ผมเห็นมีกระทู้ Pantip ออกมาเรื่องภัตตาคารเปียงยาง ร้านอาหารเกาหลีเหนือแนวปิ้งย่าง ด้วยการที่ผมไม่ได้ไปกินปิ้งย่างมา ประกอบกับผมมีความสนใจประเทศเกาหลีเหนือไม่น้อย (แต่ไม่ได้คิดอยากจะไปเที่ยวนะ) ซึ่งก็มีคนสนใจจำนวนมาก ผมเลยนัดกับเพื่อนผมเอสไว้ว่า จะลองไปกินดู เพราะผมเห็นว่าราคาไม่แพง แถมใกล้บ้านผมมากด้วย และผมอ่านกระทู้ค่อนข้างละเอียดเพื่อเตรียมความพร้อมที่อาจจะเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝัน (?)
แต่ทั้งนี้ เพื่อนผมจะอยู่ไกล และวันนี้ฝนตกด้วย ประกอบกับผมทำงานตอนบ่าย 3 เพื่อนมาช้าไปหน่อย เลยได้ไปที่ร้านเขาตอนบ่ายโมงครึ่ง ตอนแรกๆ ว่าจะถ่ายหน้าร้านด้วย เลยไม่ได้ถ่ายเพราะฝนจะตกครับ แต่เตือนสำหรับคนที่จะขับรถไปร้านนะครับว่าที่จอดน้อยมาก คือเอาจริงๆ จอดได้แค่ 2 คัน ที่เหลือก็จอดมอเตอร์ไซด์ แถมไม่มีหลังคาด้วย ถ้าขับรถมา ผมแนะนำไปจอดที่บิ๊ก C อ่อนนุชแล้วเดินมาดีกว่าครับมันไม่ไกล (หรือจะเข้าไปลองดูในวัดมหาบุศย์ก็ได้ แต่ไม่รับประกันว่าจะมีที่จอดแบบชัวร์ๆ นะครับ) อย่างไรก็ตาม ผมไปถึงร้านช่วงวันธรรมดาตอนกลางวัน ซึ่ง ... "ไม่มีใครเลย" ผมก็คิดว่า แปลกดีแฮะ เห็นกระแสพันดริฟต์มาแรง เลยคิดว่าน่าจะมีคนไปกินบ้าง
ที่รู้ๆ เพื่อนผมสองคนนี่แอบเกรงๆ กลัวๆ ไม่กล้ารอผมที่ร้าน เลยให้ผมนำเข้าไปในร้านก่อน (55555)
มี พนักงานสาวเกาหลีเหนือ ตามที่หลายๆ คนได้เอ่ยถึงกิตติมศักดิ์ของเธอว่า สวยมาก ซึ่งผมก็ฟันธงแบบนั้นครับว่า เธอสวยจริงๆ คือผมเองก็เคยไปเกาหลีใต้สองครั้ง ผมก็เห็นว่าสาวเกาหลีใต้นี่จะออกมาหน้าตาบล็อกเดียวกันหมดเลย คือถึงจะดูสวยแบบในหนังซีรี่ย์เกาหลี แต่ผมรู้สึกว่าสาวไทยสวยกว่า แต่พอมาเห็นสาวที่ร้านแล้ผมรู้สึกว่าเธอสวยจริงๆ สวยแบบไม่ศัลยกรรมเลย มองออกด้วยว่าเธอแต่งหน้า แต่น่าจะรองพื้นเบาๆ ไม่แต่งเข้มอะไรเลย แถมหุ่นดีมากด้วย เท่ากับว่าแต่ผมเห็นเธอผมก็อิ่มแล้วหละครับ.... (เดี๋ยวววว!!)

