คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 13
มีผลบ้าง แต่ไม่ทั้งหมดครับ
แน่นอนว่า โรงเรียน หรือ สถาบันการศึกษา ระหว่างเอกชน กับ รัฐบาล มันจำแนกคนที่จะเข้าไปเรียนได้ในระดับหนึ่งแล้ว ... คนจะเรียน ม.เอกชน ได้ ทางบ้าน ครอบครัว ก็ต้องมีฐานะในระดับหนึ่ง เพราะค่าใช้จ่ายไม่ถูกเลย
และแน่นอน กลุ่มคนมีฐานะค่อนข้างดี มาเจอกัน อนาคตเรียนจบไป ถ้าไม่ทำตัวเลวร้ายจนเกินไป หลายคนก็ได้สานต่อกิจการ หรือ มีฐานะทางการเงินดีในระดับหนึ่งล่ะ จริงไหม ?
ส่วนสถาบันของรัฐ แน่นอนว่า ไม่จำเป็นว่า คนที่เรียน จะต้องไม่มีเงินเสมอไป อาจจะมีคนที่ฐานะดี / ปานกลาง เข้ามาเรียนด้วย ซึ่งตรงนี้ ถ้าไม่ใช่สาขาอาชีพที่การันตีว่า จบมามีงานทำ มีรายได้ดีแน่ๆ อย่างพวก แพทย์ / ทันตแพทย์ เนี่ย ก็ต้องดิ้นรนกันไป แล้วแต่ แต่ละคนล่ะครับ ตรงนี้อยู่ที่ตัวเองเป็นหลัก (เพราะคุณไม่มีต้นทุนชีวิตหนิ)
........................
ถ้าตัวผมเองเหรอ ?
ประถม เรียนในโรงเรียนเอกชน ค่อนข้างดี ... เพื่อนในกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่บ้านค่อนข้างมีฐานะดี ณ ตอนนี้ เพื่อนกลุ่มนี้ก็ หน้าที่การงานดี หรือ เป็นเจ้าของกิจการกันซะส่วนใหญ่ (ต้นทุนชีวิตดี โอกาสก็มากกว่า)
มัธยม ต้น เรียนในโรงเรียนรัฐบาล อันนี้เจอเพื่อนค่อนข้างหลากหลาย ปัญหาลักเล็กขโมยน้อยก็เยอะ บอกตรงๆ จบ ม.3 มา ผมไม่ได้ติดต่อเพื่อนในสถาบันแห่งนี้เลย ยกเว้น เพื่อนสนิทประถมที่มาเรียน ม.ต้น ด้วยกัน คนเดียว
มัธยม ปลาย เรียนในโรงเรียนสาธิต แน่นอนว่า ค่าใช้จ่ายก็ระดับหนึ่ง เพื่อนกลุ่มนี้ก็จะคล้ายกลุ่มประถมล่ะครับ ปัจจุบันก็หน้าที่การงานดีๆกันทั้งนั้น
ป.ตรี เรียนมหาวิทยาลัยของรัฐ โชคดีที่เรียนในคณะระดับหัวแถวหน่อย (ถึงจะไม่ใช่แพทย์ก็เถอะ) จบมาเลยหางานทำไม่ยากนัก และรายได้ก็ค่อนข้างดี ส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างดีในหน้าที่การงานล่ะครับ อาจจะไม่เท่าพวกกลุ่มประถมก็เถอะ แต่ไม่อายใครแน่นอน จะมีหลุดๆบ้าง บางคน ที่ยังไม่เกินครึ่งแสน (สำหรับเอกชน) อันนี้ก็อยู่ที่ตัวบุคคล ละ
ถ้ามาว่าที่ตัวผม ... ผมโชคดีที่มีต้นทุนชีวิต ได้เรียนโรงเรียนดี ได้เรียนพิเศษ เลยได้เข้าคณะที่ดี จบมา เลยหางานทำไม่ยาก ซึ่งพอจบมาแล้ว ทางครอบครัวก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรผมนะ มีรถเก่าๆให้คันนึง มีบ้านให้นอน ที่เหลือผมต้องรับผิดชอบเองทั้งหมดครับ ก็สู้มาตั้งแต่ เงินเดือน 13,500 บาท งานสบาย แต่เงินไม่ดี ไม่ก้าวหน้า รวมถึง โดนดูถูก ก็เลยถีบตัวเองขึ้นมา เปลี่ยนงาน ขยับตำแหน่ง รวมถึง ขยัน ซื่อสัตย์
ก็จากคนที่โดนดูถูกว่า คงไม่มีปัญญาเลี้ยงเค้าหรอก เงินเดือนแค่นี้เอง จนถึงวันนี้กล้าพูดได้ว่า ไม่แพ้ใคร และ เหนือกว่าใครหลายคน รวมถึงคนที่ดูถูกผมไว้ด้วยแหละ (ถ้าผมขี้เกียจ ไม่สนใจ ป่านนี้ เงินเดือนผมอาจจะยังอยู่แค่ 3 หมื่นก็ได้ จริงป่ะ)
ฉะนั้น สถาบัน มันแค่ตัวช่วย แค่ต้นทุน ที่เหลือ อยู่ที่ตัวคุณเองล้วนๆ จะมานั่งบอกว่า ก็ชั้นจน ชั้นเรียนโรงเรียนวัด ชั้นก็เลยได้แค่นี้ เงินหมุนไม่ทัน แบบนี้คิดว่า คงไม่ใช่ล่ะครับ จริงไหม ?
