สวัสดีค่ะ วันนี้เราอยากจะปรึกษาเพื่อนๆ เกี่ยวกับปัญหาชีวิตที่กำลังจะแต่งงานของเราค่ะ
คือเราเป็นคนที่ไม่คิดอะไรมาก ออกจะเป็นผู้หญิงทะลึ่งๆ กวนประสาทเวลาที่อยู่กันในกลุ่มเพื่อน ส่วนเรื่องทัศนคติเราก็เป็นคนชิลล์อยู่แล้วกับทุกเรื่อง อย่างตอนนี้เราก็ย้ายเข้ามาอยู่กับแฟนที่บ้านด้วยกัน เป็นบ้านที่ซื้อมาเพื่อเป็นเรือนหอนี่ล่ะค่ะ ด้วยความที่งบไม่เยอะมากเลยเลือกที่จะซื้อบ้านมือ 2 แล้วค่อยวางแผนรีโนเวททีละจุด อย่างเช่นพวกจุดใหญ่ๆ อย่างห้องนอนชั้น 2 ก็เรียบร้อยแล้ว เหลือเก็บตกนิดๆ หน่อยๆ เกี่ยวกับเรื่องห้องน้ำนี่ล่ะค่ะ
เรื่องมันก็เริ่มมาจากที่เราอยากได้อ่างล้างหน้าแบบเคาท์เตอร์ เพราะเป็นคนออพชั่นเยอะมาก ไหนจะครีมบำรุง ที่เช็ดเครื่องสำอาง โฟมล้างหน้า เครื่องล้างหน้า คือของเราเยอะจริงๆ เรารู้ตัวดีว่าฟังก์ชั่นที่เราต้องการมันเป็นแบบไหน แต่คุณแม่สามีก็บอกว่าให้ติดตั้งแบบง่ายๆ เพราะเราไม่ได้ใช้เวลาในห้องน้ำเยอะ ซึ่งในความเป็นจริงเราเองใช้เวลากับการสาละวนผิวหน้าอยู่อย่างต่ำก็ 10 นาทีแล้ว ก็อยากจะให้อะไรๆ สะดวก ลงอพูดกับแฟน แฟนก็เข้าใจ ก็เลยไปพูดกับคุณแม่ให้ว่าตัวเขาเองก็ต้องการที่วางของเช่นกัน เรื่องก็เลยซาไป
ทีนี้พอเข้าเรื่องเฟอร์นิเจอร์ เราอยากได้อะไรที่มันครบ จบทีเดียวเลย คุณแม่ก็ไม่ยอม บอกให้ทะยอยซื้อ ซึ่งเราก็เข้าใจว่าคุณแม่คงอยากให้ค่อยๆ ใช้เงิน แต่มาคิดดูอีกทีท้ายที่สุดแล้วมันก็ต้องซื้อทั้งหมด แล้วทำไมเราต้องทะยอยด้วยล่ะ?
ล่าสุดจะให้ถอดแอร์จากห้องนอนแฟนที่บ้านเก่า (บ้านคุณแม่) มาติดที่บ้าน เพราะตัวเก่าเพิ่งซื้อได้ไม่กี่ปี BTU 12,000 ของมิตซูฯ เฮฟวี่ดิวตี้ ตอนนี้เราเหมือนตันไปหมด เหมือนลมมันดันออกหูยังไงไม่รู้ค่ะ คือเราเข้าใจว่าแอร์เพิ่งซื้อได้ไม่กี่ปี คงไม่เสียหรอก แต่ใครจะรู้ล่ะคะว่าถ้าเกิดเอามาแล้วมันเป็นอะไรขึ้นมา ก็ต้องเสียทั้งค่าซ่อมแล้วก็ค่าย้าย เผลอๆ สุดท้ายต้องซื้อใหม่อีก แล้วมันจะคุ้มกันหรอ? อีกอย่างคือเราอยากให้ห้องของแฟนที่บ้านเก่ายังอยู่ในสภาพเดิม เพราะก็ไม่ได้วางแผนจะย้ายแล้วย้ายเลย ยังอยากกลับไปอยู่เป็นเพื่อนคุณพ่อคุณแม่วันเสาร์อาทิตย์บ้าง แต่แม่ก็ดูไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่
แบบนี้เราควรใช้คำพูดอย่างไรพูดกับคุณแม่ให้ดูอ่อนน้อมที่สุดค่ะ
