สวัสดีครับก่อนอื่นเลย ก็ต้องขอบอกไว้ก่อนเลยว่า ทริปฮานอยครั้งนี้เป็นทริปโดยบังเอิญมาก เนื่องจากจองตั๋วผิดเดือน ตอนแรกกะว่าจะไป ย่างกุ้ง,พม่า 19-21ที่ผ่านมา แต่ดันไปเลือกเดือน June ซึ่งมันคือเดือนหน้าแต่กว่าจะคิดได้ก็จ่ายตังไปซะแล้ว แต่ไม่เป็นไรครับเพราะค่าตั๋วเครื่องบินแสนจะถูกแค่ 2,xxx บาทเอง ก็เลยปล่อยไว้เลยโดยไม่คิดจะเลื่อนตั๋วด้วยเพราะการเลื่อนตั๋วครั้งนี้กับสายการบินสีเหลืองทำให้รู้ว่าการเลื่อนตั๋วแต่ละครั้งแพงกว่าซื้อใหม่เท่าตัวเลยแหละ ก็เลยเอาตังเลื่อนตั๋วมาซื้อใหม่ดีกว่า หาไปหามาก็ได้ทริปฮานอยครั้งนี้นั่นแหละครับ ซึ่งราคาตั๋วไปกลับก็ 2,xxx เช่นเดียวกับย่างกุ้งนั่นแหละ
เอาหละ เข้าเรื่องกันเลยนะครับ (พูดไม่ค่อยเก่งนะครับ ขอให้รูปเป็นตัวเล่าเรื่องราวดีกว่า)

เริ่มต้นทริปที่หวั่นๆกลัวๆ หลังจากเข้าไปอ่านกระทู้ต่างๆมาอย่างช่ำชอง แต่ทำไงได้ เขาบอกว่าสิบปากเล่าก็ไม่เท่าตาเห็น ต้องไปลองเองเส้
เราเริ่มต้นการเดินทางด้วยสายการบิน ไทยไลออนแอร์ เที่ยวบินที่ SL 184 ดอนเมือง-ฮานอย (โหน่ยบ่าย) เวลา 17.35 เที่ยวบินนี้ไม่ดีเลย์นะครับ แต่เปลี่ยนGateเฉยๆ

เริ่มออกเดินทางกันเลยครับ ท้องฟ้ามืดครึ้มนิดหน่อย แต่ใจเต็ม100กลัวอะไรไม่ได้แล้ว

เราใช้เวลา 1.40นาทีในการเดินทางนะครับ เที่ยวบินนี้เจอสภาพอากาศแปรปวนนิดหน่อย แต่ก็ถึงสนามบินโหน่ยบ่ายอย่างสวัสดิภาพครับ เวลาท้องถิ่นเท่ากับเวลาในประเทศไทยนะครับ

หลังจากที่ถึงสนามบินเรียบร้อย เราก็รีบต่อไวไฟเพื่อหารถเข้าเมืองกันเลยครับ
ซึ่งในการเดินทางเข้าเมืองครั้งนี้เราเลือกใช้บริการ GrabTaxi เพราะคิดว่าน่าจะปลอดภัยที่สุดเรื่องค่าใช้จ่าย โดยเราได้เรียกผ่าน App แล้วแจ้งตำแหน่งที่อยู่ปัจจุบันให้คนขับทราบ เราหวั่นๆเหมือนกันเพราะมันต้องใช้ไวไฟ ถ้าเราไม่มีเน็ตคือมืดแปดด้านแน่นนอน ก็เลยยืนบริเวณด้านหน้าสนามบิน แล้วแจ้งจุดยืน ตอนนั้นเรารออยู่ Gate A ช่อง 07 ครับ
หลังจากที่ได้ขึ้นรถมาแล้วได้สักพัก เราก็รู้สึกกลัวๆเพราะโทรศัพท์ไม่มีเน็ตเลย ดูอะไรไม่ได้ แต่พระแรกของเรื่องคือแอ้พ Map.me นั่นเอง (ดีนะโหลดมาไว้ก่อนเดินทางไม่งั้นตายแน่

