"วันหยุดแล้วเที่ยวไหนดี?"
คงเป็นประโยคยอดฮิตสำหรับใครหลายๆคน ที่อยากจะหาที่เที่ยวชิลๆ เพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้า วันนี้ เราจึงอยากมารีวิว ทริป "กาญจนบุรี" ค่ะ
และเนื่องจากทริปนี้ เป็นทริป 3 วัน 2 คืน ที่เราไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนๆ ดังนั้น เราจึงเน้นความชิลลลลล..สุดพลัง!!
ไปดูกันเลยดีกว่า ว่าจะชิลขนาดไหน!
วันแรก ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่จังหวัดปลายทาง "กาญจนบุรี" ค่าาา
และจุดหมายแรกของเราวันนี้ก็คือ "วัดถ้ำเสือ"
วัดถ้ำเสือ ตั้งอยู่บนเนินเขาใน อ.ท่าม่วง เป็นวัดที่มีองค์พระพุทธรูปปางประทานพร ขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรี และมี “พระเจดีย์เกษุแก้วมหาปราสาท” เป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม สีส้ม เป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศอินเดีย
และอย่างที่รู้ๆกันค่ะ อากาศประเทศไทย ร้อนนนนนนนนนเกินบรรยาย แต่ด้วยความที่อยากมาไหว้พระ จะร้อน แดดเปรี้ยงขนาดไหน เราก็ต้องมาค่ะ!
เนื่องจากองค์พระอยู่บริเวณเนินเขา เราจึงต้องขึ้นไปสักการะด้านบน โดยสามารถขึ้นไปไหว้องค์พระได้ 2 วิธี
วิธีแรก: ขึ้นรถรางของทางวัด ค่าบริการต่อเที่ยว ท่านละ 10 บาท
วิธีที่สอง: เดินสิคะ รออะไร 555++ ถือเป็นการออกกำลังกายไปในตัว
ทริปนี้เราเลือกเดินขึ้นนะคะ ไม่ใช่เพราะอะไรหรอก แต่กลัวความชัน 45 องศาของรถราง เลยยอมเดินขึ้นดีกว่าค่ะ 555555 พอขึ้นไปถึงข้างบนปุ๊บ เดินเข้าไปอีกนิด เราก็จะได้ชมความงามของพระพุทธรูปองค์ใหญ่แล้วค่ะ
วันนี้มีพระสงฆ์และสามเณรจำนวนหนึ่งมาไหว้สักการะองค์พระด้วย

วิวจากด้านบน เห็นภูเขาและแม่น้ำแม่กลอง

ส่วนด้านหลังนี่เป็นทุ่งนา ลองคิดภาพตามนะคะ ถ้าเป็นทุ่งนาสีเขียวเต็มทุ่ง คงจะสวยมาก แต่เนื่องจากช่วงนี้เป็นหน้าร้อน เลยเหลือแต่ความแห้งแล้ง ฮือออออ.. (ไปมาช่วงวันหยุดวันแรงงานค่าา)

หลังจากไหว้พระเสร็จ เราก็แวะซื้อเสบียง และมุ่งหน้าสู่ที่พักค่ะ ทริปนี้เราพักกันที่ ไทรโยควิวรีสอร์ท และเลือกพักแบบ แพริมน้ำ เพื่อความใกล้ชิดธรรมชาติค่ะ
ไปถึงก็ check in แล้วเข้าห้องพักกันเลยค่าา
และเนื่องจากเรามากันเป็น group ใหญ่ 10 กว่าคน ทางที่พักเลยจัดที่พักให้ทั้งแพ เป็นห้องติดกัน 6 ห้อง เป็นห้องพักฝั่งต้นน้ำของรีสอร์ท

บรรยากาศที่นี่ดีสุดๆค่ะ

ทางเดินห้องพักค่ะ

โซนนี้เป็นห้องทางฝั่งปลายน้ำของรีสอร์ท

โซนสระว่ายน้ำริมแพ จะมี 2 สระค่ะ

และที่นี่ ยังมีบริการพาล่องแพ สำหรับคนที่เข้าพักทุกคนด้วยค่ะ จะแบ่งเป็น 2 เวลา คือช่วง 4 โมงเย็น และ 5 โมงเย็น จะเป็นแพใหญ่ๆแบบนี้เลยค่า และพนักงานจะแจกชูชีพให้สำหรับคนที่จะลงเล่นน้ำเพื่อความปลอดภัยค่ะ

