เราบอกเลิกเขาไป ทั้งที่ใจเรายังรักเขามากค่ะ...
สาเหตุก็คือ เรารู้สึกว่าเขายังไม่พร้อมที่จะดูแลและให้เวลาเรา และยังต้องคอยจัดการกับชีวิตตัวเองหลายอย่าง ซึ่งปัญญาหลักๆก็คือ ครอบครัวของเขาเอง ที่บ้านเขาพ่อแม่ค่อนข้างตีกรอบให้ลูกมากค่ะ คือเขาต้องคอยตามกฏเกณฑ์ที่พ่อแม่วางไว้ให้ทุกอย่าง แล้วบางอย่างเรามองว่ามันดูมากเกินไปสำหรับคนอายุขนาดนี้อ่ะค่ะ คือตอนนี้เราทั้งคู่เรียนมหาลัยอยู่นะคะ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เรารู้มาตลอดว่าแฟนเราเขามีความเครียด และความกดดันจากทางบ้านมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน การใช้ชีวิต หรือเรื่องส่วนตัวต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องความรัก พ่อกับแม่ค่อนข้างขีดเส้นเขามากค่ะ จนบางครั้งเรารู้สึกสงสารเขามาก แต่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไง เพราะมันเป็นเรื่องในครอบครัวเขา ถ้าจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพ ก็อย่างเช่น เรื่องการเรียน ที่เขาเองปกติก็เป็นคนที่เรียนเก่งมากๆ ดูได้จากผลการเรียนหรือการสอบที่อยู่ในระดับสูงมากๆตลอด ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง แต่เชื่อไหมคะ พ่อแม่เขาไม่เคยเอ่ยปากชมหรือให้กำลังใจอะไรเขาเลย มีแต่กดดันซ้ำว่าครั้งต่อๆไปหรือเทอมต่อๆไป ต้องทำให้ดีกว่าเดิม เขาเคยมาระบายให้ฟังค่ะว่า เวลาที่ผลสอบเขาออกมาดีหรือออกมาเป็นอันดับสูงสุด หรือแม้กระทั่งไปแข่งวิชาการนั่น นุ่น นี่มา พ่อแม่ก็ไม่เคยเอ่ยปากชมให้ดีใจสักครั้ง เราฟังแล้วมันน่าหดหู่นะคะ ที่สำคัญคือ แฟนเราเค้าเป็นคนที่ไม่ดื่มเหล้า สูบบุหรี่เลย ไม่เคยแม้แต่เที่ยวกลางคืนด้วยซ้ำ เพราะอยู่ในคำสั่งและกฏเกณฑ์พ่อแม่ตลอด และก็ทำตามทุกอย่างแบบเต็มใจด้วยนะคะ ไม่เคยเอ่ยปากโต้แย้งหรือมีปากเสียง ถึงขนาดนั้นบ่อยๆครั้ง ที่เราโทรไปหาเขา เรากลับมักได้ยินเสียงด่าทอ จากพ่อและแม่ของเขาเล็ดลอดออกมาจากมือถือตลอด ทั้งๆที่บางครั้งเขาก็ยังไม่ได้ทำอะไรผิดด้วยซ้ำ แต่ทำไมพ่อแม่ต้องใช้ถ้อยคำที่รุนแรงกับเขา จนเราอดสงสัยไม่ได้ เลยเอ่ยปากถาม แต่สิ่งที่เขาตอบกลับมาคือ ปกติพ่อแม่ก็พูดแบบนี้กับเขา คือชอบบ่น ชอบว่าตลอด ทั้งๆที่เขายังไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วความรู้สึกของเราคือแบบ...นี่มันไม่ปกตินะคะ เราว่ามันเป็นอะไรที่ดูรุนแรง และน่าหดหู่ใจมาก
