ร้านนี้ย้ายจากหน้าวัดคลองโคนเข้ามาซื้อที่โดยมิได้คำนึงถึงการบำบัดน้ำเสีย จึงได้ลักลอบปล่อยน้ำเสียลงในท่อระบายน้ำของถนนหลวง (ซึ่งตามกฎหมายนั้นเอาไว้ใช้เพื่อระบานน้ำฝนที่ตกลงมาเท่านั้น) เป็นเวลานานนับปี
จากนั้นน้ำเสียก็มีการลงสู่ลำคลองอีกด้านของท่อ (ปลายท่อด้านหนึ่งอยู่ที่หน้าร้านแห่งนี้ อีกด้านต่อลงคลองแต่ไม่ใช่ลงคลองโคนนะ เพราะตอนนั้นถนนยังไม่เสร็จ ตอนนี้เสร็จเเล้วเมื่อเดือน พ.ค. 60 ที่ผ่านมา ทำให้ปลายอีกด้านต่อลงคลองโคนโดยตรง)
โดยที่ปลายอีกด้านที่ร้านนี่ปล่อยน้ำเสียลงตั้งแต่เปิดร้านแรก ๆ ชาวบ้านที่ใช้คลองด้านนั้นเกิดความเดือดร้อนจึงนำดินไปปิดไว้ ทำให้น้ำเสียค้างอยู่ในท่อเป็นเวลานานนับปี ส่งกลิ่นเหม็นมาก *ถ้าคนเคยมากินที่นี่น่าจะได้กลิ่นทุกคน*
ปัญหานี้ก็ล่วงเลยเวลามานาน จนมีคนร้องเรียนมามาก ร้านอาหารแห่งนี้เลยชื้อที่ฝั่งตรงข้ามของตนทำเป็นที่ปล่อยน่ำเสีย (จริงๆก่อนจะซื้อที่ปล่อยน้ำเสีย มีเรื่องราวอีกแต่ข้าพเจ้าไม่อยากเล่า) แต่ * น้ำที่เน่าค้างอยู่ในท่อก็ยังอยู้หมือนเดิมไม่ได้มีการจัดการอะไรเพิ่ม เพียงแค่ไม่ได้ปล่อยเพิ่มและฝนตกทำให้น้ำเจือจาง ไม่มีกลิ่นเเล้ว แต่พวกกากต่างๆขยะที่หมักหมมก็ยังคงอยู่
ทีนี่เร็วๆนี้ช่วงฝนตกหนักๆช่วงนี้ กอบกับถนนที่ทำเสร็จเมื่อ พ.ค. 60 ที่ผ่านมา ทำให้น้ำเน่าที่ค้างท่ออยู่นั้นไหลลงสู่คลองโคน (ท่อมาพร้อมกับถนนที่เพิ่งสร้างเสร็จ) ทำให้มีคนร้องเรียนถึงศูนย์ดำรงธรรม ทำให้ต้องมีการจัดการกันอีกรอบ
ข้าพเจ้าจึงเกิดคำถามในใจว่า
1. การที่รัฐจะนะเงินภาษีเรา ๆ ท่าน ๆ มาจัดการแก้ปัญหาให้เอกชน ซึ่งเอกชนเป็นคนก่อขึ้นทั้งหมดมันถูกแล้วหรือ (ทำผิดกฎหมายด้วย เพราะท่อน้ำของถนนมีไว้ระบายน้ำฝนเท่านั้น)
2. เห็นว่าการแก้ไขจะเปิดท่อออกทั้งสองด้านแล้วไล่น้ำเสียลงสู้ลำคลองธรรมชาติ มันถูกเเล้วหรือ? ทำไมไม่เอารถมาดูดออกไปกำจัดให้ถูกต้อง ? คิดว่าน่าจะใช้งบประมาณเยอะเพราะท่อยาว 700 เมตร น้ำครึ่งท่อน่าจะเยอะอยู่ กับอีกอย่างคือเอาง่ายเข้าว่าตามหลักไทย ๆ
3. น้ำในคลองเกือบทุกคลองของจังหวัดสมุทรสงครามอยู่ในสภาพเลวร้ายเกือบทุกคลองแล้ว (มีคนตรวจเเล้วมาบอก) มันถึงเวลาที่จะทำอะไรให้มันจริงจังแล้วหรือยัง ไม่ใช่เอาง่ายเข้าว่า ไม่ใช่กับแค่จังหวัดเดียวผมหมายถึงทุกจังหวัดของประเทศซึ่งคาดว่าน่าจะมีอาการนี้ไม่น้อย
4. ร้านอาหารที่ก่อเหตุควรจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดใช่หรือไม่ เพราะว่าเป็นคนทำผิดแต่เพียงผู้เดียว
ร้านพวกนี้รายได้เดือนๆนึงหลักล้านอัพอาจจะมากกว่าด้วย เอาเงินมาจัดการมันไม่ใช่ปัญหาอยู่เเล้วผมว่า พวกเรา ๆ ทั้งหลายต้องเอาภาษีมาจัดการให้มันไม่น่าจะถูกเรื่อง
เอามาเล่าให่ฟังกันครับ นี่ยังไม่รวมเรื่องลูกค้ากับร้านขายของฝากหน้าร้านด้วยนะ ทั้งจอดรถขวางทางเต็มถนนจนเหลือถนนช่องเดียวสัญจรลำบาก ที่สำคัญ *ต้องลำบากไปด้วยทั้งที่ก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรด้วยเลย เรียกว่าลำบากฟรี ๆ *
#ไทยแลนดโอนลี่
#แบบนี้ก็ได้หรอ
