เผยความจริง! เรื่องราวของฮานอย 3วัน2คืน (แปะวันที่บนรูปผิด)

สวัสดีครับก่อนอื่นเลย ก็ต้องขอบอกไว้ก่อนเลยว่า ทริปฮานอยครั้งนี้เป็นทริปโดยบังเอิญมาก เนื่องจากจองตั๋วผิดเดือน ตอนแรกกะว่าจะไป ย่างกุ้ง,พม่า 19-21ที่ผ่านมา แต่ดันไปเลือกเดือน June ซึ่งมันคือเดือนหน้าแต่กว่าจะคิดได้ก็จ่ายตังไปซะแล้ว แต่ไม่เป็นไรครับเพราะค่าตั๋วเครื่องบินแสนจะถูกแค่ 2,xxx บาทเอง ก็เลยปล่อยไว้เลยโดยไม่คิดจะเลื่อนตั๋วด้วยเพราะการเลื่อนตั๋วครั้งนี้กับสายการบินสีเหลืองทำให้รู้ว่าการเลื่อนตั๋วแต่ละครั้งแพงกว่าซื้อใหม่เท่าตัวเลยแหละ ก็เลยเอาตังเลื่อนตั๋วมาซื้อใหม่ดีกว่า หาไปหามาก็ได้ทริปฮานอยครั้งนี้นั่นแหละครับ ซึ่งราคาตั๋วไปกลับก็ 2,xxx เช่นเดียวกับย่างกุ้งนั่นแหละ

เอาหละ เข้าเรื่องกันเลยนะครับ (พูดไม่ค่อยเก่งนะครับ ขอให้รูปเป็นตัวเล่าเรื่องราวดีกว่า)
เริ่มต้นทริปที่หวั่นๆกลัวๆ หลังจากเข้าไปอ่านกระทู้ต่างๆมาอย่างช่ำชอง แต่ทำไงได้ เขาบอกว่าสิบปากเล่าก็ไม่เท่าตาเห็น ต้องไปลองเองเส้

เราเริ่มต้นการเดินทางด้วยสายการบิน ไทยไลออนแอร์ เที่ยวบินที่ SL 184 ดอนเมือง-ฮานอย (โหน่ยบ่าย) เวลา 17.35 เที่ยวบินนี้ไม่ดีเลย์นะครับ แต่เปลี่ยนGateเฉยๆ


เริ่มออกเดินทางกันเลยครับ ท้องฟ้ามืดครึ้มนิดหน่อย แต่ใจเต็ม100กลัวอะไรไม่ได้แล้ว

เราใช้เวลา 1.40นาทีในการเดินทางนะครับ เที่ยวบินนี้เจอสภาพอากาศแปรปวนนิดหน่อย แต่ก็ถึงสนามบินโหน่ยบ่ายอย่างสวัสดิภาพครับ เวลาท้องถิ่นเท่ากับเวลาในประเทศไทยนะครับ

หลังจากที่ถึงสนามบินเรียบร้อย เราก็รีบต่อไวไฟเพื่อหารถเข้าเมืองกันเลยครับ

ซึ่งในการเดินทางเข้าเมืองครั้งนี้เราเลือกใช้บริการ GrabTaxi เพราะคิดว่าน่าจะปลอดภัยที่สุดเรื่องค่าใช้จ่าย โดยเราได้เรียกผ่าน App แล้วแจ้งตำแหน่งที่อยู่ปัจจุบันให้คนขับทราบ เราหวั่นๆเหมือนกันเพราะมันต้องใช้ไวไฟ ถ้าเราไม่มีเน็ตคือมืดแปดด้านแน่นนอน ก็เลยยืนบริเวณด้านหน้าสนามบิน แล้วแจ้งจุดยืน ตอนนั้นเรารออยู่ Gate A ช่อง 07 ครับ

หลังจากที่ได้ขึ้นรถมาแล้วได้สักพัก เราก็รู้สึกกลัวๆเพราะโทรศัพท์ไม่มีเน็ตเลย ดูอะไรไม่ได้ แต่พระแรกของเรื่องคือแอ้พ Map.me นั่นเอง (ดีนะโหลดมาไว้ก่อนเดินทางไม่งั้นตายแน่
Map.me เป็นแผนที่ออฟไลน์ ใช้งานได้ในขณะที่ไม่มีสัญญาณ แต่ต้องโหลดไฟล์ของแต่ละพื้นที่ไว้ก่อนนะครับ ถึงจะใช้งานได้

สรุปเช็คดูละ คนขับขับตามเส้นทางครับ โล่งใจไปหนึ่งละ แต่ก็ยังไม่กล้าคุยหรือพูดอะไรนะ นั่งเงียบๆจนกระทั่งเข้าเมือง พอถึงที่โรงแรม เราก็ถามเขาว่าทั้งหมดเท่าไหร่ เป็นภาษาอังกฤษ แต่เขาพูดกลับมาเป็นภาษาเวียดนาม สรุปเขาพูดอังกฤษไม่ได้ - -" ก็เลยเอาเครื่องคิดเลขให้กด สรุปค่ารถ 256,000ดอง + ค่าเข้าสนามบิน 15,000ดอง เราให้ไป300,000ดอง ทอนมา 25,000ดอง ขาดทุนไป 4,000ดอง สรุปนี่คือที่เขาร่ำลือกันหรอกหรอ? ว่าโดนโกง เข้าใจแล้ว แต่คือ เงิน4,000ดองมันก็ไม่กี่บาทเองนะ ถ้าคิดซะว่าให้ทิปเขาไปละกันเนอะ ยิ้ม

