ก่อนอื่น ต้องขอสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน ที่จะเข้ามาตาม review กระทู้นี้ก่อนครับ
สิงคโปร์ เป็นประเทศที่หลายๆคนตั้งใจอยากจะไป หรือหลุดมาอ่านทริปประเทศนี้เล่นๆจะพบว่าหลายคนพูดเหมือนกันว่า ที่เที่ยวไม่เยอะ อาหารแพง เป็นเกาะเล็กๆ ไปครั้งนึงก็เที่ยวหมดประเทศแล้ว ครับ ผมก็จะขอบอกเบื้องต้นไว้ก่อนเลยว่า ผมไป 4 วัน 4คืน ผมเที่ยวไม่หมด แล้วอาหารไม่ได้แพงขนาดว่าซื้อครั้งนึงแล้วกินไม่อิ่ม กระเป๋าฉีกขนาดนั้น ผมเที่ยวสไตล์ backpacker เลยครับ วันนึงเดินเป็น 10กิโล มีนั่งรถเมล์บ้าง รถไฟฟ้าบ้าง แต่หลักๆคือเดิน เดินจากที่พักไปขึ้นรถไฟฟ้า เดินจนปวดขาไปหมด แต่สนุกครับ สนุกว่าที่เรามากับทัวร์ นั่งรถสบายๆ แต่ไม่ได้สัมผัสกับบ้านเมืองเขาจริงๆ
เกริ่นนำคร่าวๆ ของทริปนี้คือ แฟนอยากไปเที่ยวต่างประเทศบ้าง หลังจากเที่ยวในไทยมาจนเบื่อ อยากลองออกไปเจอสถานที่เที่ยวใหม่ๆ อยากลองใช้ภาษาที่มีติดตัวดู แต่จะเป็นประเทศไหนละที่จะได้ใช้ภาษา ประเทศแรกที่นึกถึง ก็คือ สิงคโปร์
มีวันนึง ผมก็นั่งทำงานปกตินั้นแหละ แฟน โทรมาบอกว่า "เนี่ย jetstar ไปสิงคโปร์ มีโปรถูกมาก 2คนไม่ถึง 5000 ไป-กลับ" "จองเลยนะ"
ตัวผม ยังไม่มีแพลนอะไร เพราะยังไม่คิดเรื่องที่จะไปต่างประเทศ เพราะเป็นคนกลัวเรื่องภาษาพอสมควรครับ
หลังจากแฟนจองเสร็จ ผมเลยทำการหาที่พัก ที่เที่ยว ที่กิน จากใน pantip นี้แหละครับ ดูจากหลายๆกระทู้ หลายเว็บ แล้วก็เอามาเรียงดูใน google map ว่า เราจะเดินทางยังไง ไปไหนก่อน กินอะไรบ้าง
ที่แพลนไว้ ไม่ได้เป็นไปตามแพลนทั้งหมดนะครับ สมมุติแพลนวางไว้ 100% ไปจริงตามแพลนแค่ 80%ครับ บางช่วง บางตอนต้องตัดหรือปรับเปลี่ยนที่เที่ยวกันนิดหน่อยเพื่อให้ทันเวลากับไม่ทำให้ตัวเองเหนื่อยเกินไป
++ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า ++
หลังจากจองและเตรียมที่เที่ยวที่กินกันแล้ว ก็ตั้งใจรอวันที่จะไปเที่ยวพอดี โปรที่ผมได้มา ถือว่าถูกเลย เพราะผมไปวันหยุดยาวของไทย แล้วได้โปรราคานี้ โอเคเลย
ผมจองเที่ยวไปบินขาไป 11โมง ถึงนู้น บ่ายสอง (+1ชม. ของเวลาที่สิงคโปร์) เบ็ดเสร็จกว่าจะออกจากสนามบินก็ปาไป3โมง
สำหรับกระเป๋าเดินทางหลายท่านคงสงสัยว่า ไปสิงค์โปร์ต้องเอากระเป๋าใบใหญ่ไปไหม ควรเอากระเป๋าไปหลายใบไหม ผมขอตอบว่า ควรเอาไปอย่างน้อยคนละ 2 ใบครับ แล้วซื้อนำหนักขากลับเยอะหน่อย ขาไปคุณอาจจะ Carry On ไป
แบบผมกับแฟน จะเอากระเป๋าเดินทางไปคนละใบ เป้คนละใบ ขาไป Carry On เอา ใบละ7กิโลพอดีเป๊ะๆ แต่ขากลับซื้อไว้อีก 20กิโล เดียวลองตามดูแล้วจะรู้ว่าทำไมต้องซื้ออีก 20กิโล

