
สวัสดีค่ะ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่า นี่ไม่ใช่รีวิวเที่ยวคนเดียวสวยๆยังไง เที่ยว7วัน ราคาถูกอะไรแบบนั้นนะคะ
แต่จะขอแชร์บันทึกไดอารี่การเดินทางของผู้หญิงตัวเล็กๆ กับทัวร์กลุ่มคนใจไม่เล็ก
บันทึกการเดินทางของตอนนี้คือ TURKEY in Memory :: หนีน้ำสงกรานต์ ซบไอหนาว ตามรอยประวัติศาสตร์ที่ตุรกี ครั้งที่ 2::
ใช่ค่าาา นี่คือการกลับมาตุรกีครั้งที่ 2 แล้วของเรา
บางคนอาจคิดว่าตุรกีจะน่ากลัวรึป่าว แต่บอกได้เลยว่าประเทศนี้มีเสน่ห์มากนะ
ทั้งวิวทิวทัศน์ ผู้คน ประวัติศาสตร์ .... จึงต้องกลับมาอีกครั้ง
บันทึกการเดินทางรอบนี้เริ่มต้นจาก Ankara -Cappadocia -Konya - Pamukkale - Bursa - Istanbul

เริ่มกันเลยค่ะ

8 เมษายน 2560 เรานัดรวมพลกันที่สนามบิน ในกลุ่มมีประมาณ 18 คนค่ะ ซึ่งก้ได้เห็นหน้ากันคร่าวๆเพราะทางทีมงานทัวร์ของ Memoria ตั้งกรุ๊ปไลน์ก่อนเดินทางค่ะ ทำให้เรารู้จักกันเบื้องต้นก่อนออกเดินทาง เรียกได้ว่าเป็นทัวร์ระดับมินิ จำนวนคนไม่มาก สะดวกต่อการเคลื่อนย้าย
เราเตรียมออกเดินทางหนีร้อนจากสุวรรณภูมิด้วยสายการบิน Mahan Air ไฟลท์ราวๆ 4 ทุ่ม แวะพักเครื่องที่ Tehran Imam Khomeini International Airport และเดินทางต่อไปสู่กรุงอังการา เมืองหลวงของตุรกี
พอถึงสนามบินอังการา คนในทริปเอากระเป๋าเรียบร้อยกันเกือบหมด เหลือแต่ก็สาวน้อยอายุ 5 ขวบ นี่ตั้งหน้าตั้งตารอรถเข็นของเธอว่าเมื่อไหร่จะมาสักทีน้าาาา

ไกด์ของทัวร์เราก็ได้พาเราไปเจอกับไกด์ท้องถื่น นามว่า Ihsan ชายหนุ่มร่างท้วม ใส่เสื้อหนังแจ๊กเก็ตมัดผมไว้ด้านหลัง (คล้ายๆมาเฟียในหนังเลยเนอะ)
ตอนนั้นประมาณ 10 โมง อุณหภูมิประมาณ 12 องศา ลมเย็นเริ่มมากระแทกร่างทำให้รู้สึกได้ว่า โอเคหนีร้อนสงกรานต์มาล่ะนะ เจอกันสักทีนะเธอจ๋าาาาาาาาา
แล้วเราก็ออกเดินทางไปเมืองถัดไปด้วยรถบัสขนาดพอสมควร มีที่เหลือเผื่อคนในทริปนั่งยืดแข้งยืดขากันได้ เพราะเรายังต้องเดินทางไปอีกไกลทีเดียว
ก็นั่งกันไปเรื่อยเปื่อย แต่ส่วนใหญ่จะเน้น ‘นอน’ เก็บแรงกันซะมากกว่า
แต่เเล้วเราก็ตื่นมาว้าวววว กับข้างทางเป็นระยะๆ
เมื่อเราเห็นภูเขาไกลๆ ที่ยังมีน้ำแข็งปกคลุมอยู่ ในหัวตอนนั้นนี่รู้สึกเป็นเอลซ่าขึ้นมาทันที อยากจะไปแตะยอดเขาแล้วร้อง Let’s it goooo (ก็คนมันไม่เคยเห็น)