Map.me เป็นแผนที่ออฟไลน์ ใช้งานได้ในขณะที่ไม่มีสัญญาณ แต่ต้องโหลดไฟล์ของแต่ละพื้นที่ไว้ก่อนนะครับ ถึงจะใช้งานได้
สรุปเช็คดูละ คนขับขับตามเส้นทางครับ โล่งใจไปหนึ่งละ แต่ก็ยังไม่กล้าคุยหรือพูดอะไรนะ นั่งเงียบๆจนกระทั่งเข้าเมือง พอถึงที่โรงแรม เราก็ถามเขาว่าทั้งหมดเท่าไหร่ เป็นภาษาอังกฤษ แต่เขาพูดกลับมาเป็นภาษาเวียดนาม สรุปเขาพูดอังกฤษไม่ได้ - -" ก็เลยเอาเครื่องคิดเลขให้กด สรุปค่ารถ 256,000ดอง + ค่าเข้าสนามบิน 15,000ดอง เราให้ไป300,000ดอง ทอนมา 25,000ดอง ขาดทุนไป 4,000ดอง สรุปนี่คือที่เขาร่ำลือกันหรอกหรอ? ว่าโดนโกง เข้าใจแล้ว แต่คือ เงิน4,000ดองมันก็ไม่กี่บาทเองนะ ถ้าคิดซะว่าให้ทิปเขาไปละกันเนอะ
และแล้วก็ถึงโรงแรมสักทีครับ เฮ้ออออออ ฝนก็ตกตลอดทาง จะออกไปไหนได้หละคืนนี้ เวลาตอนถึงโรงแรมประมาณ 4ทุ่มแล้วแหละ

หลังจากเขามาในโรงแรมก็เจอพนักงานต้อนรับที่น่ารักและเฟรนลี่ที่สุด ชื่อคุณ Anna (มาทำความรู้จักกันวันสุดท้ายครับ) ทางโรงแรมจะมี Welcome Set ให้แขกด้วยนะครับ เป็นน้ำแตงโม และผลไม้2-3อย่างครับ ระหว่างรอเขาทำเอกสารสักครู่

เสร็จเรียบร้อยก็ขึ้นห้องพักกันดีกว่าครับ ห้องที่เราเลือกเป็นประเภทห้อง Deluxe ราคาคืนละ 1,200บาท (รวมอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่)

หลังจากที่เราแยกของล้างหน้าล้างตา นอนพักสักแปบก็รู้สึกหิวหน่อยๆ ก็กะจะลงไปหาอะไรกินกันก่อนนอนแหละครับ แต่เราไม่รู้จะไปไหนดี เลยให้พนักงานแนะนำ แต่พนักงานก็บอกให้กลับโรงแรมก่อน23.30 นะครับ ไม่รู้ว่าทำไม ไม่ได้ถามเหตุผล ก็เลยได้แต่เดินไปตามแผนที่เรื่อยๆครับ

แล้วก็มาถึงถนนที่เต็มไปด้วยร้านเหล้า ผับ บาร์ อารมณ์เหมือนถนนข้าวสารบ้านเรานั่นแหละครับ แต่ที่นี่เขาจะนั่งเก้าอี้เหมือนเก้าอี้ซักผ้ากันอยู่หน้าร้านเป็นวงๆแน่นทุกตารางเมตร เห็นแล้วแอร์อัดมาก เวลาตอนนั้นประมาณ5ทุ่มแล้ว

เราเดินผ่านไปหลายๆร้านมีหลากหลายอารมณ์ ทั้งแบบนั่งชิวไปจนถึงเพลงตื้ด แต่เราไม่ได้เข้าไปนั่งหรอกครับ เพราะจุดประสงค์เราแค่มาหาอะไรทานก่อนนอนนั่นเอง

สรุปก็ได้มานั่งร้านนี้ เพราะอะไรนั่นหรอครับ เจ้าของร้านยืนHard Saleอยู่หน้าร้านด้วยตัวเองเลย กลยุทธ์คือเขาจะบอกฟรี Local Beer ครับ ตอนแรกเราก็เอะใจนะ แต่ก็ด้วยความขี้เกียจเดินละ หิวก็หิวก็เลยตกลงนั่งร้านนี้แหละ
ก็สั่งอาหารอย่างที่เห็นครับ มันฝรั่งทอด ข้าวผัด แล้วก็ได่กอดอีกอย่าง มื้อนี้หมดไป 365,000ดอง เอาเรื่องอยู่นะ 555+