กระเป๋าลากเล็กๆ1ใบ กับกระเป๋าหิ้วเดินทางอีกใบ
หลังจากเช็คอินเรียบร้อยก็เดินเข้า gate ไปรอขึ้นเครื่องเลยหาของกินรองท้องซะหน่อย ของกินข้างในแอบแพงอยู่พอสมควร
ขอเล่าย้อนกลับไปก่อนที่จะขึ้นเครื่อง ด้วยความที่ไม่เคยออกนอกประเทศ เคยบินแต่ในประเทศ ทำให้ผมลืมสังเกตุว่า ตอนเช็คอิน เขาให้ใบกรอก ออก-เข้าประเทศมา ผมกับแฟน เดินใบกระดาษเปล่าไปเลยครับ แฟนผมผ่านไปได้ แต่ผมดันไม่ผ่าน เลยต้องออกจากแถวมาเขียนใบ แล้วต่อแถวใหม่ แต่แฟนผมก็เขียนแล้วก็เอามาส่งให้เขาทีหลังนะ ตรงนี้คือข้อดีที่ผมเผื่อเวลาเอาไว้
หลังจากนั้นก็ขึ้นเครื่องตามเวลา ระหว่างที่บินอยู่ พอใกล้ถึง แอร์จะให้กระดาษที่เขียนเข้าเมืองของสิงคโปร์มาให้กรอก ตรงนี้ก็กรอกตามที่เขาเขียนไว้


หลังจากถึงสิงคโปร์แล้ว พอเดินออกมาก็จะเจอป้ายให้เราไปที่ Skytrain T2 เพื่อออกจากสนามบิน มีเหตุการณ์ คือ ผมลืมกล้องไว้บนเครื่องบินครับ ดีนะนึกได้ตอนเดินออกมาได้นิดเดียวรีบวิ่งไป จะเข้าไปหยิบ แต่ Security กันไว้บอก เดียวเขาเข้าไปดูให้ แล้วก็มีพนักงานเครื่องบินรีบวิ่งเอาออกมาให้ ซึ่งในน้ำใจอย่างแรงครับ ตอนนั้น แฟนน่ากลัวมากครับ 55555
หลังจากนั้นเราก็ไปเข้าสู่ขั้นตอนการเข้าเมืองของสิงคโปร์ครับ ตรงนี้แฟนแอบกังวลว่าจะโดนเรียกเข้าห้องเย็นไหม เพราะไปอ่านหลายๆกระทู้แล้วโดนพาเข้าห้องเย็นหลายคน ด้วยความที่ passport ยังขาวสะอาด ไม่เคยไปไหนเลย ผมก็บอกแฟนไว้ว่าไม่ต้องกลัวหรอก เรามาเที่ยว เรามีเอกสารยืนยันครบทุกอย่าง แล้วตอนเข้า ตม. ก็ง่ายๆครับ ไม่ถามอะไรมาก อย่างของแฟนผม เขาก็ไม่ได้ถามอะไร ส่วนของผมเขาก็ถามแค่ว่า มากับผู้หญิงคนนั้นหรอ ผมก็ตอบว่า ใช่ แค่นั้นครับ

ตามจริงเขาไม่ให้ถ่ายนะ ณ จุดตรงนี้
หลังจากหลุด ตม. มาก็นั่งรถไฟฟ้า ที่เป็น Monorail ภายในสนามบิน ไปออกอีก terminal นึง เพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้า เข้าเมือง