ส่วนระยะทางที่พาไปล่องแพก็ไม่ไกลจากที่พักค่ะ เน้นพาไปล่องแพ เล่นน้ำเอาบรรยากาศมากกว่า ส่วนใครที่ไม่ได้ลงเล่น ก็นั่งถ่ายรูป จุ่มขาลงน้ำก็ได้ (แต่ระวังตกน้ำด้วยนะตัวเอง) แต่เรายังไม่ได้ไปล่องแพวันแรกนี้นะคะ
และประมาณ 6 โมงเย็น ทางที่พักยังมีบริการ Buffet อาหารเย็นให้ด้วยค่ะ อาหารมีหลากหลาย รสชาติใช้ได้อยู่
รูปบรรยากาศที่พักตอนกลางคืน

มาต่อวันที่ 2 กันดีกว่าค่ะ
ตื่นเช้ามาก็มาทานอาหารเช้า ที่นี่อาหารเป็น buffet มีทั้งแบบ American breakfast และข้าวต้มนะคะ
วันนี้เรามีโปรแกรมไปที่ อุทยานแห่งชาติไทรโยค อยู่ไม่ไกลจากที่พัก ใช้เวลาประมาณไม่เกิน 20 นาทีก็ถึงแล้วค่าา และจุดที่เราจะมาถ่ายรูปกันวันนี้ก็คือ "สะพานแขวนไทรโยค"

วิวจากสะพาน

วิวน้ำตก

หลังจากถ่ายรูปเสร็จก็แวะทานข้าว ร้านอยู่บริเวณต้นสะพานแขวนนะคะ ต้องเดินลงไปตรงแพด้านล่าง (แต่จำชื่อร้านไม่ได้จริงๆค่ะ) รสชาติอาหารถือว่าโอเคเลยค่ะ แต่ข้อเสียคือรอค่อนข้างนาน ถ้าใครหิวมากๆ ไม่แนะนำนะคะ อาจจะหงุดหงิดได้ แต่ถ้าอยากนั่งทานข้าวชิวๆ ชมวิว กินบรรยากาศ ก็ได้อยู่ค่ะ
บริเวณที่ตั้งร้านตามนี้เลยค่าา

แล้วก็..ถึงเวลากลับไปล่องแพแล้ววว.. หลังจากที่เมื่อวานอดไปล่องแพ และวันนี้เราเลือกตอน 5 โมงเย็น จะได้ไม่ร้อนมาก
ทุกคนใส่เสื้อชูชีพเตรียมพร้อมก่อนลงน้ำ

และนี่เป็นสะพานจุดเริ่มต้นที่จะปล่อยให้ลงไปเล่นน้ำค่ะ

ว่ายๆ ตามกันมาทางฝั่งปลายน้ำของรีสอร์ท

และหลังจากล่องแพเสร็จก็ทานอาหารเย็น ตั้งวง ดีดกีตาร์ ร้องเพลง เข้านอนค่าา
ตื่นมาเช้าวันที่ 3 ของทริป ไม่อยากกลับเลยจริงๆค่ะ แต่ด้วยภาระหน้าที่เนอะ..
และก่อนกลับ แวะทานข้าวกับเพื่อนๆที่ร้าน "คีรีธารา" บรรยากาศดี วิวดี อยู่ใกล้ๆกับ สะพานข้ามแม่น้ำแคว

แวะถ่ายรูปที่สะพานข้ามแม่น้ำแควก่อนกลับ

สรุปทริปนี้ ค่าใช้จ่ายหลักๆ..
-ค่าที่พัก แบบแพริมน้ำ ราคา 1,200 บาท/คน/คืน
-ค่าเข้าอุทยานฯ 100 บาท/คน และ ค่ารถคันละ 30 บาท
สำหรับที่พักแบบแพริมน้ำที่เราพัก
-เป็นห้องพักมีแอร์ มีน้ำอุ่น แต่ไม่มีทีวีและตู้เย็น
-มี buffet อาหารเย็นให้ รสชาติโอเคเลย เริ่ม 18:30-20:30 น.
-มี buffet อาหารเช้าให้ เริ่ม 7:00-9:30 น.
-มีกิจกรรมลากแพไปกระโดดน้ำ ระยะทางไปกลับบริเวณที่พัก ประมาณ 1 กม. แบ่งเป็น 2 รอบ คือรอบ 4โมงเย็น และ 5 โมงเย็น
-มี wi-fi ให้
ทริปกาญจนบุรีที่ก็จบเพียงเท่านี้ค่าา..
และเนื่องจากกระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่เราเขียน หากมีข้อผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะคะ
และฝากติดตาม page Chillax Journey ด้วยนะค๊าา