แน่นอนว่า โรงเรียน หรือ สถาบันการศึกษา ระหว่างเอกชน กับ รัฐบาล มันจำแนกคนที่จะเข้าไปเรียนได้ในระดับหนึ่งแล้ว ... คนจะเรียน ม.เอกชน ได้ ทางบ้าน ครอบครัว ก็ต้องมีฐานะในระดับหนึ่ง เพราะค่าใช้จ่ายไม่ถูกเลย
และแน่นอน กลุ่มคนมีฐานะค่อนข้างดี มาเจอกัน อนาคตเรียนจบไป ถ้าไม่ทำตัวเลวร้ายจนเกินไป หลายคนก็ได้สานต่อกิจการ หรือ มีฐานะทางการเงินดีในระดับหนึ่งล่ะ จริงไหม ?
ส่วนสถาบันของรัฐ แน่นอนว่า ไม่จำเป็นว่า คนที่เรียน จะต้องไม่มีเงินเสมอไป อาจจะมีคนที่ฐานะดี / ปานกลาง เข้ามาเรียนด้วย ซึ่งตรงนี้ ถ้าไม่ใช่สาขาอาชีพที่การันตีว่า จบมามีงานทำ มีรายได้ดีแน่ๆ อย่างพวก แพทย์ / ทันตแพทย์ เนี่ย ก็ต้องดิ้นรนกันไป แล้วแต่ แต่ละคนล่ะครับ ตรงนี้อยู่ที่ตัวเองเป็นหลัก (เพราะคุณไม่มีต้นทุนชีวิตหนิ)
........................
ถ้าตัวผมเองเหรอ ?
ประถม เรียนในโรงเรียนเอกชน ค่อนข้างดี ... เพื่อนในกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่บ้านค่อนข้างมีฐานะดี ณ ตอนนี้ เพื่อนกลุ่มนี้ก็ หน้าที่การงานดี หรือ เป็นเจ้าของกิจการกันซะส่วนใหญ่ (ต้นทุนชีวิตดี โอกาสก็มากกว่า)
มัธยม ต้น เรียนในโรงเรียนรัฐบาล อันนี้เจอเพื่อนค่อนข้างหลากหลาย ปัญหาลักเล็กขโมยน้อยก็เยอะ บอกตรงๆ จบ ม.3 มา ผมไม่ได้ติดต่อเพื่อนในสถาบันแห่งนี้เลย ยกเว้น เพื่อนสนิทประถมที่มาเรียน ม.ต้น ด้วยกัน คนเดียว
มัธยม ปลาย เรียนในโรงเรียนสาธิต แน่นอนว่า ค่าใช้จ่ายก็ระดับหนึ่ง เพื่อนกลุ่มนี้ก็จะคล้ายกลุ่มประถมล่ะครับ ปัจจุบันก็หน้าที่การงานดีๆกันทั้งนั้น
ป.ตรี เรียนมหาวิทยาลัยของรัฐ โชคดีที่เรียนในคณะระดับหัวแถวหน่อย (ถึงจะไม่ใช่แพทย์ก็เถอะ) จบมาเลยหางานทำไม่ยากนัก และรายได้ก็ค่อนข้างดี ส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างดีในหน้าที่การงานล่ะครับ อาจจะไม่เท่าพวกกลุ่มประถมก็เถอะ แต่ไม่อายใครแน่นอน จะมีหลุดๆบ้าง บางคน ที่ยังไม่เกินครึ่งแสน (สำหรับเอกชน) อันนี้ก็อยู่ที่ตัวบุคคล ละ
ถ้ามาว่าที่ตัวผม ... ผมโชคดีที่มีต้นทุนชีวิต ได้เรียนโรงเรียนดี ได้เรียนพิเศษ เลยได้เข้าคณะที่ดี จบมา เลยหางานทำไม่ยาก ซึ่งพอจบมาแล้ว ทางครอบครัวก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรผมนะ มีรถเก่าๆให้คันนึง มีบ้านให้นอน ที่เหลือผมต้องรับผิดชอบเองทั้งหมดครับ ก็สู้มาตั้งแต่ เงินเดือน 13,500 บาท งานสบาย แต่เงินไม่ดี ไม่ก้าวหน้า รวมถึง โดนดูถูก ก็เลยถีบตัวเองขึ้นมา เปลี่ยนงาน ขยับตำแหน่ง รวมถึง ขยัน ซื่อสัตย์