สถานที่เเรกที่ไปคือ คุกใต้ดิน (Undergroung City of Kaymakli) ซึ่งถูกขุดลึกลงไปในเขาสำหรับหลบหนีการรุกรานของศัตรูและพวกที่ต่อต้านการเคารถนับถือศาสนา บริเวณรอบๆก็จะเป็นที่อยุ่อาศัยของคนแถบนั้นค่ะ มีต้น Peach ด้วย มองไกลๆเหมือนซากุระญี่ปุ่นนั่นแหละ เสร็จก็นั่งรถต่อมาเรื่อย ซึ่งจุดหมายของเราในคือเมือง Cappadocia จะสังเกตได้ว่าข้างทางของเมืองนี้มีภูมิประเทศที่สวยมาก เป็นเหมือนร่องเนินเขากรวยหิน เป็นเหมือนเสายึดโลกไว้ ซึ่งเมืองนี้จะเป็นสถาปัตยกรรมเหมือนหินผา สมัยก่อนมีการเจาะเขาอยู่ ใครสนใจลองหาประวัติอ่านกันตามเว็บเนอะ เราก็เอารูปที่ถ่ายมาให้ดูละกัน





----------
วันนี้มีนัดขึ้นบอลลูน ------------------

พวกเราเริ่มออกเดินทางจากโรงเเรมประมาณ 05.30 เพื่อไปดูดวงอาทิตย์ขึ้นบนบอลลูน
(จริงๆคิดไปจากไทยว่าจะไม่ขึ้นบอลลูนแหละ ลึกๆเรากลัวตก ลึกกว่านั้นเรารู้สึกว่าแพงจัง
แต่เพื่อนในทริปบอกว่า “ขึ้นเหอะไหนๆก็มาแล้วสักครั้งนึง” พูดเบาๆสองครั้งพอก็ขึ้นค่ะ เล่นตัวไปงั้น 5555)
อากาศตอนนั้นแบบ 2 องศาคะคุ๊นนนนน ซึ่งตอนแรกอุตุพยากรณ์ไว้ว่าอากาศจะอยู่ที่ 10 องศาไง ทางเราก็ไม่เตรียมพร๊อพกันความหนาวมาเท่าไหร่ มือนี่ชากันไปหมด จะกดชัตเตอร์จะเซลฟี่นี่นิ้วจะล๊อกเอา
นี่คือพอเราไปถึง ทีมงานของทางบอลลูนก้กำลังเตรียมพร้อมกับบอลลูนกันเพียบเลย



สายตาสาวน้อยบอกประมาณว่า "หนูไม่ขึ้นดีกว่าาาา ><"

บอลลูนลำนึงขึ้นได้ประมาณ 16 ค่ะ แบ่งออกเป็นช่องๆละ 4 คน ก่อนจะออกกัปตันก็ได้บอกถึง Emergency case ว่าต้องทำยังไง ให้พวกเราสาธิตลองดูจึงรู้ว่า 4 คนนี่มันพอดีกับการนั่งเรียงกันลงไปในกระเช้าพอดีเลยค่ะ
พอเริ่มออกบิน วิวที่เห็นก็เป็นแบบนี้ ^___^






*กัปตันขับบอลลูนเราเป็นผู้หญิงค่ะ เขาเล่าว่าเขาเป็นผู้หญิงคนเดียวและอายุน้อยที่สุดในบรรดากัปตัน พวกเราก็ว้าวววกันไปค่ะ*

อีกหนึ่งวัฒนธรรมหลังจากบอลลูนแลนดิ้งแล้วก็คือ การดื่มเชมเปญค่ะ
กัปตันเล่าว่าเคยมีเรื่องเล่าว่า “มีชายคนหนึ่งเดินทางด้วยบอลลูนแล้วแลนดิ้งไปในพื้นที่การเกษตรของชาวบ้าน ชาวบ้านตื่นเต้นคิดว่าเป็นผู้วิเศษจึงเลี้ยงฉลองกัน หลังจากนั้นเลยกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติเรื่อยมา”
ส่วนกรุ๊ปของเราเป็นมุสลิม เค้าก็จะเตรียมน้ำผลไม้ไว้ให้


ตกบ่ายเราก็มุ่งหน้าต่อไปที่เมืองคอนย่า ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชม.
ได้แวะเยี่ยมมัสยิดและละหมาดในพื้นที่ จำชื่อมัสยิดนี้ไม่ได้ แต่ที่นี่เป็นมัสยิดของคนที่เริ่มต้นในการนำอิสลาม(ซูฟี)เข้ามาเผยแพร่ในตุรกี