ลามมาถึงเรื่องของเรากับแฟน ด้วยความที่พ่อแม่เขาเป็นแบบนั้น ถามว่าเราเข้าใจไหม ยอมรับได้ไหม ก็ได้ในระดับนึงนะคะ ไม่งั้น คงไม่คบกันมาถึงขนาดนี้ แต่มันก็มีหลายๆครั้ง ที่เรารู้สึกว่ามันมากเกินไป มันไม่ไหวอ่ะค่ะ หนักสุดก็คือเวลาคุยกัน นี่คือพ่อแม่ต้องตีกรอบให้แบบที่ว่า วันนี้มีเวลาคุยกันกี่นาทีๆ ต้องคุยเวลานี้เท่านั้น บางวันถ้าพ่อไม่อนุญาตก็คือไม่ได้คุยเลย จนบางครั้งเรารู้สึกไม่ไหวค่ะ ไม่ไหวในที่นี้คือเราสงสารเขา เราเห็นใจเขามาก เราสัมผัสได้ว่าอึดอัด กดดดันมากแค่ไหน แต่เราก็ช่วยอะไรไม่ได้ เราไม่รู้นะคะว่าเขาต้องทนกับสภาพแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว ไม่รู้ว่าเขาอาจจะรู้สึกคุ้นเคย หรือชินไปกับการขีดเส้นของพ่อกับแม่ในขนาดนี้ไปแล้วรึยัง แต่สำหรับเรา ตอนนี้เราว่าเราไม่ไหวค่ะ เราไม่โอเคมาก มันไม่ใช่แค่เรื่องที่ยกตัวอย่างมาให้ฟัง แต่ยังมีอีกหลายๆเรื่องที่มากกว่านี้ เรื่องส่วนตัวหลายเรื่องที่คิดว่าเขามีสิทธิ์ที่จะคิดหรือตัดสินใจเองได้ แต่พ่อแม่กำลังเลี้ยงเขาในแบบที่ทำร้ายเขาอยู่ค่ะ จนถึงตอนนี้ยอมรับตรงๆว่าเราแอบรู้สึกว่าเขายังไม่กล้ามีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่กล้าตัดสินใจ ไม่กล้าพูดหรือแสดงความต้องการของตัวเองให้พ่อแม่เข้าใจ ตรงนี้ล่ะค่ะ เป็นสิ่งที่ทำให้เราท้อมากๆกับการที่จะเดินไปกับเขาต่อ พูดตามความจริงคือ เราว่าตอนนี้เราสองคนก็อยู่ในวัยที่น่าจะมีความคิและสามารถตัดสินใจอะไรหลายๆอย่างได้ด้วยตัวเองแล้วอ่ะค่ะ อาจจะเป็นเพราะว่าตอนนี้ตัวเราเองก็มีเป้าหมายและมองอนาคตไว้ไกลมาก แต่เรารู้สึกว่าเขาไม่ไดเดินรือคิดไปพร้อมๆกับเราเลย เรารู้สึกว่าเขายังมีกฏเกณฑ์ของพ่อและแม่ที่ดึงไว้อยู่ เรามองว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อ แล้วอนาคตของเราจะเป็นยังไง ... เราเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่งค่ะ อายุก็มาถึงวัยที่ไม่ใช่วัยรุ่นใสๆ รักไปลองไปแล้ว เราอยากมีคนรักที่เป็นคนสุดท้าย อยากให้เขาเป็นคนที่คอยเป็นคู่คิด คู่สร้างกับเรา ทำอะไรก็ทำไปด้วยกัน สามารถดูแลและเป็นที่ปรึกษาให้เราได้ แต่พอมองมาที่แฟนเราตอนนี้ เหมือนตัวเขาเองก็ยังต้องรับผิดชอบและทำในสิ่งที่พ่อแม่ต้องการก่อน เราเลยตัดสินใจบอกเลิกเขาไปค่ะ ให้เขาได้ไปจัดการกับชีวิตตัวเอง แล้วเมื่อไหร่ที่เขาพร้อมกว่านี้ พร้อมที่จะกล้าคิดและตัดสินใจทำอะไรด้วยตัวเอง เราก็บอกว่าจะรอเขาค่ะ รอจนกว่าเขาจะพร้อม แล้วให้เรากลับมาคบกันอีกครั้ง
