ฮีโร่ 2 (เรื่องราวของน้องหมา เจค กับ ทริกเกอร์ )

กระทู้สนทนา
ฮีโร่  2  (เรื่องราวของน้องหมา  เจค กับ ทริกเกอร์ )

1.
ฉันออกไปยังตู้รับจดหมายที่หน้าบ้าน วันนี้ไม่มีพัสดุหรือจดหมาย มีแต่แมกกาซีนบ้านและสวนที่รับประจำ  กับแคตตาล็อกรถจากบริษัทขายรถใกล้บ้านที่ส่งมายั่วน้ำลายอยู่เนืองๆ
ตอนที่ฉันกำลังจะเดินกลับเข้าบ้านจ๊ะเอ๋กับเด็กวัยรุ่นชายหญิงสองคน  อายุอานามอยู่ในราวสิบสามหรือสิบสี่ ทั้งคู่รี่มาหาฉัน  เด็กหญิงเป็นฝ่ายทักฉัน ในขณะที่เด็กชายเอาแต่ยืนมองเงียบๆไม่พูดอะไร
“สวัสดีค่ะ หนูกับพี่ชายมาตามหาแมวของเราที่หายไปเมื่อสองสามวันก่อน เรามีใบปลิวมาแจกทุกคนแถวนี้ เผื่อจะมีใครพบน้องแมวของเรา รายละเอียดทั้งหมดอยู่ใบปลิวนี้นะคะ”  เด็กหญิง พูดจบก็ยื่นใบปลิวหาแมวของตนที่หายให้ฉัน   ก่อนจะลาแม่หนูบอกฉันหน้าเศร้าๆ
“ถ้าคุณ เจอแมวของหนู  กรุณาโทรบอกเราด้วยนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ”
“ได้ซิจ๊ะหนู   ถ้าฉันกับแฟนเห็นแมวของหนู  จะโทรบอกหนูนะจ๊ะ ”
“ขอบคุณนะคะ “ เด็กหญิงว่า ยิ้มให้ฉันช่นเดียวกับพี่ชายของเธอ ก่อนทั้งคู่จะเดินจากไป

เมื่อเข้ามาในบ้าน ฉันมานั่งแปะที่ห้องรับแขก  มองใบปลิวในมือ น้องแมวที่หายไปชื่ออลิซ เป็นแมวเพศเมีย หน้าตาจุ๋มจิ๋ม พินิจหน้าตาน้องอลิซเรียบร้อย ก็หันมาอ่านรายละเอียดจากใบปลิว อ่านไปเครียดไปเพราะน้องอลิซ ไม่ใช่แมวตัวแรกที่หายไป  วันดีคืนร้ายไม่ใครก็ใครจะมาเคาะประตูแจกใบปลิวหมาแมวของตัวหายไปอย่างไร้ร่องรอย  
สิ่งของหายไปฉันยังพอทำใจรับกับมันได้ คิดว่าหายแล้วหายไป หาใหม่ได้  แต่ฉันจะเครียดและทนไม่ได้ทุกครั้งที่เห็นแมวหมาของใครหายไป ใจเขาใจเรา เพราะถ้าไอ้สองตัวของฉันหายไป  ฉันต้องร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือด  และคงพลิกแผ่นดินหา
ว่าแต่น้องอลิซ ไปอยู่เสียที่ไหน  หรือว่ามัวไปท่องแดนมหัศจรรย์ เสียจนไม่คิดจะกลับบ้านกลับช่อง แล้วกันพูดถึงน้องอลิซอยู่ดีๆดันไผล่คิดถึงหนัง  Alice in Wonderland

เย็นวันนั้นขณะที่ฉันกำลังทำอาหารอยู่ในครัว  ที่รักกลับจากทำงาน ก้าวผ่านประตูห้องครัวด้านที่ติดกับโรงรถ   ฉันพักตะหลิวกับกระทะ ก้าวไปหากางแขนทั้งสองออกจนสุดรอรับการสวมกอดจากเขา  เช้านี้ความที่เขามัวแต่ยุ่ง เลยไปทำงานโดยไม่ได้ร่ำลา
เขายิ้มให้   ก่อนจะทำให้ฉันสุดแสนจะแปลกใจ เมื่อเขาไม่กางแขนตอบ  ไม่ทัก  แต่กลับเดินผ่านฉันไปที่ประตูครัวที่ติดกับระเบียงหลังบ้าน ที่ขณะนั้น เจค กับทริกเกอร์กระดิกหางนั่งรอ เจ้าสองตัวได้ยินเสียงรถของคุณผู้ชายมันจะวิ่งแข่งกันมาแล้วมานั่งรอเขาอยู่ที่นั่นทุกเย็น
เขาออกไปได้ก็ทรุดตัวลงนั่งยองๆกางแแขนออกจนสุด รอรับลูกรักทั้งสองที่วิ่งแข่งกันมาหาพอประชิดวงในต่างก็โผเข้าซุกอก เลียหน้าเลียตากระดิกหางดิกๆ  ทริกเกอร์ดันเจคออกไป  จะเอาอ้อมกอดทั้งหมด เจคไม่ยอมผลักทริกกระเด็น  นาทีต่อมา ศึกสายเลือดก็ระเบิด

