วิธีรักษา การเสียใจที่เป็นเราฝ่ายตัดสินใจเลิกกับแฟน และต้องทำใจยังไงไม่ให้คิดถึงในแต่ละวัน

คบกับมาจะเข้าปีที่ 3 แล้ว
เรามีโครงการแต่งงาน ฉันคิดต้องทำอะไรบ้างต้องเตรียมยังไง
ฉันหาข้อมูล ฉันบอกให้เขาจัดการสิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิตเขา สำหรับคู่แต่งงานที่ต้องมีในอนาคต
ครอบครัวเขาเป็นกงสี ที่คนทำก็ทำไป คนใช้เงินก็ใช้ไป
เขามีพี่น้อง 5คนเป็นผู้ชายหมด บ้านเขามีลูกรัก ลูกชัง

เขารักพี่รักน้องเขามาก รักพ่อแม่ เขามาก ซึ่งฉันมักมาเป็นอันดับสุดท้ายเสมอ
ฉันเสียใจมาตลอด ถึงแม้บางครั้งฉันจะเป็นฝ่ายนัดเขาก่อนเป็นเดือนล่วงหน้าก็ตาม พอน้องพอที่บ้านเขาชวน เขาก็จะให้ฉันเลือก ทั้งที่ตัวกับใจเขาไปนานแล้ว ไม่รู้จะให้เลือกทำไมเนอะ ก็ทำได้แค่เสียใจ เช่น ช่วงก่อนปีใหม่เขาบอกเราว่าจะพาเราไปเที่ยว เราก็ถามแล้วนะ ว่าปีนี้ไม่ไปกับที่บ้านหรือ เขาบอกว่าไป แต่อยากให้ชีวิตเริ่มต้นที่เราก่อน แล้วค่อยไปกับครอบครัว สำหรับช่วงเวลาพิเศษ ที่เราเริ่มต้นด้วยกัน และมีครอบครัวเขาตามมาปิดท้ายปี ใันเป็นอะไรที่พิเศษและซึ้งใจมาก
เรานัดกันวางแผนกันก่อนเป็นเดือน แล้ววันนั้นก็มาถึง ฉันตื่นแต่ตีสี่ครึ่งมาอาบน้ำแต่งหน้าทำผม ทำทุกอย่างให้สวยที่สุดพร้อมเจอเขา ให้เขาประทับใจ ประมาณเจ็ดโมงเขาโทรมา เขาเอิกอัก แล้วเขาก็ขอโทษ เขาพูดเหมือนประมาณให้เราเลือก ว่าจะให้เขาไปกับครอบครัว หรือกับเรา
เราบอกไม่เป็นไรไปเถอะคะ (ทั้งที่ในใจนี่สุดๆ จะเสียใจ น้อยใจ ใครจะกล้าเลือกให้เธอมากับฉัน ถ้าที่บ้านเธอรู้เขาจะมองว่าฉันเป็นคนยังไง ว่าเธอไม่ไปกับที่บ้านเพราะแฟน)
ฉันโทรไปบอกพี่ชายเขา ว่าไม่เป็นไรนะ บอกให้แฟนฉันไปกับที่บ้านเถอะ อย่าแยกออกมานะ มันไม่ดี เตือนแฟนเราด้วย พี่ชายเขางง
ความจริงมันเลย โพระแตก ตรงนั้นว่า คนที่บ้านเขาไม่มีใครรู้สักคนว่าแฟนฉันนัดมาเที่ยวกับฉันล่วงหน้าเป็นเดือนแล้ว และในขณะที่เขาโทรมาขอโทษและให้ฉันเลือก เขากำลังนั่งรถออกเดินทางไปกับน้องเขาแล้ว (คือเขาได้เลือกไปแล้วนั่นเอง)
เสียใจมาก มันเป็นช่วงปีใหม่ที่แย่ที่สุดในชีวิต เขาทำให้ฉันร้องไห้ข้ามปี
และยังมีอีกหลายๆครั้ง ทั้งวันครบรอบ ทั้งวันวาเลนไทน์
จำได้เลย วันวาเลนไทน์เป็นช่วงที่เจ็บปวดที่สุด เขาทำให้ฉันร้องไห้ติดต่อกัน7วัน

