อยากขอคำแนะนำเกียวกับแฟนและครอบครัวของแฟน

สวัสดีค่ะ พี่ๆเพื่อนๆน้องๆ Pantip ทุกคน ซึ่งนี่เป็นกระทู้แรก หากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ทีนี้ด้วยนะค่ะ

ก่อนอื่นขอเรียกแทนตัวเองว่า "เรา" (จะได้สะดวกในการพิมพ์นะค่ะ)

       ตอนนี้เราอายุ 20 ปี เรียนอยู่ ปี 2 จะปี 3 แล้ว เราคบกับแฟนมาตั้งแต่เราเรียนอยู่ ม.4 จนปัจจุบันก็คบกันมาประมาณ 4 ปี 6 เดือนแล้ว แฟนเราอายุ 19 อ่อนกว่าเราหนึ่งปี ถ้าเรียนอยู่ก็ประมาณปี 1 จะปี 2 (แฟนเราเป็นทอมฮะ 5555 ) เรากับแฟนก็คบกันดีๆมาตลอด อาจจะทะเลาะ งอลกันบ้าง ก็เป็นเรื่องปกติของคนสองคนเนาะ เขาดูแลเราดีมาก ถึงจะเด็กกว่า แต่เขามีวุฒิภาวะมากกว่าเราอีก ทำอะไรเองได้หมดเลย ทำอะไรแทนแม่เขาได้ทุกอย่าง เรียกว่าทุกอย่างจริงๆ จนในบางครั้งเราก็คิดนะว่าทำไมแม่เขาไม่ทำเองบ้าง อย่างเช่น
       1.ไปประชุมผู้ปกครองให้น้อง แต่พ่อแม่ซึ่งเป็นผู้เป็นผู้ปกครองต้องไปเองไม่ใช่หรอ ไม่ได้ติดธุระด้วย เราเห็นหลายครั้งเลย ว่าขับรถเทียวไปเทียวมาแถวหมู่บ้านนั่นแหละ ให้แฟนเราไปประชุมแทนตั้งแต่แฟนเราเรียนมอปลายแล้ว (แฟนเรามีน้อง 1 พี่ 1 )
       2.ไปยื่นเอกสารจะเอาบ้านไปเข้าธนาคารไว้ ยังให้แฟนเราไป จนพนักงานธนาคารบอกว่าคราวหลังให้เจ้าตัวมาเอง เพราะเอกสารอะไรก็เอามาไม่ครบ 555555 (เรื่องนี้ตลกมากทำธุรกรรมสำคัญๆก็ไม่ไปทำเอง) เราเข้าใจนะว่าลูกต้องแบ่งเบาภาระพ่อแม่ ต้องช่วยเหลือพ่อแม่ เรื่องพ่อแม่ใช้งานเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับครอบครัวแฟนเรา มันไม่ปกติค่ะ มันเกินไป แบบว่าถ้าไม่ได้ดั่งใจก็จะโดนบ่น ไปนานก็บ่นซึ่งที่ไปนานๆนั้นก็ไปทำธุระแม่เขาทั้งนั้นเลย เรากับแฟนไม่ได้วอกแวกออกนอกลู่นอกทางหรือไปทำอย่างอื่นเลยนะ บ่นหนักมากแต่ก็ไม่ทำเอง เรื่องใช้งานนี่เยอะมาก ละเอียดหยิบย่อยเล่าไปจะยาว เอาเป็นว่าใช้ซื้อของตั้งแต่หัวจรดเท้า ตั้งแต่ในบ้านจนถึงสวนเลยก็ว่าได้ 555555 😩

         และแล้วเรื่องมันก็เกิดขึ้นประมานเราอยู่ปี 2 เทอม 1 แฟนเราพึ่งจะขึ้นปี 1 เป็นเฟรชชี่ เราสองคนเรียนอยู่มอเดียวกัน แต่คนละคณะ เรามีความสุขมากๆ เพราะแฟนเรามีอิสระจากแม่เขาเยอะเลย อย่างน้อย 5 วันที่ไปเรียนเขาก็ไม่โดนใช้ และไม่ถูกบ่น ซึ่งถ้าโดนบ่นแล้วอยู่ไม่สุขเลยละค่ะ บ้านแทบแตก ( วันที่มีเรียนเราก็อยู่หอ แฟนก็อยู่หอใน แต่หนีมาอยู่หอกับเราก็บ่อย 5555 เราอยู่บ้านของแฟนเฉพาะวันที่เราไม่มีเรียน และพ่อแม่เขาอยู่อีกที่นึงห่างไปประมาณ 1 กม.ได้ บ้านนั้นจะมีแค่เรากับแฟนสองคน และเราก็อยู่กับแฟนตั้งแต่เราอยู่มอหกถ้าจำไม่ผิด อยู่บ้านเราบ้าง บ้านแฟนบ้าง ส่วนใหญ่บ้านแฟนจะเยอะหน่อย บ้านแฟนเราอยู่ในเมือง แต่บ้านเราอยู่ต่างอำเภอ บ้านแฟนจะสะดวกเวลาไปมอ ไปไหนมาไหนมากกว่าเพราะมันใกล้กว่า และเราก็ขับรถไม่ค่อยแข็งเลยต้องพึ่งให้แฟนไปรับ-ไปส่ง)

