[CR] ตามฝันใน.. บัวโนสไอเรส


คำถามแรก มักถูกถามว่า ทำไมต้อง บัวโนสไอเรส  ... และไปทำไม  อยู่แต่แค่เมืองนั้น
ผมเป็นคนแปลก เวลาจะทำอะไร ผมเอาความรู้สึกของตัวเอง เป็นจุดเริ่ม
แรงบันดาลใจเริ่มต้นของการเดินทางที่ประเทศนี้ ไม่ได้มาจากการบอกเล่า ไม่ได้มาจากสิ่งที่คนอื่นพูดยุให้ไป
ไม่ได้ไปเพราะ อยากใด้รูปสวยๆ ไม่ได้ไปเพราะอยากให้คนอื่นอิจฉา แต่....
มันเกิดจากความประทับใจของหนังเรื่องหนึ่งที่เคยดูในสมัยเมื่อปี 1997 ..
เรื่อง Happy Together (รู้อายุผู้เขียนเลย)
เป็นหนังอาร์ตๆ กำกับโดย Wong Kar-wai, และนำแสดงโดย Leslie Cheung และ Tony Leung
ได้รับการนำเสนอเข้าชิง Palm D’or และได้รับรางวัล ผู้กำกับยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เมืองคานนส์
คือถ้าใครชอบหนังสวยๆ มุมสวยๆ ต้องผู้กำกับคนนี้เลย  

เป็นเรื่องราวของคน 2 คน ที่มาเที่ยวด้วยกัน ด้วยเหตุผลที่ต่างกัน
คนนึงมาเพราะอยากมาสนุก
อีกคน มาเพราะอยากอยู่กับคนที่ตนรัก
แต่ทั้ง 2 คน ต่างก็อยากไปที่ น้ำตก อีกัวซู ...

จำได้ว่าตอนนั้นยังเรียนมหาวิทยาลัย
และรู้สึกอื้งๆกับหนังเรื่องนี้... เลยตั้งใจว่า วันนึง จะลองไปงงๆกับที่นี้บ้าง
แต่มันไกลมาก และค่าใช้จ่ายก็สูงมากเหมือนกัน
แต่คำว่า บัวโนสไอเรส มันก็ฝังใจ มาตั้งแต่นั้น ...

แต่จนแล้วจนเล่า ก็ไม่ได้จังหวะไปสักที ต้องมีเหตุให้ยกเลิก หรือเปลี่ยนใจ
ไม่รู้ทำไม
แต่ ...
การไปครั้งนี้ ได้อะไรมากกว่า ที่ตั้งใจไว้จริงๆ

แผนการเดินทางคนเดียวครั้งนี้เลยเน้นแต่เมือง Buenos Aires เป็นหลัก
ย้ำ..คนเดียว ...55 แต่ลุ้นเจอเพื่อนที่โน่น ว่าจะว่างมาเจอหรือเปล่า
เพราะอยากใช้เวลากับรายละเอียดของเมือง เรื่องเล่า อาหาร ประวัติศาสตร์
ตอนแรกก็ไม่ได้กะจะมาเขียนอะไรหลังจากหลับมา แต่สิ่งที่เจอ มันมีแต่เรื่องราวดีๆ
และรายละเอียดหลายอย่าง จนอยากจะมาเขียนให้หลายๆคนได้อ่าน และหวังว่า คนอื่นที่ไป จะได้รับรู้เรื่องราว
ปลีกย่อย และรักเมืองนี้

