สวัสดีค่า
แอบซุ่มติดตามกระทู้ท่องเที่ยวของคนอื่นมานาน ถึงเวลาแชร์เรื่องราวเที่ยวของเราเองบ้างแล้ว
กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเราเลย ผิดพลาดยังไง ขอคำแนะนำด้วยนะคะ
ตามมาเลยค่า
ทริปนี้จุดหมายหลักคือ กลุ่มเทือกเขาDolomiti ในอิตาลี ที่เหลือถือเป็นของแถมสำหรับเราค่ะ เราเริ่มต้นด้วยการหาตั๋วเครื่องบินว่าบินแบบไหนถึงจะประหยัดที่สุด แล้วก้ได้เจอตั๋วโปรโมชั่นที่บินจาก KualumpurไปลงParis กลับจากRomeลงกรุงเทพเลย ในราคา 17000 บาท!! กดเลยสิคะ รออะไร ที่ต้องกดเพิ่มก็แค่ตั๋ว กรุงเทพ-กัวลา เลยกลายเป็นได้ตั๋วเครื่องบินในราคาสองหมื่นเท่านั้น อิอิ
สำหรับใครที่ไม่เคยได้ยินกลุ่มเทือกเขา Dolomiti เอาน้ำจิ้มไปดูก่อนค่ะ
ทริปนี้มีสมาชิกร่วมทริป3คน แล้วก็มีเพื่อนอีกคนมาจอยตรงกลางทริป รวมเป็น4คน เราไปกันช่วงเดือนตุลาคม 2015 ค่ะ สิริรวมทั้งทริปก็ 20วัน ค่าเสียหายประมาณ80kค่ะ
แผนการท่องเที่ยวของเรา เป็นตามนี้ค่ะ
เรามาถึงปารีสกันช่วงเช้า ผ่านกิจธุระที่สนามบินก้นั่งรถไฟเข้าเมืองมาที่พักกันก่อน ซึ่งที่ปารีสเราพักกับ Airbnbค่ะ เจ้าของห้องรอนัดเจอเราที่ด้านล่างอพาร์ตเมนต์ของเค้า เพื่อจะให้กุญแจ สรุปว่าเราไปสายค่ะ T____T เพราะรถไฟของที่นี่ ต้องต่อสายเยอะมาก แล้วต่อสายแต่ละที คือขึ้นบันไดลงบันได (แล้วไม่ค่อยมีบันไดเลื่อนอีก) เลี้ยวซ้ายทีขวาที ลากๆยกๆกระเป๋ากันจนเพลีย แต่เค้าก็ยังอยู่ยิ้มต้อนรับ รู้สึกผิดมากกกก
ตึกส่วนใหญ่ในปารีสที่เห็นสวยๆจะเป็นตึกเก่าค่ะ เพราะฉะนั้นก็จะไม่มีลิฟต์เป็นส่วนใหญ่ แล้วห้องของเราอยู่ชั้น 4ค่ะ!! แถมค่าที่ก็น่าจะแพง ทำบันไดเล็กม๊ากก เดินฉุดกระชากลากถู กระเป๋าอันใหญ่โตกันจนกล้ามขึ้น ถึงจะทุลักทุเล แต่ว่าที่พักใกล้สถานีรถไฟ และแหล่งช้อปปิ้งอย่าง Lafayette ก็หักล้างกันไปค่ะ แต่ที่ดีงามสุดคือเจ้าของห้อง ใจดีแถมยังหล่อจนเคลิ้มมม ช่วยหิ้วกระเป๋าอันแสนหนักหน่วงขึ้นบันได้อีก ความประทับใจแรกของฝรั่งเศสเลยค่ะ เอาใจไปเลยยย 5555
หลังจากเก็บกระเป๋ากันเรียบร้อยแล้ว จุดมุ่งหมายของวันนี้คือไปเดินชิคๆที่ Champ-Elysees กับหอไอเฟล ปารีสนี่คือจะไปไหนก้นั่งmetro ถึงกันหมดเลยค่ะ สะดวกมาก แต่ข้อควรระวังก็คือโจรชุมมาก ยิ่งรถไฟแน่นนี่ระวังกระเป๋ากันให้ดี คนล้วงก็จะเป็นพวกยิปซีอพยพที่ฝรั่งเศสรับเข้าประเทศมา มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ อีกอย่างของเมโทรก็คือ คนฝรั่งเศสนี่เค้าไม่สนใจคนอื่นเลย มีโมเม้นแบบรถไฟใกล้ออก ละมีคนยืนขวางหน้าประตู เราจะเข้า ฮีก้ไม่เขยิบกันนะจ๊ะ โกรธธธ