พอพนักงานสาวเอาเมนูมาให้ ซึ่งทำให้เห็นว่าในร้านจะมีเมนูสามแบบ คือบุฟเพ่ต์ทั้งแบบปิ้งย่างและชาบู ส่วนอีกแบบคือสั่งเป็นจานๆ รวมไปถึงมีโซจูของเกาหลีเหนือด้วย (ผมไม่กินเหล้า แต่ที่แน่ๆ ราคามหาโหดจนไม่มีใครอยากสั่ง) นํ้าดื่ม 30 บาท นํ้าแข็งไม่คิด พวกผมเลยสั่งเป็นบุฟเพ่ต์ 299 บาท (รวม VAT ก็ราวๆ 320 บาทอะเนอะ) ซึ่งที่ผมคาดไม่ถึงต่อก็คือ มีอาหารให้สั่งเยอะมาก มีเยอะกว่าร้านเนื้อย่างของเกาหลีใต้ตรงพระโขนงอีก คือมีทั้งข้าว กิมจิ ของทานเล่น ซุป รวมไปถึงขนม คือรวมแล้วมีราวๆ 30 กว่ารายการได้ (ถ่ายเมนูไม่ได้ แต่ผมจำได้ว่ามีประมาณ 6 - 7 หน้า ใน 1 หน้ามีรายการอาหาร 6 อย่าง) ส่วนเนื้อนั้นจะมีเนื้อหมู 4 - 5 อย่าง และอีกจานเป็นไก่ครับ ทั้งนี้ผมไม่กินไก่เพราะเก๊าส์อาหารกำเริบแล้ว (คือผมไม่ปวด แต่ถ้ากินเมื่อไหร่อาจจะปวดได้ เลยตัดสินใจไม่กินไก่เลย) เลยให้เพื่อนๆ ผมจัดไป
คำถามแรก! หลังจากที่พนักงานสาวเสิร์ฟอาหารที่โต๊ะคือ .... เรารู้จักร้านนี้ได้ยังไง ? (ผมไม่มั่นใจว่าเธอพูดภาษาอังกฤษว่าไง) ผมก็บอกไปตรงๆ ว่า อ่านเจอในอินเตอร์เน็ตแล้วคนไทยแนะนำมา เธอนี่ยิ้มเลยครับ (อรั๊ย น่ารั๊ก....)

ผมว่าเธอดีใจก็ไม่แปลก เพราะทั้งร้านมันไม่มีใครจริงๆ แถมบรรยากาศร้าน ทั้งหน้าร้านด้วยเอาจริงๆ มันดูแบบ เกาหลีเหนื๊อ เกาหลีเหนือมาก ถ้าเป็นคนที่จะกินปิ้งย่างจริงๆ เขาน่าจะเลือกไปที่อื่นเพราะบรรยากาศมันดูธรรมด๊า ธรรมดาจริงๆ ไม่ได้มีอะไรดึงดูดให้ชวนเข้าเท่าไหร่ ส่วนในร้านที่ไม่ให้ถ่าย ผมคาดเดาว่าเพราะอาจจะเป็นสถานที่ให้คนของเขามาพักผ่อนหรืออะไรก็ได้ ผมไม่รู้และไม่คิดจะอยากรู้ด้วย แต่ถ้าจะให้บรรยายบรรยากาศในร้าน.... ก็แบบมีโคมไฟสีแดงๆ ไม่มีที่ดูดควัน แต่ร้านจะสูง เลยทำให้ดุโล่งๆ ไม่อึดอัด และให้อารมณ์เหมือนร้านอาหารแบบสมัยก่อนที่ออกไปทางจีนๆ หน่อยๆ ส่วนรูปภาพก็เป็นรูปภาพธรรมดาๆ ที่แบบผมเคยเห็นตามร้านขายของจีน (คือภาพที่ตกแต่งตามผนังรู้สึกไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเกาหลีเหนือเลย) และแน่นอนว่าไม่มีรูปท่านผู้นำ ซึ่งผมคิดว่าเขาไม่ติด อาจเป็นเพราะเขาไม่อยากให้ถ่าย เพราะรู้สึกว่าถ้าเราไปเที่ยวเกาหลีเหนือแล้วจะถ่ายภาพติดผู้นำ ต้องถ่ายให้เห็นเต็มๆ ห้ามครอปภาพ แต่แน่นอนว่าไม่มีผมก็ไม่ถามถึง ส่วนด้านหลังของร้านจะมีม่านกั้นไว้ ซึ่งเป็รนเวทีการแสดงแน่ มี TV จอแบน LED แขวนอยู่แต่ไม่เปิด ส่วนแอร์นั้นก็ใช้แอร์ประหยัดไฟเบอร์ 5 (เอิ่ม.... เดี๋ยวนี้มันก็แอร์ประหยัดไฟเบอร์ 5 กันทั้งนั้นไม่ใช่เรอะ) แต่ผมรู้สึกว่า ถึงเราจะรู้สึกถูกจับตามอง แต่บรรยากาศในร้านกลับดูสบายๆ คือมันไม่ได้ดูแคบอะไร มันดูโล่ง โปร่งสบาย แถมร้านสะอาดมากด้วย ห้องนํ้านี่ไม่มีกลิ่นเลยแถมสะอาดเหมือนบ้านใหม่ที่ไม่มีใครใช้เลยหลังจากทำความสะอาดเสร็จแล้ว
ส่วนรสชาติของเนื้อผมว่าอร่อย คือเขาหมักมาดีครับ รสชาติออกหวานๆ แต่ไม่หวานไป มันมีทั้งเค็ม หวาน และมันเข้ากันมากๆ ที่ผมชอบอีกอย่างคือ แม้ว่าเขาจะใส่จานเล็กมา แต่เนื้อเขาแล่มาชิ้นแบบไม่ใหญ่ไป ไม่เล็กไป ให้อารมณ์เหมือนเนื้อย่างโคขุน (ผมไม่ได้ไปกินนานแล้วนะ) ที่ร้านเขาขะแล่เนื้อบางๆ มาแต่ที่นี่จะหนากว่าหน่อย แล้วเนื้อมันอร่อยโดยไม่ต้องจิ้มนํ้าจิ้มเลย นํ้าจิ้มนั้นถึงจะดูออกเป็นนํ้าจิ้มสุกี้หน่อย แต่ผมว่านํ้าจิ้มเขาทำโอเค คือมันหวานๆ ผสมกับนํ้าจิ้มแจ่ว ผมรู้สึกเหมือนกันว่าเขาปรับรสชาติให้เข้มขึ้นเพื่อให้ถูกลิ้นคนไทย เพื่อนผมยังบอกเลยว่า เนื้อที่นี่กินอร่อยกว่าร้านเนื้อย่างเกาหลีใต้บางร้านอีก

ส่วนเครื่องเคียงที่สั่งมานั้นผมสั่งไม่เยอะ (ลืมถ่ายด้วย) เช่น กิมจิ ที่ผมว่ารสชาติไม่ได้เข้มไปหรืออ่อนไป ออกแนวเหมือนที่ผมไปกินที่เกาหลีใต้เด๊ะ ผมคิดว่ากิมจิงไม่ได้ต่างกันมากนัก

ส่วนนํ้าซุปนี้ให้อารมณ์คล้ายๆ ราดหน้าเวอร์ชั่นไม่เหนียวไม่หนืดและเป็นนํ้าราดหน้าแบบนํ้าซุป ผักจะต้มจนนิ่มเลย เอาไว้ซด เพื่อนผมบอกรสอ่อนไปนิด แต่ว่าก็โอเค

ส่วนสองอย่างนี้เพื่อนผมสั่ง แต่ผมไม่ได้กิน