ด้วยความเป็น สมาชิกการบินไทย เลยมองในกลุ่มสายการบิน Star Alliance ก่อน ก็เจอว่ามี
เส้นทางสองเส้นทางคือ
Lufhansa  - BKK-FRT-EZE อันนี้ แวะ FrankFurt
กับ Turkish Airline ที่ไปลง Buenos Aires (EZE) แวะ Istanbul กับ Sao paolo
EZE เป็นชื่อย่อของสนามบิน Ministro Pistarini Airport ที่คนที่นั่นเรียกว่า Ezeiza
ซึ่งถ้าจะเดินทางด้วยสายการบิน Lufthasa จะใช้เวลาเดินทางที่สั้น กว่าแต่ Lounge ไม่น่าประทับใจ และที่นั่งไม่น่าจะสบายเท่าไร
คืออย่างน้อย ก็เปรียบเทียบที่นั่ง ได้จาก Seatguru  ว่าที่นั่ง เครื่องไหน น่าจะสบายกว่ากัน
เพราะ บินนานขนาดนี้
ผมก็ขอนอน ชั้น Business Class ไปละกัน ...ฮู้วววว
TIPS : แลกไมล์ไป ภาษีตก 2หมื่นหน่อยๆครับ


อาหารถือว่าดีเลยครับ มีเสริฟตลอด ถึงแม้ว่าที่นอนจะไม่ได้ private มาก แต่ก็ถือว่ากว้างขวาง และมี wifi ใช้ฟรีครับ

ถามว่า ช่วงเวลาต่อเครื่อง 4 ชม นานไม๊
ในความเป็นจริงแล้วก็ไม่ได้เยอะมาก เพราะสนามบินนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ และสำหรับผู้โดยสารที่จะต้องทำการเปลี่ยนเครื่องไปยังประเทศอื่นจะต้องเข้าคิวในการสแกนกระเป๋าอีกครั้งหนึ่ง
ช่วงเวลาจากกรุงเทพไปจะถึงประมาณช่วงเช้า ซึ่งคิวจะยาวมาก แต่ถ้าเดินทางด้วยชั้นธุรกิจก็จะมีช่องพิเศษเร็วขึ้นมาอีกหน่อย
แต่ขากลับ เป็นช่วงเย็น คิวสั้นกว่า ก็ไม่ต้องรอคิวตรวจกระเป๋านาน
มีเวลาเข้าไปพักผ่อน หรือเดินเล่น
พยายามเผื่อเวลาเดินไปยังประตูด้วยนะ เพราะสนามบินใหญ่พอควรเลย

จาก อิสตันบูล มา บัวโนสไปเรส กินเวลาประมาฯ 18-19 ชม ..
ถามว่าเบื่อไม๊ บอกเลยว่ามาก
หรือจะอยากให้ถึงไวๆ ก็กินยาช่วยนอน แล้วหลับยาวๆ ดีกว่า
ผมเลือก นอนยาวๆ จะได้ถึงไวๆ

เมื่อเดินทางมาถึงที่สนามบิน EZE ที่บัวโนสไอเรสแล้ว แล้วพาสปอร์ตไทยสามารถเข้าประเทศได้เลย
ไม่ต้องขอวีซ่า และอยู่ได้นานถึง 90 วัน แต่อาจต้องแสดงหลักฐานที่พัก ถ้าเจ้าหน้าที่ขอดู
และเมื่อออกมาถึงด้านนอก มีทางเลือกเดินทางเข้าเมืองง่ายง่ายคือ
หนึ่งเรียกแท็กซี่จากสนามบิน จากจุด เคาท์เตอร์ที่รับบริการได้เลย สะดวกและปลอดภัย แต่ taxi มีขนาดค่อนข้างเล็ก
แต่ส่วนตัวของผู้เขียน ได้นัดบริการจาก Blacklane มาไว้ก่อน โดยให้มีเจ้าหน้าใส่สูทมารับ มายืนถือป้าย มารับที่สนามบิน (แหม รู้สึกดีจัง)
ค่าบริการก็อาจแพงหน่อย อันนี้แล้วแต่ ความพอใจของคนเดินทางเลย ระยะเวลาการเดินทางอยู่ที่ประมาณ 45 นาทีถึง 1 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับสถานที่ที่เราพัก