/////// ดูรูปกันไปก่อน เดี๋ยวมาเล่าต่อในคอมเม้นเนอะ ///////
[CR] TURKEY in Memory :: หนีน้ำสงกรานต์ ซบไอหนาว ตามรอยประวัติศาสตร์ที่ตุรกี ครั้งที่ 2
สวัสดีค่ะ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่า นี่ไม่ใช่รีวิวเที่ยวคนเดียวสวยๆยังไง เที่ยว7วัน ราคาถูกอะไรแบบนั้นนะคะ
แต่จะขอแชร์บันทึกไดอารี่การเดินทางของผู้หญิงตัวเล็กๆ กับทัวร์กลุ่มคนใจไม่เล็ก
บันทึกการเดินทางของตอนนี้คือ TURKEY in Memory :: หนีน้ำสงกรานต์ ซบไอหนาว ตามรอยประวัติศาสตร์ที่ตุรกี ครั้งที่ 2::
ใช่ค่าาา นี่คือการกลับมาตุรกีครั้งที่ 2 แล้วของเรา
บางคนอาจคิดว่าตุรกีจะน่ากลัวรึป่าว แต่บอกได้เลยว่าประเทศนี้มีเสน่ห์มากนะ
ทั้งวิวทิวทัศน์ ผู้คน ประวัติศาสตร์ .... จึงต้องกลับมาอีกครั้ง
บันทึกการเดินทางรอบนี้เริ่มต้นจาก Ankara -Cappadocia -Konya - Pamukkale - Bursa - Istanbul
เริ่มกันเลยค่ะ
8 เมษายน 2560 เรานัดรวมพลกันที่สนามบิน ในกลุ่มมีประมาณ 18 คนค่ะ ซึ่งก้ได้เห็นหน้ากันคร่าวๆเพราะทางทีมงานทัวร์ของ Memoria ตั้งกรุ๊ปไลน์ก่อนเดินทางค่ะ ทำให้เรารู้จักกันเบื้องต้นก่อนออกเดินทาง เรียกได้ว่าเป็นทัวร์ระดับมินิ จำนวนคนไม่มาก สะดวกต่อการเคลื่อนย้าย
เราเตรียมออกเดินทางหนีร้อนจากสุวรรณภูมิด้วยสายการบิน Mahan Air ไฟลท์ราวๆ 4 ทุ่ม แวะพักเครื่องที่ Tehran Imam Khomeini International Airport และเดินทางต่อไปสู่กรุงอังการา เมืองหลวงของตุรกี
พอถึงสนามบินอังการา คนในทริปเอากระเป๋าเรียบร้อยกันเกือบหมด เหลือแต่ก็สาวน้อยอายุ 5 ขวบ นี่ตั้งหน้าตั้งตารอรถเข็นของเธอว่าเมื่อไหร่จะมาสักทีน้าาาา
ไกด์ของทัวร์เราก็ได้พาเราไปเจอกับไกด์ท้องถื่น นามว่า Ihsan ชายหนุ่มร่างท้วม ใส่เสื้อหนังแจ๊กเก็ตมัดผมไว้ด้านหลัง (คล้ายๆมาเฟียในหนังเลยเนอะ)
ตอนนั้นประมาณ 10 โมง อุณหภูมิประมาณ 12 องศา ลมเย็นเริ่มมากระแทกร่างทำให้รู้สึกได้ว่า โอเคหนีร้อนสงกรานต์มาล่ะนะ เจอกันสักทีนะเธอจ๋าาาาาาาาา
แล้วเราก็ออกเดินทางไปเมืองถัดไปด้วยรถบัสขนาดพอสมควร มีที่เหลือเผื่อคนในทริปนั่งยืดแข้งยืดขากันได้ เพราะเรายังต้องเดินทางไปอีกไกลทีเดียว
ก็นั่งกันไปเรื่อยเปื่อย แต่ส่วนใหญ่จะเน้น ‘นอน’ เก็บแรงกันซะมากกว่า
แต่เเล้วเราก็ตื่นมาว้าวววว กับข้างทางเป็นระยะๆ
เมื่อเราเห็นภูเขาไกลๆ ที่ยังมีน้ำแข็งปกคลุมอยู่ ในหัวตอนนั้นนี่รู้สึกเป็นเอลซ่าขึ้นมาทันที อยากจะไปแตะยอดเขาแล้วร้อง Let’s it goooo (ก็คนมันไม่เคยเห็น)