วลีเด็ด "ไม่เป็นไรคะ เข้าใจคะ เราคงทำได้แค่เสียใจ"

เขาขอโทษ ส่วนฉันร้องไห้ และทำใจ

ส่วนเรื่องแต่งงานมันเริ่มมาจากที่บ้านเขา
ฉันไม่โอเครนะ พี่เขายังไม่เคยเอ๋ยเรื่องนี้ แล้วจะให้ฉันแต่งงานกับเขาได้อย่างไร

ความขัดแย้งระหว่างผู้ใหญ่เริ่มเพิ่มขึ้น

ส่วนฉันค่อยๆลดเสป็คตัวเองลง
จนกลายเป็น ไม่ต้องมีอะไรเลย ไม่มีงานแต่งก็ได้

ทุกครั้งที่ทะเราะกัน มันเหมือนภาพเดิมๆ เรื่องเดิมวนซ้ำไปซ้ำมา
ก็แฟนเราไม่ยอมทำอะไรนี่
หรือเขายังรักเราไม่มากพอ
หรือเขาไม่เคยเปลี่ยนเลย ดังนั้นคนที่เปลี่ยนคือเรา แม้เราจะต้องเสียใจเท่าไร

และแล้ว ครั้งสุดท้ายที่ทะเราะกัน ฉันปฏิญาณกับตนเองว่า ต่อไปนี้ ไม่ว่าอะไรฉันจะทน
งั้นเราแต่งงานกันนะ

หลังจากที่บอกไป เราให้แฟนเราโทรไปบอกแม่เขาเลย
ว่าเราพร้อมแล้ว
ผ่านมา 3อาทิตย์ จนจะเดือน ทุกอย่างเงียบหาย
เหตุผลที่แฟนเราบอก คือ แม่เขาป่วย เขาเหนื่อย เขาหาหมอ
จนหมอ ก็หามาและ ช่วงสงกรานต์แม่แฟนก็พากันไปเที่ยวดีโอสยามอีก
เสียใจอ่ะ หริอแม่แฟนกำลังแก้แค้นเรา ที่เราไม่ยอมแต่งตอนแรก เขาคงมองเราเรื่องมาก เลยแก้แค้น ความคิดร้ายๆ แย่ๆตามมาเยอะแยะ จนบางวันเราก็บ่นกับแม่เราแล้วเราก็ร้องไห้ ว่าทำไมนะ เขาทำกับเราแบบนี้

จนมาถึงที่สุด แม่เราบอกเราไปคุยกับแม่แฟนกันเถอะ
ความจริงจึงได้เปิดเผย มันไม่ได้สวยงามอย่างที่แฟนเราบอกตลอดมา
แม่แฟนอัคติต่อครอบครัวเรามาก และตัวเราก็ด้วย
ไม่ใช่เพียงแม่แฟนพี่แฟนก็เช่นกัน เขาบอกว่าการที่แฟนเราทะเราะกับน้องเพราะเรา (ทั้งที่เขาไม่คุยกันมาตั้งหลายปีก่อนคบเราเนี๊ยนะ แต่ตอนนี้เขาบอกเพราะเราคนเดียว)
จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม มันทำให้เราเสียใจ และรู้สึกว่าเราจะอยู่ได้ยังไง ในเมื่อบ้านแฟนไม่มีใครชอบเราสักคน
พ่วงด้วยเงื่อนไข ที่ทำให้แม่เราบอกลาบ้านนี้อีก ด้วยการ
เธอต้องให้ลูกเธอเปิดร้านทองก่อนนะ
ลูกเธอจะมาอยู่เกาะกันกินไม่ได้นะ
(เขามองว่า ฝ่านหญิงแต่งไปช่วยผู้ชาย เกาะผู้ชายกิน T^T)
ทุกอย่างแล้วแต่ฉัน ฉันยังไม่มาขอนะ ฉันทำใจไม่ได้ ไม่ชอบบ้านเธอ

