หมอดู --- จิตแพทย์แบบไทย ๆ

อาทิตย์ที่ผ่านมา เพื่อนรักคนหนึ่งโทร.มาหาบอกว่า
"กลุ้มใจมาก กลุ้ม ๆ ๆ เครียด ๆ ๆ มาหลายเดือนแล้ว ทำไงดี อยากไปดูหมอ หรือ ไม่ก็ไปเข้าคลาสครูอ้อย"
Facepalm

   ดิฉันจะแนะนำอย่างไรดีเนี่ย ?
เข้าคลาสครูอ้อย ดิฉันก็ไม่เคยเข้า แต่รู้เลา ๆ ว่า ค่าสมัครน่าจะประมาณห้าหลัก
เพื่อนบอกยังไม่มี budget ดิฉันเลยบอกว่า งั้นอาศัยอ่านตาม newsfeed ทางเฟซไปก่อนแล้วกัน

  เลือกเอา option ที่พอจ่ายไหวก่อนละกัน คือ ไปหาหมอดู

  พอพูดเรื่องหมอดูแล้ว ก็เลยมีประเด็นอยากแลกเปลี่ยนและเล่าให้กันฟังค่ะว่า
ทำไมหมอดูถึงอยู่คู่สังคมไทยมายาวนานนัก

  แต่ก่อนอื่น ขอโทร.ถามเครือข่ายพี่ ๆ อาวุโสที่เคารพรักและสนิทกันก่อน
ว่าควรไปหาคนไหนดี
  พี่ ๆ เหล่านี้อายุห้าหกสิบกันแล้วนะคะ  เป็นคนดี นิ่ง สงบ ไม่หวั่นไหวกับอะไรง่าย ๆ
ทำโปรเจคต์ดี ๆ เพื่อสังคมมากมาย
  เวลาเรามีเรื่องทุกข์ใจ มีปัญหาก็ยังเอาไปเล่า เอาไปแชร์และได้รับคำแนะนำดี ๆ กลับมา
  ถามว่า อ้าว ... แล้วทำไมยังหาหมอดูล่ะ

  จะขอเอาคำตอบของพี่คนหนึ่งมาตอบไว้ ณ ที่นี้นะคะ

  "พี่ขา มีหมอดูเจ๋ง ๆ ไหม เพื่อนขอให้พาไปดู เค้าเครียดจนจะอยู่ไม่ได้แล้วค่ะ"
  พอพี่ ๆ ฟังดังนั้น ก็แนะนำมา 2-3 ราย โดยคุณลักษณะที่สำคัญของหมอดูที่เค้ากำชับมาคือ
  "ไปหา.......  คนนี้ เค้าพูดจาดี ให้กำลังใจ และรู้จักปลอบใจคนที่เป็นทุกข์ ให้ความหวังแนะนำในทางที่ถูก
เวลาทุกข์ใจ อย่าเที่ยวสุ่มสี่สุ่มห้าไปดูหมอที่ไหนนะไอ้(ชื่อเรา)  เดี๋ยวshipหายกันพอดี"

   สังเกตว่า พี่จะไม่ได้แนะนำว่าให้ไปเพราะ
   "แม่นยังกับตาเห็น ยังกับมีพรายกระซิบอะไรทำนองนั้น"

   พี่สาวที่เคารพของเรายังบอกอีกว่า
   "หมอดูก็เหมือนจิตแพทย์น่ะแหละ  (ชื่อเรา)เอ๊ย...  บางที คนเรามันทุกข์ ๆ ไม่รู้จะไปเล่าให้ใครฟัง
เล่าให้เพื่อนฟังก็กระดาก อึดอัด เล่าให้คนรู้จักฟัง ปัญหาเราก็ไปพัวพันกับเค้า ก็ไปเล่า ๆ ให้หมอดูฟังนี่แหละ สบายใจ"

    วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ก็เลยพาเพื่อนไปดู เจ้าที่พี่คนหนึ่งแนะนำ แถวจรัญ

    แปลกแต่จริง ... เพื่อนที่เรารักน้ำใจกันและกันมาก มีอะไรปรึกษาช่วยเหลืออะไรกันและกันมาตลอด คิดว่าเค้าเล่าอะไรให้เราฟังมากที่สุดแล้ว
ก็ยังมีเรื่องอึดอัดอะไรอีกหลายอย่างที่ไม่กล้าเล่า
    แต่ไปปรับทุกข์ระบายกับหมอดู  บางทีหมอดูพูดอะไรมาตรงใจ น้ำตาแตก ร้องไห้อยู่ตรงนั้น

   เรายังมาคิดเลยว่า อุปกรณ์สำคัญของหมอดู บางทีอาจไม่ใช่ กระดานชนวน ชุดไพ่เสี่ยงทาย หรือ คอมพิวเตอร์ คำนวณวันเวลาเกิด
แต่คือกล่องทิชชูกล่องโต ๆ ที่ต้องมีไว้บนโต๊ะให้คนซับน้ำตา

ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ?