#หวังว่าผู้บริหารประเทศตั้งแต่ท้องถิ่นถึงระดับประเทศจะแก้ปัญหาให้ยั่งยืนเสียที
#หวังลม ๆ แล้ง ๆ
ขอบคุณครับ
ร้านดัง ต.คลองโคน เรื่องน้ำเน่าเสีย
จากนั้นน้ำเสียก็มีการลงสู่ลำคลองอีกด้านของท่อ (ปลายท่อด้านหนึ่งอยู่ที่หน้าร้านแห่งนี้ อีกด้านต่อลงคลองแต่ไม่ใช่ลงคลองโคนนะ เพราะตอนนั้นถนนยังไม่เสร็จ ตอนนี้เสร็จเเล้วเมื่อเดือน พ.ค. 60 ที่ผ่านมา ทำให้ปลายอีกด้านต่อลงคลองโคนโดยตรง)
โดยที่ปลายอีกด้านที่ร้านนี่ปล่อยน้ำเสียลงตั้งแต่เปิดร้านแรก ๆ ชาวบ้านที่ใช้คลองด้านนั้นเกิดความเดือดร้อนจึงนำดินไปปิดไว้ ทำให้น้ำเสียค้างอยู่ในท่อเป็นเวลานานนับปี ส่งกลิ่นเหม็นมาก *ถ้าคนเคยมากินที่นี่น่าจะได้กลิ่นทุกคน*
ปัญหานี้ก็ล่วงเลยเวลามานาน จนมีคนร้องเรียนมามาก ร้านอาหารแห่งนี้เลยชื้อที่ฝั่งตรงข้ามของตนทำเป็นที่ปล่อยน่ำเสีย (จริงๆก่อนจะซื้อที่ปล่อยน้ำเสีย มีเรื่องราวอีกแต่ข้าพเจ้าไม่อยากเล่า) แต่ * น้ำที่เน่าค้างอยู่ในท่อก็ยังอยู้หมือนเดิมไม่ได้มีการจัดการอะไรเพิ่ม เพียงแค่ไม่ได้ปล่อยเพิ่มและฝนตกทำให้น้ำเจือจาง ไม่มีกลิ่นเเล้ว แต่พวกกากต่างๆขยะที่หมักหมมก็ยังคงอยู่
ทีนี่เร็วๆนี้ช่วงฝนตกหนักๆช่วงนี้ กอบกับถนนที่ทำเสร็จเมื่อ พ.ค. 60 ที่ผ่านมา ทำให้น้ำเน่าที่ค้างท่ออยู่นั้นไหลลงสู่คลองโคน (ท่อมาพร้อมกับถนนที่เพิ่งสร้างเสร็จ) ทำให้มีคนร้องเรียนถึงศูนย์ดำรงธรรม ทำให้ต้องมีการจัดการกันอีกรอบ
ข้าพเจ้าจึงเกิดคำถามในใจว่า
1. การที่รัฐจะนะเงินภาษีเรา ๆ ท่าน ๆ มาจัดการแก้ปัญหาให้เอกชน ซึ่งเอกชนเป็นคนก่อขึ้นทั้งหมดมันถูกแล้วหรือ (ทำผิดกฎหมายด้วย เพราะท่อน้ำของถนนมีไว้ระบายน้ำฝนเท่านั้น)
2. เห็นว่าการแก้ไขจะเปิดท่อออกทั้งสองด้านแล้วไล่น้ำเสียลงสู้ลำคลองธรรมชาติ มันถูกเเล้วหรือ? ทำไมไม่เอารถมาดูดออกไปกำจัดให้ถูกต้อง ? คิดว่าน่าจะใช้งบประมาณเยอะเพราะท่อยาว 700 เมตร น้ำครึ่งท่อน่าจะเยอะอยู่ กับอีกอย่างคือเอาง่ายเข้าว่าตามหลักไทย ๆ
3. น้ำในคลองเกือบทุกคลองของจังหวัดสมุทรสงครามอยู่ในสภาพเลวร้ายเกือบทุกคลองแล้ว (มีคนตรวจเเล้วมาบอก) มันถึงเวลาที่จะทำอะไรให้มันจริงจังแล้วหรือยัง ไม่ใช่เอาง่ายเข้าว่า ไม่ใช่กับแค่จังหวัดเดียวผมหมายถึงทุกจังหวัดของประเทศซึ่งคาดว่าน่าจะมีอาการนี้ไม่น้อย
4. ร้านอาหารที่ก่อเหตุควรจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดใช่หรือไม่ เพราะว่าเป็นคนทำผิดแต่เพียงผู้เดียว
ร้านพวกนี้รายได้เดือนๆนึงหลักล้านอัพอาจจะมากกว่าด้วย เอาเงินมาจัดการมันไม่ใช่ปัญหาอยู่เเล้วผมว่า พวกเรา ๆ ทั้งหลายต้องเอาภาษีมาจัดการให้มันไม่น่าจะถูกเรื่อง
เอามาเล่าให่ฟังกันครับ นี่ยังไม่รวมเรื่องลูกค้ากับร้านขายของฝากหน้าร้านด้วยนะ ทั้งจอดรถขวางทางเต็มถนนจนเหลือถนนช่องเดียวสัญจรลำบาก ที่สำคัญ *ต้องลำบากไปด้วยทั้งที่ก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรด้วยเลย เรียกว่าลำบากฟรี ๆ *
#ไทยแลนดโอนลี่
#แบบนี้ก็ได้หรอ
#หวังว่าผู้บริหารประเทศตั้งแต่ท้องถิ่นถึงระดับประเทศจะแก้ปัญหาให้ยั่งยืนเสียที
#หวังลม ๆ แล้ง ๆ
ขอบคุณครับ