มันเป็นเหตุบังเอิญหรืออะไรไม่รู้ แต่อยากมาเล่าเพราะว่าบางทีเวลาเราจะไปเที่ยวเราก็หารีวิวโน่นนี่นั่น
ไม่ว่าจะที่พัก ที่กิน ที่เที่ยว ตามบล็อกเกอร์คนนั้นคนนี้ จริงๆมันเกินไปหรือป่าวถ้าไม่นับว่ามันเป็นการรีวิวแบบการตลาดมันเหมือนเราไม่เคยหลุดจากกรอบที่คนอื่นชี้นำเลย อย่างว่าแหล่ะถ้าวันนึงมีบล็อกเกอร์สักคนไปรีวิวจริงๆ ตามที่ที่มันไม่ไม่มีกระแสมันก็จะมีกระแสให้คนแห่ตามกันไปอยู่ดี
ทำไมถึงบ่นเพราะเป็นคนเที่ยวตามรีวิวเหมือนกันคะ อย่างไปสมุยมาเป็นอาทิตย์ ก็ตามไปกินไปเที่ยวตามที่ที่เค้าไปกันรู้สึกไม่โอเชอย่างมาก ก็ถ่ายรูปอัพๆเฟสไปชวนให้คนอื่นดู อยากมากินมาเที่ยว แต่ในใจมันรู้สึกว่าไม่ได้เจออะไรที่มันต่างจากคาด อย่างวิวเกาะนางยวนที่เค้าว่าสวยงามไปแล้วต้องว้าว วิวสวยจริงว้าวจริงนะทางขึ้นเหนื่อยหน่อย แต่กลายเป็นว่าทุกคนมาเพราะต้องการถ่ายรูปว่าฉันมาถึงแล้วแค่นั้นก็ลง เพราะคิวถ่ายรูปยาวเบียด วันที่ไปนักท่องเที่ยวเอเชียตกหินอีกต่างหาก มันก็แค่นั้นหน่ะ (บางทีก็คิดว่าตัวเองตามหาอะไรเหมือนกันนะคิดไม่ค่อยเหมือนชาวบ้าน หรือเป็นคนมีต่อมรับความตื่นเต้นต่ำมั้ง) บ่นมาซะยาวเหยียดอย่ารำคาญเด้อ กลัวไม่มีคนอ่านนะเพราะมันต้องยาวแน่ๆ คนสมัยนี้ไม่ค่อยชอบอ่านกันหรอก มีความอดทนต่ำเตี้ยเรี่ยดินกันซะเหลือเกิน แต่เราเป็นคนชอบอ่าน เวลาโมโหชอบเขียนอะไรยาวเหยียดแล้วมันหายนะเออ แล้วเราเอามาอ่านย้อนหลังจะรู้ความคิดตัวเองเป็นแบบไหนทำไมถึงคิดแบบนั้น ณ ตอนนั้น แต่ตอนนี้หายโมโหแล้วนะเรื่องมันผ่านมาสักพัก เข้าเรื่องเลยดีกว่าคะ
....
ต้องขอบอกก่อนคะว่าชีวิตคนทำงานมันต้องมีวันนึงที่เป็นวันที่ซวยและหงุดหงิดทั้งวัน อันนั้นก็ผิด อันนั้นพลาด ลูกน้องเพื่อนร่วมงานก่อเรื่องให้ คือวันนี้มันเป็นวันซวยของเราแน่ๆ งานไม่เป็นไปตามที่มันควรจะเป็นโดยเจ้านายเม้ง ลูกน้องก็มึนไม่เข้าใจว่าคนเรามันพูดไม่รู้เรื่องมาตั้งแต่เกิดมั้ย พนักงานที่ไม่ตรงสเปกเจ้าของอะไรนิดนึงเค้าก็ไม่โอเคจะเอาออกท่าเดียว แต่เราจะโทษลูกน้องไม่ได้นะเพราะมันคือความผิดเราที่จัดการไม่ได้ เป็นวันที่อยากกรี๊ดดังๆ แต่ทำไม่ได้
....
