▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
ประเทศสกอตแลนด์
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวยุโรป
เที่ยวต่างประเทศ
สถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ
[CR] รีวิวขับรถเที่ยวชิลล์ๆไปในScotland (Edinburgh-Loch Lomond-Isle of Mull) + Lake District Part2
ไปตามอ่าน Part 1ได้ที่ >>> https://pantip.com/topic/36485546
Day 5 : Aros park - Tobermory- Calgary Art in nature – Calgary Bay
วันนี้ตื่นเช้ามาก็รีบไปห้องอาหารเพื่อกินข้าวเช้าของทางโรมแรมก่อนเลยค่ะ เพราะที่นี่จัดช่วงเวลาอาหารเช้าแค่ 8.00-9.00 เท่านั้นค่ะ ห้องอาหารเล็กๆมองเห็นวิวทะเลบรรยากาศอบอุ่นค่ะ แต่แขกเยอะเลยไม่ได้ถ่ายรูปมานะคะ เราสามารถเดินไปตักซีเรียลได้ที่บาร์เล็กๆจะมีน้ำผลไม้ โยเกิร์ต นม แล้วก็ผลไม้สดให้หยิบได้เองค่ะ พอเรานั่งที่โต๊ะแล้วจะมีพนักงานมารับออเดอร์ค่ะ เช้านี้ขอเติมพลังด้วยปลาkippers ซึ่งมันก็คือปลาแฮร์ริ่งรมควันที่ชาวสก๊อตจะรับประทานเป็นอาหารเช้านั่นเอง จะเค็มๆหน่อย ตอนกินบีบมะนาวกับโรยพริกไทยดำเพิ่มลงไป อร่อยมากกกก
หลังจากเมื่อคืนเช็คสภาพอากาศแล้วพบว่าวันนี้น่าจะครึ้มทั้งวันเลยตัดสินใจเที่ยวในเกาะก่อน แล้วอีกวันค่อยซื้อทริปไปเที่ยวเกาะอื่นค่ะ หลังกินอาหารเช้าเสร็จก็ไม่รอช้า ขับรถออกไปเพื่อจะไป Aros Park ที่อ่านมาว่าตรงนี้มีน้ำตก แต่พอเลี้ยวรถออกมาจากโรงแรม ข้างถนนก็เจอวัว Highland cowค่ะ เป็นวัวขนยาวที่หน้าตาน่ารักมากมีเฉพาะที่ Highlandเท่านั้น คือตอนที่วางแผนมาสก๊อตแลนด์นี่กะว่ายังไงต้องถ่ายรูปเจ้าวัวสุดเฟี้ยวนี้ให้ได้ จริงๆเมื่อวานตอนขับรถไปกินข้าวเย็นก็เจอที่เนินเขานะคะ แต่น้องวัวอยู่ไกล บวกกับขับรถอยู่บนทางเลนเดี่ยวไม่สามารถจอดถ่ายรูปได้เลย
ต้องขอบอกก่อนว่าถนนที่นี่แบบUniqueสุดๆ คือเป็นเลนเดี่ยวค่ะ แต่จะมีเหมือนทำไหล่ทางให้เวลาเจอรถสวน ซึ่งขับรถที่นี่ขับๆจอดๆเพราะมีรถสวนตลอดทาง แล้วคนอังกฤษเนียมธรรมเนียมคือเวลาใครหยุดรถเพื่อให้เราขับสวนไป เราจะต้องส่งสัญญาณเป็นการขอบคุณโดยการยกมือขึ้นเหนือพวงมาลัยค่ะ แล้วคนนั้นก็จะทำแบบเดียวกันเป็นการตอบรับค่ะ เพราะงั้นการขับรถที่นี่เราก้อจะยกมือขอบคุณกันไปตลอดทางเลย
Aros Park เป็นเส้นทางเดินชมธรรมชาติที่ห่างจากTobermory มาทางทิศใต้ประมาณ 1.5ไมล์ค่ะ มีทางเดินเท้ามาได้ด้วยโดยเริ่มจากข้างInformation Centerค่ะ แต่พอดีเราขับรถมาเราจะผ่านAros Parkก่อนเราเลยเลือกที่จะแวะที่นี่ก่อนโดยจอดรถไว้ที่ลานจอดรถที่อยู่ติดถนน ส่วนนี้จะเป็น Upper falls ค่ะ คือส่วนน้ำตกพอดี ลงรถมาเดินนาทีเดียวก็เจอน้ำตกเลยค่ะ
เราเดินตามเส้นทางน้ำลงไปเรื่อยๆก็เจอกับสภาพป่าอารมณ์ประมาณ The Lord of the ring เลยค่ะ ต้นไม้ใหญ่ๆ มีมอสขึ้น เงียบๆ สดชื่นมาก