เรานั่งเมโทรไปลงที่ Arc de triomphe เป็นประตูชัยซึ่งอยู่ที่เกาะกลางถนนเหมือนอนุเสาวรีย์ชัยบ้านเราเลย จริงๆมันขึ้นด้านบนดูวิวเมืองได้ จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ แต่ว่าพวกเราไม่ได้ขึ้นค่ะ
แค่กลับหลังหันจากประตูชัยนี้ก็คือถนนสุดชิค Champ-Elyseesแล้วค่ะ ที่นี่มีร้านให้ช้อปปิ้งเยอะมากกก ทั้งแบรนเนมหรูๆไปถึงzara H&M sephora ร้านหนังสือ โรงหนัง ครบ จบในที่เดียวเรื่องการช้อปปิ้ง ที่นี่เราหาร้านซื้อ Paris Museum pass ด้วยค่ะ แบบ2วัน 42ยูโร จริงๆคือตั้งใจจะหาซื้อตั้งแต่ที่สถานีรถไฟ เพราะรีวิวอื่นๆบอกว่าซื้อได้ แต่คนขายตั๋วพูดอังกฤษไม่ได้ค่ะ แถมคนขายยังทำหน้าทำตาแบบคนฝรั่งเศสไม่แคร์สื่อใส่ อืมม
ที่นี่มีร้าน Laduree ต้นตำรับด้วยค่ะ จากเราที่ไม่ค่อยชอบมาการองเพราะมันหวานเลี่ยนๆ แต่มาถึงที่แล้วก็ต้องขอลองซักหน่อย ชิ้นนึงก็2ยูโร หรือประมาณ80บาทชิวๆ TT แต่ก็อร่อยค่ะ กลายเป็นชอบมาการองไปเลย (คนขายสวยด้วยค่ะ แอบมอง 555)
มาถึง หอไอเฟล กันบ้าง โมเม้นแรกที่เห็นโผล่มาแค่ยอดคือ เห้ย! มันใหญ่ขนาดนี้เลยหรอ ตะลึง ตื่นเต้นมากแล้วก้ชอบมากกกก ด้านหน้าของหอไอเฟลจะเป็นเหมือนสวนหย่อมเล็กๆ มีน้ำพุ รูปปั้น สนามหญ้า เราใช้เวลากับหอไอเฟลกันนานมาก คือปรื้มปริ่ม เข้าใจเลยว่าที่เค้าว่าปารีสเป็นเมืองที่โรแมนติกมันคือแบบนี้นี่เอง ด้วยความที่ pass ที่เราซื้อมันขึ้นหอไอเฟลไม่ได้ ประกอบกับคนเข้าคิวยาวมาก เราเลยไม่ไปขึ้นกัน (คิดว่าขึ้นไปแล้วไม่เห็นไอเฟล ก้เลยไม่ขึ้นค่ะ)
เราไปนั่งเรือล่องแม่น้ำSeine ที่ตัดผ่านใจกลางเมืองปารีสกันต่อ ก่อนขึ้นเรือก็ซื้อพิซซ่าแถวๆท่าเรือ อร่อยมากกก (พิซซ่าต่างแดนนี่อร่อยเสมอ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมพิซซ่าเมืองไทยไม่อร่อยแบบนี้บ้าง) ล่องเรือคือเป็น A must มากๆเลย ราคาก็ไม่แพง 14euro เรือจะล่องผ่านจุดท่องเที่ยวสำคัญๆทั้งหมดเลย เพราะส่วนใหญ่สถานที่หลักๆก็จะติดแม่น้ำนี้ค่ะ ไอเฟล ลูฟ พระราชวัง โบสถ์ พิพิธภัณฑ์ แล้วมีไกด์คอยเล่าให้ฟังว่าที่ไหนสำคัญยังไง มันดีมากจริงๆ บวกกับลมเย็นๆไปถึงหนาวเลย ทำให้เราเคลิ้ม.. หลับ 5555 คือไม่ใช่ไกด์น่าเบื่อนะคะ มันดีจริงๆ แต่เราเดินทางกันมาทั้งวัน ยังไม่ได้พัก เจ๊ทแลกด้วย หลับกันหมดทุกคนค่ะ
