สวัสดีครับ นี่เป็นกระทู้แรกของผมครับ อยากมาเล่าประสบการณ์ทั้งดีและร้ายเกี่ยวกับตัวผม ก่อนอื่นเลยผมต้องบอกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตผมครับ ผมเป็น Homosexualit หรือพวกรักร่วมเพศครับ ผมใช้ชีวิตกับคำว่าเกย์มาตั้งแต่อายุ 13 ผมรู้ตัวเองว่าผมไม่ชอบผู้หญิงตั้งแต่ตอนนั้น ผมก็ไม่รู้ครับว่าผมเบี่ยงเบนไปตอนไหน เพราะตอนเด็กผมก็ปกติครับ เล่นฟุตบอล เล่นต่อสู้ นานาที่เด็กผู้ชายเล่นกัน เข้าเรื่องดีกว่า ตอนผมอายุ 16 ผมได้มีแฟนคนแรกครับ ผมรักเค้ามาก ทั้งรักทั้งหลง เพราะเรายังเด็กตอนนั้นการมีความรักมันคือความสุขทั้งหมด (แล้วตอนนี้มามองย้อนดูตัวเอง🙄) ผมรักๆ เลิกๆ กับแฟนมาตลอด 2 ปีเต็ม เดี่ยวดีเดี่ยวร้าย ตามประสาครับ ครั้งสุดท้ายที่เลิกกันน่าจะช่วงก่อนปี 59 ครับ ประมาณ 1 เดือน เต็มๆ และก็คืนดีกันช่วงกุมภา 59 แล้วก็เลิกลากันเด็ดขาดช่วง เมษา 59 ผมเสียใจ ท้อและสิ้นหวังมาก แต่แน่นอนครับความรักในหมู่เกย์ มันไม่มีจริง คำนี้ใช้ได้จริงๆ ผมก็อยากพักใจยาวๆ ช่วงมิถุนายน 59 ผมป่วย หนักไป 14 วันเต็ม ซึ่งร่างกายเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ผอมโซ เหลือแค่หนังกับกระดูก กินยา ไปฉีดยาคลินิกไรก็ไม่หายครับ แต่จู่ๆ หายเองปกติ กลับมาเหมือนเดิม น้ำหนักเริ่มขึ้น กินอยู่ปกติครับ แล้วก็มีอยู่ๆเบอร์แปลกโทรมาครับรู้สึก จะช่วง ปลายๆ กรกฏาคม 59 พอผมรับปุ้ป ! ใช่ครับแฟนเก่าผมเอง ผมรู้สึกดีใจ สุด คุยไปมา ถามไถ่ สารทุกข์สุขดิบ แล้วก็จบด้วย ประโยคที่ว่า "กูมีเชื้อ HIV " อารมณ์ผมตอนนั้น ช็อค สตั้น โกรธ ทุกอย่าง แล้ว ถามย้ำๆ โกหกใช่ไหม หลอกกันใช่ไหม ถามวนอยู่ร้อยรอบ แล้ว ก็โดนตอกกลับมาว่า "ไม่เชื่อก็เรื่องของ" สายตัด โลกผมดับลง ความฝัน ความรู้สึก เชี้ยมากๆ ครับ และจากวันนั้น ผมติดต่อเขาไม่ได้เลย เอาไงละชีวิต เชี้ย ! แน่นอนครับ ผมติดเชื้อแน่ๆ เพราะไม่ป้องกันเลยเวลามีอะไรกับเขา หลังจากนั้นครั้บ เสิร์ชกูเกิ้ล หาอาการเบื้องต้น อ่านทุกเว็บ ใช่ครับ ความคิดผมตอนนั้น ต่อต้านตัวเองว่าไม่เป็นตลอด. แต่อาการข้างต้นปาไป 80% ท้องเสีย น้ำหนักลด หน้าตอบ ก้นตอบ ลิ้นเป็นฝ้า หลังจากเปิดเทอมมหาลัย ผมก็หายเลิกคิดไปชั่วขณะ ทำกิจกรรม เรียนตามประสา เด็ก ปี1 จนมากลางๆเดือนสิงหา สภาพผมเหมือนศพเดินได้ อาการทรุดลงทุกวัน ผมเริ่มเครียด เครียดจนเพื่อนทักเลย ตัดสินใจเล่าทุกอย่างไปหมด สรุปกินข้าวเสร็จผมตัดสินใจ ไปตรวจเลือดครับไปกับเพื่อน และโทรไปบอกทางบ้านว่าจะไปตรวจสุขภาพ จนถึงคลินิกนิรนาม หมอก็ถามมาทำไม (ผมคิดในใจแหม่มาแคชหนังมั้ง) มาตรวจเลือดครับ ผมไม่สบายใจ ซึ่งหมอแกก็ดูออกละครับ เพราะสภาพผม แบบ โอ้ย อยากลงรูป BF กับ AF ก่อนและหลังรับเชื้อ 555 มาเข้าเรื่อง หมอก็ถามเสี่ยงมากี่เดือนแล้ว ซึ่งให้ผมตอบ ผมตอบได้เลยว่า ก่อนต้น ปี 59 ครับ นั่นคือ ครั้งสุดท้ายจริงๆ หมอบอก อ๋อ ! ดีเลย ผลจะได้ชัดเจน (อ้าวอีหมอ! กำลังจะว่ากรูเป็นแน่ๆงี้หรอ) หมอแกก็อธิบายครับ ถ้าเสี่ยงมาไม่เกิน 3 เดือน ผลก็ยังเป็นลบ ก็ต้องนัดมาเจาะกันใหม่ แต่ ลองราคานี้สิ ตรวจและรู้ผลเลยวันเดียว (นั่นไงยัดเยียดโปรให้กรูเต็มเต็ง) แบบนี้ 300฿ สองวันรู้ผล 500฿ 1 วันรู้ผล 800฿ สองชั่วโมงรู้ผล (สรุปกรูต้องเสีย800฿ซินะ) อ่อ ครับ เอาแบบ 800฿ ผมอึดอัดอยากรู้ ได้คะ งั้น 15.30 มาที่คลินิก อีกครั้งนะคะ ผมกลับไปเรียน แต่ติดใจไม่ได้โฟกัสที่หนังสือ หรือ อาจารย์เลย กังวลแต่ผลเลือดที่กำลังรอเรา อยู่ และหมอก็โทรมานะครับ ให้มารอที่คลินิก แต่หมอ ออกไปกินข้าว (เอ้า! ให้มานั่งรออีก ชม. แล้วรีบโทรตามทำไม) พอหมอมาถึงคลินิก เรียกเข้าห้องตรวจ เปิดประเด็นเลย โรคนี้เป็นไม่เสียชีวิตง่ายๆแล้วนะคะ เหมือนเป็นโรคประจำตัว เหมือนเบาหวานที่ต้องกินยาตลอดชีวิต (สรุปต้องรู้สึกดีไหมเนี่ย ) ยื่นซองผลเลือดมาให้ผม เปิดดูซิครับรอไร ! ผลคือ คือ คือ ! ใช่ครับ Positive อือหื้อ ตอนนั้นหมอพูดอะไรไม่รู้ ผมไม่ได้ฟัง แต่ผม สตั้น ช็อค หน้าแม่ หน้าครอบครัว อนาคต ผุดออกมาหมด แต่หมอ ก็ดึงสติผมกลับมา ผมนิ่ง ไม่ร้องไห้ หมอถามจะเรียกเพื่อนไหมคะ ผมบอกเรียกครับ เพื่อนก็เข้ามา ผมก็บอก เออกูติดเชื้อวะ ตอนนั้น มองหน้าเพื่อน คิดในใจมันรังเกียจกูแน่ๆเลย เปล่าครับ เพื่อน ปลอบให้กำลังใจ ทุกๆอย่าง ผมโครตรู้สึกแย่ หมอแนะนำ ให้ไป รพ. เพื่อทำการรักษาตามขั้นตอน เพื่อนก็พาผมไปครับ ไปห้อง ปรึกษาปัญหาสุขภาพ แต่ช่วงนั่น จะ17:30 แล้ว ผมยื่นใบผลเลือด ให้เค้าเปิดดู แล้วตกใจ 😪 แต่เค้าก็ถาม เป็นมานานยัง ผมก็บอกเพิ่งรู้วันนี้ครับ เค้าส่งตัวไปตรวจเลือด และนัดวัน พรุ่งนี้ ให้พาผู้ปกครองมาเพราะผม ยังไม่ 20 