แต่เขากลับตอบมาว่า ไม่ต้องรอ ถ้าจะเลิกคือเลิกกันไปเลย ถ้าเรื่องแค่นี้อดทนไม่ได้ ก็เลิกกันไปซะเถอะ แล้วยังบอกเราอีกว่า ถ้าเลิกไปแล้วไม่ต้องคิดจะกลับมาหากันอีก...เขาบอกให้เราคิดก่อนดีๆที่จะตัดสินใจ ... เขาคงรู้สึกเสียใจนะคะ เรารู้ เราดูแย่มากไหมคะ ที่เลือกจะบอกเลิกเขาเพราะเหตุผลแบบนี้ เหมือนเราทิ้งเขาให้เผชิญกับปัญหาแบบนั้นคนเดียว เราลังเลที่จะทำแบบนี้หลายครั้งแล้วค่ะ แต่เราก็ไม่กล้า เพราะรัก เพราะห่วง และสงสารเขามากๆ ที่ต้องเจอเรื่องอะไรแบบนี้ในบ้าน แต่เราเองก็ทนรับสภาพแบบนั้นไม่ไหวอีกต่อไปแล้วค่ะ อาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมและความสัมพันธ์ในบ้านของเราไม่ใช่แบบนั้น พ่อแม่เราไม่ได้ใช้ถ้อยคำหยาบคายหรือรุนแรงกับเราเป็นปกติ ตั้งแต่เกิดมานับครั้งได้ที่แม่จะว่าเราแรงๆ ยิ่งพ่อนี่ไม่เคยเลย ครอบครัวเราก็ตีกรอบค่ะ โดยเฉพาะเรื่องความรัก แต่เรื่องอื่นๆ เรื่องการใช้ชีวิตส่วนตัว พ่อแม่ก็รับฟังความคิดเห็นเราตลอดนะ มันไม่ใช่แบบนี้ค่ะ ไม่ใช่แบบที่แฟนเราเจออยู่ คิดไปไกลถึงขนาดที่ว่า ถ้ายังเป็นแบบนี้ วันนึงถ้าแต่งงานกัน แล้วเราต้องเข้าไปอยู่ในบ้านเขา เราคงอยู่ไม่ได้... เห้อออ เราต้องทำไงดีคะ เรายังรักเขามาก แต่เราบอกเลิกเขาไปแล้ว เรารู้ว่าเขายังรักและเสียใจมาก แต่เขาก็จะไม่รู้และเข้าใจสักนิดเลยหรอคะ ว่าตลอดระยะเวลาที่คบกันมา เราต้องใช้ตวามอดทนและความพยายามกับความรักของเรามากแค่ไหน
แค่มาบ่นให้ฟังอ่ะค่ะ แต่ก็อยากได้คำแนะนำว่าควรเอาไงต่อดี เราบอกเลิกไปแล้วล่ะ แต่เขาบอกว่าให้คิดดีๆ แต่ถ้าจะเลิกจริงๆเขาก็บอกว่าเลิกคือเลิกเลย ไม่ต้องกลับมาหากันอีก แบบนี้เขาคิดอะไรอยู่กันแน่คะ??
จริงๆรายละเอียดยังมีกว่านี้เยอะ สิ่งที่เราต้องเผชิญกับพ่อและแม่ของเขาก็มีอีกเยอะ แต่จะให้พิมพ์แบบละเอียดๆก็คงไม่ดีอ่ะค่ะ จะชัดเจนไป ใครที่แวะเข้ามาอ่านแสดงความคิดเห็น หรือแนะนำได้นะคะ หรืออยากจะถามข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประกอบการตัดสินใจที่จะให้คำแนะนำก็ได้ค่ะ ตอนนี้อึดอัดมาก ถ้าได้คนช่วยออกความคิดเห็นบ้างอาจจะดีขึ้นมา เพราะบางทีอาจจะมีคนที่เจอประสบการณ์หนักกว่าเรา แล้วอยากจะเเชร์ความรู้สึกกัน แบบนั้นยิ่งจะดีมากๆไปอีก
ขอบคุณค่ะ.
