สวัสดีครับ ขอแนะนำตัวกันสักนิด ผมเองชื่นชอบในการถ่ายภาพ วิว ทิวทัศน์ ชอบท่องเที่ยวไปตามแต่ละจังหวัดในประเทศไทยเพื่อเก็บภาพ
เป็นความทรงจำ ด้วยความพร้อมหลายอย่างจึงอยากไปถ่ายรูปที่ต่างแดนดูบ้าง อยากมีภาพสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม เก็บไว้ดูครับ
ความตั้งใจจะไปที่ Leh Ladakh ซึ่งเป็นสถานที่ในฝันของผม ตอนนั้นพยายามหาทริปถ่ายภาพที่ไป Leh Ladakh ก็ไม่เจอเลยครับ
มาสะดุดกับ ทริปถ่ายภาพ ภูเขาไฟโบรโม่ ซึ่งเป็นไฮไลท์ของทริปนี้ แถมยังใช้เวลาเดินทางจาก กรุงเทพฯ ไม่นานด้วย
ผมก็ตัดสินใจเลือกมาที่นี่ครับ เพราะเห็นมีสิ่งที่ผมอยากมาเก็บภาพมากมาย
จากที่ได้ตัดสินใจร่วมทริปแล้ว ผมก็ได้หาข้อมูล ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสภาพภูมิอากาศ การเดินทางไปในแต่ละที่ รูปภาพ youtube
ผมต้องทำการบ้านไปให้ได้เยอะที่สุดครับ
ทริปนี้ผมใช้กล้อง Nikon D750, Nikkor 14-24 mm. , Nikkor 16-35 mm. , Nikkor 24-120 mm.
** ต้องขอบอกว่าทริปถ่ายภาพ ที่ผมไปด้วยนี้ ทาง Trip Chill Chill ดูแลดีมากครับ เอาใจใส่ทุกๆเรื่อง ไม่ขาดตกบกพร่องเลย ประทับใจมากครับ **
การเดินทางครั้งนี้ออกจากดอนเมือง เพื่อไปลง สนามบิน Denpasar Airport พอถึงสนามบินแล้วจะมี ไกด์ ท้องถิ่นมารับที่สนามบิน
ตลอดทั้งทริปนี้เราใช้รถตู้ครับ
ทริปของวันแรกเราเดินทางไปเก็บแสงเย็น ณ Tanah Lot วัดที่มีชื่อเสียงของบาหลี ซึ่งตั้งบนก้อนหินใหญ่กลางทะเล
วัดนี้สร้างความตื่นตา ตื่นใจ ให้ผมมากครับ เป็นวัดที่สวยงามจริงๆ ระหว่างรอแสงก็ต้มทะเลไปก่อนครับ
ผมเองชอบการถ่าย Seascape อยู่แล้วไม่พลาดที่จะเก็บริ้วคลื่นสวยๆ ของที่นี่ครับ
และผมก็พลาดที่จะเก็บภาพมุมอื่น เพราะมัวแต่ล่าคลื่น เสียดายมาก แต่ก็ไม่เป็นไรครับ
จากนั้นเราออกเดินทางไปที่รีสอร์ทบริเวณวัดบราตั้น พักที่บาหลี เพื่อรอเก็บแสงเช้าในวันรุ่งขึ้น
จากที่พัก สามารถเดินออกมาไม่ไกลครับ อากาศเย็นสบายครับ
วัดนี้มีชื่อว่า Pura Ulun Danu Bratan เป็นวัดของศาสนาฮินดู
หลังจากที่เก็บภาพแสงเช้าเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ก็ออกเดินทางต่อไปที่เมือง Banyuwangi ซึ่งเป็นที่ตั้งของ ภูเขาไฟ Kawah Ijen
จากบาหลีเราใช้เวลาเดินทางนานพอสมควรครับ พอถึงที่พัก ผมไม่รอช้าที่จะกินข้าว และรีบนอนพัก
เพื่อเก็บแรงไว้เดินขึ้นภูเขาไฟ Kawah Ijen
ในเวลา ตีหนึ่ง เริ่มออกเดินทางไปยังภูเขาไฟครับ ไฮไลท์ของที่นี่ คือ Blue Fire หรือ เปลวไฟ สีน้ำเงิน
ผมใช้เวลาในการเดินขึ้นสู่ยอดภูเขาไฟนานมาก ใช้เวลาในการเดินและพัก รวมแล้ว 3 ชั่วโมงกว่าๆ
