อัพเดตข้อมูล 2023

กระทู้ก่อนหน้า...
ท่องไป~ตามแหล่งมรดกโลก : ภาคการเดินทาง 1 (Koyasan, จังหวัด Wakayama)
https://pantip.com/topic/36034630
ท่องไป~ตามแหล่งมรดกโลก : ภาคการเดินทาง 2 (Kyoto)
https://pantip.com/topic/36132842
ท่องไป~ตามแหล่งมรดกโลก : ภาคการเดินทาง 3 (Kinosaki Onsen – Himeji)
https://pantip.com/topic/36360280



ในที่สุดก็เดินทางมาถึงช่วงท้ายๆ ของทริปแล้ว ที่ผ่านมาคือเหนื่อยล้าสะสมมาหลายวัน พอถึงโอซาก้าก็ร่างแหลกแล้วค่ะ แพลนทุกอย่างรวนไปหมด ไม่ค่อยได้ไปอย่างที่ตั้งใจไว้สักเท่าไหร่ สรุปแล้วที่โอซาก้านี่เหมือนแวะมานอนเฉยๆ เพราะวันแรกก็ถึงตอนค่ำแล้ว ส่วนวันที่สองใช้เวลาอยู่ที่นาราเป็นส่วนใหญ่ 

Business hotel เครือ Chuo ที่มีโรงแรมกระจายอยู่ในย่าน Shin-Imamiya อีกหลายแห่งด้วยกัน เช่น Chuo Oasis / Chuo Selene บรรยากาศภายในที่พักจะเก่าๆ หน่อย คงเพราะเปิดมานานแล้วไม่ได้มีการรีโนเวท ความสะอาดพอประมาณ เรียกว่าคุณภาพตามราคานั่นแหละเนอะ เพราะราคาห้องพักถูกมาก เท่าๆ กับการพักโฮสเทล แต่ได้ห้องที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

ภายในห้องมีเครื่องใช้ต่างๆ เช่น ทีวี ตู้เย็น แอร์ เตียง โต๊ะ มีเสื้อคลุมอาบน้ำ และรองเท้าสลิปเปอร์ให้ด้วยค่ะ ห้องพักจะมีให้เลือกแบบเตียงนอน หรือฟูกแบบญี่ปุ่น เราเลือกแบบเตียง นอนแล้วรู้สึกถึงสปริงที่อยู่ข้างใต้ ดังนั้นคิดว่าเลือกปูฟูกนอนน่าจะดีกว่า ผ้าปูที่นอน หมอน ผ้าห่มสะอาดค่ะ ถ้าไม่ติดเรื่องสปริงนี่ถือเป็นเตียงสูบวิญญาณเลยล่ะ

ที่นี่ใช้ห้องน้ำรวม แต่ละชั้นจะมีห้องสุขาแยกชายหญิง ฝั่งนี้อยู่ติดกับรถไฟ เวลาเข้าห้องน้ำก็จะได้ยินเสียงรถไฟแล่นผ่านเป็นระยะๆ ส่วนห้องอาบน้ำต้องลงไปใช้ที่ชั้นหนึ่งค่ะ

สรุปข้อดีข้อเสียกันค่ะ ข้อดี อย่างที่บอกไปว่าราคาค่อนข้างถูก ข้อเสีย น่าจะเป็นเรื่องทำเล ต้องทำใจว่าพักย่านนี้บรรยากาศจะเถื่อนๆ หน่อยนะ 5555 เป็นญี่ปุ่นที่ไม่เหมือนอยู่ญี่ปุ่น ถ้าเป็นผู้ชายหรือไปกันเป็นกลุ่มก็ไม่มีอะไรน่ากังวล แต่ถ้าเป็นผู้หญิงก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังตัวหน่อย พยายามอย่ากลับที่พักดึกนักนะคะ

*Update 2023 ปัจจุบันที่พักเปลี่ยนชื่อเป็น Hotel Pivot มีการรีโนเวทใหม่ ดูดีขึ้นเยอะเลยค่ะ
https://www.chuogroup.jp/chuo/en/ 








ออกเดินทางมาจากคิโนซากิออนเซ็น แวะเที่ยวปราสาทฮิเมจิ กว่าจะถึงโอซาก้าก็เย็นย่ำกันพอดี หลังจากเก็บของไว้ในห้องพักเรียบร้อยเราก็ออกมาหาอะไรกินค่ะ เย็นนี้ไม่ได้เที่ยวไหนไกลนอกจากเดินเล่นย่าน Shinsekai แถวๆ ที่พักไปก่อน