เจ้าหน้าที่ใส่สูท จะมาถือป้ายรอรับ

ช่วยเข็นไปขึ้นรถด้วยครับ


ใครต้องการที่จะใช้โทรศัพท์แนะนำให้สามารถซื้อ simcard ได้จากที่นี่ได้เลย ซึ่งจะมีห้องจำหน่ายอยู่บริเวณด้านซ้ายมือก่อนทางออก
(ตอนนั้นใช้ PersonaL เพราะมีเจ้าเดียว)
เจ้าหน้าที่ใจดี ช่วยบริการเปลี่ยนซิม เปิดซิมให้
และถ้าใครไม่มีเงิน peso ก็จ่ายเป็น dollar ได้ แต่เค้าจะทอนมาเป็น peso นะ
ในความเป็นจริงแล้วร้านอาหารส่วนใหญ่จะมี wifi บริการฟรีอยู่แล้ว จะไวจะช้าก็ต่างกันไป
แต่ถ้าอยากจะมีเบอร์ไว้ติดต่อก็สามารถซื้อได้จากที่นี่เลยครับ จะบอกก่อนเลยว่าระบบอินเตอร์เน็ตที่นี่จะค่อนข้างช้า



คิดอยู่ตั้งนานว่า จะพักโรงแรมดี หรือ หาจาก airbnb ดี
แต่อยากได้พื้นที่ และความเป็น ‘บ้าน” มากกว่า “ห้อง”
จริงอยู่ การพักโรงแรมมันสะดวก แต่ส่วนตัวอยากได้ ความรู้สึก local มากกว่า tourist
เลยตัดสินใจ หาห้องที่ให้ความรู้สึก Parisian มากกว่า modern
อยากได้ความเป็น vintage
อยากได้ย่านปลอดภัย ใกล้ร้านค้า
อยากได้ห้องกว้างๆ
สรุปเจอห้อง vintage นี้ ตึกก็เป็นยุค 1950
อยู่ชั้นบนสุด ห้องมุม มีระเบียง สามารถออกมานั่งชิวๆ ได้
มีครัวเล็กๆ ไว้สำหรับทำอาหาร


วันแรกที่เริ่มเดินสำรวจเมือง Buenos Aires
Buenos Aires แบ่งเป็นหลายเขต คร่าวๆได้ดังนี้
Recoetta – ย่ายเก่า ปลอดภัย มีร้านอาหารเยอะ มีห้าง
ลักษณะอาคาร จะเป็นยุค 50 ที่อิงสถาปัตยกรรมจากทางยุโรป เป็นย่านคนรวย ผู้ดีที่ย้ายออกมา หาความสงบ

Parlemo / parlemo Hollywood – ย่านใหม่ แหล่งสำหรับหนุ่มสาว ที่เริ่มก่อร่างสร้างตัว มีความเก๋ ชิคๆ
อาคารส่วนใหญ่แถบนี้ จะเป็นตึกเตี้ย 2-3 ชั้น หรือไม่ก็เป็นตึกสูงรุ่นใหม่

Retino ที่ใกล้กับ ย่าน Shopping หลักๆ คือ Florida street ที่มีห้างหรูชื่อ Galerías Pacífico มีดีที่ food court
Avenida Santa fe ถนนช้อปปิ้ง ขนาดยาว ใครอยากเดินเรื่อยๆ มีร้านอาหาร ของ local ให้เลือกเยอะมาก
Avenue Cacao – ถนนสำคัญอีกสาย ที่มีร้านค้าและตึกโบราณสำคัญๆ อยู่ตัดกับ Avenue Santa te
San Nicolas – ย่านเก่า รวมอาคารสำคัญๆ รวมถึงแหล่งราชการต่างๆ
San Telmo – แหล่ง vintage เป็นย่านแรกๆ ของเมือง เพราะอยู่ใกล้เขตท่าเรือที่คนเริ่มอพยพเข้ามา
Bregano – ย่านที่ห่างออกไป ราวๆ 20 นาทีจากตัวเมือง มีย่านเล็กๆ ที่เป็น China town
Balvanera เป็นย่านเศรษฐกิจ ที่มีคนจีนอาศัย เป็นแหล่งค้าส่งอีกแห่ง (เหมือนแหล่งค้าส่งที่กวางเจา อะไรแบบนั้น) มีห้างเก่าแก่ที่ชื่อ Abasto และเป็นย่านของชาวยิวด้วย รวมถึงเป็นย่านถิ่นกำเนิดเพลง Jazz ยุคก่อนๆ
La boca เขตเมืองท่าในยุคก่อนๆ จนปัจจุบันเป็นเขตผู้ลี้ภัยจากประเทศอื่นๆ