ทั้งนี้ การกินบุฟเพ่ต์นั้นเราจะกินได้ 1 ชั่วโมงครึ่ง (ผมถาม พนง สาวว่าเรานั่งได้นานเท่าไหร่ ตอนแรกๆ เธองงภาษาอังกฤษ เลยลองถามภาษาไทยดู เธอก็คิดนานอยู่ว่า ภาษาไทยที่ผมถามแปลว่าอะไร แล้วเธอก็บอก 1 ชั่วโมงครึ่งเป็นภาษาอังกฤษ พวกผมเลยนั่งกินกันจนครบเวลา แต่ระหว่างนั้นเธอไม่ได้มาเฝ้าแบบช่วยปิ้งให้นะครับ เธอจะยืนมองอยู่ระยะห่างแบบสาวเสิร์ฟธรรมดาทั่วไป มีตอนนึงผมเห็นว่าผมมันตกปอยๆ มา ผมเลยจะไปขยับมอเตอร์ไซด์ ซึ่งเธอก็เดินมาดูตลอด แต่ผมว่าเธอน่ารักนะ คือรู้ว่าที่จอดรถมันไม่มีหลังคา ก็แนวว่า เอาขยับไปตรงไหนดี ตรงนั้นได้ไหม (พูดภาษาอังกฤษแบบนิดหน่อยๆ) ผมเลยรู้สึกว่าเธอเป็นกันเองกว่าเดิมอีก
บิลค่าอาหารนั้นพวกผมสามคนเสียหายไป 977 บาท รายการที่เธอจดนั้นเป็นภาษาเกาหลีทั้งหมด (ซึ่งผมคืนครูไปหมดแล้ว) แต่เธอไม่ได้ให้บิลมา และพอกินเสร็จแล้วพวกผมค้องรีบกลับก่อน เพราะผมจะต้องกลับมาทำงานต่อ และฝนเริ่มตกแล้วด้วย เลยต้องรีบกลับ
เอาหละ.... แล้วผมรู้สึกยังไงที่ได้ไปกิน... ผมว่าโอเคนะ คือราคา 320 บาท (โดยประมาณ) แต่มันมีรายการอาหารสั่งได้เยอะ เนื้อเขาหมักอร่อยแบบพอดีๆ ไม่ได้เข้มไปหรือจืดไป มันกินได้เรื่อยๆ ถึงผมจะกินอิ่ม แต่ก็ยังอยากรู้สึกกินต่อ ส่วนตัวผม ผมรู้สึกโอเคกว่าร้านเนื้อย่างเกาหลีใต้ที่อยู่ตรงพระโขนงที่เนื้อมันใหญ่มากจนต้องเอากรรไกรมาตัด (ถึงอันนั้นจะอิ่มแน่ๆ ก็ตาม) แต่ข้อเสียก็คงจะเป็นอารมณ์ร็สึกแบบ กินไปเกร็งไปมากกว่า เพราะมันเหมือนเราถูกจับตามองตลอดเวลา (แต่ส่วนนึงคือผมกินไปคุยไปด้วยแหละ เลยทำเวลาได้ไม่ดี) แต่เอาจริงๆ ผมว่ามันอาจเป็นเพราะร้านมันดูเงียบๆ เลยดูไม่วุ่นวายสำหรับผมด้วย ผมจะหาเวลาไปกินอีกแน่ๆ หละครับ แต่ถ้าคนไหนมองหาร้านปิ้งย่างแบบฮาร์คคอร์ ของเยอะแบบจัดเต็มทั้งเนื้อทั้งของหวานทั้งซีฟู้ด ผมว่าไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่นะครับ
ปล. แต่ พนง สาว คนเดียวของร้านนี่ น่ารักแบบเกาหลีแท้ๆ จริงๆ นะฮับ อันนั้นก็ทำให้ผมอิ่มอาหารตาไปด้วยแหละ แฮ่....