และแล้วก็ถึงโรงแรมสักทีครับ เฮ้ออออออ ฝนก็ตกตลอดทาง จะออกไปไหนได้หละคืนนี้ เวลาตอนถึงโรงแรมประมาณ 4ทุ่มแล้วแหละ

หลังจากเขามาในโรงแรมก็เจอพนักงานต้อนรับที่น่ารักและเฟรนลี่ที่สุด ชื่อคุณ Anna (มาทำความรู้จักกันวันสุดท้ายครับ) ทางโรงแรมจะมี Welcome Set ให้แขกด้วยนะครับ เป็นน้ำแตงโม และผลไม้2-3อย่างครับ ระหว่างรอเขาทำเอกสารสักครู่
เสร็จเรียบร้อยก็ขึ้นห้องพักกันดีกว่าครับ ห้องที่เราเลือกเป็นประเภทห้อง Deluxe ราคาคืนละ 1,200บาท (รวมอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่)


หลังจากที่เราแยกของล้างหน้าล้างตา นอนพักสักแปบก็รู้สึกหิวหน่อยๆ ก็กะจะลงไปหาอะไรกินกันก่อนนอนแหละครับ แต่เราไม่รู้จะไปไหนดี เลยให้พนักงานแนะนำ แต่พนักงานก็บอกให้กลับโรงแรมก่อน23.30 นะครับ ไม่รู้ว่าทำไม ไม่ได้ถามเหตุผล ก็เลยได้แต่เดินไปตามแผนที่เรื่อยๆครับ

แล้วก็มาถึงถนนที่เต็มไปด้วยร้านเหล้า ผับ บาร์ อารมณ์เหมือนถนนข้าวสารบ้านเรานั่นแหละครับ แต่ที่นี่เขาจะนั่งเก้าอี้เหมือนเก้าอี้ซักผ้ากันอยู่หน้าร้านเป็นวงๆแน่นทุกตารางเมตร เห็นแล้วแอร์อัดมาก เวลาตอนนั้นประมาณ5ทุ่มแล้ว


เราเดินผ่านไปหลายๆร้านมีหลากหลายอารมณ์ ทั้งแบบนั่งชิวไปจนถึงเพลงตื้ด แต่เราไม่ได้เข้าไปนั่งหรอกครับ เพราะจุดประสงค์เราแค่มาหาอะไรทานก่อนนอนนั่นเอง

สรุปก็ได้มานั่งร้านนี้ เพราะอะไรนั่นหรอครับ เจ้าของร้านยืนHard Saleอยู่หน้าร้านด้วยตัวเองเลย กลยุทธ์คือเขาจะบอกฟรี Local Beer ครับ ตอนแรกเราก็เอะใจนะ แต่ก็ด้วยความขี้เกียจเดินละ หิวก็หิวก็เลยตกลงนั่งร้านนี้แหละ
ก็สั่งอาหารอย่างที่เห็นครับ มันฝรั่งทอด ข้าวผัด แล้วก็ได่กอดอีกอย่าง มื้อนี้หมดไป 365,000ดอง เอาเรื่องอยู่นะ 555+

หลังจากกินเสร็จก็เดินกลับโรงแรมกันตามที่พนักงานแนะนำครับ ก่อน5ทุ่มครึ่ง แล้วก็ขึ้นห้องอาบน้ำ นอนเลย หลับสบายดีครับ เตียงนุ่มมาก เยี่ยม

ผ่านวันที่1ไปได้ด้วยดีครับ
ดอกไม้ดอกไม้ดอกไม้ดอกไม้ดอกไม้ดอกไม้ดอกไม้ดอกไม้ดอกไม้ดอกไม้

สวัสดีเช้าวันที่2ที่ฮานอย อากาศสดใสเป็นใจมาก

อาหารเช้าแบบบุฟเฟต์แบบ panorama จัดวางไว้ให้สำหรับแขกที่เข้าพัก เวลา06.00-10.00 ใครตื่นสายก็อดนะ

อาหารก็รสชาติใช้ได้ ไม่รสจัดเหมือนบ้านเรา มีข้าวผัดแล้วก็กับข้าวอีก4-5อย่างครับ ส่วนbreakfasts ก็มีขนมปังต่างๆ แยม แล้วก็น้ำผลไม้3-4อย่าง สรุปเรื่องอาหารเช้าโดยรวมค่อนข้างโอเคมาก

หลังจากทานข้าวเช้าเสร็จก็พร้อมลุยต่อ กับวันแรก โดยไม่มีแพลนใดๆทั้งสิ้นครับ เดินไปเซิทกูเกิลไปว่ามีอะไรน่าสนใจใกล้ๆบ้าง แต่พอเดินออกมาจากหลังโรมแรมนิดเดียวก็เจอทะเลสาบคืนดาบเลย โชคดีจริงๆ ไม่คิดว่าโรงแรมจะอยู่ใกล้ขนาดนี้ ยิ้ม