ก็จากคนที่โดนดูถูกว่า คงไม่มีปัญญาเลี้ยงเค้าหรอก เงินเดือนแค่นี้เอง จนถึงวันนี้กล้าพูดได้ว่า ไม่แพ้ใคร และ เหนือกว่าใครหลายคน รวมถึงคนที่ดูถูกผมไว้ด้วยแหละ (ถ้าผมขี้เกียจ ไม่สนใจ ป่านนี้ เงินเดือนผมอาจจะยังอยู่แค่ 3 หมื่นก็ได้ จริงป่ะ)
ฉะนั้น สถาบัน มันแค่ตัวช่วย แค่ต้นทุน ที่เหลือ อยู่ที่ตัวคุณเองล้วนๆ จะมานั่งบอกว่า ก็ชั้นจน ชั้นเรียนโรงเรียนวัด ชั้นก็เลยได้แค่นี้ เงินหมุนไม่ทัน แบบนี้คิดว่า คงไม่ใช่ล่ะครับ จริงไหม ?
แสดงความคิดเห็น
เรียนจบจากที่เดียวกัน สถานะทางสังคมมักจะเหมือนกันจริงมั๊ยคะ
หลังจากเรียนจบเราก็หางานทำ ซึ่งแน่นอนก็เป็นมนุษย์เงินเดือนกันเกือบทุกคน รวมถึงเรา แต่บางคนก็มีครอบครัวไปแล้ว ซึ่งก็ส่วนใหญ่
สำหรับตัวเราเองได้เงินเดือนค่อนข้างเยอะกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันเนื่องจากเป็นบริษัทต่างชาติและเราก็ได้เลื่อนตำแหน่งภายใน 1 ปี รวมโบนัสแล้วก็ได้เยอะพอสมควร แล้วก็มีขายของออนไลน์ไปด้วย รวมถึงเราก็มีแฟนฐานะค่อนข้างดีเค้าก็ช่วยเราแบ่งเบาภาระไปบ้าง (เรื่องแฟนขอไม่พูดถึง) มาถึงจุดนี้เราก็มีเงินใช้สบายๆ อยากได้อะไรก็ซื้อ มีไปเที่ยว ตปท ปีละ 1 ครั้ง แต่ก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองรวยนะค่ะ คิดว่าแค่พอมีพอกิน
มองย้อนกลับมาที่เพื่อนเรา แทบจะทุกคนมีปัญหาเรื่องเงิน เงินไม่พอใช้บ้าง ทะเลาะกับแฟนบ้าง ชวนไปเที่ยวก็บอกไม่มีเงิน รวมถึงเพื่อนสนิทเราด้วย ซึ่งก็นานๆเจอกันที พอเจอกันก็ไม่รู้จะคุยอะไรเหมือนเมื่อก่อน เพราะ รสนิยมก็ไม่ค่อยเหมือนกันแล้ว เช่น การเงิน การเป็นอยู่ เรื่องครอบครัว
ต่างจากพวกที่เรียนมหาลัยเอกชน หรือ มหาลัยดังๆ ที่บางคนจบมาทำงานดีๆ หรือไม่ก็เปิดกิจการส่วนตัว ร่ายล้อมไปด้วยคนอีกระดับ มีเวลากินข้าว ดูหนัง shopping ขอยกตัวอย่างมีเพื่อนเราหลายๆคนที่เรียนมหาลัยเอกชนชื่อดัง แต่กู้เรียนเอานะค่ะ ไม่ได้รวยอะไรแต่ได้คบเพื่อนดี ได้ฝึกงานโรงแรมชื่อดัง มีคอนเนคชั่นทีดี พอจบมาก็ชีวิตดีกันเกือบทุกคน
เพื่อนมีความคิดเห็นยังไงกันบ้างค่ะ มาแชร์กันค่ะ