Kushi-katsu ของกินขึ้นชื่อของโอซาก้า เป็นของจำพวกชุบแป้งทอด ที่มีทั้งเนื้อสัตว์ ลูกชิ้น หรือของทะเล เราไปต่อแถวรอคิวร้าน Daruma ที่น่าจะมีชื่อเสียงสุดๆ แล้ว มาสคอตสัญลักษณ์ของร้านก็คือตาลุงขี้โมโห ร้านดังมากคิวก็ยาวมากเช่นกัน ตอนเข้าแถวแรกๆ ยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ แต่กว่าจะได้กินก็หิวจนหน้ามืด



วันสุดท้ายที่จะมีเวลาเที่ยวในญี่ปุ่น แต่วันนี้ตื่นสายที่สุดเลย อาการปวดฝ่าเท้าและข้อเท้านี่คือไม่ไหวแล้ว ลากสังขารลงไปซื้อกับข้าวใกล้ๆ ที่พักขึ้นมาทานในห้อง ทำใจไว้หลายส่วนแล้วว่าอาจจะต้องพักอยู่ที่ห้องทั้งวัน ไปเที่ยวต่อไม่ได้แล้วจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าตอนนั้นนึกยังไง หลังจากทานข้าวเสร็จก็เอาขวดน้ำเย็นๆ มาพันผ้าเอาไว้ แล้วประคบตรงข้อเท้า มันก็ดีขึ้น ไม่เจ็บมากเท่าตอนแรกแล้ว (ที่ผ่านมาเราจะใช้วิธีแช่น้ำร้อน หรือยานวดแบบร้อน ยังไม่เคยลองประคบเย็น ใครที่เดินเยอะแล้วปวดเท้ามากๆ แช่น้ำร้อนไม่หาย ก็ลองใช้วิธีประคบเย็นดูนะคะ) คราวนี้สบายใจแล้ว ไปนารากันค่ะ

ที่นารามีสถานีรถไฟหลักๆ อยู่สองเจ้า คือ JR กับ Kintetsu เราใช้พาสของ JR ก็จะไปลงสถานี JR Nara ค่ะ พักที่ Shin Imamiya นี่คือไปนาราสะดวกมาก นั่งยาวๆ ไม่ต้องเปลี่ยนสถานีเลยล่ะ ส่วนการเดินทางไปยังจุดท่องเที่ยวต่างๆ ในเมืองนาราก็จะใช้รถเมล์เป็นหลัก ถ้าเดินทางเยอะมี Nara bus pass ขึ้นลงรถเมล์ได้ไม่จำกัดใน 1 วัน ราคา 500 เยน ซื้อได้ที่ Travel desk สนามบินคันไซ  / JR nara bus information center / Kintetsu nara bus Infermation center ส่วนเราไม่ได้ไปหลายที่ ซื้อบัสพาสไม่คุ้ม ก็เลยจ่ายเป็นรายเที่ยวด้วยบัตร Icoca

http://www.narakotsu.co.jp/language/en/pass.html

ถ่ายรูปน้องกวางที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเมืองนารา เพราะมีความเชื่อว่ากวางคือผู้ส่งสารของเทพเจ้า จึงไม่มีใครทำร้ายน้อง พวกที่อยู่ฝั่งในสวนจะนิสัยดีกว่า ถ่ายรูปได้ ออกจะไม่ค่อยสนคนด้วยซ้ำ พวกที่อยู่ฝั่งวัดพระใหญ่ เจอคนเยอะ ได้ของกินเยอะ แอบเกเรหน่อย เราเองไม่มีขนมให้พวกกวางก็ไม่สนใจหรอก แต่ถ้าเห็นขนมเซมเบ้ คุณจะสวยรวยเสน่ห์ขึ้นมาทันที พอถูกกวางรุมล้อมก็อาจจะโดนชน แง้บๆๆ ต้องระวังด้วยค่ะ








จากถนนใหญ่ต้องเดินเข้าไปอาคารหลักของวัด ระยะทางค่อนข้างไกลอยู่เหมือนกัน คนก็เยอะมาก โดยเฉพาะเด็กนักเรียนญี่ปุ่นที่มาทัศนะศึกษา ระหว่างทางก็จะเจอกับประตูทางเข้าหลักของวัด เรียกว่า Nandaimon เดินต่อไปได้อีกสักพักเจอกับประตูชั้นในสีแดงๆ ซึ่งตรงจุดนี้จะต้องซื้อตั๋วเข้าชมด้านในแล้วค่ะ






วัดที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงของนารา มีพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ส่วนอาคารที่ประดิษฐานพระใหญ่ก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถือเป็นแหล่งมรดกโลก ส่วนหนึ่งของอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์นาราโบราณ (The Historic Monuments of Ancient Nara)