พอถึงอีก Terminal นึง เราก็ต้องลงลิฟท์ลงไปชั้นใต้ดินเพื่อขึ้นรถไฟฟ้า ตรงนี้มีคนแนะนำมาเยอะว่า ให้ซื้อตั๋วเที่ยวเดียวก่อน แล้วค่อยไปซื้อ easy link ที่สถานีอื่น มันก็ควรจะต้องอย่างงั้นครับ เพราะคนต่อแถวซื้อ easy link ยาวมาก ผมเลยซื้อตั๋วเที่ยวเดียวเพื่อ ออกจากตรงนั้นก่อนแล้วค่อยไปซื้อ easy link ทีหลัง
easy link คือบัตรที่คุณเติมเงินเข้าไป แล้วใช้ได้เกือบจะทุกอย่างในบ้านเขาเลย ที่เป็นระบบขนส่งสาธารณะ รถไฟใต้ดิน รถเมล์ รถไฟฟ้าที่ข้ามไปเกาะ Sentosa ก็ใช้ได้ เติมก็ง่าย วางบัตรไว้ที่ตู้แล้วทำรายการไปตามขั้นตอน ขั้นต่ำ 10S$ เหมาะสำหรับคนที่เดินทางแบบกระจุยกระจาย แต่เวลาแตะบัตรคุณต้องแตะแช่ไว้หน่อยนะ ไม่งั้นมันอ่านไม่ทัน

พอเรานั่งรถไฟผ่านมา น่าจะ2-3 สถานี เราต้องเปลี่ยนขบวนเพื่อเข้าเมือง แค่เดินข้ามฝั่งก็เปลี่ยนขบวนเข้าเมืองแล้ว

เนื่องด้วยผมพักแถว Geylang ผมจึงนั่งรถไฟ สายสีเขียว มาลง Aljunied แล้วนั่งรถเมล์ต่อไปลงหน้าที่พัก แต่ก่อนที่จะนั่งรถเมล์เข้าที่พัก ผมแวะซื้อบัตร easy link ที่สถานีนี้ก่อนเลย ไม่มีคน เลยไม่ต้องต่อคิว แต่มีปัญหาเรื่องสื่อสารกับพนักงาน เพราะพนักงานสำเนียงคนสิงคโปร์แท้ๆเลย ฟังยากมาก

หลังจากซื้อบัตรเสร็จแล้ว ก็ขอลองเติมเงินเข้าบัตรไว้เผื่อการเดินทางอื่นๆอีกหลายวันไว้ซะหน่อย จะได้ไม่ต้องเติมบ่อยๆ เดินไปที่ตู้แล้วทำตามข้อความบนจอได้เลย

คนที่อยู่หน้าผม นั้นคือคนไทยหมดเลย นึกว่าอยู่ประเทศตัวเอง 55555
หลังจากเติมเงินเรียบร้อย ก็ต้องหาซิม 4G เพื่อใช้หาข้อมูลเดินทางกับ เล่นระหว่างเดินทางซะหน่อย ตอนแรกเข้า 7-eleven แรก พนักงานบอกไม่มีซิม tourist แต่มีแบบ 20S$ แล้วสมัครโปรเอา ผมก็ลังเลอยู่นานเลยบอกแฟนว่าเดียวลองไปดู 7-eleven หน้าที่พักดีกว่า อาจจะมี สรุปไปได้ซิม tourist 15S$ ที่7-eleven หน้าที่พักจริงๆ คือซื้อ แล้วใส่เครื่องเราใช้เน็ตได้เลยทันทีไม่ต้องสมัครอะไรทั้งนั้น

ป้ายรถเมล์ที่สิงคโปร์ มีช่องสำหรับเข้าจอดโดยเฉพาะ



การนั่งรถเมล์ที่สิงคโปร์ไม่ยากอย่างที่คิดครับ ง่ายกว่าที่คิดด้วย คือ ขึ้นด้านหน้า - ลงด้านหลัง / ขึ้นแตะบัตร - ลงแตะบัตร / จอดเฉพาะป้ายที่มีคนโบกหรือมีคนกดลงเท่านั้น / ขับไม่น่ากลัว / แอร์หนาวมาก
ที่นี้มีรถเมล์ 2ชั้นด้วย ผมมีโอกาสขึ้น แต่ไม่ได้นั่งข้างบน แอบเสียดาย
หลังจากลงรถก็เข้า 7-eleven ตามที่บอกไว้ด้านบน เพื่อซื้อซิม แล้วก็เดินสำรวจของกินซะหน่อย