Facebook:
https://m.facebook.com/chillaxjourney
IG: chillaxjourney
[CR] ไหว้พระ-ล่องแพ ทริปชิลๆ 3 วัน 2 คืน ที่กาญจนบุรี
คงเป็นประโยคยอดฮิตสำหรับใครหลายๆคน ที่อยากจะหาที่เที่ยวชิลๆ เพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้า วันนี้ เราจึงอยากมารีวิว ทริป "กาญจนบุรี" ค่ะ
และเนื่องจากทริปนี้ เป็นทริป 3 วัน 2 คืน ที่เราไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนๆ ดังนั้น เราจึงเน้นความชิลลลลล..สุดพลัง!!
ไปดูกันเลยดีกว่า ว่าจะชิลขนาดไหน!
วันแรก ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่จังหวัดปลายทาง "กาญจนบุรี" ค่าาา
และจุดหมายแรกของเราวันนี้ก็คือ "วัดถ้ำเสือ"
วัดถ้ำเสือ ตั้งอยู่บนเนินเขาใน อ.ท่าม่วง เป็นวัดที่มีองค์พระพุทธรูปปางประทานพร ขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรี และมี “พระเจดีย์เกษุแก้วมหาปราสาท” เป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม สีส้ม เป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศอินเดีย
และอย่างที่รู้ๆกันค่ะ อากาศประเทศไทย ร้อนนนนนนนนนเกินบรรยาย แต่ด้วยความที่อยากมาไหว้พระ จะร้อน แดดเปรี้ยงขนาดไหน เราก็ต้องมาค่ะ!
เนื่องจากองค์พระอยู่บริเวณเนินเขา เราจึงต้องขึ้นไปสักการะด้านบน โดยสามารถขึ้นไปไหว้องค์พระได้ 2 วิธี
วิธีแรก: ขึ้นรถรางของทางวัด ค่าบริการต่อเที่ยว ท่านละ 10 บาท
วิธีที่สอง: เดินสิคะ รออะไร 555++ ถือเป็นการออกกำลังกายไปในตัว
ทริปนี้เราเลือกเดินขึ้นนะคะ ไม่ใช่เพราะอะไรหรอก แต่กลัวความชัน 45 องศาของรถราง เลยยอมเดินขึ้นดีกว่าค่ะ 555555 พอขึ้นไปถึงข้างบนปุ๊บ เดินเข้าไปอีกนิด เราก็จะได้ชมความงามของพระพุทธรูปองค์ใหญ่แล้วค่ะ
วันนี้มีพระสงฆ์และสามเณรจำนวนหนึ่งมาไหว้สักการะองค์พระด้วย
วิวจากด้านบน เห็นภูเขาและแม่น้ำแม่กลอง
ส่วนด้านหลังนี่เป็นทุ่งนา ลองคิดภาพตามนะคะ ถ้าเป็นทุ่งนาสีเขียวเต็มทุ่ง คงจะสวยมาก แต่เนื่องจากช่วงนี้เป็นหน้าร้อน เลยเหลือแต่ความแห้งแล้ง ฮือออออ.. (ไปมาช่วงวันหยุดวันแรงงานค่าา)
หลังจากไหว้พระเสร็จ เราก็แวะซื้อเสบียง และมุ่งหน้าสู่ที่พักค่ะ ทริปนี้เราพักกันที่ ไทรโยควิวรีสอร์ท และเลือกพักแบบ แพริมน้ำ เพื่อความใกล้ชิดธรรมชาติค่ะ
ไปถึงก็ check in แล้วเข้าห้องพักกันเลยค่าา
และเนื่องจากเรามากันเป็น group ใหญ่ 10 กว่าคน ทางที่พักเลยจัดที่พักให้ทั้งแพ เป็นห้องติดกัน 6 ห้อง เป็นห้องพักฝั่งต้นน้ำของรีสอร์ท
บรรยากาศที่นี่ดีสุดๆค่ะ
ทางเดินห้องพักค่ะ
โซนนี้เป็นห้องทางฝั่งปลายน้ำของรีสอร์ท
โซนสระว่ายน้ำริมแพ จะมี 2 สระค่ะ
และที่นี่ ยังมีบริการพาล่องแพ สำหรับคนที่เข้าพักทุกคนด้วยค่ะ จะแบ่งเป็น 2 เวลา คือช่วง 4 โมงเย็น และ 5 โมงเย็น จะเป็นแพใหญ่ๆแบบนี้เลยค่า และพนักงานจะแจกชูชีพให้สำหรับคนที่จะลงเล่นน้ำเพื่อความปลอดภัยค่ะ