หลังจากกินเสร็จก็เดินกลับโรงแรมกันตามที่พนักงานแนะนำครับ ก่อน5ทุ่มครึ่ง แล้วก็ขึ้นห้องอาบน้ำ นอนเลย หลับสบายดีครับ เตียงนุ่มมาก
ผ่านวันที่1ไปได้ด้วยดีครับ









สวัสดีเช้าวันที่2ที่ฮานอย อากาศสดใสเป็นใจมาก
อาหารเช้าแบบบุฟเฟต์แบบ panorama จัดวางไว้ให้สำหรับแขกที่เข้าพัก เวลา06.00-10.00 ใครตื่นสายก็อดนะ

อาหารก็รสชาติใช้ได้ ไม่รสจัดเหมือนบ้านเรา มีข้าวผัดแล้วก็กับข้าวอีก4-5อย่างครับ ส่วนbreakfasts ก็มีขนมปังต่างๆ แยม แล้วก็น้ำผลไม้3-4อย่าง สรุปเรื่องอาหารเช้าโดยรวมค่อนข้างโอเคมาก
หลังจากทานข้าวเช้าเสร็จก็พร้อมลุยต่อ กับวันแรก โดยไม่มีแพลนใดๆทั้งสิ้นครับ เดินไปเซิทกูเกิลไปว่ามีอะไรน่าสนใจใกล้ๆบ้าง แต่พอเดินออกมาจากหลังโรมแรมนิดเดียวก็เจอทะเลสาบคืนดาบเลย โชคดีจริงๆ ไม่คิดว่าโรงแรมจะอยู่ใกล้ขนาดนี้

อากาศตอนเช้าดีมาก คนเยอะ เพราะเป็นวันเสาร์ ส่วนใหญ่จะมาเดินออกกำลังกายกันรอบๆสวนสาธารณะครับ

เดินถัดมานิดหน่อย จะเป็นสะพานแดง

ค่าเข้าชมภายใน 30,000ดอง/คน

ชมด้านในเสร็จ ใครไม่รู้จะไปไหนก็แวะขึ้นไปทานกาแฟชมวิวแยก 36สาย ที่ highland coffee กันก่อนได้ครับ (อารมณ์เดียวกับสตาร์บัค)

วิวด้านล่าง

เซทนี้4แสนกว่าดอง

หลังจากพักร้อนพักเหนื่อยเสร็จก็เดินทางต่อ คิดไปคิดว่าก็ไปที่ไกลๆก่อนละกัน พรุ่งนี้มีเวลาอีกตั้ง1วันค่อยหาเดินเที่ยวใกล้ ก็เลยตกลงว่าจะไป Ho chi min museum ซึ่งห่างจากจุดนี้ไปประมาณ2กิโลหน่อยๆ ตอนแรกก็จะเดินไปเรื่อยๆ แต่เดินไปสักพักก็เหนื่อย บวกด้วยอากาศที่ร้อนเลยไม่ไหว เจอร้านกาแฟก็เลยหยุดพัก หาไวไฟต่อ แล้วเรียกรถดีกว่า
นี่คือร้านกาแฟเทียบราคาได้กับอเมซอนครับ

สรุปนั่งพักเสร็จ ต่อไวไฟได้ก็จัดการเรียกรถโดยใช้บริการGrabTaxiเหมือนเดิม ราคาอยู่ที่30,000ดอง
ถึงจุดหมายประมาณบ่ายโมงกว่าๆ แดดร้อนมากครับ ต้องรอบ่าย2ประตูพิพิธภัณฑ์ถึงจะเปิด ก็เลยเดินถ่ายรูปด้านหน้ากันพลางๆ

เดินเข้ามาด้านใน ขวามือจะมีศาลเสาเดียว มีให้ไหว้สักการะด้วยนะครับ

ใกล้ๆเวลาก็ไปนั่งรออยู่ทางเข้า ซื้อตั๋วเข้าชมในราคา 40,000ดองครับ

14.00 ประตูทางเข้าเปิด เราก็พร้อมเดินเข้าไปชมกันเลย

บรรยากาศภายในมีของเก่าๆของประวัติศาสตร์เวียดนามให้ชมเยอะแยะครับ

อ้าวไอ้น้องทำไรครับนั่น

ย้อนกลับไปดูศาสเสาเดียวตรงก่อนถึงทางเข้าพิพิธภัณฑ์แปบนึงนะ (เพิ่งเจอรูป)

