พอมีการเปิดหอสมุดเมืองกรุงเทพฯ ที่ราชดำเนิน ผมได้ไปใช้บริการ แล้วรู้สึกประทับใจและมีไอเดียอย่างหนึ่ง ว่าอยากจะแนะนำหนังสือที่มีในหอสมุดเมืองแห่งนี้ให้ทุกคนที่อาจไม่เคยมาใช้บริการ หรือท่านที่สนใจในการอ่าน ได้รู้จักหนังสือดีๆ ไปด้วยกัน เผื่อจะมีหลายคนสนใจ เข้ามาใช้บริการที่หอสมุดแห่งนี้
บนชั้นหนังสือ ตอนแรก ผมขอเริ่มต้นด้วยหนังสือที่ทรงคุณค่ามากของประเทศไทย วันนั้นผมขึ้นไปที่ชั้น 3 โซนหนังสือหายาก

ได้พบหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อ "ประมวลภาพถ่ายฝีพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" ซึ่งเป็นหนังสือรวบรวมภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ตั้งบนชั้นอย่างสะดุดตา


แค่ภาพหน้าปกก็งดงาม ดึงดูดใจให้เปิดเข้าไปข้างใน ภาพหน้าปกของหนังสือเล่มนี้ คือ ภาพพระฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 ในยามเย็นที่ยอดดอยปุย เมื่อครั้งเสด็จฯ แปรพระราชฐานไปประทับ ณ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ถ้าใครเป็นคนที่ชอบถ่ายรูป ก็คงจะบอกด้วยเสียงเดียวกันว่า ภาพนี้งดงามเหลือเกิน แสงและเงาสวยมาก ผมคิดว่าหลายคงอยากเห็นเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้กันแล้วใช่ไหมครับ

หนังสือเล่มนี้ได้อัญเชิญภาพถ่ายฝีพระหัตถ์มาให้ชมหลายภาพ รวมถึงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการฉายภาพของพระองค์ท่าน ไว้หลายเรื่อง เช่น เหตุสำคัญที่ทำให้ในหลวงรัชกาลที่ 9 ของเราทรงสนพระราชหฤทัยในการถ่ายภาพ กล้องที่พระองค์ท่านได้รับพระราชทานเมื่อพระชนมพรรษาได้ 8 พรรษา การถ่ายภาพประชาชนเมื่อพระองค์ท่านเสด็จนิวัตพระนคร เมื่อ พ.ศ. 2481 หรือเรื่องที่ทรงเป็นช่างภาพของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง และเรื่องห้องมืดเพื่อล้างฟิล์มของพระองค์ท่าน

ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ในเล่ม ส่วนใหญ่จะเป็นภาพที่ทรงมีสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นแบบ รวมถึงพระราชโอรส พระราชธิดาเมื่อครั้งทรงพระเยาว์


เราจะได้ชมภาพที่ทรงฉายพระองค์เอง สมัยนี้ก็คือการเซลฟี่ ^^

ในเล่มจะมีข้อความอธิบายวิธีที่ทรงฉายภาพด้วยครับ เช่นภาพที่ทั้งผมและอีกหลายๆ คนคงเคยมีความคิดว่ามีคนอื่นเป็นผู้ถ่าย ไม่คิดว่าจะเป็นพระองค์ท่านเองที่ทรงฉายเอง คือภาพทรงดนตรี

บางภาพที่พระองค์ท่านทรงฉาย ก็แฝงด้วยปรัชญา เช่น ภาพใบไม้ที่ดอยปุย

ในหนังสือเล่มนี้จะมีอธิบายไว้ด้วยครับ ว่าในภาพ มีความหมายว่าอย่างไร เช่น การที่ภาพฉากหลังพร่ามัว ในเชิงการถ่ายภาพ พวกเราจะเรียกว่าหน้าชัดหลังเบลอ แต่พระองค์ท่านทรงอธิบายว่า ความมัวพร่านี้ คืออนาคตย่อมเป็นอนิจจัง จะเอาความเที่ยงแท้แน่นอนอะไรมิได้ ผมอ่านไปก็รู้สึกประทับใจไม่รู้จะหาอะไรเปรียบเลยครับ

ตอนท้ายของเล่มจะมีการบอกรายละเอียดของภาพถ่ายฝีพระหัตถ์แต่ละองค์ด้วยครับ
ปล. ลืมบอกไป หนังสืออันทรงคุณค่าเล่มนี้ จัดทำโดยกรมประชาสัมพันธ์ ในโอกาสที่ทรงครองสิริราชสมบัติ ครบ 63 ปี ในปี พ.ศ. 2552
บนชั้นหนังสือ ณ ชั้น 3 หอสมุดเมืองกรุงเทพมหานคร
บนชั้นหนังสือ ตอนแรก ผมขอเริ่มต้นด้วยหนังสือที่ทรงคุณค่ามากของประเทศไทย วันนั้นผมขึ้นไปที่ชั้น 3 โซนหนังสือหายาก
ปล. ลืมบอกไป หนังสืออันทรงคุณค่าเล่มนี้ จัดทำโดยกรมประชาสัมพันธ์ ในโอกาสที่ทรงครองสิริราชสมบัติ ครบ 63 ปี ในปี พ.ศ. 2552