อากาศตอนเช้าดีมาก คนเยอะ เพราะเป็นวันเสาร์ ส่วนใหญ่จะมาเดินออกกำลังกายกันรอบๆสวนสาธารณะครับ

เดินถัดมานิดหน่อย จะเป็นสะพานแดง
ค่าเข้าชมภายใน 30,000ดอง/คน

ชมด้านในเสร็จ ใครไม่รู้จะไปไหนก็แวะขึ้นไปทานกาแฟชมวิวแยก 36สาย ที่ highland coffee กันก่อนได้ครับ (อารมณ์เดียวกับสตาร์บัค)
วิวด้านล่าง
เซทนี้4แสนกว่าดอง

หลังจากพักร้อนพักเหนื่อยเสร็จก็เดินทางต่อ คิดไปคิดว่าก็ไปที่ไกลๆก่อนละกัน พรุ่งนี้มีเวลาอีกตั้ง1วันค่อยหาเดินเที่ยวใกล้ ก็เลยตกลงว่าจะไป Ho chi min museum ซึ่งห่างจากจุดนี้ไปประมาณ2กิโลหน่อยๆ ตอนแรกก็จะเดินไปเรื่อยๆ แต่เดินไปสักพักก็เหนื่อย บวกด้วยอากาศที่ร้อนเลยไม่ไหว เจอร้านกาแฟก็เลยหยุดพัก หาไวไฟต่อ แล้วเรียกรถดีกว่า

นี่คือร้านกาแฟเทียบราคาได้กับอเมซอนครับ

สรุปนั่งพักเสร็จ ต่อไวไฟได้ก็จัดการเรียกรถโดยใช้บริการGrabTaxiเหมือนเดิม ราคาอยู่ที่30,000ดอง

ถึงจุดหมายประมาณบ่ายโมงกว่าๆ แดดร้อนมากครับ ต้องรอบ่าย2ประตูพิพิธภัณฑ์ถึงจะเปิด ก็เลยเดินถ่ายรูปด้านหน้ากันพลางๆ

เดินเข้ามาด้านใน ขวามือจะมีศาลเสาเดียว มีให้ไหว้สักการะด้วยนะครับ

ใกล้ๆเวลาก็ไปนั่งรออยู่ทางเข้า ซื้อตั๋วเข้าชมในราคา 40,000ดองครับ

14.00 ประตูทางเข้าเปิด เราก็พร้อมเดินเข้าไปชมกันเลย

บรรยากาศภายในมีของเก่าๆของประวัติศาสตร์เวียดนามให้ชมเยอะแยะครับ

อ้าวไอ้น้องทำไรครับนั่น

ย้อนกลับไปดูศาสเสาเดียวตรงก่อนถึงทางเข้าพิพิธภัณฑ์แปบนึงนะ (เพิ่งเจอรูป) ยิ้ม

หลังจากที่เดินไปนั่งพักไปในพิพิธภัณฑ์กินเวลาไปจนถึงเกือบ4โมงเย็น เริ่มง่วงละ ก็เดินกลับ ฮ่าๆๆๆ ใช่ครับ เดินกลับ เพราะไม่มีเน็ตเรียกแท้กซี่เลยต้องเดิน ระหว่างทางเดินกลับก็ไกลมากกกกก 2กิโลกว่า แต่ชิวมาก เพราะแปลกหูแปลกตา เดินเรื่อยๆก็เห็นร้านๆนึงเขียนว่า Mypho ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นอาหารพื้นเมืองของที่นี่ก็แวะสักหน่อย มื้อนี้หมดไป เกือบๆแสนดองครับ ไม่แพงเท่าไหร่ รสชาติใช้ได้

เดี๋ยเรามาดูบรรยากาศระหว่างทางเดินกันไปพรางๆนะครับ


เมืองนี้มีตำรวจอยู่ประจำจุดต่างๆ เที่ยวปลอดภัยหายห่วงครับ


ส่วนมากคนหาบผลไม้ขายตามทางเยอะเช่นกันนะ

เดินตามแผนที่มาเรื่อยๆจนถึงสวนสาธารณะ ทะเลสาบคืนดาบครับ เย็นๆอากาศกำลังดี ไม่มีแดดเลย คนก็กำลังเยอะ

สวยใช่ไหม ทุ่งดอกหน้าวัวสีขาวเบ่งบานสะพรั่ง ดอกไม้

นี่ก็ผลไม้ แต่เขาจะคลุกพริกเกลือไว้แล้ว สีสันน่ากินนะ แต่ไม่กล้าซื้อกิน ฮ่าๆๆๆ

เดินไปเล่นไป ชิวไปไหนเนี้ย

ต่อไปจะเป็นบรรยากาศทั้งหมดที่เดินผ่านบริเวณรอบทะเลสาบนะครับ เดี๋ยวพูดเยอะเสียบรรยากาศหมด หัวเราะ




แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่