ในหัวตอนนั้น จะบอกยังไงดี จะเริ่มยังไงดี เค้าต้องด่า ต้องว่าแน่ๆ ผมกลับมาหอ และโทรบอกทางบ้าน ยายก็ถาม เป็นไร หมอ บอกว่าเป้นไร ผมก็ปล่อยโฮ เลย ร้องไห้ และเอาแต่พูดขอโทษ คิดไว้เลยว่า วางสายปุ้ป! จะฆ่าตัวตาย แต่ ไม่กล้า กลัว 55 ก็ตัดสินใจกลับบ้าน ขับรถกลับเอง ร้องไห้ตลอดทาง ยายก็โทรมาตลอด ผมไม่รับ เอาแต่ร้องไห้ จนถึงบ้าน ก้าวเท้าลงจากรถ ! โห้ นี่วันรวมญาติถูกมะ ? ถ้ามีปืน อยู่ ใช่ครับผมจะยิงตัวตาย สายตาทุกคนเพ่งเล็งมาที่ผมอย่างเคร่งเครียด ! (นึกในใจโอ้ยกรูจะเริ่มยังไงตายแน่ๆ) ล้มทั้งยืน เป็นลมเพราะหิวมาก 55 แม่มาประคอง ผมก็รู้สึกตัว ร้องไห้ พูดแต่ขอโทษๆ แม่ก็ถามว่าเป็นไร หมอบอกว่าเป็นอะไร ผมก็เลยพูดไปตามตรง หมอบอกว่าหนูมีเชื้อ HIV ยาย ตะโกนขึ้นมาอย่างดัง โห้ย!

รากกรูนึกว่าเป็นมะเร็ง แค่HIV เอง มันไม่ตายแล้วโว๊ย! ทุกคนพากันปลอบให้กำลังใจ ด้วยความที่บ้านผมมีแต่ผู้หญิง (พ่อแม่แยกทางกัน) เค้าจะพูดรักษาน้ำใจตลอด เอาจริงๆ ผมรู้สึกได้ ว่าแม่เสียใจ ถึงแม้ว่าแม่จะพยายามเก็บความรู้สึกก็เหอะ ทุกคนรับรู้ว่าผมมีเชื้อโดยไม่รังเกียจ มาหอม มากอด มาเล่นด้วยปกติ แต่ผมเองที่ทำตัวไม่ปกติ ระวังกังวลไปหมดกลัวจะแพร่เชื้อให้ทางบ้าน แต่หมอเค้าก็ว่าแล้วใชีชีวิตปกติ กินข้าวกินปลา ใช้ชีวิตให้ปกติเหมือนเดิม เพราะเอาจริงๆเชื้อมันไม่แพร่ไปให้ใครง่ายๆหรอก. แต่อาทิตย์นั้นที่รู้ผลเป็นอาทิตย์ที่นรกที่สุดในชีวิต คิดมาก กระวนกระวาย จะตายไหม จะอยู่ยังไง จะทำยังไง ไหนจะงาน ไหนจะทหาร สารพัดสารเพ อยากตายจริงๆครับช่วงนั้น แต่พอผ่านอาทิตย์นั้นมาได้ รู้สึกว่าชีวิตเรามีความสุขขึ้น ออกกำลังกาย ทานอาหาร รักษาสุขภาพ ทุกๆอย่าง เพื่อไม่ให้ตัวเองทรุดลง เพราะผมยังไม่ได้กำหนดรับยาต้าน แต่นรกมาเยือนอีกรอบครับ ! ตรวจเลือดแล้วพบว่า ผมเป็น ซิฟิลิช รักษา ฉีดยาสารพัด เอาทีละขั้น โชคยังดีที่ CD4 ผมสูง แตะ 480 กว่าๆ และนรกที่สุดคือวันที่ทานยาต้านวันเเรก ผมบอกเลยครับ ผมกลัวมากๆ ผมหาข้อมูล ผมถามหมอ ถึงอาการข้างเคียงหมอบอกมันจะมึนๆ บ้านหมุน อารมณ์เดียวกับแฮงค์เหล้า ! ใช่ครับ ผมตั้งเวลาทานยาคือ 4 ทุ่ม พอหลังจากทานไปได้ 1 ชม เริ่มเบลอ มึนหัว ง่วงมากๆ ผมก็หลับไป แต่แย่กว่านั้น ผมฝันร้าย ฝันว่าฆ่าคนและกินเนื้อคนสดๆ ซึ่งหมอบอกแล้วว่า มันจะฝันร้าย