ของในเซเว่น จัดว่าแพงมาก อย่างนมที่ขายบ้านเรา 10กว่าบาท ที่นี้ขาย 60กว่าบาท แต่ถ้าคุณไปซื้อใน supermarket จะถูกกว่านี้มาก แพงกว่าไทยแค่ 2-3บาทเองด้วยซ้ำ
หลังจากซื้อซิมเรียบร้อย ก็เดินเข้าที่พัก ผมเลือกที่พัก fragrance Sapphire เท่าที่อ่านรีวิวใน agoda มา สาขานี้ ห้องพักสภาพดีสุด เพราะเพิ่ง renovate ไม่นาน ข้อดีคือ ไม่ห่างจากเมืองเท่าไหร่ / ราคารับได้ เมื่อเทียบกับที่อื่นที่เป็น Double bed / ใกล้แหล่งของกิน / มีความเป็นส่วนตัว / ประตูห้องเป็นคีย์การ์ด
ข้อเสียก็มีครับ ไม่เหมาะกับผู้หญิงที่มาพักคนเดียว เนื่องจาก ย่านนี้เป็นที่รู้กันของเหล่าชายสายเที่ยวกลางคืน เป็นย่านสีเทา เลยคิดว่าไม่เหมาะ แต่ผมก็ไม่เจออะไรนะ แต่ถ้ามีมากันเป็นคู่ หรือมาเป็นกลุ่มก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ / ไม่มีตู้เย็น




ฝั่งตรงข้ามมีเครือ fragrance อยู่ด้วย
หลังจากเก็บของเรียบร้อย เตรียมผมลุย แต่ติดปัญหาคือ ยังไม่ได้กินข้าวเที่ยวเลย ตอนเก้บของเสร็จก็เกือบจะ4โมงแล้ว เลยดูแถวๆปากซอยหน่อยว่า มีอะไรกินไหม เจอร้านข้าวแกงร้านนึง เจ้าของร้านพูดได้ทั้ง 2 ภาษา คือจีนและอังกฤษ ผมก็ชี้ๆ ว่าจะเอาอะไรบ้าง แล้วก็คิดเงิน เบ็ดเสร็จอยู่จานละ 100กว่าบาท แต่ถ้าเห็นข้าวแล้วจะบอกว่า มันก็แพงกว่าไทยไม่เท่าไหร่ เพราะร้านนี้ มันให้โครตเยอะ แฟนกินไม่หมด ผมก็เกือบไม่หมด ให้เยอะมาก


หลังจากอิ่มแล้วก็ เตรียมตัวเดินทาง ไปเที่ยวตามจุดที่วางไว้ แต่สำหรับวันแรก คงเที่ยวได้ไม่ตามแพลน เพราะกว่าจะออกจากที่พักก็เย็นแล้ว ที่สิงคโปร์ เป็นอีกประเทศที่ค่อนข้างเคารพในตัวกฎหมายวินัยพอสมควร ถ้าคุณข้ามทางม้าลาย แล้วมีสัญญาณไฟ ถ้าคุณกด แล้วสัญญาณไฟให้ข้ามได้ คุณจะข้ามได้อย่างสบายใจเลย เพราะไม่มีรถคันไหน วิ่งออกก่อนไฟแดง หรือฝ่าไฟแดงแน่นอน ถ้าข้ามทางที่ไม่มีสัญญาณไฟแต่มีทางม้าลาย เขาจะจอดให้คุณข้ามก่อนเสมอ


พอเดินๆไปตามทาง ที่จะไปขึ้นรถไฟ บังเอิญเจอกลุ่มเด็กนักเรียน กลุ่มใหญ่เลย ไม่รู้ไปไหนกัน



เป้าหมายแรกของเราคือ ไปซื้อตั๋ว universal studio ก่อนเลย ถ้าคนประเทศเราหลายๆกระทู้ก้จะแนะนำไปซื้อที่ Sea Wheel ผมก็ไปที่นั้นแหละ เพราะไม่รู้จะซื้อที่ไหนดีเหมือนกัน