[CR] Paris to Italy,, You have stolen my heart <3
แอบซุ่มติดตามกระทู้ท่องเที่ยวของคนอื่นมานาน ถึงเวลาแชร์เรื่องราวเที่ยวของเราเองบ้างแล้ว
กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเราเลย ผิดพลาดยังไง ขอคำแนะนำด้วยนะคะ
ตามมาเลยค่า
ทริปนี้จุดหมายหลักคือ กลุ่มเทือกเขาDolomiti ในอิตาลี ที่เหลือถือเป็นของแถมสำหรับเราค่ะ เราเริ่มต้นด้วยการหาตั๋วเครื่องบินว่าบินแบบไหนถึงจะประหยัดที่สุด แล้วก้ได้เจอตั๋วโปรโมชั่นที่บินจาก KualumpurไปลงParis กลับจากRomeลงกรุงเทพเลย ในราคา 17000 บาท!! กดเลยสิคะ รออะไร ที่ต้องกดเพิ่มก็แค่ตั๋ว กรุงเทพ-กัวลา เลยกลายเป็นได้ตั๋วเครื่องบินในราคาสองหมื่นเท่านั้น อิอิ
สำหรับใครที่ไม่เคยได้ยินกลุ่มเทือกเขา Dolomiti เอาน้ำจิ้มไปดูก่อนค่ะ
ทริปนี้มีสมาชิกร่วมทริป3คน แล้วก็มีเพื่อนอีกคนมาจอยตรงกลางทริป รวมเป็น4คน เราไปกันช่วงเดือนตุลาคม 2015 ค่ะ สิริรวมทั้งทริปก็ 20วัน ค่าเสียหายประมาณ80kค่ะ
แผนการท่องเที่ยวของเรา เป็นตามนี้ค่ะ
เรามาถึงปารีสกันช่วงเช้า ผ่านกิจธุระที่สนามบินก้นั่งรถไฟเข้าเมืองมาที่พักกันก่อน ซึ่งที่ปารีสเราพักกับ Airbnbค่ะ เจ้าของห้องรอนัดเจอเราที่ด้านล่างอพาร์ตเมนต์ของเค้า เพื่อจะให้กุญแจ สรุปว่าเราไปสายค่ะ T____T เพราะรถไฟของที่นี่ ต้องต่อสายเยอะมาก แล้วต่อสายแต่ละที คือขึ้นบันไดลงบันได (แล้วไม่ค่อยมีบันไดเลื่อนอีก) เลี้ยวซ้ายทีขวาที ลากๆยกๆกระเป๋ากันจนเพลีย แต่เค้าก็ยังอยู่ยิ้มต้อนรับ รู้สึกผิดมากกกก
ตึกส่วนใหญ่ในปารีสที่เห็นสวยๆจะเป็นตึกเก่าค่ะ เพราะฉะนั้นก็จะไม่มีลิฟต์เป็นส่วนใหญ่ แล้วห้องของเราอยู่ชั้น 4ค่ะ!! แถมค่าที่ก็น่าจะแพง ทำบันไดเล็กม๊ากก เดินฉุดกระชากลากถู กระเป๋าอันใหญ่โตกันจนกล้ามขึ้น ถึงจะทุลักทุเล แต่ว่าที่พักใกล้สถานีรถไฟ และแหล่งช้อปปิ้งอย่าง Lafayette ก็หักล้างกันไปค่ะ แต่ที่ดีงามสุดคือเจ้าของห้อง ใจดีแถมยังหล่อจนเคลิ้มมม ช่วยหิ้วกระเป๋าอันแสนหนักหน่วงขึ้นบันได้อีก ความประทับใจแรกของฝรั่งเศสเลยค่ะ เอาใจไปเลยยย 5555
หลังจากเก็บกระเป๋ากันเรียบร้อยแล้ว จุดมุ่งหมายของวันนี้คือไปเดินชิคๆที่ Champ-Elysees กับหอไอเฟล ปารีสนี่คือจะไปไหนก้นั่งmetro ถึงกันหมดเลยค่ะ สะดวกมาก แต่ข้อควรระวังก็คือโจรชุมมาก ยิ่งรถไฟแน่นนี่ระวังกระเป๋ากันให้ดี คนล้วงก็จะเป็นพวกยิปซีอพยพที่ฝรั่งเศสรับเข้าประเทศมา มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ อีกอย่างของเมโทรก็คือ คนฝรั่งเศสนี่เค้าไม่สนใจคนอื่นเลย มีโมเม้นแบบรถไฟใกล้ออก ละมีคนยืนขวางหน้าประตู เราจะเข้า ฮีก้ไม่เขยิบกันนะจ๊ะ โกรธธธ