เรารู้เลยเราคบต่อไม่ได้แล้ว เงื่อนไข ผู้ใหญ่ทั้งสองบ้านไม่ตรงกัน
เราคงอยู่อย่างเป็นสุขไม่ได้ เพราะถ้าเราตามใจพ่อแม่เขา คงขัดกับพ่อแม่เรา เราตามใจพ่อเราคงขัดพ่อแม่เขา

เสียใจที่ต้องมาจบด้วยเหตุผลที่ไม่ใช่เพราะคนสองคนจ
แล้วอีกหลายวันหลังจากนั้น

แฟนเราก็มาพร้อมบอกว่า แม่แฟนเปลี่ยนใจแล้วนะ เราไม่ต้องมีอาชีพก็ได้แต่งๆไปก่อนก็ได้
จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาเรื่องแม่แฟน ทำให้เราไม่อยากจะเชื่อหรอก
วันนั้นเราจึงตัดสินใจไปหาความจริงกับแม่เราเลย

เขาเปลี่ยนความคิดว่าฝ่ายหญิงต้องมีธุรกิจก่อนแต่ง มาเป็นแต่งๆกันไปก่อน
แต่ได้เพิ่มเงื่อนไข คือ

ให้ฝ่ายหญิงจัดงานแต่งทุกอย่าง และพูดด้วยความภาคภูมิของเขาด้วยว่า ซองฉันยกให้เธอหมดเลยนะ

กลับบ้านไป มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย มีแต่คิดแล้วเสียใจ
แต่แม่เราก็พูดนะ ว่าพ่อเราไม่น่าจะโอเคร ไม่มีธรรมเนียมไหนให้ฝ่ายหญิงจัดงานฝ่ายเดียวหรอก
(ทั้งที่น้องแฟน คนผู้ชายจัดก่อนจัดซะใหญ่โต แต่พองานเราบอกเขาเหนื่อย เขาลูกเยอะ เขาขี้เกียจจัดงาน)

มาคิดเรื่องว่าแต่งไปแล้วจะเกิดปัญหาอะไรอีก
น้องชายแฟนแอบเอาเงินมาทำอาชีพให้เมียซะดี ส่วนที่บ้านแฟนก็มองโหลูกสะไภ้ดี เก่ง
ใครจะรู้ภายใน แต่เขาก็เลือกที่จะปิดหูปิดตาน้อ
ส่วนแฟนเรานั่นหรอ แบร่ๆ จะลงทุนเงินไม่มี เอาเงินบ้านแฟนหรอ เขาไม่ให้
แฟนบอกทำอย่างนั้นโกงพี่โกงน้อง(แต่พ่อแม่เธอชอบนิ)

เรื่องที่จะถูกเปรียบเทียบกดดันมีอีกเยอะหลังแต่ง
และถ้าเราทำดีล่ะ เขาก็อคติอยู่ดี
คนอัคติ ต่อให้เราทำดีแค่ไหนก็นะ...

