เรามีเรื่องอยากมาแชร์
เรื่องที่กำลังจะเล่า คือเรื่องจริงทั้งหมด และหลังจากเล่าเราน่าจะโดนด่า เพราะเราเป็นคนทิ้งเพื่อนคนนี้ไปเอง
เราจะยอมรับทุกความคิดเห็น และหวังว่าจะได้บทเรียนอะไรดีๆ จากที่นี่ (หรือได้ บาทา)
สมัย ม.ปลายเรามีเพื่อน ผญ.เธอเป็นรุ่นน้อง มีเพื่อนน้อย น่ารักนิสัยดี ติงต๊อง โทรคุยกันทุกวันแทบสายไหม้
ถัดมา ต่างคนต่างเข้ามหาลัย แยกย้าย และไม่ค่อยได้คุยกันเหมือนก่อน เพราะเพื่อนเราย้ายไปอยู่หอ
ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาถือว่า สนิทมากที่สุด เราเคยนอนบ้านเพื่อน เพื่อนเคยนอนบ้านเรา แต่ละครอบครัวต่างรู้จักกันดี
จู่ๆ เพื่อนเราก็หายไป ซึ่งเราก็ไม่ได้สงสัยอะไร ต่างคนต่างเรียน หายไปนานเกือบปีได้ เรายอมรับว่าไม่ได้โทรหา
(เหมือนเพื่อนเก่าที่เริ่มจะลางๆ)
ต่อมา ตอนนั้นเราอยู่ที่มหาลัย แม่โทรหาเราด้วยน้ำเสียงตกใจมาก เล่าให้ฟังว่า เพื่อนเราคนนี้โทรเข้าบ้านหาเรามากกว่า 10 ครั้ง
เพื่อนถามเรื่องเดิมๆว่า ".....อยู่บ้านมั้ย" (จุดๆ คือเอ่ยชื่อเรา) พอแม่บอกว่า ไม่อยู่บ้าน อยู่มหาลัย
ถัดไปไม่กี่นาที ก็โทรมาอีก ถามคำถามเดิม ทั้งๆที่เพิ่งวางสายแม่ไป แม่บอกว่า น่ากลัวมากเหมือนโรคจิต ขนลุกไปหมดแล้ว
เราก็ตกใจไปด้วย แถมสงสัยว่าทำไมมันไม่โทรเข้ามือถือเรา จึงรีบโทรหาเพื่อน แต่โทรไม่ติด แล้วเราจำได้ว่ามีเบอร์พ่อเขา
จึงโทรไปคุย และได้คำตอบว่า "ลาออกจากมหาลัยแล้ว มารักษาตัวอยู่ที่ศรีธัญญา"
เราช็อคจนน้ำตาไหล เมื่อพ่อเขาเล่าต่อว่า "พ่อก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เหมือน...ไปรัก ผช.คนนึง
จนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ เดินไปหา ผช.คนนั้นที่หอถึงดึกๆ เคาะประตูโวยวาย ไม่ใส่รองเท้า วิ่งกลางถนน จนเกือบรถชนตาย
แล้วก็พูดไม่รู้เรื่อง เรียนต่อไม่ได้ พร่ำเพ้อ แถมยังพูดถึงไสยศาสตร์อะไรก็ไม่รู้"
เลยสรุปกับพ่อเพื่อนว่า ถ้าเพื่อนอยากเจอเราขนาดนั้น เราก็ยินดีจะเจอ ซึ่งแม่เราไม่ยินยอมที่จะให้เราไปหาที่บ้านเพื่อน
แต่ให้เพื่อนมาบ้านเราแทน เพราะกลัวเราเป็นอันตราย เราเลยตกลงกับพ่อเขา ก็โอเค หลังจากนั้นพ่อก็ขับรถพาเพื่อนมาส่งที่บ้าน
สภาพที่เราเห็น เพื่อนเราโทรมมาก ที่สำคัญ พูดไม่รู้เรื่องเลย เราไม่อยากจะเชื่อสายตาว่านี่คือเพื่อนเราจริงๆ
เราคุยอะไรถามอะไรไม่ได้เลย ถามA ตอบB ถามB ตอบC และยังพร่ำเพ้อถึง ผช.คนนั้นตลอดเวลา (ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าคือใคร)
สรุปภาพรวมคือ เราคิดว่า ผช.คนนี้น่าจะมาหลอกเพื่อนเรา จนทำให้เสียสติ
เพราะเพื่อนเราเพ้อเสมอว่า "กลัวท้อง" แล้วก็ร้องไห้ แล้วก็เหม่อ แล้วก็หัวเราะ
(จะบอกว่าภาพที่เห็นตอนนั้น ทั้งน่ากลัว ขนลุก และน่าสงสารจับใจ)
เราจะไม่ขุดคุ้ยหาความจริงอะไรอีก เราสัญญากับตัวเองว่า จะพาให้เพื่อนหลุดพ้นจากตรงนี้ให้ได้
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ถัดมาเกือบ 2 ปี เราเรียนจบ จนทำงานแล้ว เพื่อนเรายังคงรับยาจากศรีธัญญาตลอดเวลา จนเริ่มดีขึ้น คุยรู้เรื่องแล้ว
ถามอะไรก็ตอบได้แล้ว เราดีใจสุดๆ อันดับแรกที่เราห่วงคือเรื่องการเรียน เราอยากให้มันจบปริญญาตรี เพื่อนเลยไปลงเรียน มสธ.