ปล. จริงๆ ผมแอบถ่ายภาพในร้านมาได้ 2 รูป แต่เพื่อความชัวร์ ผมไม่เอาลงดีกว่า แต่อย่างที่ผมบอก มันก็ไม่ได้มีอะไรเท่าไหร่ มันก็เหมือนร้านอาหารปกติเท่านั้นแหละครับ แต่แค่บรรยากาศมันดูเหมือนเป็นร้านอาหารธรรมดาแทนที่จะเป็นร้านปิ้งย่างก็เท่านั้น
[CR] รีวิวปิ้งย่างเกาหลีเหนือ ภัตตาคารเปียงยาง ที่อ่อนนุช
แต่ทั้งนี้ เพื่อนผมจะอยู่ไกล และวันนี้ฝนตกด้วย ประกอบกับผมทำงานตอนบ่าย 3 เพื่อนมาช้าไปหน่อย เลยได้ไปที่ร้านเขาตอนบ่ายโมงครึ่ง ตอนแรกๆ ว่าจะถ่ายหน้าร้านด้วย เลยไม่ได้ถ่ายเพราะฝนจะตกครับ แต่เตือนสำหรับคนที่จะขับรถไปร้านนะครับว่าที่จอดน้อยมาก คือเอาจริงๆ จอดได้แค่ 2 คัน ที่เหลือก็จอดมอเตอร์ไซด์ แถมไม่มีหลังคาด้วย ถ้าขับรถมา ผมแนะนำไปจอดที่บิ๊ก C อ่อนนุชแล้วเดินมาดีกว่าครับมันไม่ไกล (หรือจะเข้าไปลองดูในวัดมหาบุศย์ก็ได้ แต่ไม่รับประกันว่าจะมีที่จอดแบบชัวร์ๆ นะครับ) อย่างไรก็ตาม ผมไปถึงร้านช่วงวันธรรมดาตอนกลางวัน ซึ่ง ... "ไม่มีใครเลย" ผมก็คิดว่า แปลกดีแฮะ เห็นกระแสพันดริฟต์มาแรง เลยคิดว่าน่าจะมีคนไปกินบ้าง
ที่รู้ๆ เพื่อนผมสองคนนี่แอบเกรงๆ กลัวๆ ไม่กล้ารอผมที่ร้าน เลยให้ผมนำเข้าไปในร้านก่อน (55555)
มี พนักงานสาวเกาหลีเหนือ ตามที่หลายๆ คนได้เอ่ยถึงกิตติมศักดิ์ของเธอว่า สวยมาก ซึ่งผมก็ฟันธงแบบนั้นครับว่า เธอสวยจริงๆ คือผมเองก็เคยไปเกาหลีใต้สองครั้ง ผมก็เห็นว่าสาวเกาหลีใต้นี่จะออกมาหน้าตาบล็อกเดียวกันหมดเลย คือถึงจะดูสวยแบบในหนังซีรี่ย์เกาหลี แต่ผมรู้สึกว่าสาวไทยสวยกว่า แต่พอมาเห็นสาวที่ร้านแล้ผมรู้สึกว่าเธอสวยจริงๆ สวยแบบไม่ศัลยกรรมเลย มองออกด้วยว่าเธอแต่งหน้า แต่น่าจะรองพื้นเบาๆ ไม่แต่งเข้มอะไรเลย แถมหุ่นดีมากด้วย เท่ากับว่าแต่ผมเห็นเธอผมก็อิ่มแล้วหละครับ.... (เดี๋ยวววว!!)