ผมก็เข้าไปยืนอยู่สักพัก หาเจ้าหวะเข้าไปคุย เตรียมคำพูดเข้าไปคุยว่า เราต้องการจะซื้อตั๋ว Universal 2คน เท่าไหร่ สรุป พูดไทยกันเหมือนอยู่ประเทศตัวเองอีกแล้ว สาวแว่นพูดไทยชัดเหมือนจะเป็นคนไทย ส่วนผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ พูดไทยได้แต่ไม่ชัด แต่ฟังแล้วเข้าใจ
[CR] [CR] สิงคโปร์ ประเทศที่หลายๆคน ไปประเทศแรก 4 Day 4 Night ++
สิงคโปร์ เป็นประเทศที่หลายๆคนตั้งใจอยากจะไป หรือหลุดมาอ่านทริปประเทศนี้เล่นๆจะพบว่าหลายคนพูดเหมือนกันว่า ที่เที่ยวไม่เยอะ อาหารแพง เป็นเกาะเล็กๆ ไปครั้งนึงก็เที่ยวหมดประเทศแล้ว ครับ ผมก็จะขอบอกเบื้องต้นไว้ก่อนเลยว่า ผมไป 4 วัน 4คืน ผมเที่ยวไม่หมด แล้วอาหารไม่ได้แพงขนาดว่าซื้อครั้งนึงแล้วกินไม่อิ่ม กระเป๋าฉีกขนาดนั้น ผมเที่ยวสไตล์ backpacker เลยครับ วันนึงเดินเป็น 10กิโล มีนั่งรถเมล์บ้าง รถไฟฟ้าบ้าง แต่หลักๆคือเดิน เดินจากที่พักไปขึ้นรถไฟฟ้า เดินจนปวดขาไปหมด แต่สนุกครับ สนุกว่าที่เรามากับทัวร์ นั่งรถสบายๆ แต่ไม่ได้สัมผัสกับบ้านเมืองเขาจริงๆ
เกริ่นนำคร่าวๆ ของทริปนี้คือ แฟนอยากไปเที่ยวต่างประเทศบ้าง หลังจากเที่ยวในไทยมาจนเบื่อ อยากลองออกไปเจอสถานที่เที่ยวใหม่ๆ อยากลองใช้ภาษาที่มีติดตัวดู แต่จะเป็นประเทศไหนละที่จะได้ใช้ภาษา ประเทศแรกที่นึกถึง ก็คือ สิงคโปร์
มีวันนึง ผมก็นั่งทำงานปกตินั้นแหละ แฟน โทรมาบอกว่า "เนี่ย jetstar ไปสิงคโปร์ มีโปรถูกมาก 2คนไม่ถึง 5000 ไป-กลับ" "จองเลยนะ"
ตัวผม ยังไม่มีแพลนอะไร เพราะยังไม่คิดเรื่องที่จะไปต่างประเทศ เพราะเป็นคนกลัวเรื่องภาษาพอสมควรครับ
หลังจากแฟนจองเสร็จ ผมเลยทำการหาที่พัก ที่เที่ยว ที่กิน จากใน pantip นี้แหละครับ ดูจากหลายๆกระทู้ หลายเว็บ แล้วก็เอามาเรียงดูใน google map ว่า เราจะเดินทางยังไง ไปไหนก่อน กินอะไรบ้าง
ที่แพลนไว้ ไม่ได้เป็นไปตามแพลนทั้งหมดนะครับ สมมุติแพลนวางไว้ 100% ไปจริงตามแพลนแค่ 80%ครับ บางช่วง บางตอนต้องตัดหรือปรับเปลี่ยนที่เที่ยวกันนิดหน่อยเพื่อให้ทันเวลากับไม่ทำให้ตัวเองเหนื่อยเกินไป
++ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า ++
หลังจากจองและเตรียมที่เที่ยวที่กินกันแล้ว ก็ตั้งใจรอวันที่จะไปเที่ยวพอดี โปรที่ผมได้มา ถือว่าถูกเลย เพราะผมไปวันหยุดยาวของไทย แล้วได้โปรราคานี้ โอเคเลย
ผมจองเที่ยวไปบินขาไป 11โมง ถึงนู้น บ่ายสอง (+1ชม. ของเวลาที่สิงคโปร์) เบ็ดเสร็จกว่าจะออกจากสนามบินก็ปาไป3โมง