กลับมาตั้งใจเรียนเหมือนเดิม เราจะให้กำลังใจตลอดว่า ผช.ช่างมันนะ เอาตัวเราให้ดีที่สุด จะได้ไปเย้ยมัน!
เรียนไปได้ 2 ปี มีหลายตัวที่สอบตก สอบหลายครั้งก็ยังไม่ผ่าน สุดท้ายชีวิตเพื่อนก็พลิกผัน
เมื่อครอบครัวเพื่อนตัดสินใจไม่ส่งให้เพื่อนเรียนต่อ และ(บังคับ)ให้ออกมาหางานทำแทน
พูดง่ายๆ คือ เหมือนครอบครัวเขาตั้งเป้าไว้แล้วว่า จะเรียนจบปีไหน มีงานทำปีไหน เงินเดือนเท่าไร แต่ตอนนี้ผิดแผนไปหมด
ต่อมา เพื่อนเราออกมาหางานทำ แต่เพราะมีวุฒิจบแค่ ม.6 งานที่ได้ทำก็จะออกแนวแรงงาน
เพื่อนจะเล่าให้ฟังตลอดว่า ทนไม่ไหว ทำได้ 2 วันก็ลาออก 7 วันก็ถูกไล่ออก วนเวียนแบบนี้ไปเรื่อยๆ
เหมือนอดทนอะไรนานๆ ไม่ได้ แต่เราจะบอกเสมอว่า อดทนหน่อยนะ ทำงานจะได้มีเงิน แล้วเก็บเงินเรียนต่อไง
ต่อมา เพื่อนเราเริ่มปักหลักกับงานได้ที่หนึ่ง และมักเล่าให้ฟังเสมอว่า เพื่อนร่วมงานเป็นแบบนั้นแบบนี้
ผช.ชอบมาเหมือนแต๊ะอั๋ง จับนั่นนี่ ถามว่ามีแฟนยัง เคยไรยัง ชวนไปบ้าน
เรารู้สึกว่าเฮ้ย ผช.แบบนี้ไม่โอเคเลย อย่าไปยุ่ง อย่าสนใจ อันตราย
แต่เพื่อนเราก็จะ แหมไม่เป็นไรมั้ง เรารู้สึกเพื่อนเราอ่อนแอและอ่อนไหวง่ายมาก เราพยายามทำความเข้าใจ
และบอกเพื่อนว่า อย่าให้ใครมาทำร้ายใจเราอีก ตั้งสติให้ดีๆ ก่อน
ต่อมา เพื่อนเราเล่าให้ฟังว่า รู้สึกชอบ ผช.คนนี้ (ที่ทำงานใหม่) เราก็ยังแซว เห็นไหม ลืมคนเก่าได้แล้วสิ
เห็นเพื่อนเรามีรักใหม่ ดูมีความสุข ยิ้มได้ เราก็ดีใจ แต่... ตอนหลังเพื่อนมาเล่าว่า "ผช.เขามีแฟนแล้วอ่ะ"
เราก็ อ่าว... จบค่ะ แยกย้ายๆ ต่างคนต่างทำงานไป ถ้ารู้ตัวว่าเลิกชอบไม่ได้ ก็ชอบต่อไป แต่แค่อย่าแสดงออกน่าเกลียดก็พอ
เพื่อนก็ถามว่า โทรหาได้ไหม เราบอก ไม่ได้ ผช.มีแฟนแล้วนะ
เพื่อนก็ถามว่า งั้นไลน์คุยได้ไหม เราบอกว่า คุยเรื่องทั่วไปได้ แต่อย่าเกินไปกว่านั้น
เพื่อนก็ถามว่า งั้นตัวเขาทำอะไรได้บ้าง! โมโหใส่เรา เราก็อ้าว ก็เขามีแฟนแล้วจะไปอะไรเยอะแยะเล่า
ถัดมา เพื่อนเล่าว่า เหมือน ผช.จะรู้ว่ามันชอบ เลยพยายามอ่อย เราบอกว่า อย่าไปหลงกล ไม่ต้องสนใจ
เพื่อนปรึกษาว่า ควรตั้งสเตตัสว่าไงให้เขาเลิกยุ่งดี? เราบอกว่า เมิงไม่ต้องตั้งอะไรเลยน่ะดีที่สุด!