เรานั่งเมโทรไปลงที่ Arc de triomphe เป็นประตูชัยซึ่งอยู่ที่เกาะกลางถนนเหมือนอนุเสาวรีย์ชัยบ้านเราเลย จริงๆมันขึ้นด้านบนดูวิวเมืองได้ จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ แต่ว่าพวกเราไม่ได้ขึ้นค่ะ
แค่กลับหลังหันจากประตูชัยนี้ก็คือถนนสุดชิค Champ-Elyseesแล้วค่ะ ที่นี่มีร้านให้ช้อปปิ้งเยอะมากกก ทั้งแบรนเนมหรูๆไปถึงzara H&M sephora ร้านหนังสือ โรงหนัง ครบ จบในที่เดียวเรื่องการช้อปปิ้ง ที่นี่เราหาร้านซื้อ Paris Museum pass ด้วยค่ะ แบบ2วัน 42ยูโร จริงๆคือตั้งใจจะหาซื้อตั้งแต่ที่สถานีรถไฟ เพราะรีวิวอื่นๆบอกว่าซื้อได้ แต่คนขายตั๋วพูดอังกฤษไม่ได้ค่ะ แถมคนขายยังทำหน้าทำตาแบบคนฝรั่งเศสไม่แคร์สื่อใส่ อืมม
ที่นี่มีร้าน Laduree ต้นตำรับด้วยค่ะ จากเราที่ไม่ค่อยชอบมาการองเพราะมันหวานเลี่ยนๆ แต่มาถึงที่แล้วก็ต้องขอลองซักหน่อย ชิ้นนึงก็2ยูโร หรือประมาณ80บาทชิวๆ TT แต่ก็อร่อยค่ะ กลายเป็นชอบมาการองไปเลย (คนขายสวยด้วยค่ะ แอบมอง 555)
มาถึง หอไอเฟล กันบ้าง โมเม้นแรกที่เห็นโผล่มาแค่ยอดคือ เห้ย! มันใหญ่ขนาดนี้เลยหรอ ตะลึง ตื่นเต้นมากแล้วก้ชอบมากกกก ด้านหน้าของหอไอเฟลจะเป็นเหมือนสวนหย่อมเล็กๆ มีน้ำพุ รูปปั้น สนามหญ้า เราใช้เวลากับหอไอเฟลกันนานมาก คือปรื้มปริ่ม เข้าใจเลยว่าที่เค้าว่าปารีสเป็นเมืองที่โรแมนติกมันคือแบบนี้นี่เอง ด้วยความที่ pass ที่เราซื้อมันขึ้นหอไอเฟลไม่ได้ ประกอบกับคนเข้าคิวยาวมาก เราเลยไม่ไปขึ้นกัน (คิดว่าขึ้นไปแล้วไม่เห็นไอเฟล ก้เลยไม่ขึ้นค่ะ)
เราไปนั่งเรือล่องแม่น้ำSeine ที่ตัดผ่านใจกลางเมืองปารีสกันต่อ ก่อนขึ้นเรือก็ซื้อพิซซ่าแถวๆท่าเรือ อร่อยมากกก (พิซซ่าต่างแดนนี่อร่อยเสมอ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมพิซซ่าเมืองไทยไม่อร่อยแบบนี้บ้าง) ล่องเรือคือเป็น A must มากๆเลย ราคาก็ไม่แพง 14euro เรือจะล่องผ่านจุดท่องเที่ยวสำคัญๆทั้งหมดเลย เพราะส่วนใหญ่สถานที่หลักๆก็จะติดแม่น้ำนี้ค่ะ ไอเฟล ลูฟ พระราชวัง โบสถ์ พิพิธภัณฑ์ แล้วมีไกด์คอยเล่าให้ฟังว่าที่ไหนสำคัญยังไง มันดีมากจริงๆ บวกกับลมเย็นๆไปถึงหนาวเลย ทำให้เราเคลิ้ม.. หลับ 5555 คือไม่ใช่ไกด์น่าเบื่อนะคะ มันดีจริงๆ แต่เราเดินทางกันมาทั้งวัน ยังไม่ได้พัก เจ๊ทแลกด้วย หลับกันหมดทุกคนค่ะ