้อ สร้างแต่ความทุกข์ใจ หาแต่เรื่อง ทางการจะตัดสินว่าเค้าต้องได้เงินตามที่เรียกหรือคะ ใช่หรือไม่
3. ในเมื่อบ้านเป็นชื่อแม่นู่คนเดียว แม่สามรถถ่ายโอนให้ลูกได้หรือไม่คะ หากนู่หาเงินไปปิดบ้านแล้วโอนเป็นชื่อนู่ ตรงนี้จะผิดตามกฎหมายหรือไม่อย่างไรคะ แม่อยากเก็บบ้านไว้ค่ะ ไม่อยากขายไม่มีปัญญาหาที่ซุกหัวนอนใหม่ค่ะ
4.ในเมื่อพ่อเลี้ยงเค้าโมโหร้าย น่ากลัว จะค่าเราให้ตายวันไหนก็ได้ ตรงนี้ทางตำรวจหรือใครสามารถช่วยเหลือไม่ให้พ่อเลี้ยงอยู่ในบ้านของเราได้หรือไม่คะ ยังไงเพราะแม่ของนู่ก็ไม่ได้อยู่บ้านหลังที่เค้าซื้อเช่นกันค่ะ แต่พ่อเลี้ยงจะครอบครองอย่างเดียวไม่ให้เราเข้าบ้านของเราค่ะ โดยใช้กำลังข่มขู่ทำร้ายแม่นู่ค่ะ
5. ทั้งเนื้อทั้งตัวนู่มีเงินเก็บตลอดชีวิตที่หามาในจำนวนหลักหมื่นไม่ถึงแสน ที่จะเอามาช่วยให้แม่ไปแบ่งจ่ายพ่อเลี้ยงได้ค่ะ นู่อยากช่วยชีวิตแม่ให้พ้นทุกข์ แต่มีเงินแค่นี้ค่ะ หมดตัวเละ หากให้เค้าไปเราค่อยหาใหม่เอาค่ะ
6.หากตกลงจำนวนเงินที่นู่มีไม่เกินแสน ที่เราให้ได้ หากทางพ่อเลี้ยงไม่ยอมรับ นี่เค้าต้องอยู่บ้านหลังของเราที่ผ่อนทุกวันตลอดไป แล้วก็มาขู่หรือทำร้ายเราประจำๆ ชวนทะเลา ตรงนี้มีใครมีอำนาจ ช่วยหรืออะไรบ้างได้ไหม๊คะ กรุณานู่ด้วยค่ะ เพื่อความปลอดถัย ไม่อยากตายก่อนค่ะ
7. หากตกลงไม่ได้ ก็ไม่รู้จะทำไงคะ หากเค้าอยากได้เงิน 350,000 ก็คงจะบอกว่าไม่มีหรอก ให้ไปฟ้องเอา แต่หากไปฟ้องศาล คำถามคือ บ้านที่แม่นู่ซื้อ ศาลต้องตัดสินให้ขายบ้านแล้วหารสองเลยใช่ไหม๊คะ (แล้วจะไปอยู่ที่ไหนยังไงกันต่อไป ซื้อใหม่ม่มีเงินค่ะ) หรือศาลท่านจะดูจากรายได้ของสามีภรรยาว่าใครเหมาะสมได้ส่วนไหนมากน้อยยังไง ตามความจริง เช่น หากพ่อเลี้ยงนู่ทำงานเป็นหมอ แม่นู่เป็นแค่คนขายของข้างทางรายได้น้อย พ่อเลี้ยงดูแลเงินทองทุกอย่างค่าใช้จ่าย มันก็สมเหตุสมผลที่พ่อเลี้ยงจะได้ 350,000 บาท แต่นี่ แม่นู่หามาด้วยลำแข้ง รวมทั้งนู่กับพี่ก็ช่วยกันทำงานหาเงินช่วยกันผ่อนเรื่อยมา ตรงนี้มันจะเป็นอย่างไรคะ ศาลท่านจะพิจารณาตามเหตุผลความเป็นจริงหรือไม่คะ หรือว่าตามกฎหมายไทยอะไรก็หารสองอย่างเดียว

ขอบคุณมากค่ะที่ท่านเสียสละเวลาอ่านแล้วตอบคำถามช่วยเหลือนู่
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  กฎหมายชาวบ้าน ร้องทุกข์ หย่าร้าง
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่