หลังจากที่เดินไปนั่งพักไปในพิพิธภัณฑ์กินเวลาไปจนถึงเกือบ4โมงเย็น เริ่มง่วงละ ก็เดินกลับ ฮ่าๆๆๆ ใช่ครับ เดินกลับ เพราะไม่มีเน็ตเรียกแท้กซี่เลยต้องเดิน ระหว่างทางเดินกลับก็ไกลมากกกกก 2กิโลกว่า แต่ชิวมาก เพราะแปลกหูแปลกตา เดินเรื่อยๆก็เห็นร้านๆนึงเขียนว่า Mypho ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นอาหารพื้นเมืองของที่นี่ก็แวะสักหน่อย มื้อนี้หมดไป เกือบๆแสนดองครับ ไม่แพงเท่าไหร่ รสชาติใช้ได้

เดี๋ยเรามาดูบรรยากาศระหว่างทางเดินกันไปพรางๆนะครับ

เมืองนี้มีตำรวจอยู่ประจำจุดต่างๆ เที่ยวปลอดภัยหายห่วงครับ

ส่วนมากคนหาบผลไม้ขายตามทางเยอะเช่นกันนะ

เดินตามแผนที่มาเรื่อยๆจนถึงสวนสาธารณะ ทะเลสาบคืนดาบครับ เย็นๆอากาศกำลังดี ไม่มีแดดเลย คนก็กำลังเยอะ