คิดแล้วเราก็ร้องไห้อยู่หลายวัน
พอดีเราไปทริปต่างประเทศกับพี่
กลับมาแม่เราบอกขอยืนจุดเดียวกับพ่อเรา คือ ผู้ชายคนนี้ไม่ผ่าน
ระหว่างที่เราไม่อยู่ แฟนเรามาคุยกับแม่เรา
แม่เราเล่าให้ฟัง โครตแย่เลย หลายๆสิ่งที่แฟนเราไม่น่าพูด ก็พูดแบบนะ
แม่แอบเอาดวงเราไปขอฤกษ์แต่งหมอ หมอดูทักอีก ว่าไม่ให้ ดวงเข้ากันไม่ได้ แต่งไปก็ต้องเลิกลา

เราร้องไห้อยู่สองวัน ที่จริงเรายังมีเวลานะถึงเดือนหน้า
เราจึงตัดสินใจโทรหาแฟน ว่าอยากพิสูจน์อะไรไหม
เขาบอกเรื่องเดิมๆ เรื่องแต่งงานว่าเขาไปคุยกับแม่แล้วนะ แม่ไม่ว่าอะไร ว่าจะลองถามญาติๆ
เราบอกพอเถอะไม่อยากฟัง ทุเรศ เงินแค่แสนสองแสน (คุยกันอยู่นั่นแหละ ว่ายอมออกให้ฝ่ายหญิงมั้ย)
เท่านั้นแหละ แฟนเราโกรธมาก บอกก็บ้านแฟนเป็นกงสีนะ ช่วงที่เราไม่อยู่แม่เธอกดเันฉันมากพอแล้ว
เราก็ "ขอโทษนะคะ ถ้าคำถามทำให้พี่รู้สึกกดดัน"
แค่อยากรู้จริงๆ ว่าอยากพิสูจน์อะไรมั้ย (เพราะว่าเราจะตัดสินใจว่าเธอได้ทำมันบ้างแล้วหรือยังหรือแค่คิดๆ ให้คนรอบตัวดิ้นรนกันไป)
แต่ก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ ถ้าทำให้รู้สึกกดดัน
(มันทำให้เรารู้ว่า เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลยจริงๆ ในขณะที่น้องแฟนจัดงานจัดเองทุกอย่างเขาสามารถกันแฟนออกจากครอบครัวเขา เขาสามารถปกป้องแฟนจากครอบครัวเขา ในขณะที่เราดิ้นรนทุกอย่างเอง มีปัญหาแฟนเราปกป้องเราไม่ได้ ปกป้องตัวเองก็ไม่ได้)

เราถามแม่เราว่า ถ้าเราเลิก แม่ไม่พูดถึงได้ไหม แม่บอกว่าได้
หลังจากนั้น เราก็ได้คุยกับแฟนเรา ซึ่งเขายังคงวนอยู่ในกะลาเดิม
ทำใจจัดงานแต่งไม่ได้ (ทั้งที่คนน้องนี่จัดซะใหญ่โต ทั้งบ้านฝ่ายหญิงฝ่ายชาย)
เราพูดประมาณว่า ไม่รู้จะไปต่อยังไง เราร้องไห้ไปพูดไป
แฟนเหมือนไม่ค่อยรู้สึกอะไร

เราจำได้วันนั้น เราร้องไห้เหมือนจะขาดใจ เรารู้สึกเหมือนกำลังจะตาย
เจ็บปวดทรมานมาก

นี่ผ่านมาวันที่4 แล้ว ความเสียใจยังคงอยู่ มันมาเป็นพักๆ
ลึกๆแล้วอยากบอกเขาว่าเขาต้องทำยังไง แต่เราเคยบอกเขาแล้ว เขาไม่ทำ
เราเสียใจ และครั้งนี้เราคงไม่สามารถพูดอะไรได้อีก

เสียใจจัง เห็นละคร เห็นคนรักกัน ทำได้แต่น้ำตาคลอและอวยพรให้เขาพบเจอสิ่งดีๆ ไม่มีอุปสรรค

ก็รู้ว่ามันต้องใช้เวลาแหละ ก็รู้ว่าเขาคงพบเจอคนใหม่และลืมเรา ในขณะที่เราไม่มีใคร เป็นผู้หญิงที่อายุเพิ่มขึ้นอีก
เสียใจ

ทำใจไงดีให้หายไวๆคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่