Thesis ยากที่อาจารย์หรือยากที่ตัวเรา

อาโหลลลลล ทักทายเพื่อนๆ ทุกคนค่ะ (เรามือใหม่หัดเขียน...ถ้าเขียนแล้วงงๆขออภัยไว้ ณ ที่นี่ด้วยนะคะ) ที่จริงเราแค่อยากระบาย เริ่มละนะ
ตอนนี้เราเป็นนิสิตปริญญาโท ภาคพิเศษ (คือเรียนเสาร์-อาทิตย์) อยู่ที่มหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ
ความคิดของเราคือการตัดสินใจเรียนปริญญาโทในภาคพิเศษ  คือเราสามารถทำงานได้ด้วย บ้านเราไม่ได้มีฐานะ เราเป็นมนุษย์เงินเดือนเหมือนใครหลายๆคน เงินเดือนที่ได้คือสิ่งที่ต้องนำมาใช้หล่อเลี้ยงชีวิตประจำวันของเราและครอบครัว(บางส่วน) ตอนเรียนเล่มเราไม่มีปัญหาอะไรกับการทำงานและเรียน ซึ่งตอนปริญญาตรีเราก็ทำงานพร้อมเรียนมาตลอด เลยยังรู้สึกชิวถึงชิวมาก จนถึงวันที่เราต้องเริ่มทำวิทยานิพนธ์ (เราเลือกเรียนภาค ก. เพราะ1.อยากทำวิทยานิพนธ์ 2.อยากเรียนต่อเอกกับเอาไปเป็นส่วนหนึ่งของการสมัครเป็นอาจารย์เมื่อเรียนจบ ความฝันสูงสุดในชีวิตแล้ว) เราได้อาจารย์คนหนึ่งเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา ตอนแรกทุกคนบอกว่าอาจารย์ท่าจะเป็นคนเยอะ แต่เราน่าจะเอาอยู่ 555+ เมื่อเริ่มทำขั้นตอนการทำวิทยานิพนธ์ ปัญหาเริ่มเกิด เช่น
1.อาจารย์ชอบให้เราเข้าพบในช่วงจันทร์-ศุกร์ ส่วนใหญ่จะเป็นในเวลาราชการ แล้วจะต้องอยู่ยันเย็น ยันค่ำ ยันตึกปิด
2.เวลาอาจารย์สั่งให้ทำอะไร หรือหาอะไรเพิ่มเติม เวลาเราหามาให้หรือศึกษาเพิ่มเติมมาให้รอบต่อมา อาจารย์จะบอกว่า ทำมาทำไม ไม่ได้สั่ง เสียเวลามั๊ย...เช่นเดียวกับงานที่แก้ อาจารย์เขียนแก้เอง เราแก้ พอพรีเซ้น3บท ตรงที่แก้มีปัญหา อาจารย์หันมาถามเราว่า เธอเขียนอย่างนี้ได้ยังงัย เอิ่มมมมม นู๋ไม่ได้เขียนมั๊ยค่ะ (คิดในใจT^T)
3.ทุกครั้งที่ไปพบจะรู้สึกเหมือนเข้าห้องมืดดดดดด คือกำลังใจในการทำเล่มไม่ต้องคิดจะได้ แต่สิ่งที่ได้คือ อารมณ์ของอาจารย์ อารมณ์ล้วนๆ ทั้งประชด ทั้งกระทบกระเทียบ เปรียบเทียบคนนั้นคนนี่กับเรา บ่นเรื่องงาน คือสรุปง่ายๆ การไปหาที่ปรึกษาครั้งหนึ่งคือการบันทอนจิตใจอย่างมหาศาล
4.เราไม่ใช่เด็กเรียนเก่ง แต่เราเป็นคนอยากเรียนรู้ เวลานำเสนออะไรไปให้กับอาจารย์ว่าทำได้มั๊ยในงานวิจัย เมื่ออาจารย์ตอบว่าไม่ได้ เราก็จะชอบถามว่าทำไมค่ะ... แต่เราก็ไม่ได้ซีเรียตนะว่าต้องทำ ไม่ทำก็ได้ ก็แค่อยากรู้ว่าทำไมทำไม่ได้ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ อาจารย์บอกว่าเราดื้อ เราชอบเถียง งงเด้ งงเด้ เราก็งง หลังจากนั้น เราไม่ถามอะไรเลยสักคำ ไม่ทำก็ไม่ทำ