“ใจเย็นๆไม่ต้องแย่งกันเดี๋ยวฉันจะกอดเราทั้งสอง ให้เท่าๆกันเลยนะ”
ฉันมองภาพตรงหน้าผ่านกระจกห้องครัวอย่างสลด ค่อยๆลดแขนทั้งสองลงช้าๆ  แทนจะกอดฉัน  ดันไปกอดเจ้าสองตัวนั่น  ช่างเถอะฉันมันก็แค่อีแจ๋ว ทำครัวไปวันๆ  คิดแล้วก็ใจก็เดือดปุดๆเหมือนกะทิในกระทะ  
“แกงเขียวหวานเนื้อซะด้วย  ของโปรดผมเลยนะ  เขาเอ่ยอย่างตื่นเต้น เมื่อมายืนข้างฉัน  ฉันปรายตาไปมองนิดๆ ก่อนจะชักสายตาไปมองกะทิในกระทะต่อ  เชอะ  ทีนี่ละมาพูดดี  รักไอ้สองตัวมันนัก ทำไมให้มันทำกับข้าวให้กินละ  คิดแต่ไม่ได้พูดออกมา  
“เป็นไงบ้างคุณ วันนี้งานบ้านยุ่งไหม แล้วหนังสือที่ผมสั่ง มาส่งหรือยัง”
“สบายดี  หนังสือยังไม่มา”  ตวัดเสียงตอบ  อย่าคิดว่าฉันเล่นแต่บทนางเอกได้อย่างเดียว  บทนางร้ายฉันก็เล่นได้ และเล่นได้ดีจนหวุดหวิดจะได้สุพรรณหงส์  ออสก้า และมหาชน มาครองก็หลายครั้งหลายหน
“มามะ ขอหอมที” เขาพูด พลางยื่นหน้ามา
ฉันถอยออกมายืนห่างๆ ชี้หน้าด้วยตะหลิว
“ไปหอมไอ้สองตัวนั่นไป๊ อย่ามายุ่งกับฉัน”
“อะไรกันนี่  หึงกระทั่งหมา” เขาร้องออกมาดังๆ หัวเราะลั่นบ้าน
“ใครว่าหึง แค่หมั่นไส้ต่างหาก” ฉันพูดไปค้อนไป พอเขาขยับจะมาหาก็กวัดแกว่งตะหลิวไปมา
“ถ้าไม่อยากเจ็บตัว อย่าเข้ามา” ฉันขู่ฟ่อๆ   แต่ไม่ได้เผยความในใจออกมาให้เขารับรู้   เรื่องของความรัก  ไม่ใช่แต่ไอ้สองตัวนั่นหรอกนะที่ต้องการ  ถึงตัวฉันเองก็โหยหาความรักเช่นเดียวกับมัน  (ว้าย  สำนวนนี้ เด็ดดวงมากค่ะ  อิๆๆ )
“งั้นผมไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วเราจะได้กินข้าวด้วยกัน “เขาบอกยิ้มๆ ก้าวฉับๆผ่านห้องรับแขก ไปในห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอน

เราสองคนนั่งกินอาหารที่บาร์ในห้องครัว เลยออกไปนอกประตู มีองค์รักษ์สองตัวนั่งจ๋องมองผ่านกระจกมายังเราตาเป็นมัน  พร้อมกับความหวังว่าจะได้เศษเนื้อ หรือเศษหมูปิ้ง  ที่เรากินเหลือทุกครั้ง  เว้นแต่ว่าวันไหน เป็นอาหารไทยรสจัด มันสองตัวก็จะแห้ว  เป็นเหตุให้เจ้าทริกเปรยบ่อยๆอย่างขัดใจ
“มาอยู่อเมริกาตั้งนาน ไม่รู้จะกินอาหารไทยทำไม เซ็งอ่ะ”