    คนเรา บางที ไม่กล้าเล่าอะไรให้คนสนิทฟังมาก เพราะ

    - กลัว กลัวเค้าตัดสินเรา กลัวเค้ารังเกียจ กลัวเค้ารับไม่ได้ กลัวเค้าเอาไปเล่าให้คนอื่นฟัง
หลาย ๆ ความทุกข์มันพัวพันกับคนหลายคน จนรู้สึกว่า ถ้าให้รู้หนึ่ง คือ จะรู้ทั้งวง

    - อาย อายคนรู้จัก ไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าจริง ๆ เรามีฐานะจริง ๆ เป็นแบบนี้ หรือ เรารู้สึกอึดอัดกับเรื่องนี้มากแค่ไหน
      บางคน ทุกข์ใจกับสามีกับคู่ชีวิต  จะเล่าให้ใครฟังล่ะ ในเมื่อในสายตาของคนภายนอก สามีก็ดูเป็นคนดี๊ดี จะบอกใครได้ไหมว่า เบื้องหลังสามีเป็นคนยังไง พูดอะไร ขู่อะไร ทำอะไรไว้บ้าง

   ก็เลยต้องเอาเรื่องไปเล่าให้คนแปลกหน้าฟัง พร้อมด้วยความหวังว่า "อะไร ๆ มันจะดีขึ้น หรือ ได้รับคำแนะนำดี ๆ "

   ส่วนตัวเราไม่แอนตี้ เรื่องหาหมอดู ส่วนตัวเราชอบดูหมอนะคะ ถ้ามีโอกาสและไม่แพงเกินไป ดูสนุก ๆ ดูแล้วจดไว้ หาความสัมพันธ์ทางสถิติ  ดูเพื่อความไม่ประมาท
   แต่ถ้าถามว่าเราเชื่อไหม เราตอบแบบนี้ค่ะว่า
   "ถ้าทายว่าไม่ดี จะไม่เชื่อ จะระวังมีสติเพิ่มขึ้นและจะพยายามปรับปรุงสุดฤทธิ์เพื่อหนีความไม่ดีนั้น  
แต่ถ้าบอกว่าดีจะพยายาม ทำตามที่เค้าบอกเค้าแนะ"

    เราพบว่า หมอดูที่ดีนอกจากจะมีความรู้ในวิชาที่ตนเองศึกษามาแล้ว แต่ก็จะ

    1. ไม่ฟันธงแบบทำตัวเป็นผู้วิเศษที่ชี้ชะตาคนได้  แต่จะบอกว่า ดูแล้วมีแนวโน้มจะเป็นอย่างนี้นะ ระวังไว้
    2. มีจิตวิทยาที่ดีและหวังดีต่อลูกค้า
        เราสังเกตสิ่งที่หมอคนนี้ คุยกับเพื่อนเรา เราคิดว่า เค้ามีจิตวิทยาในการพูดที่ดีมาก แม้คำนายจะเป็นไปตามหลักวิชาที่เค้าเรียนมา
เรื่องเหตุการณ์ร้ายดี
เช่นพูดว่า

คำทำนาย
       "ตอนนี้ คุณเหนื่อยใช่ไหม ไม่ต้องท้อนะ  คุณเป็นคนมีพลังในตัวมาก ยังไงคุณจะผ่านมันไปแน่ ๆ
ทน ๆ ไปสัก 4 ปี
        4 ปีนี่เร็วนะ ทำอะไรที่คุณชอบ แป๊บ ๆ ก็ผ่านไปแล้ว"

        

วิธีการให้กำลังใจ
ชี้ให้เห็นและเน้นย้ำจุดแข็งของเพื่อน พร้อมให้กำลังใจ ให้ความหวัง


เพื่อนบ่นเรื่องครอบครัวทางสามีไม่ซัพพอร์ท
คำทำนาย
        "ตอนนี้ คุณมองไปก็ยังไม่มีคนช่วยหรอก  ค่อย ๆ ทำของคุณไป พิสูจน์ตัวเอง  พอทำไปสักพัก
เค้าเห็นคุณจริงจัง เค้าช่วยแน่นอน อย่าเพิ่งไปทำอะไรให้มันเกินตัว ตอนนี้ก็ทำเล็ก ๆ ไปก่อน แทนที่จะลงทุน 5 ล้าน ก็ดูสิว่าจะค่อย ๆ เริ่มจากอะไรได้บ้าง อย่าไปท้อ  คุณมีพลัง มีความฉลาด มีความเป็นผู้นำ ทำได้แน่นอน"

      