เกือบที่จะไม่ทันดู Blue Fire ครับ
และแล้วผมก็ยังถือว่ามีโชคอยู่บ้าง ที่ไม่พลาดดู เปลวไฟ สีน้ำเงิน ซึ่งเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลยครับ
ผมมีเวลาถ่ายภาพ เปลวไฟ สีน้ำเงินน้อยมาก อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็จะเช้าแล้ว เปลวไฟ สีน้ำเงินก็จะหายไป
แสงเช้าที่นี่ทำให้ผมลืมความเหนื่อยไปเลยครับ เพราะผมได้พบทะเลสาบ สีมรกตของปากปล่อง คาวาอิเจี้ยน ช่างงดงามจริงๆ
ผมก็ได้เดินต่อขึ้นไปบนจุดที่สูงกว่าเดิม ได้พบกับความงามอีกมากครับ ธรรมชาติ สร้างสิ่งมหัศจรรย์ได้ถึงขนาดนี้เลยครับ
ขอเอาตัวเองเป็นแบบบ้างครับ
และก็นางแบบส่วนตัว ^^
ที่นี่จะมีคนงานที่ทำเหมืองกำมะถัน วันไหนที่เกิดการปะทุมาก มีกลิ่นแรงมากครับ
เสร็จจากการเก็บภาพความประทับใจของ ภูเขาไฟ Kawah Ijen เราเดินทางไปต่อที่โบรโม พักโรงแรมใกล้กับโบรโม่ครับ
Bromo ตั้งอยู่ที่เมือง Probolingo หมู่เกาะ East Java เป็นภูเขาไฟที่ยังไม่สงบ มีการปะทุอยู่บ่อยครั้ง
และกลางดึกวันเดียวกัน เวลาประมาณ ตี 1 ครึ่ง เราออกเดินทางไปที่ จุดชมวิว พินานจากัน เพื่อถ่ายดาวครับ แต่น่าเสียดาย
ท้องฟ้าวันนั้นไม่สามารถถ่ายภาพทางช้างเผือกได้เลย เก็บมาได้แค่ดาวหมุนครับ
และอย่าได้ประมาทความหนาวของที่นี่นะครับ ด้วยความหนาวกับลมที่แรง ทำให้หนาวจับใจเลยครับ อิอิ
พอเริ่มเช้าคนได้เดินทางมาดู พระอาทิตย์ขึ้นกันเยอะมาก นี่แค่ส่วนนึงครับ ข้างหลังมีแต่ไม้เซลฟี่
วันนี้ผมโชคดีมาก ฟ้าสวยมากครับ ได้เก็บภาพภูเขาไฟ 3 ลูก ซึ่งเป็นไฮไลท์ ของที่นี่เลยครับ
ภูเขาไฟ 3 ลูกนั้น จะมี Bromo ที่กำลังปล่อยควัน Batok ซึ่งสงบแล้ว ส่วนภูเขาไฟหลังสุด มีชื่อว่า Semeru มีการปะทุอยู่ตลอด
และภาพทะเลหมอกที่กำลังไหลเข้าสู่เมือง
จากจุดชมวิว พินานจากัน เราออกเดินทางไปยังปากปล่องภูเขาไฟโบรโม่ โดยใช้รถจี๊ป เพื่อไปต่อม้าขี่ไปยังทางขึ้นภูเขาไฟ
จากนั้นใช้ม้าเป็นพาหนะ ในการเดินทางต่อครับ
ทางขึ้นสู่ภูเขาไฟโบรโม่ หรือที่เรียกกันว่า ลมหายใจของพระเจ้าครับ
จากทางขึ้นใช้เวลาพอสมควรครับ เหนื่อยและกลัวด้วยครับ แต่ผมก็เดินขึ้นมาจนถึงปากปล่องภูเขาไฟได้สำเร็จ
บนปากปล่อง จะมีองค์พระพิฆเนศ เพื่อชาวบ้านแถวนั้นจะมีการทำพิธีบูชาเทพเจ้าครับ
ธรรมชาตินั้นยิ่งใหญ่ เกินกว่าสิ่งใดจะมาเทียบเท่า กับมนุษย์อย่างเราจริงๆ ครับ
จากทางขึ้นก็จะมีคนมาขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำดื่ม
ถ้ามาถึงที่นี่การถ่ายรูปกับรถจี๊ป ก็ถือว่าสำคัญไม่แพ้กันครับ ^^