สำหรับกระเป๋าเดินทางหลายท่านคงสงสัยว่า ไปสิงค์โปร์ต้องเอากระเป๋าใบใหญ่ไปไหม ควรเอากระเป๋าไปหลายใบไหม ผมขอตอบว่า ควรเอาไปอย่างน้อยคนละ 2 ใบครับ แล้วซื้อนำหนักขากลับเยอะหน่อย ขาไปคุณอาจจะ Carry On ไป
แบบผมกับแฟน จะเอากระเป๋าเดินทางไปคนละใบ เป้คนละใบ ขาไป Carry On เอา ใบละ7กิโลพอดีเป๊ะๆ แต่ขากลับซื้อไว้อีก 20กิโล เดียวลองตามดูแล้วจะรู้ว่าทำไมต้องซื้ออีก 20กิโล
กระเป๋าลากเล็กๆ1ใบ กับกระเป๋าหิ้วเดินทางอีกใบ
หลังจากเช็คอินเรียบร้อยก็เดินเข้า gate ไปรอขึ้นเครื่องเลยหาของกินรองท้องซะหน่อย ของกินข้างในแอบแพงอยู่พอสมควร
ขอเล่าย้อนกลับไปก่อนที่จะขึ้นเครื่อง ด้วยความที่ไม่เคยออกนอกประเทศ เคยบินแต่ในประเทศ ทำให้ผมลืมสังเกตุว่า ตอนเช็คอิน เขาให้ใบกรอก ออก-เข้าประเทศมา ผมกับแฟน เดินใบกระดาษเปล่าไปเลยครับ แฟนผมผ่านไปได้ แต่ผมดันไม่ผ่าน เลยต้องออกจากแถวมาเขียนใบ แล้วต่อแถวใหม่ แต่แฟนผมก็เขียนแล้วก็เอามาส่งให้เขาทีหลังนะ ตรงนี้คือข้อดีที่ผมเผื่อเวลาเอาไว้
หลังจากนั้นก็ขึ้นเครื่องตามเวลา ระหว่างที่บินอยู่ พอใกล้ถึง แอร์จะให้กระดาษที่เขียนเข้าเมืองของสิงคโปร์มาให้กรอก ตรงนี้ก็กรอกตามที่เขาเขียนไว้
หลังจากถึงสิงคโปร์แล้ว พอเดินออกมาก็จะเจอป้ายให้เราไปที่ Skytrain T2 เพื่อออกจากสนามบิน มีเหตุการณ์ คือ ผมลืมกล้องไว้บนเครื่องบินครับ ดีนะนึกได้ตอนเดินออกมาได้นิดเดียวรีบวิ่งไป จะเข้าไปหยิบ แต่ Security กันไว้บอก เดียวเขาเข้าไปดูให้ แล้วก็มีพนักงานเครื่องบินรีบวิ่งเอาออกมาให้ ซึ่งในน้ำใจอย่างแรงครับ ตอนนั้น แฟนน่ากลัวมากครับ 55555
หลังจากนั้นเราก็ไปเข้าสู่ขั้นตอนการเข้าเมืองของสิงคโปร์ครับ ตรงนี้แฟนแอบกังวลว่าจะโดนเรียกเข้าห้องเย็นไหม เพราะไปอ่านหลายๆกระทู้แล้วโดนพาเข้าห้องเย็นหลายคน ด้วยความที่ passport ยังขาวสะอาด ไม่เคยไปไหนเลย ผมก็บอกแฟนไว้ว่าไม่ต้องกลัวหรอก เรามาเที่ยว เรามีเอกสารยืนยันครบทุกอย่าง แล้วตอนเข้า ตม. ก็ง่ายๆครับ ไม่ถามอะไรมาก อย่างของแฟนผม เขาก็ไม่ได้ถามอะไร ส่วนของผมเขาก็ถามแค่ว่า มากับผู้หญิงคนนั้นหรอ ผมก็ตอบว่า ใช่ แค่นั้นครับ
ตามจริงเขาไม่ให้ถ่ายนะ ณ จุดตรงนี้
หลังจากหลุด ตม. มาก็นั่งรถไฟฟ้า ที่เป็น Monorail ภายในสนามบิน ไปออกอีก terminal นึง เพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้า เข้าเมือง