พอพนักงานสาวเอาเมนูมาให้ ซึ่งทำให้เห็นว่าในร้านจะมีเมนูสามแบบ คือบุฟเพ่ต์ทั้งแบบปิ้งย่างและชาบู ส่วนอีกแบบคือสั่งเป็นจานๆ รวมไปถึงมีโซจูของเกาหลีเหนือด้วย (ผมไม่กินเหล้า แต่ที่แน่ๆ ราคามหาโหดจนไม่มีใครอยากสั่ง) นํ้าดื่ม 30 บาท นํ้าแข็งไม่คิด พวกผมเลยสั่งเป็นบุฟเพ่ต์ 299 บาท (รวม VAT ก็ราวๆ 320 บาทอะเนอะ) ซึ่งที่ผมคาดไม่ถึงต่อก็คือ มีอาหารให้สั่งเยอะมาก มีเยอะกว่าร้านเนื้อย่างของเกาหลีใต้ตรงพระโขนงอีก คือมีทั้งข้าว กิมจิ ของทานเล่น ซุป รวมไปถึงขนม คือรวมแล้วมีราวๆ 30 กว่ารายการได้ (ถ่ายเมนูไม่ได้ แต่ผมจำได้ว่ามีประมาณ 6 - 7 หน้า ใน 1 หน้ามีรายการอาหาร 6 อย่าง) ส่วนเนื้อนั้นจะมีเนื้อหมู 4 - 5 อย่าง และอีกจานเป็นไก่ครับ ทั้งนี้ผมไม่กินไก่เพราะเก๊าส์อาหารกำเริบแล้ว (คือผมไม่ปวด แต่ถ้ากินเมื่อไหร่อาจจะปวดได้ เลยตัดสินใจไม่กินไก่เลย) เลยให้เพื่อนๆ ผมจัดไป
คำถามแรก! หลังจากที่พนักงานสาวเสิร์ฟอาหารที่โต๊ะคือ .... เรารู้จักร้านนี้ได้ยังไง ? (ผมไม่มั่นใจว่าเธอพูดภาษาอังกฤษว่าไง) ผมก็บอกไปตรงๆ ว่า อ่านเจอในอินเตอร์เน็ตแล้วคนไทยแนะนำมา เธอนี่ยิ้มเลยครับ (อรั๊ย น่ารั๊ก....)
ผมว่าเธอดีใจก็ไม่แปลก เพราะทั้งร้านมันไม่มีใครจริงๆ แถมบรรยากาศร้าน ทั้งหน้าร้านด้วยเอาจริงๆ มันดูแบบ เกาหลีเหนื๊อ เกาหลีเหนือมาก ถ้าเป็นคนที่จะกินปิ้งย่างจริงๆ เขาน่าจะเลือกไปที่อื่นเพราะบรรยากาศมันดูธรรมด๊า ธรรมดาจริงๆ ไม่ได้มีอะไรดึงดูดให้ชวนเข้าเท่าไหร่ ส่วนในร้านที่ไม่ให้ถ่าย ผมคาดเดาว่าเพราะอาจจะเป็นสถานที่ให้คนของเขามาพักผ่อนหรืออะไรก็ได้ ผมไม่รู้และไม่คิดจะอยากรู้ด้วย แต่ถ้าจะให้บรรยายบรรยากาศในร้าน.... ก็แบบมีโคมไฟสีแดงๆ ไม่มีที่ดูดควัน แต่ร้านจะสูง เลยทำให้ดุโล่งๆ ไม่อึดอัด และให้อารมณ์เหมือนร้านอาหารแบบสมัยก่อนที่ออกไปทางจีนๆ หน่อยๆ ส่วนรูปภาพก็เป็นรูปภาพธรรมดาๆ ที่แบบผมเคยเห็นตามร้านขายของจีน (คือภาพที่ตกแต่งตามผนังรู้สึกไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเกาหลีเหนือเลย) และแน่นอนว่าไม่มีรูปท่านผู้นำ ซึ่งผมคิดว่าเขาไม่ติด