สุดท้ายก็ขอบคุณทุกท่านที่ได้เข้ามาอ่านรีวิว ฉบับมือใหม่ของผมนะครับ ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี่ ด้วยครับผม ^_^
[CR] :: Bali - Kawah Ijen - Bromo ... เปิดประสบการณ์ถ่ายภาพต่างแดนครั้งแรก ::
เป็นความทรงจำ ด้วยความพร้อมหลายอย่างจึงอยากไปถ่ายรูปที่ต่างแดนดูบ้าง อยากมีภาพสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม เก็บไว้ดูครับ
ความตั้งใจจะไปที่ Leh Ladakh ซึ่งเป็นสถานที่ในฝันของผม ตอนนั้นพยายามหาทริปถ่ายภาพที่ไป Leh Ladakh ก็ไม่เจอเลยครับ
มาสะดุดกับ ทริปถ่ายภาพ ภูเขาไฟโบรโม่ ซึ่งเป็นไฮไลท์ของทริปนี้ แถมยังใช้เวลาเดินทางจาก กรุงเทพฯ ไม่นานด้วย
ผมก็ตัดสินใจเลือกมาที่นี่ครับ เพราะเห็นมีสิ่งที่ผมอยากมาเก็บภาพมากมาย
จากที่ได้ตัดสินใจร่วมทริปแล้ว ผมก็ได้หาข้อมูล ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสภาพภูมิอากาศ การเดินทางไปในแต่ละที่ รูปภาพ youtube
ผมต้องทำการบ้านไปให้ได้เยอะที่สุดครับ
ทริปนี้ผมใช้กล้อง Nikon D750, Nikkor 14-24 mm. , Nikkor 16-35 mm. , Nikkor 24-120 mm.
** ต้องขอบอกว่าทริปถ่ายภาพ ที่ผมไปด้วยนี้ ทาง Trip Chill Chill ดูแลดีมากครับ เอาใจใส่ทุกๆเรื่อง ไม่ขาดตกบกพร่องเลย ประทับใจมากครับ **
การเดินทางครั้งนี้ออกจากดอนเมือง เพื่อไปลง สนามบิน Denpasar Airport พอถึงสนามบินแล้วจะมี ไกด์ ท้องถิ่นมารับที่สนามบิน
ตลอดทั้งทริปนี้เราใช้รถตู้ครับ
ทริปของวันแรกเราเดินทางไปเก็บแสงเย็น ณ Tanah Lot วัดที่มีชื่อเสียงของบาหลี ซึ่งตั้งบนก้อนหินใหญ่กลางทะเล
วัดนี้สร้างความตื่นตา ตื่นใจ ให้ผมมากครับ เป็นวัดที่สวยงามจริงๆ ระหว่างรอแสงก็ต้มทะเลไปก่อนครับ
ผมเองชอบการถ่าย Seascape อยู่แล้วไม่พลาดที่จะเก็บริ้วคลื่นสวยๆ ของที่นี่ครับ
และผมก็พลาดที่จะเก็บภาพมุมอื่น เพราะมัวแต่ล่าคลื่น เสียดายมาก แต่ก็ไม่เป็นไรครับ
จากนั้นเราออกเดินทางไปที่รีสอร์ทบริเวณวัดบราตั้น พักที่บาหลี เพื่อรอเก็บแสงเช้าในวันรุ่งขึ้น
จากที่พัก สามารถเดินออกมาไม่ไกลครับ อากาศเย็นสบายครับ
วัดนี้มีชื่อว่า Pura Ulun Danu Bratan เป็นวัดของศาสนาฮินดู
หลังจากที่เก็บภาพแสงเช้าเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ก็ออกเดินทางต่อไปที่เมือง Banyuwangi ซึ่งเป็นที่ตั้งของ ภูเขาไฟ Kawah Ijen
จากบาหลีเราใช้เวลาเดินทางนานพอสมควรครับ พอถึงที่พัก ผมไม่รอช้าที่จะกินข้าว และรีบนอนพัก
เพื่อเก็บแรงไว้เดินขึ้นภูเขาไฟ Kawah Ijen
ในเวลา ตีหนึ่ง เริ่มออกเดินทางไปยังภูเขาไฟครับ ไฮไลท์ของที่นี่ คือ Blue Fire หรือ เปลวไฟ สีน้ำเงิน