สวยใช่ไหม ทุ่งดอกหน้าวัวสีขาวเบ่งบานสะพรั่ง

นี่ก็ผลไม้ แต่เขาจะคลุกพริกเกลือไว้แล้ว สีสันน่ากินนะ แต่ไม่กล้าซื้อกิน ฮ่าๆๆๆ

เดินไปเล่นไป ชิวไปไหนเนี้ย

ต่อไปจะเป็นบรรยากาศทั้งหมดที่เดินผ่านบริเวณรอบทะเลสาบนะครับ เดี๋ยวพูดเยอะเสียบรรยากาศหมด
เผยความจริง! เรื่องราวของฮานอย 3วัน2คืน (แปะวันที่บนรูปผิด)
เอาหละ เข้าเรื่องกันเลยนะครับ (พูดไม่ค่อยเก่งนะครับ ขอให้รูปเป็นตัวเล่าเรื่องราวดีกว่า)
เราเริ่มต้นการเดินทางด้วยสายการบิน ไทยไลออนแอร์ เที่ยวบินที่ SL 184 ดอนเมือง-ฮานอย (โหน่ยบ่าย) เวลา 17.35 เที่ยวบินนี้ไม่ดีเลย์นะครับ แต่เปลี่ยนGateเฉยๆ
เริ่มออกเดินทางกันเลยครับ ท้องฟ้ามืดครึ้มนิดหน่อย แต่ใจเต็ม100กลัวอะไรไม่ได้แล้ว
เราใช้เวลา 1.40นาทีในการเดินทางนะครับ เที่ยวบินนี้เจอสภาพอากาศแปรปวนนิดหน่อย แต่ก็ถึงสนามบินโหน่ยบ่ายอย่างสวัสดิภาพครับ เวลาท้องถิ่นเท่ากับเวลาในประเทศไทยนะครับ
ซึ่งในการเดินทางเข้าเมืองครั้งนี้เราเลือกใช้บริการ GrabTaxi เพราะคิดว่าน่าจะปลอดภัยที่สุดเรื่องค่าใช้จ่าย โดยเราได้เรียกผ่าน App แล้วแจ้งตำแหน่งที่อยู่ปัจจุบันให้คนขับทราบ เราหวั่นๆเหมือนกันเพราะมันต้องใช้ไวไฟ ถ้าเราไม่มีเน็ตคือมืดแปดด้านแน่นนอน ก็เลยยืนบริเวณด้านหน้าสนามบิน แล้วแจ้งจุดยืน ตอนนั้นเรารออยู่ Gate A ช่อง 07 ครับ
หลังจากที่ได้ขึ้นรถมาแล้วได้สักพัก เราก็รู้สึกกลัวๆเพราะโทรศัพท์ไม่มีเน็ตเลย ดูอะไรไม่ได้ แต่พระแรกของเรื่องคือแอ้พ Map.me นั่นเอง (ดีนะโหลดมาไว้ก่อนเดินทางไม่งั้นตายแน่
สรุปเช็คดูละ คนขับขับตามเส้นทางครับ โล่งใจไปหนึ่งละ แต่ก็ยังไม่กล้าคุยหรือพูดอะไรนะ นั่งเงียบๆจนกระทั่งเข้าเมือง พอถึงที่โรงแรม เราก็ถามเขาว่าทั้งหมดเท่าไหร่ เป็นภาษาอังกฤษ แต่เขาพูดกลับมาเป็นภาษาเวียดนาม สรุปเขาพูดอังกฤษไม่ได้ - -" ก็เลยเอาเครื่องคิดเลขให้กด สรุปค่ารถ 256,000ดอง + ค่าเข้าสนามบิน 15,000ดอง เราให้ไป300,000ดอง ทอนมา 25,000ดอง ขาดทุนไป 4,000ดอง สรุปนี่คือที่เขาร่ำลือกันหรอกหรอ? ว่าโดนโกง เข้าใจแล้ว แต่คือ เงิน4,000ดองมันก็ไม่กี่บาทเองนะ ถ้าคิดซะว่าให้ทิปเขาไปละกันเนอะ
และแล้วก็ถึงโรงแรมสักทีครับ เฮ้ออออออ ฝนก็ตกตลอดทาง จะออกไปไหนได้หละคืนนี้ เวลาตอนถึงโรงแรมประมาณ 4ทุ่มแล้วแหละ
หลังจากที่เราแยกของล้างหน้าล้างตา นอนพักสักแปบก็รู้สึกหิวหน่อยๆ ก็กะจะลงไปหาอะไรกินกันก่อนนอนแหละครับ แต่เราไม่รู้จะไปไหนดี เลยให้พนักงานแนะนำ แต่พนักงานก็บอกให้กลับโรงแรมก่อน23.30 นะครับ ไม่รู้ว่าทำไม ไม่ได้ถามเหตุผล ก็เลยได้แต่เดินไปตามแผนที่เรื่อยๆครับ
เราเดินผ่านไปหลายๆร้านมีหลากหลายอารมณ์ ทั้งแบบนั่งชิวไปจนถึงเพลงตื้ด แต่เราไม่ได้เข้าไปนั่งหรอกครับ เพราะจุดประสงค์เราแค่มาหาอะไรทานก่อนนอนนั่นเอง
ก็สั่งอาหารอย่างที่เห็นครับ มันฝรั่งทอด ข้าวผัด แล้วก็ได่กอดอีกอย่าง มื้อนี้หมดไป 365,000ดอง เอาเรื่องอยู่นะ 555+
หลังจากกินเสร็จก็เดินกลับโรงแรมกันตามที่พนักงานแนะนำครับ ก่อน5ทุ่มครึ่ง แล้วก็ขึ้นห้องอาบน้ำ นอนเลย หลับสบายดีครับ เตียงนุ่มมาก