อาจเป็นเพราะเขาไม่อยากให้ถ่าย เพราะรู้สึกว่าถ้าเราไปเที่ยวเกาหลีเหนือแล้วจะถ่ายภาพติดผู้นำ ต้องถ่ายให้เห็นเต็มๆ ห้ามครอปภาพ แต่แน่นอนว่าไม่มีผมก็ไม่ถามถึง ส่วนด้านหลังของร้านจะมีม่านกั้นไว้ ซึ่งเป็รนเวทีการแสดงแน่ มี TV จอแบน LED แขวนอยู่แต่ไม่เปิด ส่วนแอร์นั้นก็ใช้แอร์ประหยัดไฟเบอร์ 5 (เอิ่ม.... เดี๋ยวนี้มันก็แอร์ประหยัดไฟเบอร์ 5 กันทั้งนั้นไม่ใช่เรอะ) แต่ผมรู้สึกว่า ถึงเราจะรู้สึกถูกจับตามอง แต่บรรยากาศในร้านกลับดูสบายๆ คือมันไม่ได้ดูแคบอะไร มันดูโล่ง โปร่งสบาย แถมร้านสะอาดมากด้วย ห้องนํ้านี่ไม่มีกลิ่นเลยแถมสะอาดเหมือนบ้านใหม่ที่ไม่มีใครใช้เลยหลังจากทำความสะอาดเสร็จแล้ว
ส่วนรสชาติของเนื้อผมว่าอร่อย คือเขาหมักมาดีครับ รสชาติออกหวานๆ แต่ไม่หวานไป มันมีทั้งเค็ม หวาน และมันเข้ากันมากๆ ที่ผมชอบอีกอย่างคือ แม้ว่าเขาจะใส่จานเล็กมา แต่เนื้อเขาแล่มาชิ้นแบบไม่ใหญ่ไป ไม่เล็กไป ให้อารมณ์เหมือนเนื้อย่างโคขุน (ผมไม่ได้ไปกินนานแล้วนะ) ที่ร้านเขาขะแล่เนื้อบางๆ มาแต่ที่นี่จะหนากว่าหน่อย แล้วเนื้อมันอร่อยโดยไม่ต้องจิ้มนํ้าจิ้มเลย นํ้าจิ้มนั้นถึงจะดูออกเป็นนํ้าจิ้มสุกี้หน่อย แต่ผมว่านํ้าจิ้มเขาทำโอเค คือมันหวานๆ ผสมกับนํ้าจิ้มแจ่ว ผมรู้สึกเหมือนกันว่าเขาปรับรสชาติให้เข้มขึ้นเพื่อให้ถูกลิ้นคนไทย เพื่อนผมยังบอกเลยว่า เนื้อที่นี่กินอร่อยกว่าร้านเนื้อย่างเกาหลีใต้บางร้านอีก
ส่วนเครื่องเคียงที่สั่งมานั้นผมสั่งไม่เยอะ (ลืมถ่ายด้วย) เช่น กิมจิ ที่ผมว่ารสชาติไม่ได้เข้มไปหรืออ่อนไป ออกแนวเหมือนที่ผมไปกินที่เกาหลีใต้เด๊ะ ผมคิดว่ากิมจิงไม่ได้ต่างกันมากนัก
ส่วนนํ้าซุปนี้ให้อารมณ์คล้ายๆ ราดหน้าเวอร์ชั่นไม่เหนียวไม่หนืดและเป็นนํ้าราดหน้าแบบนํ้าซุป ผักจะต้มจนนิ่มเลย เอาไว้ซด เพื่อนผมบอกรสอ่อนไปนิด แต่ว่าก็โอเค
ส่วนสองอย่างนี้เพื่อนผมสั่ง แต่ผมไม่ได้กิน