หลังจากจัดเจอเพื่อนที่ Recoleta ก็เริ่มจาก สุสานเลย
Max เพื่อนชาวอาเจนลากไปที่ สุสานก่อนเลย เพราะเข้าใจว่า อยากมาดู หลุมศพ Eva Peron เพราะเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวทุกคนอยากดูกันที่สุด

คนอาเจนติน่าหลายๆคนเองก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับสุสานนี้เท่าไร รู้แต่ว่าย่านนี้ปลอดภัย
และน่าอยู่
เพราะคนของเค้ามองว่า มันเป็นสุสานของคนรวย
แต่ในแง่ของประวัติศาสตร์ มันสะท้อนให้เห็นอะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับคนที่นี่
เพราะอะไรหรอ
ย้อนเวลากลับไปในสมัยก่อน
ในอดีตมีคนรวยได้ย้ายมาอยู่พื้นที่ในบริเวณนี้เพราะต้องการความสงบ
ที่ไม่ต้องการความวุ่นวายจากในตัวเมือง เลยมีการขยับขยายพื้นที่ออกมา
ต่อมา มีการสร้างสุสาน สำหรับคนในครอบครัวตัวเอง โดยคนเหล่านี้ เป็นกลุ่มคนรวยแรกๆที่เข้ามาอยู่
ก็เป็นพวกคนรวย สังคมชั้นสูง ที่อาศัยอยู่ในระแวกนั้น
เจ้าของสุสาน จึงประกอบไปด้วยคนสำคัญ ครอบครัวคนรวย  นักการเมือง
คนธรรมดา หมดสิทธิ์ ..
ต่างมาจากยุคสมัยที่ต่างกัน การสร้างตัวสุสาน ก็จะแตกต่างกันไปตามยุคด้วย
สุสานที่เก่ามากๆ ก็จะมีแบบที่เก่า ไม่ได้มีสีสันสวยงาม หรือทำจากวัสดุที่แปลก
ผิดกับสุสานยุคหลังๆ ที่มีลวดลายแปลกออกไป หรือมีการนำหินมาประกอบ
ซึ่งสุสานที่เราเห็น เหมือนบ้านคนนั้น ถ้าเข้าไปข้างใน ก็จะมีทางลงไปชั้นใต้ดิน ซึ่งเป็นที่เก็บศพจริงๆ
ไม่ได้ทำเพื่อความสวยงาม
ในที่นี้จึงประกอบไปด้วยบุคคลสำคัญในอดีต ครอบครัวคนรวย จะต้องมีสุสานตั้งอยู่ในที่นี้
รวมถึงบุคคลสำคัญของประเทศอาร์เจนติน่าคือ Eva Paron  หรือ คนไทยรู้จักในนาม Evita
และประธานาธิปดีคนแรกของประเทศ

หลุมฝังศพของ Eva Peron ครับ


ภาพภายในสุสานครับ

และประธานาธิบดีคนแรกของประเทศ

ภายในสุสาน ก็มีพิพิธภัณฑ์เล็กๆเก็บของเก่า
ถามว่าของเก่านี้มาจากไหน ก็มาจากตอนที่ทำสงครามและยึดมา

คือบอกเลยว่า ขนาดเดินตอนกลางวัน ยังรู้สึกเหวงๆ
เพื่อนบอกว่า ที่นี่เอง ก็มีเรื่องเล่าต่อๆกันมาเหมือนกัน ว่าตอนกลางวันก็มีคนเห็นอะไรแปลกๆ
...
เลยบอกให้เพื่อนหยุดเล่า แล้วออกไปที่อื่นดีกว่า ..

max เลยพาไป พิพิธภัณฑ์ ต่อไป

...Museo Nacional de Bellas Artes
ชื่อสินค้า:   อาร์เจนตินา
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่