เสรีภาพโดยทั่วไปที่เรารู้จัก คือ ความมีอิสระที่จะกระทำอะไรก็ได้ตามใจตนเอง ความต้องการอยู่นอกศีล นอกกฏข้อห้ามข้อบังคับ
หรือ ความต้องการที่จะไม่อยู่ภายใต้การควบคุมสั่งสอนหรือบังคับบัญชาของใคร..เป็นต้น
เสรีภาพนั้น คือ ปรากฏการณ์ที่ธาตุตามธรรมชาติ(มนุษย์,จิตธาตุ,กายธาตุ)
ต้องการที่จะเคลื่อนไหวกระทำไปตามความอยากความยึดของตนอย่างอิสระเสรีโดยไม่ต้องมีกฏข้อห้าม ไม่ต้องมีใครขัดขวาง
เช่น ไม่อยากทำอะไรก็ไม่ต้องทำ หรือ อยากทำอะไรก็ขอให้ได้ทำ โดยไม่คำนึงถึงว่าจะเป็นสิ่งที่ผิดกฏหมายหรือไม่ ผิดศีลธรรมหรือไม่
ทำให้ตนเองและผู้อื่นเดือดร้อนหรือไม่..พฤติกรรมเช่นนั้นของธาตุตามธรรมชาติ แสดงถึงความเป็นธาตุที่ไม่บริสุทธิ์
มีพลังงานความเคลื่อนไหวกระทำในตนที่ไม่บริสุทธิ์ มีความดึงความยึดในตนที่ไม่บริสุทธิ์
เพราะเป็นการกระทำไปตามความดึงความยึดที่ไม่บริสุทธิ์(ความอยากความยึด)ของตนที่มีต่อสิ่งภายนอก ต่อธาตุภายนอกอย่างเสรี
หรือ ความต้องการแสวงหาสิ่งภายนอกมาเป็นของๆตนอย่างเสรีและยึดติดไว้ อยากได้อะไรต้องได้ อย่างไร้การควบคุม..
เป็นความไม่บริสุทธิ์สันติ เพราะตกอยู่ภายใต้แรงดึงแรงยึดที่ไม่บริสุทธิ์(ความอยากความยึด)ของตนเอง กระทำไปตามแรงดึงแรงยึดของตนเองที่มีต่อธาตุภายนอกต่อสิ่งภายนอก..เป็นความไม่อิสระ เพราะตนผูกยึดอะไร และถูกสิ่งภายนอกผูกยึดได้..
(ธาตุไม่อิสระ ธาตุไม่มีอิสระเสรี เพราะความไม่บริสุทธิ์ของตนเอง เพราะความยิดติดของตนเองต่อสิ่งใดๆ)
สรุปแล้วการกระทำเช่นนั้น ความต้องการเช่นนั้น ล้วนเป็นเสรีภาพปลอม ที่แท้แล้วมันอยู่ตรงข้ามกับเสรีภาพที่แท้จริง
ที่มีอยู่ในคำสอนของศาสนาอย่างสิ้นเชิง..
.................................................................................
เสรีภาพที่แท้จริงนั้นมีอยู่ในคำสอนทางศาสนา ที่สอนให้ดับความอยากความยึด(ดับตัณหาอุปาทาน)ในตนเอง สอนให้ดับการกระทำที่กระทำไปตามความอยากความยึดอันไม่สันติของตนเอง(ดับกรรมชั่ว) ทำตนเองและผู้อื่นให้เป็นสุขสงบ..
เสรีภาพเช่นนั้น เป็นปรากฏการณ์ที่ธาตุตามธรรมชาติ(มนุษย์,จิตธาตุ,กายธาตุ) ไม่ปรารถนาที่จะเคลื่อนไหวกระทำไปตามความอยากความยึดของตนเองอีกต่อไปแล้ว มีความสงบในตนเอง มีข้อห้ามก็เหมือนไม่มี มีกฏก็เหมือนไม่มีกฏ..
พฤติกรรมเช่นนั้นของธาตุตามธรรมชาติ แสดงถึงความเป็นธาตุที่มีความบริสุทธิ์ มีพลังงานความเคลื่อนไหวกระทำในตนที่บริสุทธิ์ มีความดึงความยึดในตนที่บริสุทธิ์..ไม่ตกอยู่ภายใต้แรงดึงแรงยึดที่ไม่บริสุทธิ์ของตนเอง เป็นการดำรงอยู่ที่อยู่เหนือแรงดึงแรงยึดที่ไม่บริสุทธิ์ของตนเอง ไม่กระทำไปตามแรงดึงแรงยึดที่ไม่บริสุทธิ์ของตนเองอีกต่อไป..ดับการกระทำหยุดการกระทำที่ไม่สันติในตน ดับแรงดึงแรงยึดที่ไม่สันติในตนนั้นได้แล้ว อยู่อย่างสงบ..
เป็นเสรีภาพที่แท้จริง เพราะตนไม่ผูกยึดกับอะไร และ ไม่ถูกอะไรผูกยึดไว้..
(ธาตุเป็นอิสระ ธาตุมีอิสระเสรี เพราะความบริสุทธิ์ของธาตุนั้นๆ เพราะความไม่ยึดติดต่อสิ่งใดๆของธาตุนั้น)..