5.ทุกครั้งที่เรามีปัญหา เราจะไลน์หาอาจารย์ ว่าถ้าเป็นแบบนี้จะทำยังงัยต่อดีค่ะ ...สิ่งที่ได้คือ อาจารย์เปิดไลน์อ่านแล้วก็เงียบ เงียบแบบไม่ตอบ แต่ถ้าถามไปอีก อาจารย์จะด่ามาเป็นทางยาวววววววว และบอกว่าเราจะไปกดดันอาจารย์ทำไมค่ะ อ้าววววววว แล้วนู๋จะถามใครดีค่ะ ปัจจุบันไม่กล้าถามอะไรแล้วค่ะ หาเองเออเองอยู่คนเดียว ไม่รู้ถูกหรือผิดมั๊ย ทำๆๆไปก่อน อาจารย์ไม่ว่างค่ะ เข้าใจตรงกัน
6.เวลาถามอาจารย์เรื่องรันสถิติ ซึ่งเป็นเรื่องที่เราโคตรไม่ถนัดเลยจริงๆๆ เราถามไปว่าทำงัยดี สิ่งที่ได้คือคำตอบข้อ5. และเพิ่มอีกหน่อยคือ เธอต้องไปหาคนที่รู้สอนเธอนะเรื่องนี้ อาจารย์รู้แระว่าทำงัยแต่เธอต้องไปหาวิธีเองก่อน ค่ะ....ตอนนี้ไม่ถามเลยค่ะ อ่านสือ รันเอง จ้างคนข้างนอกสอน T^T
7.อาจารย์ที่ปรึกษาเรามีความเชื่ออยู่อย่างนึงว่า การทำงานไม่สามารถไปด้วยกันกับการเรียนได้ ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เราพยายามจะทำให้อาจารย์เห็นว่ามันไปด้วยกันได้ค่ะ เพราะทีมอาจารย์คนอื่นเด็กก็จบกันไปเยอะนะไม่เห็นต้องออกจากงาน แต่ 1 ปีผ่านไปมันไม่ได้ผล ตอนนี้เราออกจากงานมา 1 เดือนแล้ว ไม่ได้ส่งเงินให้ที่บ้าน จากงานออฟฟิตเราต้องหางานกลางคืนทำแทน จากเงินเดือน 3k เราเหลือแค่หลักพัน แม่เราต้องหางานทำช่วยกัน(แม้จะป่วยอยู่) เราบอกอาจารย์ที่ปรึกษาแล้วว่าเราลาออกจากงานแล้วนะคะ นู๋สะดวกไปหาอาจารย์ทุกวัน ทุกเวลา อาจารย์สะดวกเวลาไหนบอกได้เลยค่ะ คำตอบที่ได้กลับมาคือ อาจารย์ไม่ว่าง เธอจะมากดดันอาจารย์ทำไมและบลาาาาาาา...

บอกเลยตอนนี้ทุกข์มาก ทุกข์ที่สุด เราอยากทำเล่มให้เสร็จ เราอยากใช้ชีวิตของเรา ให้เราทำอะไรก็ได้เรายอมหมด เราขอชีวิตงาน ชีวิตครอบครัวเรากลับมาได้มั๊ย ตอนนี้เราทำอะไรไม่ได้นอกจากรอ รอให้อาจารย์ว่าง และหางานกลางคืนทำ เพราะตอนกลางวันต้องเผื่อเวลาไว้หาอาจารย์
สุดท้ายถ้าไม่ไหวจริงๆเราคงต้องลาออกจากเรียนเพื่อกลับไปทำงาน ทิ้งเงินสองแสนกว่าบาทที่จ่ายไปให้มหาวิทยาลัยแล้ว กลับไปใช้หนี้ที่กู้เค้ามาเรียนแทน T^T T^T
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่