เดินลงมาสักพักก็จะถึงจุดLower Falls ค่ะเป็นน้ำตกที่ไหลมาจากลำธารของน้ำตกข้างบนค่ะ แต่น้ำตกอันนี้ไหลออกทะเลเลย แล้วเราก็เลือกเดินไปทางท่าเรือใกล้ๆแล้วเดินวกมาที่ทะเลสาบค่ะ ถ้าดูจากรูปแผนที่เราเดินเป็นวงกลมแล้วกลับมายังลานจอดรถเหมือนเดิมค่ะ ใช้เวลาที่นี่เกือบสองชั่วโมงเลย
จากนั้นเราก็ไปต่อกันที่เมือง Tobermoryค่ะ เป็นเมืองริมทะเลที่เต็มไปด้วยตึกสีสันเรียงรายเต็มไปหมดเลยค่ะ น่ารัก
ลานจอดรถก็ไม่เสียเงินหรือจะจอดรถตามริมถนนก็ได้ค่ะฟรีเมืองกัน ณ จุดนี้จะเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวให้เลือกชมมากมายเลยค่ะ เราขอมาประเดิมด้วยการแวะเอาแผนที่ที่ Information Center และถือโอกาสจองทัวร์เรือไปเที่ยวเกาะ Staffaในวันรุ่งขึ้นเลยค่ะ เราจองเป็นรอบเช้า ราคาคนละ 30ปอนด์ค่ะ ข้างๆกันเป็น Mull aquarium ไม่ได้เข้านะคะแต่ถ้าใครอยากเข้าห้องน้ำล่ะก็มาเข้าที่นี่ได้ค่ะ
เราเลือกที่จะเดินเล่นถ่ายรูปกัน ตรงบริเวณนี้จะเหมือนอ่าวโค้งๆ มีท่าเรือที่สามารถมองเห็นอาหารสีสันสดใสได้ทั้งหมดซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำรายการเด็กสมัยก่อนที่มีชื่อเสียงมากของ BBC ชื่อ Balamoryค่ะ ร้านขายของที่ระลึกบางร้านก็มีโปสการ์ดเป็นรูปการ์ตูนของรายการนี้ขายด้วยค่ะ
เดินถัดจากลานจอดรถมาจะเจอ Tobermory Distillery Visitor Centre ที่นี่เป็นสถานที่ผลิตWhiskyท้องถิ่นค่ะ เข้าไปเยี่ยมชมได้แต่พอดีเราไม่ดื่มค่ะ จึงได้แต่เดินผ่านไป
แล้วเราก็เดินมาถึงตึกสีๆแล้วค่ะ ตึกพวกนี้มันคือโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกนั่นเอง ก็ค่อยๆเดินชิลล์ๆ เข้าร้านนู้นออกร้านนี้ ของที่ขายในร้านมักเป็นลายนกพัฟฟิ่นหรือลายวัวhighlandค่ะ เพราะถือว่าเป็นของขึ้นชื่อของที่นี่ โดนเฉพาะนกPuffin เป็นนกที่น่ารักมาก ส่วนตัวเราคิดว่าหน้าตาคล้ายๆเพนกวิ้นเลยแต่หัวใหญ่ตาโต มีแก้มป่องๆ จริงๆที่ตายชายฝั่งอังกฤษที่อื่นก็มีนะคะ เราจะได้ไปเห็นตัวเป็นๆกันวันพรุ่งนี้ที่เราซื้อทัวร์ไปเกาะstaffaก็เพื่อการนี้แหละค่ะ
ที่นี่มีพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นเล็กๆที่เล่าประวัติความเป็นมาของเกาะนี้ให้เข้าชมได้ฟรีด้วยค่ะ ชื่อMull Museum แต่จะเปิดเฉพาะเดือนเมษายน-ตุลาคมเท่านั้นค่ะ เพราะช่วงนี้จะเป็นช่วงที่อากาศดีทำให้นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวที่เกาะ
เราเดินไปจนสุดทางก็เริ่มรู้สึกหิวแล้ว ตรงนั้นมีคาเฟ่พอดีแต่เราได้ยินมาว่าFish and Chip ตรงหอนาฬิกานั้นเลิศ เราเลยเดินย้อนกลับไปเพื่อกินอาหารกลางวันกันค่ะ ร้านจะเป็นแนว Food truck ชื่อ Fisherman’s Pierค่ะ ตอนแรกตั้งใจว่าจะเอาเป็นปลาทอด แต่พอดูเมนูแล้วมีของทอดให้เลือกหลายหลายเลยค่ะ เราสั่งเป็น Calamari ซึ่งเป็น special menuของวัน ราคา 4.50ปอนด์เพราะรู้สึกว่าตั้งแต่มานี่ไม่เคยกินปลาหมึกเลยค่ะ ตามร้านอาหารไม่ค่อยมีเมนูจากปลาหมึกขาย หลังจากจ่ายเงินแล้วยืนรอสักพักเราก็ได้ปลาหมึกชุบแป้งทอดมาครองค่ะ