เพราะยามันแรงมากๆ ใช่ครับ อาการที่หมอบอก มาหมด ยกเว้นผื่น หรือตุ่มคัน อดทนกว่าจะเช้าได้ แต่เป็นแค่คืนแรกคืนเดียว แต่อาทิตย์นั้นทั้งอาทิตย์คือ เบลอ อึน เรียนไม่รู้เรื่องไปหมด กว่าร่างกายจะ connect ได้เป็นเดือนๆ ผมรับยาสูตร ทีเวียครับ ใช้สิทธิ30 บาท ทานเวลาเดียวเม็ดเดียว จากตอนนั้นถึงตอนนี้ก็ร่วมปี ที่ใช้ชีวิต กับ HIV มันทำให้เราเรียนรู้ตัวเองมากขึ้น ใช้ชีวิตระมัดระวังมากขึ้น ประเด็นเลยผมไม่ได้มาอวดว่า ผมมีคนเข้าใจเยอะ แต่สิ่งที่ผมเอาเรื่องราวของผมเองมาตั้งกระทู้เพื่อที่จะให้ ทุกคนคำนึงความปลอดภัย คำนึงถึงการใช้ชีวิตให้มากขึ้น รู้จักป้องกัน รู้จักรับมือ ถ้าใครที่คิดว่าตัวเองเสี่ยยงมาก ไปติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อรับยาต้านฉุกเฉินเถอะครับ ภายใน 72 ชม. นี้ถ้ารับเชื้อ ร่างกายสามารถต้านเชื้อไวรัสได้ ถ้าทานยาต้านฉุกเฉินไปคือ 90%. ที่จะไม่มีเชื้อ HIV ในร่างกาย ผมไม่ได้ส่งเสริมให้รักสนุกเปลี่ยนคู่นอน ถึงแม้ว่ามันจะมียาดี ยาที่ควบคุมเชื้อกดเชื้อให้น้อยได้ แต่ไม่เป็น ไม่มีเชื้อมันดีกว่านะครับ มันต้องเสียอะไรหลายๆอย่างไปในชีวิตเรา แต่ถ้าคนที่รับเชื้อไปแล้ว ผมหวังว่า กระทู้ของผมจะเป็นกำลังใจให้คนที่เข้ามาอ่านได้นะครับ สู้ๆนะครับ มันอาจจะอยากสำหรับการใช้ชีวิตในสังคม แค่ถ้า คิดบวก เรามองอีกมุม HIV มันก็จะเป็นคนแข็งเเรงผลักดันให้เรา รักชีวิตเรามากขึ้น ผมก็แอบนอยด์ๆนะว่า จะมีไหมละคนที่เข้าใจ ยอมรับ และพร้อมใช้ชีวิตไปกับผมได้ แต่นั้นผมคิดว่าไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ที่สำคัญที่สุดคือ พ่อแม่ผม ครอบครัวผม ผมต้องอยู่ ต้องสู้ สุดท้ายนี้ ผมก็ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่านกระทู้ของผม และผมขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่ตกอยู่ในสภาวะเดียวกับผมนะครับ คิดเยอะๆ คิดถึงคนที่เรารัก มันจะเยียวยาจิตใจเราได้ สู้ๆครับ ปล.ผมทานยาต้านมาเกือบๆปี ร่างกายผมกลับมาแข็งแรงปกติ ผิวพรรณ ร่างกายสมบูรณ์ ทุกอย่าง ผมว่ามันช่วยชีวิตผมจริงๆ อย่าลืมนะครับ ยืดอกพก ถุง ไม่สด ไม่นัว รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ สวัสดีและขอบคุณอีกครั้งครับ
HIV กับ การใช้ชีวิตในวัย 19 ปี เรียนรู้ ปรับตัว และคืดบวก