
สวัสดีค่า เพิ่งกลับจากไปเที่ยวโตเกียว คนเดียวครั้งแรกมา

วันนี้เราจะมาเล่าเรื่องราวการเดินทางทริปเล็กๆของเรา ที่คงเป็น best destination ของใครหลายๆคน
และหนึ่งในนั้นก็เป็นเราด้วยเหมือนกัน เราเดินทางไปด้วยเป้ใบเดียวกับกระเป๋าถือ 1 ใบ ไม่เน้นช๊อปเท่าไรฮะ
- เราไม่ได้โหลดกระเป๋าใต้เครื่อง เลยต้องพยายามทำเป้ให้เบาเข้าไว้ เอากางเกงไป 2 ตัว เสื้อ 3-4 ตัว เสื้อกันหนาวตัวนึง ใส่วนๆไป
- แนะนำว่าของส่วนตัวอะไรที่ต้องใช้ ให้เตรียมไปจากบ้านเราดีกว่า หยูกยา เตรียมให้เรียบร้อย
- อะไรที่เป็นพวกโลชั่น โฟมล้างหน้าให้แบ่งใส่ขวดแบ่ง หรือหาที่เป็นไซส์มินิไปจะช่วยให้เราเบายิ่งขึ้น
- รองเท้าผ้าใบคู่เดียวตลอดงาน
- อย่าลืมปริ้นข้อมูลที่พัก ข้อมูลการจองเครื่องบินไปด้วยนะฮะ
เริ่มต้นด้วยการหาตั๋วโปรโมชั่นจนได้วันที่สามารถลาหยุดงานได้พอดี กับราคาที่โอเค (ราวๆ 8 พันบาท)
เอาจริงๆก็ลังเลใจมาสักพักใหญ่ๆว่าจะไปที่ไหนดี ไปคนเดียวจะนั่งรถไฟได้มั้ย กังวลไปต่างๆนานา ตามประสาออกต่างประเทศไกลๆครั้งแรก
สุดท้ายก็มานั่งคิดแพลน 3 วันสุดท้ายก่อนเดินทาง (ไฟลนตูดเลยจ้า)

การเดินทางครั้งนี้เดินทางโดยใช้รถไฟใต้ดินเป็นหลัก
จึงควรมีแอพพลิเคชั่นคู่ใจนี้เสมอ

ใส่สถานีต้นทางและสถานีปลายทาง ก็พร้อมออกเดินทางกันได้เลย
ออกเดินทาง 
Day 1 Kawaguchiko Yamanashi,Tokyo
เราออกเดินทางด้วยสายการบินนกสกู๊ต รอบตี 1 หลับกันยาวๆ
ประมาณ 6 โมงเช้าถึงสนามบินนาริตะพอดี ได้ทำความรู้จักกับพี่คนไทยเบาะข้างๆ คุยกันไปกันมา พี่เขาทำงานอยู่ญี่ปุ่น
แล้วบังเอิญไปลงสถานีเดียวกันพอดี เลยถือโอกาสให้พี่แกช่วยนำซะเลย อิอิ
ครั้งนี้เราจองตั๋ว
- NEX (์Narita Express) นั่งจาสนามบินไปสถานีชินจุกุ
- Pass Keisei Skyliner(นั่งขากลับ) + Tokyo subway 48 hour (ใช้ 2 วันสุดท้ายก่อนกลับ)
- Suica เอาไว้ใช้จิปาถะ ฝากกระเป๋า ซื้อของ
เราจองตั๋ว NEX (Narita Express) ถ้าใครมีสัมภาระ กระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่สามารถเก็บได้ที่ตู้ที่เรานั่งได้เลย ตั๋วรถไฟราคา 3 พันเยนนิดๆ จะมีตู้สำหรับคนที่จองที่นั่งและไม่ได้จองที่นั่ง แต่ทางที่ดีควรจองที่นั่งตั้งแต่แรกเลย เพื่อที่จะได้ไม่ต้องลุกให้กับคนอื่น (คนที่ไม่ได้จอง สามารถนั่งตรงไหนก็ได้ แต่ถ้ามีคนที่เป็นการจองมาตรงที่ที่เรานั่ง เราต้องสละเก้าอี้ให้เขานะฮะ) เรานั่งไปลงสถานีชินจุกุ นั่งตรงโดยไม่ต้องเปลี่ยนสถานี ใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษๆ ก็ถึงสถานี