แต่แล้ว!!!แฟนเราเรียนยังไม่ทันจบ 1 เทอมเลยด้วยซ้ำ แม่เขาก็เรียกแฟนเรามาคุยว่า จะลาออกจากมหาลัยมั้ย ออกมาขายของที่ร้าน ให้แฟนลองมาคิดดู แฟนก็บอกไปว่า ขอรอดูเกรดก่อน ถ้าเกรดดีจะเรียน ถ้าไม่ดีจะออกมาขายของละกัน (ที่บ้านแฟนเปิดร้านขายของชำซึ่งเริ่มแรกให้พี่ของแฟนดูแล) แต่พอผ่านไปสักอาทิตย์นึง แม่เขาก็คุยกับแฟนอีกว่า ออกมาขายของมั้ย ไม่ต้องตัดสินใจแล้ว จะได้เป็นนายตัวเอง จะได้มีรถขับ จะได้รวยตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ถ้าแฟนเราเรียน แม่เขาก็บอกว่าไม่รู้ว่าจะส่งให้เรียนจนจบมั้ย ถ้าเกิดแม่เขาส่งไม่ไหวกลางคันขึ้นมาจะทำไง แฟนเราก็ต้องเลิกเรียนกลางคันเลยนะ แฟนเราก็เลยต้องยอมออกมาขายของ (เห็นแฟนบอกว่าพี่เขาทำขาดทุนหลายหมื่น เอาเงินไปเที่ยวกลางคืน ร้านเลยขาดทุนย่อยยับ เรื่องนี้เราก็ไม่รู้ข้อเท็จจริงแน่ชัด เราฟังจากแฟนมาอีกที แต่พอมีชาวบ้านถามว่าพี่ของแฟนไปไหน แม่เขาก็จะตอบว่าไปเรียนต่อ..แต่ตอนนี้ทำงานแถวในเมือง) พอแฟนเราออกจากมอมาขายของชำแล้ว แรกๆเราก็ช่วยแฟนเก็บร้านจัดของใหม่หมด เราช่วยกันสองคน ความรู้สึกตอนนั้นเหนื่อยมากต้องมาก แต่จะให้ทำยังไงละ อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ( เราช่วยแฟนขายของตั้งแต่ตอนที่เราอยู่ ม.6 แฟนอยู่ ม.5 ขายผักจากสวน ตื่นตั้งแต่ตีห้า-6โมง ขายเช้าจนถึงเย็นเลย ขายผลไม้ดองด้วย สงกรานต์ก็ช่วยขายน้ำ ขายของย่างเราก็ช่วยจัดผัก ช่วยเตรียมของ ลอยกระทงก็ช่วยทำกระทงขาย เราช่วยแฟนทำทุกอย่าง >>เราไม่เคยต้องทำอะไรแบบนี้เลยยอมรับว่าเหนื่อยและลำบากสุดๆ เราเคยสบาย อยู่บ้านตัวเองเราไม่เคยลำบาก ย่าเราเลี้ยงมาแบบให้เราสบาย เลี้ยงแบบตามใจอ่ะเอาง่ายๆ เราเลยทำอะไรเองไม่เป็น เราว่าการที่เราช่วยแฟนมันก็ดีนะ ถึงจะลำบาก แต่มันทำให้เราทำอะไรเป็น ช่วยเหลือตัวเองได้บ้างให้รู้ค่าของเงินกว่าจะได้เงินมาน้ำตาแทบกระเด็น<< เรายอมลำบาก เพื่อแค่ให้ได้อยู่กับแฟนแค่นั้นแหละ น้ำตาจิไหลลล..) กลับเข้ามาเรื่องขายของชำต่อ ..พอแฟนอยู่ไปสักพัก วันไหนที่เราไม่มีเรียน เราก็ให้แฟนมารับไปอยู่ที่ร้าน เราก็ช่วยจดรายการของในร้านที่ขาด ไปซื้อของเข้าร้านกับแฟน ช่วยจัดของ ปัดฝุ่น กวาดร้าน ถูร้าน และช่วยขายของ ช่วงสิ้นปี-ปีใหม่ ขายดีมาก เราก็ช่วยกัน ช่วงสงกรานต์ ยิ่งขายดี เราก็ช่วยขาย ช่วยกันคนละไม้ละมือ แต่บางครั้งแฟนก็ต้องไปส่งของ Delivery ร้านชำร้านนี้ส่งฟรีทั่วหมู่บ้านนะจ้า   แถมยังต้องไปส่งของย่างของแม่เขา แม่เขาขายของย่างหน้าร้านชำหน่ะ ซึ่งเราก็อยู่คนเดียวขายแทบไม่ค่อยทัน เราคิดเลขช้าหน่ะ เราเป็นเด็กศิลป์นะไม่ใช่เด็กวิทย์ สมองไม่ไปเลย บร้ายยยย ..พอตอนนี้ร้านชำก็เรื่อยๆค่ะ ของในร้านก็ไม่มีทุนซื้อ เพราะขายไม่ค่อยดี หลังเทศกาลแล้วก็เป็นแบบเนี่ย แม่เขาก็จะมาบ่นอยู่บ่อยๆ เข้ามาชี้นิ้วสั่งอยู่บ่อยๆ "ของในร้านไม่มีไม่รู้จักจะไปซื้อ ของบนชั้นว่างหมด" (คิดในใจ:ขายไม่ค่อยดีไม่มีเงินลงทุนค่ะ) หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไม่ไม่พูดบอกตรงๆไปเลย แม่เขาไม่ค่อยฟังเหตุผลใครเลยค่ะ ใช้แต่อารมณ์และเอาความคิดตัวเองเป็นที่ตั้ง "ดูสิ! ร้านสกปรกโสโครก ไม่รู้จักเก็บกวาด ไม่ขยัน ตื่นก็สาย(แฟนเราเปิดร้าน 6:30) เดี๋ยวจะขายๆไปซะ แล้วออกไปทำงานเลย(แฟนเราจบแค่ ม.6 ไล่ให้ลูกไปทำงาน เหมือนไม่ให้โอกาสเรียนต่อแล้ว) แล้วแม่เขาปล่อยเงินกู้ค่ะ แล้วก็แชร์ด้วย บัญชีทั้งหมดให้แฟนเราทำหมดเลย จัดการเก็บเงินทั้งลูกหนี้แม่ และแชร์ทั้งหลาย ถึงตอนนี้แฟนเรากลายเป็นคนขี้หลงขี้ลืมไปเลย เหมือนทำงานเยอะเกินแถมยังโดนบ่นไม่เว้นแต่ละวันยังมีอีกค่ะ.. ตอนนี้ช่วงเปิดเทอมแล้ว แฟนต้องไปรับ-ไปส่งน้องอีกค่ะ ตื่นหกโมงครึ่งมาเปิดร้าน ไปรับน้องจากที่ๆพ่อกับแม่เขาอยู่ มาที่บ้านให้น้องแต่งตัว ไปเปิดร้านรอน้องทำอะไรเสร็จ ก็ปิดร้านไปส่งโรงเรียนอีกรอบ พอตอนเย็นก็ทิ้งร้านไว้บ้าง ปิดไปบ้างเพื่อไปรับน้องจากโรงเรียน (ถ้าเราไม่อยู่เฝ้าให้) แต่ถ้าเราอยู่เราก็เฝ้าให้ เราสังเกตเห็นนะว่าแม่เขาขับรถไปๆมาๆ แต่ไม่ยอมไปรับน้องเอง