วิธีการให้กำลังใจ
      แนะให้พึ่งตัวเอง และยืนอยู่บนขาของตัวเอง เสริมความมั่นใจ

เพื่อนยังถามต่อ "จริงนะคะ หนูทำได้แน่นะคะ" (เห็นไหมคะ คนเราเวลามันทุกข์ มันขาดความมั่นใจ ต้องการการเสริมแรง)
หมอดูก็เน้นย้ำอย่างนั้นอีก

     แล้วบทสนทนา ก็เป็นไปในเชิงฟังเพื่อนเราปรับทุกข์ และคอยหาช่องเสริมกำลังใจให้เพื่อนเรา
สังเกตว่า ตอนไหนที่หมอดูทักแล้วตรง ก็จะยิ่งเพิ่มความเลื่อมใสให้เพื่อนเรามากยิ่งขึ้น
     วันนั้น จ่ายค่าดูหมอไป 300 บาท

     เพื่อนเดินออกมาด้วยความโล่งมากขึ้น เค้าบอกว่า กินนอนไม่เต็มที่มาหลายเดือนแล้ว กลุ้มมาก

ส่วนตัว เราคิดว่าที่เค้าโล่งเพราะส่วนหนึ่งได้ระบายความทุกข์ที่ไม่กล้าเล่าออกมา
พอได้เล่า ก็สบายใจ  พอสบายใจ ก็เริ่มคิดอ่านจะทำอะไรดี ๆ ต่อไป

     เค้าบอกเราว่า รู้สึกเหมือนมีกำลังใจ มีความหวังมากขึ้น
เมื่อวานเราโทรคุยกัน  เค้าบอกว่าเริ่มวางแผนแล้วว่า จะทำอย่างไรต่อไป

   เราก็ได้แต่เอาใจช่วย ขอให้ ความหวังพลังใจอยู่กับเค้าไปตลอด และขอให้เค้าฝ่าฟันกับปัญหาที่มีอยู่ปัจจุบันไปได้
(แม้เราจะไม่รู้รายละเอียดทั้งหมดก็ตาม)

     ถามว่าเราน้อยใจเพื่อนไหม เป็นเพื่อนดีกันมาตั้งนาน หลายเรื่องไม่เล่าให้เราฟัง ไปเล่าให้คนแปลกหน้าฟัง
คำตอบคือ ไม่น้อยใจค่ะ
เราเข้าใจ  เข้าใจจริง ๆ


    เราไม่ได้มีเจตนาให้เชื่อ หรือสนับสนุนการดูหมอ  รวมทั้งไม่ต่อต้านด้วยในเวลาเดียวกัน
สามีเราไม่ดูหมออะไรเลย คือไม่ลบหลู่ ไม่ว่า อมยิ้มขำ ๆ ด้วยซ้ำ เวลาเราจะดู
    แต่ไม่ว่า เราจะบอกว่าปีนี้ดีไม่ดีอะไรอย่างไร  สามีเราไม่เคย on low gear
คุณชายของเราขยันทำงานตลอด
    ช่วงที่จังหวะดี ทำ 10 อาจได้ 10 จังหวะไม่ดี เศรษฐกิจไม่ดี อาจต้องทำ 15 หรือ อาจถึง 20 เพื่อจะได้แค่ 10
แต่เค้าก็ยังทำ ไม่เคยบ่น
    ความเข้มแข็งหนักแน่นและเชื่อมั่นในตัวเองแบบนี้ของเค้าเป็นคาแรคเตอร์ที่ถูกใจเรามาก

    เรามีเจตนาจะบอกว่า การดูหมอ ต้องมี "สติ" อย่างมาก ระวังอารมณ์ที่ฟุ้งซ่าน เคว้งคว้าง
ระมัดระวังอย่างแรงถ้าหมอดูที่คุณไปหา
   1. แนะนำให้คุณเสียสตางค์มาก ๆ กับการทำอะไรที่ดูแล้วประหลาดเกินไป
   2. พูดจาในแง่ลบแต่เพียงอย่างเดียว ระวัง จิตคุณจะตกซ้ำไปอีก
   มีสติอย่างแรงนะคะ อย่าให้ใครมาหาประโยชน์จากตอนที่คุณกำลังอ่อนแอได้

   เวลาเราเห็นเพื่อนคนไทยไปหาหมอดู  เราก็จะนึกเปรียบเทียบเวลาเห็นเพื่อนฝรั่งไปหาจิตแพทย์
พอต่างฝ่ายต่างมาเล่าเรื่องบทสนทนาให้เราฟัง  เราพบว่า มีอะไรคล้ายคลึงกันหลายอย่างมาก ๆ

   เลยมาแชร์ให้ฟังสนุก ๆ วันฟ้าครึ้ม ฝนพรำค่ะ
อมยิ้ม01อมยิ้ม16

   แต่ขอย้ำอีกครั้งนะคะ  
   ถ้าความตั้งมั่น  สติ และความสงบอยู่กับคุณ   คุณหาคำตอบให้ชีวิตตัวคุณเองได้เสมอค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่