ถ้าใช้ NEX สามารถเดินขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นบน ชั้น 4 ได้เลย เพื่อไปจองรถบัส
ใครที่ยังไม่ได้จองมาก่อน สามารถไปติดต่อที่เคาเตอร์ได้เลย หรือกรณีที่จองมาก่อนสำหรับเรา
เพียงแค่นำใบจองที่เราปริ้นมายื่นให้เจ้าหน้าที่ดูที่เคาเตอร์ เขาจะออกบัตรให้เลย
เราจองไปตั๋วไปกลับ ราคาอยู่ที่ 1750/รอบ เมื่อได้ตั๋วมาแล้วก็ไปหาอะไรรองท้องกันก่อน เริ่มมื้อแรกด้วย family mart ฮะ
ต้องมานั่งรอก่อนเวลา 10 นาทีนะ รถบัสมาตรงเวลามาก และบนรถสามารถนำอาหารขึ้นไปกินได้
ตอนแรกเราก็ไม่แน่ใจว่าเอาขึ้นไปกินบนรถได้ไหม เพราะเกรงใจคนนั่งข้างๆ แหะๆ เลยต้องลงไปถามโชเฟอร์ย้ำให้แน่ใจอีกรอบ
สรุปกินได้จ้า จัดมื้อแรกบนรถด้วยความหิว

ระหว่างทางราวๆ 2 ชั่วโมง บรรยากาศข้างทางเหมือนในฝันเลย ต้นไม้เขียวๆช่างสบายตาอะไรขนาดนี้ จนรถมาจอดหน้าสถานีคาวากูชิโกะ
แอพในมือถือรายงานว่าตอนนี้ 15 องศา หนาวสำหรับเรานะ555 เอาเสื้อกันหนาวบางๆมาตัวเดียวไง
เดินไปหาที่พักค่ะ ด้วยความที่พักอยู่ตรงข้ามสถานี หน้าถนนพอดีเลย ที่พักคืนแรกของเราชื่อว่า
Kawaguchiko stationinn
เรานอนที่พักแบบรวมหญิงชาย แต่ในห้องที่เราพักมีแต่ผู้ชาย ฟินกันไปสิ555 ออกเที่ยวโดยการเช่าจักรยานแถวๆหน้าสถานี 1 ช.ม 500 เยน
ปั่นไปแถว kawaguchiko lake แปบๆ ก็ครบ ช.ม ก็ต้องเอาไปคืนซะแล้ว ไม่คุ้มเลย สุดท้ายจบด้วยการเดินไปทะเลสาบกันอีกรอบ
ระยะทางก็ไม่ได้ไกลเท่าไรนะ ได้โอกาสเดินถ่ายรูปไปด้วยเลย เดินหามื้อเย็นกินแถวที่พัก มืดๆหน่อยก็เดินกลับที่พัก





มื้อเย็นข้างโฮสเทล
ออนเซ็นครั้งแรก
ห้องอาบน้ำสาธารณะที่นี่จะปิดเวลา 5 ทุ่ม ไอ้เราก็คอยจังหวะย่องไปตอน 3 ทุ่มกว่า กะว่าไม่น่าจะมีคนแล้วนะ
ปรากฏว่าไม่มีคนจริงๆแหะ ก็กลายเป็นชะนีขี้อายเปลื้องผ้าลั่นลาอยู่ในอ่างแต่เพียงผู้เดียว