เคยโกรธจนหัวร้อนกันมั้ย เราเพิ่งรู้กับคำว่าหัวร้อนเวลามีสำนวนเกี่ยวกับคนขี้โมโห จริงๆมันร้อนจริงๆร้อนผ่าวๆจนทนไม่ไหว ต้องออกไปสงบสติอารมณ์ ณ เดี๋ยวนั้น ว่าแล้วก็ขับรถมาแบบร้อนๆนั่นแหล่ะซึ่งผิดนะไม่อยากให้ใครเป็นแบบนี้เพราะนึกย้อนกลับไปเราไม่มีสติแล้วขับรถออกมา เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสองข้างซ้ายขวาเราผ่านอะไรมาตาเรามองข้างหน้าอย่างเดียวซึ่งอันตรายมากๆ แทนที่จะเย็นลงก็หงุดหงิดทุกสิ่งอย่าง ไฟแดง รถติด คนมักง่ายขับรถ บลาๆๆ นานโขที่รู้สึกว่าเย็นลง รู้ตัวอีกที่อยู่สระบุรีจ้า...เฮ้อ...จะกลับออฟฟิสคงทันหรอกมั้ง ใจอยากจะลาออกหนีไปบวชซะให้รู้แล้วรู้รอด ก็เลยไปเรื่อยๆว่าจะกลับบ้านมันซะเลยบ้านอยู่ชัยภูมินี่เอง แต่ก็สงสารคนแก่ถ้าไปเค้าต้องตกใจถามกันวุ่นวายซึ่งเรายังไม่พร้อมตอบคำถามอะไรกะใคร คิดแบบนั้นก็เลยจะหาที่นอนแล้วก็กลับไปเคลียเรื่องต่อให้จบทิ้งนานกว่านี้ก็แลดูจะขาดความรับผิดชอบเกินไปที่ทิ้งมาเพราะถึงฝืนอยู่มีแต่จะแย่เนอะ
....
จริงๆเป็นคนชอบเที่ยวคนเดียวแต่ไหนแต่ไรแค่นี้สบาย แม้จะมาแต่ตัวในชุดทำงาน เสื้อผ้าก็ไม่มีเปลี่ยน เฮ้อ...อนาจใจในความหัวร้อนของตัวเอง (ชักชอบคำนี้แล้วสิ”หัวร้อน”มันช่างเป็นคำจำกัดความที่แสดงถึงตัวตนได้ดีจริงๆ) แต่ก่อนนี้ในระหว่างที่ชั่งใจว่าจะกลับไม่กลับบ้านตามประสามนุษย์ผู้บ้างานก็อยากไปหาที่ประชุมในเขาใหญ่ไว้หน่อยเผื่อจะได้มีข้ออ้างในความ”หัวร้อน”ว่ามันมีประโยชน์นะเออ
[CR] แกรนด์สิริ รีสอร์ท วันธรรมดาอย่าเรียกว่ารีวิวเลยเรียบว่าบ่นดีกว่า
ไม่ว่าจะที่พัก ที่กิน ที่เที่ยว ตามบล็อกเกอร์คนนั้นคนนี้ จริงๆมันเกินไปหรือป่าวถ้าไม่นับว่ามันเป็นการรีวิวแบบการตลาดมันเหมือนเราไม่เคยหลุดจากกรอบที่คนอื่นชี้นำเลย อย่างว่าแหล่ะถ้าวันนึงมีบล็อกเกอร์สักคนไปรีวิวจริงๆ ตามที่ที่มันไม่ไม่มีกระแสมันก็จะมีกระแสให้คนแห่ตามกันไปอยู่ดี
ทำไมถึงบ่นเพราะเป็นคนเที่ยวตามรีวิวเหมือนกันคะ อย่างไปสมุยมาเป็นอาทิตย์ ก็ตามไปกินไปเที่ยวตามที่ที่เค้าไปกันรู้สึกไม่โอเชอย่างมาก ก็ถ่ายรูปอัพๆเฟสไปชวนให้คนอื่นดู อยากมากินมาเที่ยว แต่ในใจมันรู้สึกว่าไม่ได้เจออะไรที่มันต่างจากคาด อย่างวิวเกาะนางยวนที่เค้าว่าสวยงามไปแล้วต้องว้าว วิวสวยจริงว้าวจริงนะทางขึ้นเหนื่อยหน่อย แต่กลายเป็นว่าทุกคนมาเพราะต้องการถ่ายรูปว่าฉันมาถึงแล้วแค่นั้นก็ลง เพราะคิวถ่ายรูปยาวเบียด วันที่ไปนักท่องเที่ยวเอเชียตกหินอีกต่างหาก มันก็แค่นั้นหน่ะ (บางทีก็คิดว่าตัวเองตามหาอะไรเหมือนกันนะคิดไม่ค่อยเหมือนชาวบ้าน หรือเป็นคนมีต่อมรับความตื่นเต้นต่ำมั้ง) บ่นมาซะยาวเหยียดอย่ารำคาญเด้อ กลัวไม่มีคนอ่านนะเพราะมันต้องยาวแน่ๆ คนสมัยนี้ไม่ค่อยชอบอ่านกันหรอก มีความอดทนต่ำเตี้ยเรี่ยดินกันซะเหลือเกิน แต่เราเป็นคนชอบอ่าน เวลาโมโหชอบเขียนอะไรยาวเหยียดแล้วมันหายนะเออ แล้วเราเอามาอ่านย้อนหลังจะรู้ความคิดตัวเองเป็นแบบไหนทำไมถึงคิดแบบนั้น ณ ตอนนั้น แต่ตอนนี้หายโมโหแล้วนะเรื่องมันผ่านมาสักพัก เข้าเรื่องเลยดีกว่าคะ
....