ทั้งนี้ การกินบุฟเพ่ต์นั้นเราจะกินได้ 1 ชั่วโมงครึ่ง (ผมถาม พนง สาวว่าเรานั่งได้นานเท่าไหร่ ตอนแรกๆ เธองงภาษาอังกฤษ เลยลองถามภาษาไทยดู เธอก็คิดนานอยู่ว่า ภาษาไทยที่ผมถามแปลว่าอะไร แล้วเธอก็บอก 1 ชั่วโมงครึ่งเป็นภาษาอังกฤษ พวกผมเลยนั่งกินกันจนครบเวลา แต่ระหว่างนั้นเธอไม่ได้มาเฝ้าแบบช่วยปิ้งให้นะครับ เธอจะยืนมองอยู่ระยะห่างแบบสาวเสิร์ฟธรรมดาทั่วไป มีตอนนึงผมเห็นว่าผมมันตกปอยๆ มา ผมเลยจะไปขยับมอเตอร์ไซด์ ซึ่งเธอก็เดินมาดูตลอด แต่ผมว่าเธอน่ารักนะ คือรู้ว่าที่จอดรถมันไม่มีหลังคา ก็แนวว่า เอาขยับไปตรงไหนดี ตรงนั้นได้ไหม (พูดภาษาอังกฤษแบบนิดหน่อยๆ) ผมเลยรู้สึกว่าเธอเป็นกันเองกว่าเดิมอีก
บิลค่าอาหารนั้นพวกผมสามคนเสียหายไป 977 บาท รายการที่เธอจดนั้นเป็นภาษาเกาหลีทั้งหมด (ซึ่งผมคืนครูไปหมดแล้ว) แต่เธอไม่ได้ให้บิลมา และพอกินเสร็จแล้วพวกผมค้องรีบกลับก่อน เพราะผมจะต้องกลับมาทำงานต่อ และฝนเริ่มตกแล้วด้วย เลยต้องรีบกลับ
เอาหละ.... แล้วผมรู้สึกยังไงที่ได้ไปกิน... ผมว่าโอเคนะ คือราคา 320 บาท (โดยประมาณ) แต่มันมีรายการอาหารสั่งได้เยอะ เนื้อเขาหมักอร่อยแบบพอดีๆ ไม่ได้เข้มไปหรือจืดไป มันกินได้เรื่อยๆ ถึงผมจะกินอิ่ม แต่ก็ยังอยากรู้สึกกินต่อ ส่วนตัวผม ผมรู้สึกโอเคกว่าร้านเนื้อย่างเกาหลีใต้ที่อยู่ตรงพระโขนงที่เนื้อมันใหญ่มากจนต้องเอากรรไกรมาตัด (ถึงอันนั้นจะอิ่มแน่ๆ ก็ตาม) แต่ข้อเสียก็คงจะเป็นอารมณ์ร็สึกแบบ กินไปเกร็งไปมากกว่า เพราะมันเหมือนเราถูกจับตามองตลอดเวลา (แต่ส่วนนึงคือผมกินไปคุยไปด้วยแหละ เลยทำเวลาได้ไม่ดี) แต่เอาจริงๆ ผมว่ามันอาจเป็นเพราะร้านมันดูเงียบๆ เลยดูไม่วุ่นวายสำหรับผมด้วย ผมจะหาเวลาไปกินอีกแน่ๆ หละครับ แต่ถ้าคนไหนมองหาร้านปิ้งย่างแบบฮาร์คคอร์ ของเยอะแบบจัดเต็มทั้งเนื้อทั้งของหวานทั้งซีฟู้ด ผมว่าไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่นะครับ
ปล. แต่ พนง สาว คนเดียวของร้านนี่ น่ารักแบบเกาหลีแท้ๆ จริงๆ นะฮับ อันนั้นก็ทำให้ผมอิ่มอาหารตาไปด้วยแหละ แฮ่....
ปล. จริงๆ ผมแอบถ่ายภาพในร้านมาได้ 2 รูป แต่เพื่อความชัวร์ ผมไม่เอาลงดีกว่า แต่อย่างที่ผมบอก มันก็ไม่ได้มีอะไรเท่าไหร่ มันก็เหมือนร้านอาหารปกติเท่านั้นแหละครับ แต่แค่บรรยากาศมันดูเหมือนเป็นร้านอาหารธรรมดาแทนที่จะเป็นร้านปิ้งย่างก็เท่านั้น