Day 2
เช้านี้เราลงมากินข้าวที่ห้องอาหารชั้นล่างของโฮสเทล เป็นเซ็ทอาหารญี่ปุ่นที่เขาจัดไว้ให้ราคา 750 เยน
เติมข้าว เติมชาได้ตลอดถ้าคิดว่ากินแล้วจะไม่อิ่ม เจ้าของที่พักบริการดีมาก เข้ามาสอนการกินสาหร่ายคู่กับข้าวให้ด้วย


ถ้ามองจากหน้าที่พักจะสามารถมองเห็นวิวฟูจิได้ แต่วันนี้ฟูจิค่อนข้างจะเก็บตัวไปหน่อย
จุดหมายต่อไปของเราคือเจดีย์แดง (Chureito Pagoda) นั่งรถไฟ Fujikyu railway ไปลงสถานี Shimoyoshida ไปกลับ 600 เยน








ระหว่างทางเดินไปเจดีย์แดง




เผลอเดินหลงขึ้นไปบนเขา ทั้งที่มุมถ่ายรูปอยู่ใกล้นิดเดียว


เดินลงมาข้างล่างกันดีกว่า



ต้องแวะกินไอติมสักหน่อย Sakuramochi
เดินกลับสถานีกันเถอะ


เรานั่งกลับมาสถานี Kawaguchiko


กลับมาถึงสถานี kawaguchigo
เนื่องจากจองบัสกลับชินจุกุตอน 13.40 เลยนังมีเวลาเที่ยวต่อ
เราเดินกันไปที่ ropeway เพื่อขึ้นกระเช้าดูวิวทะเลสาบ

ไปกลับ 800 เยน

อยู่ดีๆเพลงนี้ก็ดังขึ้นมาในหัว... . .
แม้ว่าเราจะรักกัน ฝันที่เคยผ่านกันมา
แม้มีคำสัญญาว่าจะรักจนวันสุดท้าย
แต่ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ รู้ตัวดีเราคงแบกรับไม่ไหว.. สะบัดหัว โวยย ใช่เวลาดราม่ามั้ยงง

ลงมาข้างล่าง มากินเจ้านี้กันดีกว่า ไม่ได้ซื้อ แต่ยืมของพี่ๆที่ไปด้วยมายืมถ่าย555
เราเดินกลับไปที่สถานี Kawaguchiko เพื่อขึ้นรถบัสกลับรอบ 13.40 Platform ที่รอรถจะอยู่หน้าสถานีเลย
มุ่งหน้าสู่สถานีชินจุกุ

เมื่อมาถึงเราก็มุ่งหน้าตามแมพหาที่พักกันเลยค่ะ เนื่องจากที่พักอยู่ไกลจากสถานี เดินหลงวนไปวนมาประมาณครึ่ง ช.ม
หาทางออกไปเจอว่าที่ๆเราจะไปต้องออกทางไหน อาศัยภาษาอังกฤษขั้นเบสิคถามที่ information พร้อมกับยื่นแมพในมือถือให้เขาดู
ที่พักวันนี้ของเราชื่อว่า
Imano Tokyo Hostel จองในเว็บบุ๊คกิ้ง ราคา พันร้อยนิดๆ
ที่พัก 4 เตียง มีพื้นที่สำหรับนั่งคุยภายในห้องด้วย

ขึ้นมาอาบน้ำ พักผ่อน สักพัก เราก็ออกตะลอนกันต่อ
เดินจากที่พักไปสถานีชินจุกุ ตอนแรกหาใต้ดินไม่เจอเลยนั่งแบบ JR เลยต้องใช้บัตร Suica เสียตังเลยย
ไปลงที่สถานีชิบุย่ากันฮะ ออกทาง Hachiko exit แต่เราก็หาทางออกนั้นไม่เจอหรอก อาศัยถามอีกเหมือนเคย