ต้องขอบอกก่อนคะว่าชีวิตคนทำงานมันต้องมีวันนึงที่เป็นวันที่ซวยและหงุดหงิดทั้งวัน อันนั้นก็ผิด อันนั้นพลาด ลูกน้องเพื่อนร่วมงานก่อเรื่องให้ คือวันนี้มันเป็นวันซวยของเราแน่ๆ งานไม่เป็นไปตามที่มันควรจะเป็นโดยเจ้านายเม้ง ลูกน้องก็มึนไม่เข้าใจว่าคนเรามันพูดไม่รู้เรื่องมาตั้งแต่เกิดมั้ย พนักงานที่ไม่ตรงสเปกเจ้าของอะไรนิดนึงเค้าก็ไม่โอเคจะเอาออกท่าเดียว แต่เราจะโทษลูกน้องไม่ได้นะเพราะมันคือความผิดเราที่จัดการไม่ได้ เป็นวันที่อยากกรี๊ดดังๆ แต่ทำไม่ได้
....
เคยโกรธจนหัวร้อนกันมั้ย เราเพิ่งรู้กับคำว่าหัวร้อนเวลามีสำนวนเกี่ยวกับคนขี้โมโห จริงๆมันร้อนจริงๆร้อนผ่าวๆจนทนไม่ไหว ต้องออกไปสงบสติอารมณ์ ณ เดี๋ยวนั้น ว่าแล้วก็ขับรถมาแบบร้อนๆนั่นแหล่ะซึ่งผิดนะไม่อยากให้ใครเป็นแบบนี้เพราะนึกย้อนกลับไปเราไม่มีสติแล้วขับรถออกมา เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสองข้างซ้ายขวาเราผ่านอะไรมาตาเรามองข้างหน้าอย่างเดียวซึ่งอันตรายมากๆ แทนที่จะเย็นลงก็หงุดหงิดทุกสิ่งอย่าง ไฟแดง รถติด คนมักง่ายขับรถ บลาๆๆ นานโขที่รู้สึกว่าเย็นลง รู้ตัวอีกที่อยู่สระบุรีจ้า...เฮ้อ...จะกลับออฟฟิสคงทันหรอกมั้ง ใจอยากจะลาออกหนีไปบวชซะให้รู้แล้วรู้รอด ก็เลยไปเรื่อยๆว่าจะกลับบ้านมันซะเลยบ้านอยู่ชัยภูมินี่เอง แต่ก็สงสารคนแก่ถ้าไปเค้าต้องตกใจถามกันวุ่นวายซึ่งเรายังไม่พร้อมตอบคำถามอะไรกะใคร คิดแบบนั้นก็เลยจะหาที่นอนแล้วก็กลับไปเคลียเรื่องต่อให้จบทิ้งนานกว่านี้ก็แลดูจะขาดความรับผิดชอบเกินไปที่ทิ้งมาเพราะถึงฝืนอยู่มีแต่จะแย่เนอะ
....
จริงๆเป็นคนชอบเที่ยวคนเดียวแต่ไหนแต่ไรแค่นี้สบาย แม้จะมาแต่ตัวในชุดทำงาน เสื้อผ้าก็ไม่มีเปลี่ยน เฮ้อ...อนาจใจในความหัวร้อนของตัวเอง (ชักชอบคำนี้แล้วสิ”หัวร้อน”มันช่างเป็นคำจำกัดความที่แสดงถึงตัวตนได้ดีจริงๆ) แต่ก่อนนี้ในระหว่างที่ชั่งใจว่าจะกลับไม่กลับบ้านตามประสามนุษย์ผู้บ้างานก็อยากไปหาที่ประชุมในเขาใหญ่ไว้หน่อยเผื่อจะได้มีข้ออ้างในความ”หัวร้อน”ว่ามันมีประโยชน์นะเออ