บอกเลิกแฟน เพราะอึดอัดกับทางบ้านของเขา แต่เราก็ยังรักเขามาก ทำไงดี??
สาเหตุก็คือ เรารู้สึกว่าเขายังไม่พร้อมที่จะดูแลและให้เวลาเรา และยังต้องคอยจัดการกับชีวิตตัวเองหลายอย่าง ซึ่งปัญญาหลักๆก็คือ ครอบครัวของเขาเอง ที่บ้านเขาพ่อแม่ค่อนข้างตีกรอบให้ลูกมากค่ะ คือเขาต้องคอยตามกฏเกณฑ์ที่พ่อแม่วางไว้ให้ทุกอย่าง แล้วบางอย่างเรามองว่ามันดูมากเกินไปสำหรับคนอายุขนาดนี้อ่ะค่ะ คือตอนนี้เราทั้งคู่เรียนมหาลัยอยู่นะคะ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เรารู้มาตลอดว่าแฟนเราเขามีความเครียด และความกดดันจากทางบ้านมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน การใช้ชีวิต หรือเรื่องส่วนตัวต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องความรัก พ่อกับแม่ค่อนข้างขีดเส้นเขามากค่ะ จนบางครั้งเรารู้สึกสงสารเขามาก แต่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไง เพราะมันเป็นเรื่องในครอบครัวเขา ถ้าจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพ ก็อย่างเช่น เรื่องการเรียน ที่เขาเองปกติก็เป็นคนที่เรียนเก่งมากๆ ดูได้จากผลการเรียนหรือการสอบที่อยู่ในระดับสูงมากๆตลอด ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง แต่เชื่อไหมคะ พ่อแม่เขาไม่เคยเอ่ยปากชมหรือให้กำลังใจอะไรเขาเลย มีแต่กดดันซ้ำว่าครั้งต่อๆไปหรือเทอมต่อๆไป ต้องทำให้ดีกว่าเดิม เขาเคยมาระบายให้ฟังค่ะว่า เวลาที่ผลสอบเขาออกมาดีหรือออกมาเป็นอันดับสูงสุด หรือแม้กระทั่งไปแข่งวิชาการนั่น นุ่น นี่มา พ่อแม่ก็ไม่เคยเอ่ยปากชมให้ดีใจสักครั้ง เราฟังแล้วมันน่าหดหู่นะคะ ที่สำคัญคือ แฟนเราเค้าเป็นคนที่ไม่ดื่มเหล้า สูบบุหรี่เลย ไม่เคยแม้แต่เที่ยวกลางคืนด้วยซ้ำ เพราะอยู่ในคำสั่งและกฏเกณฑ์พ่อแม่ตลอด และก็ทำตามทุกอย่างแบบเต็มใจด้วยนะคะ ไม่เคยเอ่ยปากโต้แย้งหรือมีปากเสียง ถึงขนาดนั้นบ่อยๆครั้ง ที่เราโทรไปหาเขา เรากลับมักได้ยินเสียงด่าทอ จากพ่อและแม่ของเขาเล็ดลอดออกมาจากมือถือตลอด ทั้งๆที่บางครั้งเขาก็ยังไม่ได้ทำอะไรผิดด้วยซ้ำ แต่ทำไมพ่อแม่ต้องใช้ถ้อยคำที่รุนแรงกับเขา จนเราอดสงสัยไม่ได้ เลยเอ่ยปากถาม แต่สิ่งที่เขาตอบกลับมาคือ ปกติพ่อแม่ก็พูดแบบนี้กับเขา คือชอบบ่น ชอบว่าตลอด ทั้งๆที่เขายังไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วความรู้สึกของเราคือแบบ...นี่มันไม่ปกตินะคะ เราว่ามันเป็นอะไรที่ดูรุนแรง และน่าหดหู่ใจมาก