มีแมวนั่งอยู่ตรงฮาจิโกะด้วยยย



กลับมาชินจุกุกันต่อ เพราะต้องเข้าที่พักก่อน 23.00
นั่งกลับมา 1 สถานี เดินมาย่าน Kabugicho แหล่งรวมความบันเทิงยามค่ำคืน ร้านรวงเยอะมาก
[CR] โตเกียว ไปคนเดียว เที่ยวทั้งเมือง
สวัสดีค่า เพิ่งกลับจากไปเที่ยวโตเกียว คนเดียวครั้งแรกมา
วันนี้เราจะมาเล่าเรื่องราวการเดินทางทริปเล็กๆของเรา ที่คงเป็น best destination ของใครหลายๆคน
และหนึ่งในนั้นก็เป็นเราด้วยเหมือนกัน เราเดินทางไปด้วยเป้ใบเดียวกับกระเป๋าถือ 1 ใบ ไม่เน้นช๊อปเท่าไรฮะ
- เราไม่ได้โหลดกระเป๋าใต้เครื่อง เลยต้องพยายามทำเป้ให้เบาเข้าไว้ เอากางเกงไป 2 ตัว เสื้อ 3-4 ตัว เสื้อกันหนาวตัวนึง ใส่วนๆไป
- แนะนำว่าของส่วนตัวอะไรที่ต้องใช้ ให้เตรียมไปจากบ้านเราดีกว่า หยูกยา เตรียมให้เรียบร้อย
- อะไรที่เป็นพวกโลชั่น โฟมล้างหน้าให้แบ่งใส่ขวดแบ่ง หรือหาที่เป็นไซส์มินิไปจะช่วยให้เราเบายิ่งขึ้น
- รองเท้าผ้าใบคู่เดียวตลอดงาน
- อย่าลืมปริ้นข้อมูลที่พัก ข้อมูลการจองเครื่องบินไปด้วยนะฮะ
เริ่มต้นด้วยการหาตั๋วโปรโมชั่นจนได้วันที่สามารถลาหยุดงานได้พอดี กับราคาที่โอเค (ราวๆ 8 พันบาท)
เอาจริงๆก็ลังเลใจมาสักพักใหญ่ๆว่าจะไปที่ไหนดี ไปคนเดียวจะนั่งรถไฟได้มั้ย กังวลไปต่างๆนานา ตามประสาออกต่างประเทศไกลๆครั้งแรก
สุดท้ายก็มานั่งคิดแพลน 3 วันสุดท้ายก่อนเดินทาง (ไฟลนตูดเลยจ้า)
การเดินทางครั้งนี้เดินทางโดยใช้รถไฟใต้ดินเป็นหลัก
จึงควรมีแอพพลิเคชั่นคู่ใจนี้เสมอ
ออกเดินทาง
Day 1 Kawaguchiko Yamanashi,Tokyo
เราออกเดินทางด้วยสายการบินนกสกู๊ต รอบตี 1 หลับกันยาวๆ
ประมาณ 6 โมงเช้าถึงสนามบินนาริตะพอดี ได้ทำความรู้จักกับพี่คนไทยเบาะข้างๆ คุยกันไปกันมา พี่เขาทำงานอยู่ญี่ปุ่น
แล้วบังเอิญไปลงสถานีเดียวกันพอดี เลยถือโอกาสให้พี่แกช่วยนำซะเลย อิอิ
ครั้งนี้เราจองตั๋ว
- NEX (์Narita Express) นั่งจาสนามบินไปสถานีชินจุกุ
- Pass Keisei Skyliner(นั่งขากลับ) + Tokyo subway 48 hour (ใช้ 2 วันสุดท้ายก่อนกลับ)
- Suica เอาไว้ใช้จิปาถะ ฝากกระเป๋า ซื้อของ