เรื่องที่เราเจอกับตัวเจ็บแสบสุดๆเลย เรื่องของเราโดยตรงเลยนะ
      💦สงกรานต์เราไม่ได้กลับบ้านเลยเพราะช่วยแฟนขายของ (เราไม่เอาค่าจ้างนะ ช่วยเฉยๆนี่แหละ แถมให้ยืมเงินไปลงทุนด้วยนะเออ) หลังสงกรานต์เลยว่าจะไปดำหัวปู่กับย่าที่บ้านเรา แฟนเราขอแม่เขาจะปิดร้านไปส่งเราที่บ้าน แม่เขาบอกว่าไม่ไป!! ไปทำไม ไม่ไป วันอื่นค่อยไป แฟนเราเลยบอกว่าเราจะกลับมอแล้ว ถ้าไม่ไปไม่ได้ เลยยอมให้ไป (เราหยุดแค่สงกรานต์หลังสงกรานต์ก็ไปเรียนต่อแล้ว)
       📖ช่วงนั้นเป็นช่วงสอบค่ะ เราอ่านหนังสือ3-4อาทิตย์เนี่ยแหละ เราลืมบอกไปเราเรียนนิติ แต่ขี้เกียจอ่านหนังสือเราเลยอ่านแบบไฟลนตูด one night miracles   อะไรประมาณนั้น 5555555 😬😬😬 น้องของแฟนอยากไปว่ายน้ำที่สวนน้ำ แม่เขาก็โทรมาเลย บอกให้แฟนปิดร้านพาน้องไปว่ายน้ำสิ น้องอยากไป แม่ลองให้น้องมาชวนแฟนเราดู แฟนก็ถามเราว่าจะไปมั้ย เราก็ไม่ไปสิ อ่านหนังสือจะไม่ทันอยู่ละ >>เราก็คิดนะว่าการที่เราให้แฟนไปส่งบ้านปู่ย่าซึ่งก็คือบ้านเรา มันไม่ควรที่จะปิดร้านเท่าไปส่งน้องว่ายน้ำใช่มั้ย<<
      📚ช่วงเราอ่านหนังสือเนี่ยแหละ เราต้องใช้สมองจำมาตรากฎหมายเพื่อเอาไปสอบ เราอ่านหนังสือจนปวดหัวทุกวัน ถึงขนาดตาบวมจนอ่านหนังสือไม่ได้เลย แม่เขาก็นินทาเรานานแล้วแหละ แต่น้องของแฟนเผลอบอก แม่ไม่ชอบพี่แม่บอกว่าพี่ขี้เกียจ เพราะเราตื่นสาย (เราตื่น 8:30 ทุกวันเลย แบบนี้เรียกว่าสายมั้ยค่ะ) เหมือนแม่เขาจะเกลียดเราเพราะเราขี้เกียจ แต่เราช่วยทำงานที่ร้านทุกอย่างเลยนะ มันอาจจะมีบางช่วงที่ไม่ได้ช่วยเพราะเราอ่านหนังสือนั่นแหละค่ะ แม่เขาเกลียดเราแต่พอรู้ว่าเรามีเงินที่พ่อแม่เราส่งให้ใช้ ก็ขอยืมเราเลยนะ เอาไปใช้หนี้อะไรก็ไม่ทราบ แล้วก็ให้แฟนยืมไปลงทุนร้านด้วย เหมือนเกลียดปลาไหลกินน้ำแกงเลยอ่ะ 🙄🙄
        🎂มีช่วงนึงวันเกิดเราพ่อโอนเงินมาให้เป็นของขวัญวันเกิดงี้ แม่ก็โอนมาให้ซื้อโทรศัพท์ เพราะโทรศัพท์เราพังไม่มีจะติดต่อใครแล้ว และเราก็เก็บเงินที่พ่อแม่ส่งให้ใช้ ได้นิดหน่อย เรากะจะเอาไปซื้อ iPhone 7 plus เงินเก็บของเราแม่แฟนยังไม่คืนเลยต้องรอก่อน แม่เขาก็ถามว่าจะเอาไปซื้อกี่บาท ซื้อถูกๆก็พอ เรายังหาเงินไม่ได้ ซื้อสักหมื่นก็พอ แล้วเงินที่เหลือก็ซื้อให้แฟนด้วย (ไม่รู้เหมือนกันว่าพูดเล่นพูดจริง แต่เราไม่ขำด้วยนะ) แม่แฟนก็ยังไม่คืนเงินเรา เราซื้อโทรศัพท์ไปแล้วก็ยังไม่คืน เราไม่มีเงินใช้สักบาทเลย เราเลยบอกแฟนว่าเราขอเงินคืนได้มั้ย เราไม่มีใช้แล้ว แฟนเราเลยเอาเงินร้านคืนเราก่อน เราถึงได้คืน ...แล้วก็ชอบพูดว่าเรากับแฟนหน่ะหัวสูง กินแต่ของดีๆ ใช้แต่ของดีๆ เราอยากบอกมากเลยว่าเรากินแบบคนทั่วไป เรากินเท่าที่เงินเรามี เราไม่ได้เบียดเบียนเงินของเขา เวลาจะซื้ออะไร หรือไปดูหนัง ไปห้าง เราหารกับแฟนคนละครึ่งหมดค่ะ ของใช้ส่วนตัว เครื่องสำอาง เราก็ซื้อเอง ขนาดเรากับแฟนแค่กินบะหมี่เกี๊ยว กับน้ำปั่น ยังมาแซะว่ากินแต่ของดีๆเลยค่ะ 😱😱