พอถึงอีก Terminal นึง เราก็ต้องลงลิฟท์ลงไปชั้นใต้ดินเพื่อขึ้นรถไฟฟ้า ตรงนี้มีคนแนะนำมาเยอะว่า ให้ซื้อตั๋วเที่ยวเดียวก่อน แล้วค่อยไปซื้อ easy link ที่สถานีอื่น มันก็ควรจะต้องอย่างงั้นครับ เพราะคนต่อแถวซื้อ easy link ยาวมาก ผมเลยซื้อตั๋วเที่ยวเดียวเพื่อ ออกจากตรงนั้นก่อนแล้วค่อยไปซื้อ easy link ทีหลัง
easy link คือบัตรที่คุณเติมเงินเข้าไป แล้วใช้ได้เกือบจะทุกอย่างในบ้านเขาเลย ที่เป็นระบบขนส่งสาธารณะ รถไฟใต้ดิน รถเมล์ รถไฟฟ้าที่ข้ามไปเกาะ Sentosa ก็ใช้ได้ เติมก็ง่าย วางบัตรไว้ที่ตู้แล้วทำรายการไปตามขั้นตอน ขั้นต่ำ 10S$ เหมาะสำหรับคนที่เดินทางแบบกระจุยกระจาย แต่เวลาแตะบัตรคุณต้องแตะแช่ไว้หน่อยนะ ไม่งั้นมันอ่านไม่ทัน
พอเรานั่งรถไฟผ่านมา น่าจะ2-3 สถานี เราต้องเปลี่ยนขบวนเพื่อเข้าเมือง แค่เดินข้ามฝั่งก็เปลี่ยนขบวนเข้าเมืองแล้ว
เนื่องด้วยผมพักแถว Geylang ผมจึงนั่งรถไฟ สายสีเขียว มาลง Aljunied แล้วนั่งรถเมล์ต่อไปลงหน้าที่พัก แต่ก่อนที่จะนั่งรถเมล์เข้าที่พัก ผมแวะซื้อบัตร easy link ที่สถานีนี้ก่อนเลย ไม่มีคน เลยไม่ต้องต่อคิว แต่มีปัญหาเรื่องสื่อสารกับพนักงาน เพราะพนักงานสำเนียงคนสิงคโปร์แท้ๆเลย ฟังยากมาก
หลังจากซื้อบัตรเสร็จแล้ว ก็ขอลองเติมเงินเข้าบัตรไว้เผื่อการเดินทางอื่นๆอีกหลายวันไว้ซะหน่อย จะได้ไม่ต้องเติมบ่อยๆ เดินไปที่ตู้แล้วทำตามข้อความบนจอได้เลย
คนที่อยู่หน้าผม นั้นคือคนไทยหมดเลย นึกว่าอยู่ประเทศตัวเอง 55555
หลังจากเติมเงินเรียบร้อย ก็ต้องหาซิม 4G เพื่อใช้หาข้อมูลเดินทางกับ เล่นระหว่างเดินทางซะหน่อย ตอนแรกเข้า 7-eleven แรก พนักงานบอกไม่มีซิม tourist แต่มีแบบ 20S$ แล้วสมัครโปรเอา ผมก็ลังเลอยู่นานเลยบอกแฟนว่าเดียวลองไปดู 7-eleven หน้าที่พักดีกว่า อาจจะมี สรุปไปได้ซิม tourist 15S$ ที่7-eleven หน้าที่พักจริงๆ คือซื้อ แล้วใส่เครื่องเราใช้เน็ตได้เลยทันทีไม่ต้องสมัครอะไรทั้งนั้น
ป้ายรถเมล์ที่สิงคโปร์ มีช่องสำหรับเข้าจอดโดยเฉพาะ
การนั่งรถเมล์ที่สิงคโปร์ไม่ยากอย่างที่คิดครับ ง่ายกว่าที่คิดด้วย คือ ขึ้นด้านหน้า - ลงด้านหลัง / ขึ้นแตะบัตร - ลงแตะบัตร / จอดเฉพาะป้ายที่มีคนโบกหรือมีคนกดลงเท่านั้น / ขับไม่น่ากลัว / แอร์หนาวมาก
ที่นี้มีรถเมล์ 2ชั้นด้วย ผมมีโอกาสขึ้น แต่ไม่ได้นั่งข้างบน แอบเสียดาย
หลังจากลงรถก็เข้า 7-eleven ตามที่บอกไว้ด้านบน เพื่อซื้อซิม แล้วก็เดินสำรวจของกินซะหน่อย
ของในเซเว่น จัดว่าแพงมาก อย่างนมที่ขายบ้านเรา 10กว่าบาท ที่นี้ขาย 60กว่าบาท แต่ถ้าคุณไปซื้อใน supermarket จะถูกกว่านี้มาก แพงกว่าไทยแค่ 2-3บาทเองด้วยซ้ำ