กินข้าวไปได้ครึ่งจาน  ฉันก็ร้องบอกกับสุดที่รักเมื่อนึกได้
“มัวแต่พูดเรื่องอื่นจนเพลิน  เกือบลืมบอกคุณไปแล้วไหมละ”
“เรื่องอะไร คุณ?”
“วันนี้ มีเด็กมาตามหาแมวของเขาที่หายไป  “ ฉันพูดจบก็ดีดตัวจากบาร์สตูล  เดินไปหยิบใบปลิวที่วางไว้ใกล้ตู้เย็น พอเดินกลับมาก็ยื่นให้เขา เขารับไปอ่าน ช้าๆ ระหว่างอ่าน คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากัน
“หายประจำเลยนะ หมา แมว นี่”  เขาเปรยเบาๆ  หน้าตาดูเครียดๆอย่างเห็นได้
“คุณ  ก็ช่วยมองๆน้องอลิซด้วยแล้วกัน  สงสารหนูสองคนนั่นป่านนี้คงคิดถึงแย่แล้ว”
เขาไม่พูดอะไร วางใบปลิวลงบนบาร์  แล้วมองไปที่เจ้าสองตัว  ก่อนจะยิ้มแปลกๆ

“ยิ้มทำไม  นี่เรากำลังพูดถึงความเป็นความตายของน้องอลิซอยู่นะ “  ฉันท้วง อย่างไม่สบอารมณ์ เขาไม่พูดอะไร ดีดตัวจากบาร์สตูล  เดินไปเปิดประตูห้องครัว ไอ้สองตัวที่ตั้งท่ารออยู่วิ่งพรวดแข่งกันเข้ามา ดีอกดีใจ กระดิกหางแทบหลุด มโนว่าจะได้เศษอาหารอร่อยๆอย่างทุกครั้ง
แต่นิจจา  ความคิดของเจ้าสองตัวผิดพลาด   และฉันเองก็คาดไม่ถึง
“นั่งลง  ฉันมีเรื่องจะถามเรา”  
“เรื่องอะไรเหรอครับ “ทริกเกอร์ถามด้วยความสงสัย เจคเองก็สงสัย แต่ที่ไม่ถาม เพราะทริกถามไปแล้ว ตนเองก็เลยไม่รู้จะถามซ้ำทำไมให้เสียเวลา
คุณผู้ชายไม่ตอบ เดินไปที่บาร์ หยิบใบปลิวติดมือมา ก้าวไปยืนตรงหน้าสองหนุ่ม ที่นั่งจ๋องใกล้กัน  
“ฉันจะเริ่มที่เราก่อนนะ ทริกเกอร์” คุณผู้ชายว่า ยื่นใบปลิวไปตรงหน้าทริกเกอร์
“คุณผู้ชายเอารูปแมว มาให้ผมดูทำไมนี่ เออ ถ้าน้องหมาเซ็กซี่ๆ ก็ไปอย่าง” ไอ้ทริกว่าไปนั่น
“แมวตัวนี้ชื่อ น้องอลิซ ได้หายออกจากบ้านไปหลายวันแล้ว”
“แล้วมันมาเกี่ยวอะไรกับผมด้วยล่ะ “ทริกถามงงๆ  
คุณผู้ชายไม่ตอบยิ้มแสยะ หันไปทางเจค ทำแบบเดียวกัน คือยื่นใบปลิวไปตรงหน้าพร้อมกับถาม
“เราละเจค  เห็น น้องอลิซ หรือเปล่า”
“ไม่ครับ เกิดมาก็เพิ่งจะเห็นนี่แหละ” เจคตอบตะกุกตะกัก  คุณผู้ชายเรียกเข้ามาในบ้าน คิดว่าจะให้อาหาร กลับมาถามอะไรก็ไม่รู้
ในขณะที่เจ้าสองตัว งุนงง กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตน  แต่ฉันเริ่มจะเดาอะไรออกลางๆ เลยหรี่ตามองคุณผู้ชาย ที่ตีหน้าเคร่ง ท่าทางเอาเรื่องสุดๆ
“เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ฉันขอถามเราทั้งคู่ว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง กับการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของน้องอลิซหรือเปล่า “  
สิ่งที่ฉันคาดเดากระจ่างแจ้งในตอนนั้น  ส่วนไอ้สองตัวพอเจอคำถามนี้เข้าก็งงเป็นหมาตาแตก (หนักกว่าไก่ ) ก่อนที่ทั้งคู่ จะร้องออกมาดังๆ
“เหอ”
“ไม่ต้องมาทำตกใจ  ตอบมาเดี๋ยวนี้  ว่าเรามีส่วนรู้เห็น ในการหายตัวของอลิซ หรือเปล่า” คุณผู้ชายรุกไล่ด้วยคำถาม ขมวดคิ้ว ทำหน้าเหี้ยมเกรียม  ( ตีบทแตกสุดๆ )
“ผมเปล่า นะ” ทั้งสองปฏิเสธพร้อมกันดังๆ  เจคมองมายังฉันอย่างขอความช่วยเหลือ  ฉันเองสงสารลูกชายเหลือเกิน แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้  เพราะถ้าเข้าไปยุ่ง  ดีไม่ดีฉันอาจจะโดนสอบปากคำไปด้วยก็ได้