ส่วนระยะทางที่พาไปล่องแพก็ไม่ไกลจากที่พักค่ะ เน้นพาไปล่องแพ เล่นน้ำเอาบรรยากาศมากกว่า ส่วนใครที่ไม่ได้ลงเล่น ก็นั่งถ่ายรูป จุ่มขาลงน้ำก็ได้ (แต่ระวังตกน้ำด้วยนะตัวเอง) แต่เรายังไม่ได้ไปล่องแพวันแรกนี้นะคะ
และประมาณ 6 โมงเย็น ทางที่พักยังมีบริการ Buffet อาหารเย็นให้ด้วยค่ะ อาหารมีหลากหลาย รสชาติใช้ได้อยู่
รูปบรรยากาศที่พักตอนกลางคืน
มาต่อวันที่ 2 กันดีกว่าค่ะ
ตื่นเช้ามาก็มาทานอาหารเช้า ที่นี่อาหารเป็น buffet มีทั้งแบบ American breakfast และข้าวต้มนะคะ
วันนี้เรามีโปรแกรมไปที่ อุทยานแห่งชาติไทรโยค อยู่ไม่ไกลจากที่พัก ใช้เวลาประมาณไม่เกิน 20 นาทีก็ถึงแล้วค่าา และจุดที่เราจะมาถ่ายรูปกันวันนี้ก็คือ "สะพานแขวนไทรโยค"
วิวจากสะพาน
วิวน้ำตก
หลังจากถ่ายรูปเสร็จก็แวะทานข้าว ร้านอยู่บริเวณต้นสะพานแขวนนะคะ ต้องเดินลงไปตรงแพด้านล่าง (แต่จำชื่อร้านไม่ได้จริงๆค่ะ) รสชาติอาหารถือว่าโอเคเลยค่ะ แต่ข้อเสียคือรอค่อนข้างนาน ถ้าใครหิวมากๆ ไม่แนะนำนะคะ อาจจะหงุดหงิดได้ แต่ถ้าอยากนั่งทานข้าวชิวๆ ชมวิว กินบรรยากาศ ก็ได้อยู่ค่ะ
บริเวณที่ตั้งร้านตามนี้เลยค่าา
แล้วก็..ถึงเวลากลับไปล่องแพแล้ววว.. หลังจากที่เมื่อวานอดไปล่องแพ และวันนี้เราเลือกตอน 5 โมงเย็น จะได้ไม่ร้อนมาก
ทุกคนใส่เสื้อชูชีพเตรียมพร้อมก่อนลงน้ำ
และนี่เป็นสะพานจุดเริ่มต้นที่จะปล่อยให้ลงไปเล่นน้ำค่ะ
ว่ายๆ ตามกันมาทางฝั่งปลายน้ำของรีสอร์ท
และหลังจากล่องแพเสร็จก็ทานอาหารเย็น ตั้งวง ดีดกีตาร์ ร้องเพลง เข้านอนค่าา
ตื่นมาเช้าวันที่ 3 ของทริป ไม่อยากกลับเลยจริงๆค่ะ แต่ด้วยภาระหน้าที่เนอะ..
และก่อนกลับ แวะทานข้าวกับเพื่อนๆที่ร้าน "คีรีธารา" บรรยากาศดี วิวดี อยู่ใกล้ๆกับ สะพานข้ามแม่น้ำแคว
แวะถ่ายรูปที่สะพานข้ามแม่น้ำแควก่อนกลับ
สรุปทริปนี้ ค่าใช้จ่ายหลักๆ..
-ค่าที่พัก แบบแพริมน้ำ ราคา 1,200 บาท/คน/คืน
-ค่าเข้าอุทยานฯ 100 บาท/คน และ ค่ารถคันละ 30 บาท
สำหรับที่พักแบบแพริมน้ำที่เราพัก
-เป็นห้องพักมีแอร์ มีน้ำอุ่น แต่ไม่มีทีวีและตู้เย็น
-มี buffet อาหารเย็นให้ รสชาติโอเคเลย เริ่ม 18:30-20:30 น.
-มี buffet อาหารเช้าให้ เริ่ม 7:00-9:30 น.
-มีกิจกรรมลากแพไปกระโดดน้ำ ระยะทางไปกลับบริเวณที่พัก ประมาณ 1 กม. แบ่งเป็น 2 รอบ คือรอบ 4โมงเย็น และ 5 โมงเย็น
-มี wi-fi ให้
ทริปกาญจนบุรีที่ก็จบเพียงเท่านี้ค่าา..
และเนื่องจากกระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่เราเขียน หากมีข้อผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะคะ
และฝากติดตาม page Chillax Journey ด้วยนะค๊าา
Facebook: https://m.facebook.com/chillaxjourney
IG: chillaxjourney