สถานที่เเรกที่ไปคือ คุกใต้ดิน (Undergroung City of Kaymakli) ซึ่งถูกขุดลึกลงไปในเขาสำหรับหลบหนีการรุกรานของศัตรูและพวกที่ต่อต้านการเคารถนับถือศาสนา บริเวณรอบๆก็จะเป็นที่อยุ่อาศัยของคนแถบนั้นค่ะ มีต้น Peach ด้วย มองไกลๆเหมือนซากุระญี่ปุ่นนั่นแหละ เสร็จก็นั่งรถต่อมาเรื่อย ซึ่งจุดหมายของเราในคือเมือง Cappadocia จะสังเกตได้ว่าข้างทางของเมืองนี้มีภูมิประเทศที่สวยมาก เป็นเหมือนร่องเนินเขากรวยหิน เป็นเหมือนเสายึดโลกไว้ ซึ่งเมืองนี้จะเป็นสถาปัตยกรรมเหมือนหินผา สมัยก่อนมีการเจาะเขาอยู่ ใครสนใจลองหาประวัติอ่านกันตามเว็บเนอะ เราก็เอารูปที่ถ่ายมาให้ดูละกัน
---------- วันนี้มีนัดขึ้นบอลลูน ------------------
พวกเราเริ่มออกเดินทางจากโรงเเรมประมาณ 05.30 เพื่อไปดูดวงอาทิตย์ขึ้นบนบอลลูน
(จริงๆคิดไปจากไทยว่าจะไม่ขึ้นบอลลูนแหละ ลึกๆเรากลัวตก ลึกกว่านั้นเรารู้สึกว่าแพงจัง
แต่เพื่อนในทริปบอกว่า “ขึ้นเหอะไหนๆก็มาแล้วสักครั้งนึง” พูดเบาๆสองครั้งพอก็ขึ้นค่ะ เล่นตัวไปงั้น 5555)
อากาศตอนนั้นแบบ 2 องศาคะคุ๊นนนนน ซึ่งตอนแรกอุตุพยากรณ์ไว้ว่าอากาศจะอยู่ที่ 10 องศาไง ทางเราก็ไม่เตรียมพร๊อพกันความหนาวมาเท่าไหร่ มือนี่ชากันไปหมด จะกดชัตเตอร์จะเซลฟี่นี่นิ้วจะล๊อกเอา
นี่คือพอเราไปถึง ทีมงานของทางบอลลูนก้กำลังเตรียมพร้อมกับบอลลูนกันเพียบเลย
สายตาสาวน้อยบอกประมาณว่า "หนูไม่ขึ้นดีกว่าาาา ><"
บอลลูนลำนึงขึ้นได้ประมาณ 16 ค่ะ แบ่งออกเป็นช่องๆละ 4 คน ก่อนจะออกกัปตันก็ได้บอกถึง Emergency case ว่าต้องทำยังไง ให้พวกเราสาธิตลองดูจึงรู้ว่า 4 คนนี่มันพอดีกับการนั่งเรียงกันลงไปในกระเช้าพอดีเลยค่ะ
พอเริ่มออกบิน วิวที่เห็นก็เป็นแบบนี้ ^___^
*กัปตันขับบอลลูนเราเป็นผู้หญิงค่ะ เขาเล่าว่าเขาเป็นผู้หญิงคนเดียวและอายุน้อยที่สุดในบรรดากัปตัน พวกเราก็ว้าวววกันไปค่ะ*
อีกหนึ่งวัฒนธรรมหลังจากบอลลูนแลนดิ้งแล้วก็คือ การดื่มเชมเปญค่ะ
กัปตันเล่าว่าเคยมีเรื่องเล่าว่า “มีชายคนหนึ่งเดินทางด้วยบอลลูนแล้วแลนดิ้งไปในพื้นที่การเกษตรของชาวบ้าน ชาวบ้านตื่นเต้นคิดว่าเป็นผู้วิเศษจึงเลี้ยงฉลองกัน หลังจากนั้นเลยกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติเรื่อยมา”
ส่วนกรุ๊ปของเราเป็นมุสลิม เค้าก็จะเตรียมน้ำผลไม้ไว้ให้
ตกบ่ายเราก็มุ่งหน้าต่อไปที่เมืองคอนย่า ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชม.
ได้แวะเยี่ยมมัสยิดและละหมาดในพื้นที่ จำชื่อมัสยิดนี้ไม่ได้ แต่ที่นี่เป็นมัสยิดของคนที่เริ่มต้นในการนำอิสลาม(ซูฟี)เข้ามาเผยแพร่ในตุรกี
/////// ดูรูปกันไปก่อน เดี๋ยวมาเล่าต่อในคอมเม้นเนอะ ///////