เราจองตั๋ว NEX (Narita Express) ถ้าใครมีสัมภาระ กระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่สามารถเก็บได้ที่ตู้ที่เรานั่งได้เลย ตั๋วรถไฟราคา 3 พันเยนนิดๆ จะมีตู้สำหรับคนที่จองที่นั่งและไม่ได้จองที่นั่ง แต่ทางที่ดีควรจองที่นั่งตั้งแต่แรกเลย เพื่อที่จะได้ไม่ต้องลุกให้กับคนอื่น (คนที่ไม่ได้จอง สามารถนั่งตรงไหนก็ได้ แต่ถ้ามีคนที่เป็นการจองมาตรงที่ที่เรานั่ง เราต้องสละเก้าอี้ให้เขานะฮะ) เรานั่งไปลงสถานีชินจุกุ นั่งตรงโดยไม่ต้องเปลี่ยนสถานี ใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษๆ ก็ถึงสถานี
ถ้าใช้ NEX สามารถเดินขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นบน ชั้น 4 ได้เลย เพื่อไปจองรถบัส
ใครที่ยังไม่ได้จองมาก่อน สามารถไปติดต่อที่เคาเตอร์ได้เลย หรือกรณีที่จองมาก่อนสำหรับเรา
เพียงแค่นำใบจองที่เราปริ้นมายื่นให้เจ้าหน้าที่ดูที่เคาเตอร์ เขาจะออกบัตรให้เลย
เราจองไปตั๋วไปกลับ ราคาอยู่ที่ 1750/รอบ เมื่อได้ตั๋วมาแล้วก็ไปหาอะไรรองท้องกันก่อน เริ่มมื้อแรกด้วย family mart ฮะ
ต้องมานั่งรอก่อนเวลา 10 นาทีนะ รถบัสมาตรงเวลามาก และบนรถสามารถนำอาหารขึ้นไปกินได้
ตอนแรกเราก็ไม่แน่ใจว่าเอาขึ้นไปกินบนรถได้ไหม เพราะเกรงใจคนนั่งข้างๆ แหะๆ เลยต้องลงไปถามโชเฟอร์ย้ำให้แน่ใจอีกรอบ
สรุปกินได้จ้า จัดมื้อแรกบนรถด้วยความหิว
ระหว่างทางราวๆ 2 ชั่วโมง บรรยากาศข้างทางเหมือนในฝันเลย ต้นไม้เขียวๆช่างสบายตาอะไรขนาดนี้ จนรถมาจอดหน้าสถานีคาวากูชิโกะ
แอพในมือถือรายงานว่าตอนนี้ 15 องศา หนาวสำหรับเรานะ555 เอาเสื้อกันหนาวบางๆมาตัวเดียวไง
เดินไปหาที่พักค่ะ ด้วยความที่พักอยู่ตรงข้ามสถานี หน้าถนนพอดีเลย ที่พักคืนแรกของเราชื่อว่า Kawaguchiko stationinn
เรานอนที่พักแบบรวมหญิงชาย แต่ในห้องที่เราพักมีแต่ผู้ชาย ฟินกันไปสิ555 ออกเที่ยวโดยการเช่าจักรยานแถวๆหน้าสถานี 1 ช.ม 500 เยน
ปั่นไปแถว kawaguchiko lake แปบๆ ก็ครบ ช.ม ก็ต้องเอาไปคืนซะแล้ว ไม่คุ้มเลย สุดท้ายจบด้วยการเดินไปทะเลสาบกันอีกรอบ
ระยะทางก็ไม่ได้ไกลเท่าไรนะ ได้โอกาสเดินถ่ายรูปไปด้วยเลย เดินหามื้อเย็นกินแถวที่พัก มืดๆหน่อยก็เดินกลับที่พัก
มื้อเย็นข้างโฮสเทล
ออนเซ็นครั้งแรก
ห้องอาบน้ำสาธารณะที่นี่จะปิดเวลา 5 ทุ่ม ไอ้เราก็คอยจังหวะย่องไปตอน 3 ทุ่มกว่า กะว่าไม่น่าจะมีคนแล้วนะ
ปรากฏว่าไม่มีคนจริงๆแหะ ก็กลายเป็นชะนีขี้อายเปลื้องผ้าลั่นลาอยู่ในอ่างแต่เพียงผู้เดียว