ลามมาถึงเรื่องของเรากับแฟน ด้วยความที่พ่อแม่เขาเป็นแบบนั้น ถามว่าเราเข้าใจไหม ยอมรับได้ไหม ก็ได้ในระดับนึงนะคะ ไม่งั้น คงไม่คบกันมาถึงขนาดนี้ แต่มันก็มีหลายๆครั้ง ที่เรารู้สึกว่ามันมากเกินไป มันไม่ไหวอ่ะค่ะ หนักสุดก็คือเวลาคุยกัน นี่คือพ่อแม่ต้องตีกรอบให้แบบที่ว่า วันนี้มีเวลาคุยกันกี่นาทีๆ ต้องคุยเวลานี้เท่านั้น บางวันถ้าพ่อไม่อนุญาตก็คือไม่ได้คุยเลย จนบางครั้งเรารู้สึกไม่ไหวค่ะ ไม่ไหวในที่นี้คือเราสงสารเขา เราเห็นใจเขามาก เราสัมผัสได้ว่าอึดอัด กดดดันมากแค่ไหน แต่เราก็ช่วยอะไรไม่ได้ เราไม่รู้นะคะว่าเขาต้องทนกับสภาพแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว ไม่รู้ว่าเขาอาจจะรู้สึกคุ้นเคย หรือชินไปกับการขีดเส้นของพ่อกับแม่ในขนาดนี้ไปแล้วรึยัง แต่สำหรับเรา ตอนนี้เราว่าเราไม่ไหวค่ะ เราไม่โอเคมาก มันไม่ใช่แค่เรื่องที่ยกตัวอย่างมาให้ฟัง แต่ยังมีอีกหลายๆเรื่องที่มากกว่านี้ เรื่องส่วนตัวหลายเรื่องที่คิดว่าเขามีสิทธิ์ที่จะคิดหรือตัดสินใจเองได้ แต่พ่อแม่กำลังเลี้ยงเขาในแบบที่ทำร้ายเขาอยู่ค่ะ จนถึงตอนนี้ยอมรับตรงๆว่าเราแอบรู้สึกว่าเขายังไม่กล้ามีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่กล้าตัดสินใจ ไม่กล้าพูดหรือแสดงความต้องการของตัวเองให้พ่อแม่เข้าใจ ตรงนี้ล่ะค่ะ เป็นสิ่งที่ทำให้เราท้อมากๆกับการที่จะเดินไปกับเขาต่อ พูดตามความจริงคือ เราว่าตอนนี้เราสองคนก็อยู่ในวัยที่น่าจะมีความคิและสามารถตัดสินใจอะไรหลายๆอย่างได้ด้วยตัวเองแล้วอ่ะค่ะ อาจจะเป็นเพราะว่าตอนนี้ตัวเราเองก็มีเป้าหมายและมองอนาคตไว้ไกลมาก แต่เรารู้สึกว่าเขาไม่ไดเดินรือคิดไปพร้อมๆกับเราเลย เรารู้สึกว่าเขายังมีกฏเกณฑ์ของพ่อและแม่ที่ดึงไว้อยู่ เรามองว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อ แล้วอนาคตของเราจะเป็นยังไง ... เราเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่งค่ะ อายุก็มาถึงวัยที่ไม่ใช่วัยรุ่นใสๆ รักไปลองไปแล้ว เราอยากมีคนรักที่เป็นคนสุดท้าย อยากให้เขาเป็นคนที่คอยเป็นคู่คิด คู่สร้างกับเรา ทำอะไรก็ทำไปด้วยกัน สามารถดูแลและเป็นที่ปรึกษาให้เราได้ แต่พอมองมาที่แฟนเราตอนนี้ เหมือนตัวเขาเองก็ยังต้องรับผิดชอบและทำในสิ่งที่พ่อแม่ต้องการก่อน เราเลยตัดสินใจบอกเลิกเขาไปค่ะ ให้เขาได้ไปจัดการกับชีวิตตัวเอง แล้วเมื่อไหร่ที่เขาพร้อมกว่านี้ พร้อมที่จะกล้าคิดและตัดสินใจทำอะไรด้วยตัวเอง เราก็บอกว่าจะรอเขาค่ะ รอจนกว่าเขาจะพร้อม แล้วให้เรากลับมาคบกันอีกครั้ง