“ทริกเกอร์ ฉันจะขอถามเราก่อน จากนั้นค่อยถามเจค”
ทริกเกอร์ไม่ว่ากระไร  หรี่ตามองคุณผู้ชาย  “บ้าหรือดี วะเนี่ย”  สายตามันบอกว่าอย่างนั้น
ในที่สุด การสอบปากคำก็ได้เริ่มขึ้น โดยนักสืบหัวเห็ด   เอ้ยคุณผู้ชาย
“ในวันที่ ..เวลาประมาณ..  เราอยู่ที่ไหน ทำอะไรว่ามา” เกือบไป ฉันเกือบหัวเราะออกมา เพราะ นั่นคือวันและเวลาที่น้องอลิซหายตัวไป
ถ้าเป็นเจค อาจจะหวาดหวั่น จนตอบคำถามของคุณผู้ชายไม่ได้แต่พอดีเป็นไอ้ทริกตัวแสบที่ซ่ายิ่งกว่าสไปร์  มันก็เลยตอบอย่างฉะฉาน
“วัน และเวลานั้น  ผมกำลังนั่งเล่นที่หลังบ้าน  จู่ๆมีกระรอกตัวหนึ่งวิ่งผ่านหน้าผม  ผมเลยวิ่งไล่มันไปรอบๆสระน้ำ  ก่อนที่ผมจะไล่มันทัน และขย้ำคอมัน  นี่ถ้ามันไม่ร้องขอชีวิต  ผมเอามันตายแน่ๆ”
คุณผู้ชายหันมาทางเจค  เรียกชื่อดังๆ
“เจค”
“คะๆ ครับ  “เจคปากสั่น ทำหน้าจะร้องไห้
“ที่ทริกเกอร์พูด เป็นความจริงหรือเปล่า”
“จะๆ  จริงครับ  กระรอกตัวนั้น วิ่งไล่ทริกเกอร์ไปรอบๆสระ แล้วขย้ำคอทริกเกอร์ แต่ทริกเกอร์ร้องขอชีวิต กระรอกก็เลย ไว้ชีวิตทริกเกอร์“
“เฮ้ย พี่เจคพูดผิดแล้ว” ทริกเกอร์ค้านดังๆ” ผมต่างหากที่เป็นฝ่ายขย้ำคอกระรอก อะไรนี่ พูดผิดพูดถูก บ้าหรือดี”
“ชะๆๆ ใช่ ๆ แล้ว โทษทีทริก ฉันพูดผิดไป  “ เจคไม่เคยเห็นน้องอลิซ และไม่เคยทำอะไรผิดเลยในชีวิต  พอโดนสอบปากคำ ก็สั่น  พูดผิดพูดถูก หัวใจจะวายเสียให้ได้
“ผม จะไม่ตอบคำถามอะไรคุณผู้ชายอีกต่อไป  จนกว่าผม จะพบทนายประจำตัวเสียก่อน “ ไอ้ทริกโพล่งขึ้นมาดังๆ  หัวหมอหัวความ ใครเล่าจะมาสู้ทริกเกอร์
“ทริก ฉันขอ ใช้ทนายคนเดียวกับแก ได้หรือเปล่าวะ”  เจคที่นั่งอกสั่นขวัญแขวนร้องถาม  เจคผู้น่าสงสาร  กลัวอะไรไม่เท่ากับกับติดคุก เจคดูหนังกับคุณผู้หญิงประจำ  คนติดคุกไม่ได้เห็นแสงเดือนแสงตะวัน  เจคไม่อยากเข้าคุก เจคอยากวิ่งเล่นหน้าบ้าน หลังบ้าน  สนุกสนาน มีความสุขอย่างนี้ตลอดไป
“ไม่มีปัญหาพี่เจค เราหารค่าทนายกันคนละครึ่ง “ ขนาดหน้าสิ่วหน้าขวาน  ทริกเกอร์ยังรอบคอบกับเรื่องเงินๆทองๆได้อย่างน่าทึ่ง
“ขอบใจนะ ทริก ฉันจะไม่ลืมน้ำใจของนายในครั้งนี้เลย “ เจคร้องบอกอย่างซาบซึ้ง แล้วหันไปค้อนคุณผู้ชายนิดหนึ่ง  ที่หาคุกมาให้
“ไม่เป็นไร พี่เจค “ทริกพูดแค่นั้น ก็หันไปใส่คุณผู้ชาย” อย่าเห็นว่าผมเป็นหมา  แล้วจะมาล้อเล่นกับความรู้สึกของผมได้”
“ผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน” เจคที่หลบภัยอยู่ข้างหลังทริกเกอร์เสริมขึ้นดังๆ  ( เจคสูงกว่าทริกจะไป หลบหลังทริกได้อย่างไร นี่มันการ์ตูนชัดๆเลยนะ )  
“จะซีเรียสไปไหนกัน   ฉันแค่ล้อเราเล่น ถ้าเราไม่รู้ไม่เห็นเรื่องอลิซ   ก็แล้วไป” คุณผู้ชายพูดเท่านั้น ก็เดินไปเปิดประตูให้ “ มาทางไหนไปทางนั้น  ชักช้า เดี๋ยวฉันเปลี่ยนใจขึ้นมา คราวนี้จะไม่แค่สอบปากคำหรอกนะ แต่จะจับเราทั้งสองมัดติดกับเก้าอี้  แล้วทรมานอย่างในหนัง”  (โหดร้ายไปหรือเปล่าคะ คุณผู้ชาย )
ไอ้สองตัวไม่รอให้คุณผู้ชายเตือนซ้ำ  วิ่งปรู๊ดออกจากบ้าน  วิ่งแข่งกันลงบันไดฝุ่นตลบ