ตอนนี้แฟนเราไม่ค่อยโอเคกับแม่เขาแล้วอ่ะค่ะ แต่ก่อนเราพูดเราเสนอไปแฟนเราก็จะทำทุกวิธีให้สบายใจทั้งสองฝ่าย แบบทำในสิ่งที่เราบอกด้วย ทำในสิ่งที่แม่บอกด้วย แต่ตอนนี้แฟนเริ่มแอ้นตี้แม่เขาแล้ว ด้วยความที่แม่เขาจู้จี้จุกจิกเกินไป ยุ่งวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวเกินไปนะค่ะ ตอนนี้แฟนรอให้เคลียเรื่องเงินร้าน เงินแชร์ เงินกู้ อะไรเสร็จ เราสองคนตกลงกันว่าจะไปอยู่ต่างจังหวัดกับพ่อเราเองค่ะ ไม่มีกำหนดกลับ จนกว่าเราจะเปิดเทอม แฟนก็จะออกมาหางานพาร์ทไทม์ทำ แล้วเรียนเสาอาทิตย์ เราสองคนจะไปพักผ่อนให้สบายใจ ตอนนี้จองตั๋วเครื่องบินเรียบร้อย เราก็ถามแฟนนะว่าตกลงจะไปได้หรอ แม่เขาจะไม่โทรตามหรอ แฟนก็บอกว่าอยากให้ขายร้านนี้ไวๆ (ร้านขายของชำมีคนสนใจมาซื้อต่อหลายคนแล้ว แต่สักพักก็เงียบหายไปกันหมดเลย พึ่งได้ยินลุงพูดว่าแม่แฟนไม่ยอมขาย แต่ไม่รู้ว่าจริงแท้แน่นอนขนาดไหน) เราก็เลยบอกไปว่าวันนั้นตัวก็ได้ยินลุงพูดไม่ใช่หรอว่าแม่ไม่ยอมขาย พอมีคนสนใจจริงๆก็ไม่ขาย เราว่าแฟนคงไม่หลุดพ้นง่ายๆหรอกค่ะ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าแฟนเราต้องเจอเรื่องแบบนี้ซ้ำๆ จนหมดความอดทนไปอีกกี่ครั้ง แฟนเราก็คงต้องทนต่อไปมั้ง ทั้งๆที่ป้า ลุง ของแฟนก็บอกแฟนนะว่าอยากให้กลับไปเรียนเถอะ อายุแค่นี้มันช่วงวัยเรียน ไม่ใช่วัยที่จะมาขายของ  แต่แม่เขาไม่คิดแบบป้านะสิ !! 😜