ผมใช้เวลาในการเดินขึ้นสู่ยอดภูเขาไฟนานมาก ใช้เวลาในการเดินและพัก รวมแล้ว 3 ชั่วโมงกว่าๆ
เกือบที่จะไม่ทันดู Blue Fire ครับ
และแล้วผมก็ยังถือว่ามีโชคอยู่บ้าง ที่ไม่พลาดดู เปลวไฟ สีน้ำเงิน ซึ่งเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลยครับ
ผมมีเวลาถ่ายภาพ เปลวไฟ สีน้ำเงินน้อยมาก อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็จะเช้าแล้ว เปลวไฟ สีน้ำเงินก็จะหายไป
แสงเช้าที่นี่ทำให้ผมลืมความเหนื่อยไปเลยครับ เพราะผมได้พบทะเลสาบ สีมรกตของปากปล่อง คาวาอิเจี้ยน ช่างงดงามจริงๆ
ผมก็ได้เดินต่อขึ้นไปบนจุดที่สูงกว่าเดิม ได้พบกับความงามอีกมากครับ ธรรมชาติ สร้างสิ่งมหัศจรรย์ได้ถึงขนาดนี้เลยครับ
ขอเอาตัวเองเป็นแบบบ้างครับ
และก็นางแบบส่วนตัว ^^
ที่นี่จะมีคนงานที่ทำเหมืองกำมะถัน วันไหนที่เกิดการปะทุมาก มีกลิ่นแรงมากครับ
เสร็จจากการเก็บภาพความประทับใจของ ภูเขาไฟ Kawah Ijen เราเดินทางไปต่อที่โบรโม พักโรงแรมใกล้กับโบรโม่ครับ
Bromo ตั้งอยู่ที่เมือง Probolingo หมู่เกาะ East Java เป็นภูเขาไฟที่ยังไม่สงบ มีการปะทุอยู่บ่อยครั้ง
และกลางดึกวันเดียวกัน เวลาประมาณ ตี 1 ครึ่ง เราออกเดินทางไปที่ จุดชมวิว พินานจากัน เพื่อถ่ายดาวครับ แต่น่าเสียดาย
ท้องฟ้าวันนั้นไม่สามารถถ่ายภาพทางช้างเผือกได้เลย เก็บมาได้แค่ดาวหมุนครับ
และอย่าได้ประมาทความหนาวของที่นี่นะครับ ด้วยความหนาวกับลมที่แรง ทำให้หนาวจับใจเลยครับ อิอิ
พอเริ่มเช้าคนได้เดินทางมาดู พระอาทิตย์ขึ้นกันเยอะมาก นี่แค่ส่วนนึงครับ ข้างหลังมีแต่ไม้เซลฟี่
วันนี้ผมโชคดีมาก ฟ้าสวยมากครับ ได้เก็บภาพภูเขาไฟ 3 ลูก ซึ่งเป็นไฮไลท์ ของที่นี่เลยครับ
ภูเขาไฟ 3 ลูกนั้น จะมี Bromo ที่กำลังปล่อยควัน Batok ซึ่งสงบแล้ว ส่วนภูเขาไฟหลังสุด มีชื่อว่า Semeru มีการปะทุอยู่ตลอด
และภาพทะเลหมอกที่กำลังไหลเข้าสู่เมือง
จากจุดชมวิว พินานจากัน เราออกเดินทางไปยังปากปล่องภูเขาไฟโบรโม่ โดยใช้รถจี๊ป เพื่อไปต่อม้าขี่ไปยังทางขึ้นภูเขาไฟ
จากนั้นใช้ม้าเป็นพาหนะ ในการเดินทางต่อครับ
ทางขึ้นสู่ภูเขาไฟโบรโม่ หรือที่เรียกกันว่า ลมหายใจของพระเจ้าครับ
จากทางขึ้นใช้เวลาพอสมควรครับ เหนื่อยและกลัวด้วยครับ แต่ผมก็เดินขึ้นมาจนถึงปากปล่องภูเขาไฟได้สำเร็จ
บนปากปล่อง จะมีองค์พระพิฆเนศ เพื่อชาวบ้านแถวนั้นจะมีการทำพิธีบูชาเทพเจ้าครับ
ธรรมชาตินั้นยิ่งใหญ่ เกินกว่าสิ่งใดจะมาเทียบเท่า กับมนุษย์อย่างเราจริงๆ ครับ
จากทางขึ้นก็จะมีคนมาขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำดื่ม
ถ้ามาถึงที่นี่การถ่ายรูปกับรถจี๊ป ก็ถือว่าสำคัญไม่แพ้กันครับ ^^