แต่เขากลับตอบมาว่า ไม่ต้องรอ ถ้าจะเลิกคือเลิกกันไปเลย ถ้าเรื่องแค่นี้อดทนไม่ได้ ก็เลิกกันไปซะเถอะ แล้วยังบอกเราอีกว่า ถ้าเลิกไปแล้วไม่ต้องคิดจะกลับมาหากันอีก...เขาบอกให้เราคิดก่อนดีๆที่จะตัดสินใจ ... เขาคงรู้สึกเสียใจนะคะ เรารู้ เราดูแย่มากไหมคะ ที่เลือกจะบอกเลิกเขาเพราะเหตุผลแบบนี้ เหมือนเราทิ้งเขาให้เผชิญกับปัญหาแบบนั้นคนเดียว เราลังเลที่จะทำแบบนี้หลายครั้งแล้วค่ะ แต่เราก็ไม่กล้า เพราะรัก เพราะห่วง และสงสารเขามากๆ ที่ต้องเจอเรื่องอะไรแบบนี้ในบ้าน แต่เราเองก็ทนรับสภาพแบบนั้นไม่ไหวอีกต่อไปแล้วค่ะ อาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมและความสัมพันธ์ในบ้านของเราไม่ใช่แบบนั้น พ่อแม่เราไม่ได้ใช้ถ้อยคำหยาบคายหรือรุนแรงกับเราเป็นปกติ ตั้งแต่เกิดมานับครั้งได้ที่แม่จะว่าเราแรงๆ ยิ่งพ่อนี่ไม่เคยเลย ครอบครัวเราก็ตีกรอบค่ะ โดยเฉพาะเรื่องความรัก แต่เรื่องอื่นๆ เรื่องการใช้ชีวิตส่วนตัว พ่อแม่ก็รับฟังความคิดเห็นเราตลอดนะ มันไม่ใช่แบบนี้ค่ะ ไม่ใช่แบบที่แฟนเราเจออยู่ คิดไปไกลถึงขนาดที่ว่า ถ้ายังเป็นแบบนี้ วันนึงถ้าแต่งงานกัน แล้วเราต้องเข้าไปอยู่ในบ้านเขา เราคงอยู่ไม่ได้... เห้อออ เราต้องทำไงดีคะ เรายังรักเขามาก แต่เราบอกเลิกเขาไปแล้ว เรารู้ว่าเขายังรักและเสียใจมาก แต่เขาก็จะไม่รู้และเข้าใจสักนิดเลยหรอคะ ว่าตลอดระยะเวลาที่คบกันมา เราต้องใช้ตวามอดทนและความพยายามกับความรักของเรามากแค่ไหน
แค่มาบ่นให้ฟังอ่ะค่ะ แต่ก็อยากได้คำแนะนำว่าควรเอาไงต่อดี เราบอกเลิกไปแล้วล่ะ แต่เขาบอกว่าให้คิดดีๆ แต่ถ้าจะเลิกจริงๆเขาก็บอกว่าเลิกคือเลิกเลย ไม่ต้องกลับมาหากันอีก แบบนี้เขาคิดอะไรอยู่กันแน่คะ??
จริงๆรายละเอียดยังมีกว่านี้เยอะ สิ่งที่เราต้องเผชิญกับพ่อและแม่ของเขาก็มีอีกเยอะ แต่จะให้พิมพ์แบบละเอียดๆก็คงไม่ดีอ่ะค่ะ จะชัดเจนไป ใครที่แวะเข้ามาอ่านแสดงความคิดเห็น หรือแนะนำได้นะคะ หรืออยากจะถามข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประกอบการตัดสินใจที่จะให้คำแนะนำก็ได้ค่ะ ตอนนี้อึดอัดมาก ถ้าได้คนช่วยออกความคิดเห็นบ้างอาจจะดีขึ้นมา เพราะบางทีอาจจะมีคนที่เจอประสบการณ์หนักกว่าเรา แล้วอยากจะเเชร์ความรู้สึกกัน แบบนั้นยิ่งจะดีมากๆไปอีก
ขอบคุณค่ะ.