ตอนนี้เราว่าความรู้สึกเราไม่โอเคเลย มันอึดอัดเกินไป เราเลยตัดสินใจออกจากบ้านแฟนมา เราบอกเลิกแฟนไปแล้ว เราเหนื่อยจริงๆนะ เราอาจจะเข้าไปอยู่ในวงกลมของแฟนมากเกินไป มันไม่ใช่ที่ของเรา คับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยากนะค่ะ

แฟนเราตัวคนเดียวจริงๆนะ เราเคยถามแฟนว่าถ้าแฟนไม่มีเรา แล้วเจออะไรแบบนี้ แบบที่แม่เขาเป็น แฟนจะทำยังไง แฟนบอกถ้าไม่มีเรา แฟนก็คงฆ่าตัวตายไปแล้ว อีกไม่กี่วันก็ถึงแพลนที่เราจะเดินทางกันแล้ว แต่เราหมดความอดทนแล้วจริงๆค่ะ

เราทำถูกแล้วใช่มั้ยค่ะ ที่เลือกเดินออกมา แล้วทิ้งแฟนไว้คนเดียว? 😭😭😭😭
สิ่งที่แม่เขาทำมันถูกแล้วหรอค่ะ คนเป็นพ่อแม่ไม่ควรตัดอนาคตลูกใช่มั้ยค่ะ?

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่