2.
ในห้องนอนของสองหนุ่ม  ทั้งคู่นั่งปรึกษากัน
“เรื่องอลิซ   ผมว่าเราจะทำอะไรสักอย่างแล้วละพี่เจค”
“นายหมายความว่าไง ” เจคหรี่ตามองดู    ไอ้จอมวางแผน
“ผมคิดว่า เราควรจะไปช่วย ตามหาน้องอลิซ นะซิ ”
“อีกแล้วไอ้ทริก เรื่องแส่ ไม่มีใครเกินซิน่า” เจคร้องออกมาดังๆอย่างหงุดหงิด  “ คราวก่อนอาษาคุณริค  ไปปราบซอมบี้ แต่ความซกลก ดันอ่านแผนที่กลับหัวกลับท้าย แทนที่จะลงใต้  กลับขึ้นเหนือ  รถราพังพินาศ ต้องโดยสารรถอีแต๋นมาต่อรถบัส เกือบจะโดนนายท้ายรถไล่ลง เพราะไม่มีตั๋ว ดีว่ามีคนใจดี ออกเงินค่ารถให้เลยได้กลับบ้าน”
“ผมไมได้เป็นซุปเปอร์หมานะพี่เจค จะได้ทำอะไรถูกต้องไปเสียหมด” ไอ้ทริกว่า กลืนน้ำลายดังเอื๊อก
ก่อนจะตัดบท”  ผมว่าเราพักเรื่องนั้นเอาไว้ก่อน  แล้วมาพูดเรื่องนี้ดีกว่า พี่เจคจะไปช่วยตามหาอลิซกับผมไหม ตอบมาเร็วๆ  แค่เยส หรือ โน ”
“เพราะอะไร แกถึงอยากไปช่วยน้องอลิช ถ้าเหตุผลแกเข้าท่า ไม่แน่ ฉันอาจจะร่วมมือกับแกก็ได้นะ”
“เหตุผลก็เห็นๆกันอยู่  คุณผู้ชายมากล่าวหาว่าเรามีส่วนรู้เห็นที่น้องอลิซหายตัวไป  ถ้าผมทำผมจะไม่ว่าเลย แต่เพราะผมไม่ได้ทำผมจึงโกรธ หรือว่าพี่เจคไม่โกรธ” ถามตอนท้าย
“โกรธซิ โกรธ มากด้วย” เจคขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน  ตาเหล่ไปเหล่มาราวกับที่ปัดน้ำฝนรถ
“เพราะโกรธมากๆนี่แหละ  ผมก็เลยคิดว่าเราควรจะช่วยน้องอลิซ เพราะถ้าเราทำสำเร็จ  ผมอยากจะเห็นคุณผู้ชายนักว่าจะทำหน้าอย่างไร”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่