ผ่านวันที่1ไปได้ด้วยดีครับ
สวัสดีเช้าวันที่2ที่ฮานอย อากาศสดใสเป็นใจมาก
อาหารเช้าแบบบุฟเฟต์แบบ panorama จัดวางไว้ให้สำหรับแขกที่เข้าพัก เวลา06.00-10.00 ใครตื่นสายก็อดนะ
หลังจากทานข้าวเช้าเสร็จก็พร้อมลุยต่อ กับวันแรก โดยไม่มีแพลนใดๆทั้งสิ้นครับ เดินไปเซิทกูเกิลไปว่ามีอะไรน่าสนใจใกล้ๆบ้าง แต่พอเดินออกมาจากหลังโรมแรมนิดเดียวก็เจอทะเลสาบคืนดาบเลย โชคดีจริงๆ ไม่คิดว่าโรงแรมจะอยู่ใกล้ขนาดนี้
อากาศตอนเช้าดีมาก คนเยอะ เพราะเป็นวันเสาร์ ส่วนใหญ่จะมาเดินออกกำลังกายกันรอบๆสวนสาธารณะครับ
เดินถัดมานิดหน่อย จะเป็นสะพานแดง
ค่าเข้าชมภายใน 30,000ดอง/คน
ชมด้านในเสร็จ ใครไม่รู้จะไปไหนก็แวะขึ้นไปทานกาแฟชมวิวแยก 36สาย ที่ highland coffee กันก่อนได้ครับ (อารมณ์เดียวกับสตาร์บัค)
วิวด้านล่าง
เซทนี้4แสนกว่าดอง
หลังจากพักร้อนพักเหนื่อยเสร็จก็เดินทางต่อ คิดไปคิดว่าก็ไปที่ไกลๆก่อนละกัน พรุ่งนี้มีเวลาอีกตั้ง1วันค่อยหาเดินเที่ยวใกล้ ก็เลยตกลงว่าจะไป Ho chi min museum ซึ่งห่างจากจุดนี้ไปประมาณ2กิโลหน่อยๆ ตอนแรกก็จะเดินไปเรื่อยๆ แต่เดินไปสักพักก็เหนื่อย บวกด้วยอากาศที่ร้อนเลยไม่ไหว เจอร้านกาแฟก็เลยหยุดพัก หาไวไฟต่อ แล้วเรียกรถดีกว่า
นี่คือร้านกาแฟเทียบราคาได้กับอเมซอนครับ
สรุปนั่งพักเสร็จ ต่อไวไฟได้ก็จัดการเรียกรถโดยใช้บริการGrabTaxiเหมือนเดิม ราคาอยู่ที่30,000ดอง
ถึงจุดหมายประมาณบ่ายโมงกว่าๆ แดดร้อนมากครับ ต้องรอบ่าย2ประตูพิพิธภัณฑ์ถึงจะเปิด ก็เลยเดินถ่ายรูปด้านหน้ากันพลางๆ
เดินเข้ามาด้านใน ขวามือจะมีศาลเสาเดียว มีให้ไหว้สักการะด้วยนะครับ
ใกล้ๆเวลาก็ไปนั่งรออยู่ทางเข้า ซื้อตั๋วเข้าชมในราคา 40,000ดองครับ
14.00 ประตูทางเข้าเปิด เราก็พร้อมเดินเข้าไปชมกันเลย
บรรยากาศภายในมีของเก่าๆของประวัติศาสตร์เวียดนามให้ชมเยอะแยะครับ
อ้าวไอ้น้องทำไรครับนั่น
ย้อนกลับไปดูศาสเสาเดียวตรงก่อนถึงทางเข้าพิพิธภัณฑ์แปบนึงนะ (เพิ่งเจอรูป)
หลังจากที่เดินไปนั่งพักไปในพิพิธภัณฑ์กินเวลาไปจนถึงเกือบ4โมงเย็น เริ่มง่วงละ ก็เดินกลับ ฮ่าๆๆๆ ใช่ครับ เดินกลับ เพราะไม่มีเน็ตเรียกแท้กซี่เลยต้องเดิน ระหว่างทางเดินกลับก็ไกลมากกกกก 2กิโลกว่า แต่ชิวมาก เพราะแปลกหูแปลกตา เดินเรื่อยๆก็เห็นร้านๆนึงเขียนว่า Mypho ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นอาหารพื้นเมืองของที่นี่ก็แวะสักหน่อย มื้อนี้หมดไป เกือบๆแสนดองครับ ไม่แพงเท่าไหร่ รสชาติใช้ได้
เดี๋ยเรามาดูบรรยากาศระหว่างทางเดินกันไปพรางๆนะครับ
เมืองนี้มีตำรวจอยู่ประจำจุดต่างๆ เที่ยวปลอดภัยหายห่วงครับ
ส่วนมากคนหาบผลไม้ขายตามทางเยอะเช่นกันนะ
เดินตามแผนที่มาเรื่อยๆจนถึงสวนสาธารณะ ทะเลสาบคืนดาบครับ เย็นๆอากาศกำลังดี ไม่มีแดดเลย คนก็กำลังเยอะ
สวยใช่ไหม ทุ่งดอกหน้าวัวสีขาวเบ่งบานสะพรั่ง
นี่ก็ผลไม้ แต่เขาจะคลุกพริกเกลือไว้แล้ว สีสันน่ากินนะ แต่ไม่กล้าซื้อกิน ฮ่าๆๆๆ
เดินไปเล่นไป ชิวไปไหนเนี้ย
ต่อไปจะเป็นบรรยากาศทั้งหมดที่เดินผ่านบริเวณรอบทะเลสาบนะครับ เดี๋ยวพูดเยอะเสียบรรยากาศหมด