Day 2
เช้านี้เราลงมากินข้าวที่ห้องอาหารชั้นล่างของโฮสเทล เป็นเซ็ทอาหารญี่ปุ่นที่เขาจัดไว้ให้ราคา 750 เยน
เติมข้าว เติมชาได้ตลอดถ้าคิดว่ากินแล้วจะไม่อิ่ม เจ้าของที่พักบริการดีมาก เข้ามาสอนการกินสาหร่ายคู่กับข้าวให้ด้วย
ถ้ามองจากหน้าที่พักจะสามารถมองเห็นวิวฟูจิได้ แต่วันนี้ฟูจิค่อนข้างจะเก็บตัวไปหน่อย
จุดหมายต่อไปของเราคือเจดีย์แดง (Chureito Pagoda) นั่งรถไฟ Fujikyu railway ไปลงสถานี Shimoyoshida ไปกลับ 600 เยน
ระหว่างทางเดินไปเจดีย์แดง
เดินลงมาข้างล่างกันดีกว่า
ต้องแวะกินไอติมสักหน่อย Sakuramochi
เดินกลับสถานีกันเถอะ
เรานั่งกลับมาสถานี Kawaguchiko
กลับมาถึงสถานี kawaguchigo
เนื่องจากจองบัสกลับชินจุกุตอน 13.40 เลยนังมีเวลาเที่ยวต่อ
เราเดินกันไปที่ ropeway เพื่อขึ้นกระเช้าดูวิวทะเลสาบ
ไปกลับ 800 เยน
อยู่ดีๆเพลงนี้ก็ดังขึ้นมาในหัว... . .
แม้ว่าเราจะรักกัน ฝันที่เคยผ่านกันมา
แม้มีคำสัญญาว่าจะรักจนวันสุดท้าย
แต่ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ รู้ตัวดีเราคงแบกรับไม่ไหว.. สะบัดหัว โวยย ใช่เวลาดราม่ามั้ยงง
เราเดินกลับไปที่สถานี Kawaguchiko เพื่อขึ้นรถบัสกลับรอบ 13.40 Platform ที่รอรถจะอยู่หน้าสถานีเลย
มุ่งหน้าสู่สถานีชินจุกุ
เมื่อมาถึงเราก็มุ่งหน้าตามแมพหาที่พักกันเลยค่ะ เนื่องจากที่พักอยู่ไกลจากสถานี เดินหลงวนไปวนมาประมาณครึ่ง ช.ม
หาทางออกไปเจอว่าที่ๆเราจะไปต้องออกทางไหน อาศัยภาษาอังกฤษขั้นเบสิคถามที่ information พร้อมกับยื่นแมพในมือถือให้เขาดู
ที่พักวันนี้ของเราชื่อว่า Imano Tokyo Hostel จองในเว็บบุ๊คกิ้ง ราคา พันร้อยนิดๆ
ที่พัก 4 เตียง มีพื้นที่สำหรับนั่งคุยภายในห้องด้วย
ขึ้นมาอาบน้ำ พักผ่อน สักพัก เราก็ออกตะลอนกันต่อ
เดินจากที่พักไปสถานีชินจุกุ ตอนแรกหาใต้ดินไม่เจอเลยนั่งแบบ JR เลยต้องใช้บัตร Suica เสียตังเลยย
ไปลงที่สถานีชิบุย่ากันฮะ ออกทาง Hachiko exit แต่เราก็หาทางออกนั้นไม่เจอหรอก อาศัยถามอีกเหมือนเคย
มีแมวนั่งอยู่ตรงฮาจิโกะด้วยยย
กลับมาชินจุกุกันต่อ เพราะต้องเข้าที่พักก่อน 23.00
นั่งกลับมา 1 สถานี เดินมาย่าน Kabugicho แหล่งรวมความบันเทิงยามค่ำคืน ร้านรวงเยอะมาก