หลังจากซื้อซิมเรียบร้อย ก็เดินเข้าที่พัก ผมเลือกที่พัก fragrance Sapphire เท่าที่อ่านรีวิวใน agoda มา สาขานี้ ห้องพักสภาพดีสุด เพราะเพิ่ง renovate ไม่นาน ข้อดีคือ ไม่ห่างจากเมืองเท่าไหร่ / ราคารับได้ เมื่อเทียบกับที่อื่นที่เป็น Double bed / ใกล้แหล่งของกิน / มีความเป็นส่วนตัว / ประตูห้องเป็นคีย์การ์ด
ข้อเสียก็มีครับ ไม่เหมาะกับผู้หญิงที่มาพักคนเดียว เนื่องจาก ย่านนี้เป็นที่รู้กันของเหล่าชายสายเที่ยวกลางคืน เป็นย่านสีเทา เลยคิดว่าไม่เหมาะ แต่ผมก็ไม่เจออะไรนะ แต่ถ้ามีมากันเป็นคู่ หรือมาเป็นกลุ่มก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ / ไม่มีตู้เย็น
ฝั่งตรงข้ามมีเครือ fragrance อยู่ด้วย
หลังจากเก็บของเรียบร้อย เตรียมผมลุย แต่ติดปัญหาคือ ยังไม่ได้กินข้าวเที่ยวเลย ตอนเก้บของเสร็จก็เกือบจะ4โมงแล้ว เลยดูแถวๆปากซอยหน่อยว่า มีอะไรกินไหม เจอร้านข้าวแกงร้านนึง เจ้าของร้านพูดได้ทั้ง 2 ภาษา คือจีนและอังกฤษ ผมก็ชี้ๆ ว่าจะเอาอะไรบ้าง แล้วก็คิดเงิน เบ็ดเสร็จอยู่จานละ 100กว่าบาท แต่ถ้าเห็นข้าวแล้วจะบอกว่า มันก็แพงกว่าไทยไม่เท่าไหร่ เพราะร้านนี้ มันให้โครตเยอะ แฟนกินไม่หมด ผมก็เกือบไม่หมด ให้เยอะมาก
หลังจากอิ่มแล้วก็ เตรียมตัวเดินทาง ไปเที่ยวตามจุดที่วางไว้ แต่สำหรับวันแรก คงเที่ยวได้ไม่ตามแพลน เพราะกว่าจะออกจากที่พักก็เย็นแล้ว ที่สิงคโปร์ เป็นอีกประเทศที่ค่อนข้างเคารพในตัวกฎหมายวินัยพอสมควร ถ้าคุณข้ามทางม้าลาย แล้วมีสัญญาณไฟ ถ้าคุณกด แล้วสัญญาณไฟให้ข้ามได้ คุณจะข้ามได้อย่างสบายใจเลย เพราะไม่มีรถคันไหน วิ่งออกก่อนไฟแดง หรือฝ่าไฟแดงแน่นอน ถ้าข้ามทางที่ไม่มีสัญญาณไฟแต่มีทางม้าลาย เขาจะจอดให้คุณข้ามก่อนเสมอ
พอเดินๆไปตามทาง ที่จะไปขึ้นรถไฟ บังเอิญเจอกลุ่มเด็กนักเรียน กลุ่มใหญ่เลย ไม่รู้ไปไหนกัน
เป้าหมายแรกของเราคือ ไปซื้อตั๋ว universal studio ก่อนเลย ถ้าคนประเทศเราหลายๆกระทู้ก้จะแนะนำไปซื้อที่ Sea Wheel ผมก็ไปที่นั้นแหละ เพราะไม่รู้จะซื้อที่ไหนดีเหมือนกัน
ผมก็เข้าไปยืนอยู่สักพัก หาเจ้าหวะเข้าไปคุย เตรียมคำพูดเข้าไปคุยว่า เราต้องการจะซื้อตั๋ว Universal 2คน เท่าไหร่ สรุป พูดไทยกันเหมือนอยู่ประเทศตัวเองอีกแล้ว สาวแว่นพูดไทยชัดเหมือนจะเป็นคนไทย ส่วนผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ พูดไทยได้แต่ไม่ชัด แต่ฟังแล้วเข้าใจ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น