หนักใจค่ะ ไม่รู้จะพูดยังไงกับแม่สามีดี
คือเราเป็นคนที่ไม่คิดอะไรมาก ออกจะเป็นผู้หญิงทะลึ่งๆ กวนประสาทเวลาที่อยู่กันในกลุ่มเพื่อน ส่วนเรื่องทัศนคติเราก็เป็นคนชิลล์อยู่แล้วกับทุกเรื่อง อย่างตอนนี้เราก็ย้ายเข้ามาอยู่กับแฟนที่บ้านด้วยกัน เป็นบ้านที่ซื้อมาเพื่อเป็นเรือนหอนี่ล่ะค่ะ ด้วยความที่งบไม่เยอะมากเลยเลือกที่จะซื้อบ้านมือ 2 แล้วค่อยวางแผนรีโนเวททีละจุด อย่างเช่นพวกจุดใหญ่ๆ อย่างห้องนอนชั้น 2 ก็เรียบร้อยแล้ว เหลือเก็บตกนิดๆ หน่อยๆ เกี่ยวกับเรื่องห้องน้ำนี่ล่ะค่ะ
เรื่องมันก็เริ่มมาจากที่เราอยากได้อ่างล้างหน้าแบบเคาท์เตอร์ เพราะเป็นคนออพชั่นเยอะมาก ไหนจะครีมบำรุง ที่เช็ดเครื่องสำอาง โฟมล้างหน้า เครื่องล้างหน้า คือของเราเยอะจริงๆ เรารู้ตัวดีว่าฟังก์ชั่นที่เราต้องการมันเป็นแบบไหน แต่คุณแม่สามีก็บอกว่าให้ติดตั้งแบบง่ายๆ เพราะเราไม่ได้ใช้เวลาในห้องน้ำเยอะ ซึ่งในความเป็นจริงเราเองใช้เวลากับการสาละวนผิวหน้าอยู่อย่างต่ำก็ 10 นาทีแล้ว ก็อยากจะให้อะไรๆ สะดวก ลงอพูดกับแฟน แฟนก็เข้าใจ ก็เลยไปพูดกับคุณแม่ให้ว่าตัวเขาเองก็ต้องการที่วางของเช่นกัน เรื่องก็เลยซาไป
ทีนี้พอเข้าเรื่องเฟอร์นิเจอร์ เราอยากได้อะไรที่มันครบ จบทีเดียวเลย คุณแม่ก็ไม่ยอม บอกให้ทะยอยซื้อ ซึ่งเราก็เข้าใจว่าคุณแม่คงอยากให้ค่อยๆ ใช้เงิน แต่มาคิดดูอีกทีท้ายที่สุดแล้วมันก็ต้องซื้อทั้งหมด แล้วทำไมเราต้องทะยอยด้วยล่ะ?
ล่าสุดจะให้ถอดแอร์จากห้องนอนแฟนที่บ้านเก่า (บ้านคุณแม่) มาติดที่บ้าน เพราะตัวเก่าเพิ่งซื้อได้ไม่กี่ปี BTU 12,000 ของมิตซูฯ เฮฟวี่ดิวตี้ ตอนนี้เราเหมือนตันไปหมด เหมือนลมมันดันออกหูยังไงไม่รู้ค่ะ คือเราเข้าใจว่าแอร์เพิ่งซื้อได้ไม่กี่ปี คงไม่เสียหรอก แต่ใครจะรู้ล่ะคะว่าถ้าเกิดเอามาแล้วมันเป็นอะไรขึ้นมา ก็ต้องเสียทั้งค่าซ่อมแล้วก็ค่าย้าย เผลอๆ สุดท้ายต้องซื้อใหม่อีก แล้วมันจะคุ้มกันหรอ? อีกอย่างคือเราอยากให้ห้องของแฟนที่บ้านเก่ายังอยู่ในสภาพเดิม เพราะก็ไม่ได้วางแผนจะย้ายแล้วย้ายเลย ยังอยากกลับไปอยู่เป็นเพื่อนคุณพ่อคุณแม่วันเสาร์อาทิตย์บ้าง แต่แม่ก็ดูไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่
แบบนี้เราควรใช้คำพูดอย่างไรพูดกับคุณแม่ให้ดูอ่อนน้อมที่สุดค่ะ