ปกตินักท่องเที่ยวซื้ออาหารได้แล้วก็จะมานั่งกินตรงใต้นาฬิกา เราเองก็เช่นกันค่ะ กินตอนร้อนๆนี่ฟินสุดๆ (จนลืมถ่ายรูปไปเลย) ตรงนี้จะมีนกนางนวลมาคอยจ้องกินเศษอาหารที่หล่นจากนักท่องเที่ยวด้วย แต่ยังไงแล้วนักท่องเที่ยวที่ดีก็ไม่ควรให้อาหารสัตว์ที่อยู่ตามธรรมชาตินะคะ
เมื่อท้องอิ่มเราก็เปิดแผนที่กันต่อว่าจะไปไหนดี ก็พบว่าที่ทางด้านตะวันตกของเกาะมีหาดด้วย เราเลยจะไปดูกันค่ะ โดยปักหมุดไปที่ Calgary Bay ที่ห่างออกไปเพียง 12ไมล์ ทางจากTobermory ไปนี่ค่อนข้างจะคดเคี้ยว ขึ้นๆลงๆทำเอาเราเวียนหัวเลยค่ะ แต่มันเป็นทางตามหุบเขาที่วิวสวยมาก สองข้างทางเต็มไปด้วยแกะ บางทีแกะก็ออกมาเดินกินหญ้าตามถนน ไม่ได้กลัวรถเลยค่ะ
ขับมาประมาณ 40 นาทีเราก็เจอป้าย Calgary Art in Nature ก็เลยแวะดูค่ะ เป็นเส้นทางเดินธรรมชาติแต่ละจุดจะมีพวก Sculpture ตั้งอยู่ค่ะ แถมเข้าฟรีด้วยเราเลยลงไปเดินเล่นกัน ดูตามแผนที่แล้วน่าจะมีงานศิลปะให้ชมเยอะเลย ด้านบนสามารถมองเห็นวิวของชายหาดได้ด้วย
เดินไปเดินมาสักพักหลงค่ะ ไปออกตรงฟาร์มวัวด้านหลังแต่ก็ยังสามารถเดินวกกลับมาตามเส้นทางเดินได้อยู่
เดินเสร็จแล้วเราก็แวะอุดหนุนคาเฟ่ที่อยู่ด้านหน้ากันค่ะ
สั่งเค้กชอกโกแลตกับ Organic Chai Tea ( ชาแบบอินเดีย)มากินค่ะ รสอร่อย จำราคาไม่ได้แต่ไม่แพงค่ะ เหมือนเวลากินเค้กตามคาเฟ่ที่กรุงเทพนั่นแหละค่ะ
แล้วที่นี่มีส่วนที่ขายงานศิลปะด้วยนะคะ ถ้าใครชอบก็มาแวะซื้อแวะชมได้
จากตรงนี้ขับรถแค่ 1-2นาทีก็ถึง Calgary Bay แล้วค่ะ เพราะมันอยู่ติดกันเลย โชคดีมากที่ตอนนั้นมีแสงอาทิตย์พอดี(หลังจากที่ครึ้มมาทั้งวัน)เราจึงได้เห็นหาดทรายสีขาวๆตัดกับสีน้ำทะเลใสๆค่ะ สวยมาก สงบด้วย ด้านขวามือของทางชายหาดเป็นภูเขามีทางเดินเล็กๆเลียบไป เราจึงไปเดินชมบรรยากาศ เก็บความสดชื่นจากทะเลกันค่ะ
จากนั้นเราต้องกลับทางเดิมเพื่อไปกินข้าวเย็นที่ Tobermoryค่ะ ระหว่างทางเราเลยได้แวะจอดถ่ายรูปวิวสวยๆด้วยค่ะ และแน่นอนว่า เจอแกะ กับวัวตลอดทางเลย
มาถึงร้านอาหารเวลาทุ่มตรงพอดีค่ะ เรากินข้าวเย็นที่ Mashnish Resturant ที่เราแอบแวะจองไว้เมื่อตอนบ่ายค่ะ ที่นี่ร้านอาหารไม่เยอะ แล้วแต่ละร้านไม่ใหญ่ค่ะ แนะนำว่าให้จองก่อนก็ดีค่ะ จะได้โต๊ะแน่ๆ มาเกาะทั้งทีก็ต้องอาหารทะเลสิคะ มื้อนี้เราสั่ง Lobsterค่ะครึ่งตัวราคา 18.97ปอนด์ คือในใจก็รู้สึกว่าแพงแต่ก็คิดว่านานๆที ตอนมาเสริฟนี่แทบร้องไห้ ก้ามหาย !! ในจานไม่มีก้ามล๊อบสเตอร์ ซึ่งเราชอบกินส่วนนี้มากที่สุดเพราะเนื้อมันเด้งๆนุ่มๆหวานอร่อยสุด แต่ไม่กล้าโวยวายค่ะ ก้มตาใช้มือแกะปากดูดล๊อบเตอร์ในจานโดยไม่สนใจใคร แป๊บเดียวหมดจาน
กินเสร็จแล้วเราก็รีบกลับโรงแรมเพื่อพักผ่อนค่ะ เพราะวันรุ่งขึ้นต้องตื่นเช้าไปขึ้นเรือที่ทางตอนใต้ของเกาะค่ะ เราจึงต้องรีบเข้านอนไวๆ