เสรีภาพแท้-เสรีภาพเทียม..เสรีภาพของธาตุในธรรมชาติ..ที่เราเข้าใจผิดกันมานาน
หรือ ความต้องการที่จะไม่อยู่ภายใต้การควบคุมสั่งสอนหรือบังคับบัญชาของใคร..เป็นต้น
เสรีภาพนั้น คือ ปรากฏการณ์ที่ธาตุตามธรรมชาติ(มนุษย์,จิตธาตุ,กายธาตุ)
ต้องการที่จะเคลื่อนไหวกระทำไปตามความอยากความยึดของตนอย่างอิสระเสรีโดยไม่ต้องมีกฏข้อห้าม ไม่ต้องมีใครขัดขวาง
เช่น ไม่อยากทำอะไรก็ไม่ต้องทำ หรือ อยากทำอะไรก็ขอให้ได้ทำ โดยไม่คำนึงถึงว่าจะเป็นสิ่งที่ผิดกฏหมายหรือไม่ ผิดศีลธรรมหรือไม่
ทำให้ตนเองและผู้อื่นเดือดร้อนหรือไม่..พฤติกรรมเช่นนั้นของธาตุตามธรรมชาติ แสดงถึงความเป็นธาตุที่ไม่บริสุทธิ์
มีพลังงานความเคลื่อนไหวกระทำในตนที่ไม่บริสุทธิ์ มีความดึงความยึดในตนที่ไม่บริสุทธิ์
เพราะเป็นการกระทำไปตามความดึงความยึดที่ไม่บริสุทธิ์(ความอยากความยึด)ของตนที่มีต่อสิ่งภายนอก ต่อธาตุภายนอกอย่างเสรี
หรือ ความต้องการแสวงหาสิ่งภายนอกมาเป็นของๆตนอย่างเสรีและยึดติดไว้ อยากได้อะไรต้องได้ อย่างไร้การควบคุม..
เป็นความไม่บริสุทธิ์สันติ เพราะตกอยู่ภายใต้แรงดึงแรงยึดที่ไม่บริสุทธิ์(ความอยากความยึด)ของตนเอง กระทำไปตามแรงดึงแรงยึดของตนเองที่มีต่อธาตุภายนอกต่อสิ่งภายนอก..เป็นความไม่อิสระ เพราะตนผูกยึดอะไร และถูกสิ่งภายนอกผูกยึดได้..
(ธาตุไม่อิสระ ธาตุไม่มีอิสระเสรี เพราะความไม่บริสุทธิ์ของตนเอง เพราะความยิดติดของตนเองต่อสิ่งใดๆ)
สรุปแล้วการกระทำเช่นนั้น ความต้องการเช่นนั้น ล้วนเป็นเสรีภาพปลอม ที่แท้แล้วมันอยู่ตรงข้ามกับเสรีภาพที่แท้จริง
ที่มีอยู่ในคำสอนของศาสนาอย่างสิ้นเชิง..
.................................................................................
เสรีภาพที่แท้จริงนั้นมีอยู่ในคำสอนทางศาสนา ที่สอนให้ดับความอยากความยึด(ดับตัณหาอุปาทาน)ในตนเอง สอนให้ดับการกระทำที่กระทำไปตามความอยากความยึดอันไม่สันติของตนเอง(ดับกรรมชั่ว) ทำตนเองและผู้อื่นให้เป็นสุขสงบ..
เสรีภาพเช่นนั้น เป็นปรากฏการณ์ที่ธาตุตามธรรมชาติ(มนุษย์,จิตธาตุ,กายธาตุ) ไม่ปรารถนาที่จะเคลื่อนไหวกระทำไปตามความอยากความยึดของตนเองอีกต่อไปแล้ว มีความสงบในตนเอง มีข้อห้ามก็เหมือนไม่มี มีกฏก็เหมือนไม่มีกฏ..
พฤติกรรมเช่นนั้นของธาตุตามธรรมชาติ แสดงถึงความเป็นธาตุที่มีความบริสุทธิ์ มีพลังงานความเคลื่อนไหวกระทำในตนที่บริสุทธิ์ มีความดึงความยึดในตนที่บริสุทธิ์..ไม่ตกอยู่ภายใต้แรงดึงแรงยึดที่ไม่บริสุทธิ์ของตนเอง เป็นการดำรงอยู่ที่อยู่เหนือแรงดึงแรงยึดที่ไม่บริสุทธิ์ของตนเอง ไม่กระทำไปตามแรงดึงแรงยึดที่ไม่บริสุทธิ์ของตนเองอีกต่อไป..ดับการกระทำหยุดการกระทำที่ไม่สันติในตน ดับแรงดึงแรงยึดที่ไม่สันติในตนนั้นได้แล้ว อยู่อย่างสงบ..
เป็นเสรีภาพที่แท้จริง เพราะตนไม่ผูกยึดกับอะไร และ ไม่ถูกอะไรผูกยึดไว้..
(ธาตุเป็นอิสระ ธาตุมีอิสระเสรี เพราะความบริสุทธิ์ของธาตุนั้นๆ เพราะความไม่ยึดติดต่อสิ่งใดๆของธาตุนั้น)..