ถัดมา เพื่อนเล่าว่า โทรไปหา ผช.ตอนตี1 เราก็อ้าวเฮ้ย โทรไปทำไม
เราบอกว่า ไม่ได้นะ เหงาแค่ไหนก็ห้ามโทร จนพักหลังๆ กลายเป็นว่า เพื่อนเรานี่แหละไปอ่อย ผช.แทน
หลายครั้งเราทะเลาะกัน เพราะเพื่อนไม่ฟังเรา ยึดเอาแต่สิ่งที่ตนเองต้องการ และบอกตลอดว่า ไม่สบายอยู่นะต้องกินยา
เป็นแบบนี้อยู่สักพักใหญ่ๆ เราเริ่มเหนื่อยและท้อ เพราะเหมือนยิ่งรั้ง เพื่อนเรายิ่งเตลิดไปไกล
แต่ถ้าไม่รั้ง ก็จะไปไกลกว่านี้อีก เพราะไม่มีใครกรองข้อมูลให้ (ประมาณว่า เละแล้ว เละเลย)
จนกระทั่งล่าสุด เพื่อนบอกว่า ผช.มาบอกว่ารำคาญ เราถึงกับสะอึก (เพื่อนด่ากันเอง ยังไม่เท่า คนนอกด่าว่า รำคาญ)
เพื่อนเราเสียใจหนักมาก บอกว่าไม่มีคนรัก ทำอะไรก็ผิด เราก็ เฮ้ยไม่ใช่แบบนั้น
สุดท้ายแล้ว เพื่อนเราก็ทนเห็นหน้า ผช.คนนั้นไม่ได้ บอกว่าทรมานใจ จึงต้องลาออกและหางานใหม่
เราเลยสอนว่า อย่าให้ ผช.คนไหนมาทำให้เราเสียอนาคตอีกเลย แต่ไม่เป็นไร งั้นเริ่มใหม่กันนะ ตัดอดีตทิ้งไป
แต่เพื่อนเรายังตัดไม่ขาด ขอเก็บไลน์+เบอร์ ผช.คนนี้ไว้
เรากลัวว่า คืนไหนมันเหงาแล้วเผลอโทรหา ถูก ผช.หลอกไปหาทำไง เลยสั่งว่า ห้ามเก็บ บล็อกทิ้งให้หมด
เพื่อนเลยจำใจบล็อก ผช.คนนั้น ตามที่เราสั่ง
สุดท้าย เพื่อนมาเล่าว่า ฝั่งเพื่อน ผช.ไลน์มาหาบอกว่า บล็อก ผช.คนนั้นหรอ
แล้วเพื่อนตอบไปว่า ".....สั่งให้บล็อกอ่ะ" คือเอ่ยชื่อเราไป และให้เหตุผลฝั่งนั้นว่า จริงๆไม่ได้อยากบล็อก แต่เราสั่งไว้
ซึ่งเพื่อนเราก็เล่าให้ฟังเรียบๆ เหมือนแค่มาเล่าให้ฟังเฉยๆ แต่เราโกรธมาก มาก ถึง มาก ที่สุด
เราถามเพื่อน (แบบงี่เง่าเลย) ว่า พูดแบบนี้หมายความว่า สรุปเราผิดใช่มั้ยที่สั่งให้บล็อก? โทษเราใช่มั้ย?
แล้วไหนบอกจะตัดขาด แต่ทำไมยังคุยอยู่ เพื่อนบอกว่า ก็ไม่ได้คุยกับ ผช.คนนั้น แค่คุยกับเพื่อนเขาแค่นั้น
เราถามว่า ก็เลิกยุ่งให้หมดเลยไม่ได้หรอ ก็ลาออกมาแล้วนี่ เพื่อนก็โมโหเรากลับ บอกว่า ทำไมเราต้องโมโห
จากนั้นเราก็ทะเลาะกัน (จริงๆปกติก็ทะเลาะกันบ่อยอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้สำหรับเราคือแรงที่สุด เพราะเราไม่ยอม)
เราบอกว่า มันต้องรู้จักปล่อยวางให้ได้ ไปเข้าวัดบ้างก็ดี ชีวิตไม่ควรจมอยู่กับอดีต เริ่มใหม่ก็คือเริ่มใหม่ อย่าไปแคร์คนอื่นให้มาก
ในระหว่างที่เรากำลังอารมณ์ขึ้น จู่ๆ เพื่อนก็บอกว่า "Guไม่เข้าวัด และจะไม่มีวันเข้าวัด" เราเหวอไปเลย ถามว่า ทำไม
เพื่อนบอก ไม่เข้าวัด เพราะเลี้ยงผีอยู่ เราก็ อ้าว! อะไรของมันนี่ พยายามไล่ถามว่า ผีอะไรวะไหนเล่าให้ฟัง
เพื่อนพูดชื่อผีมา 3 ชื่อ เรา งง หนักมาก เราถามว่าได้มายังไง สรุปกลายเป็นว่า พูดไม่รู้เรื่องอีกเลย
ถามA ได้B ถามB ได้C เหมือนสมัยที่เพื่อนยังอาการหนักอยู่
สุดท้าย เราถามว่า เลี้ยงผีแล้วได้อะไร เพื่อนบอกว่า "ผีคอยคุ้มครองเขาอยู่" (อันนี้ตอบรู้เรื่อง)
เราถามว่า เมิงเลือกมา เลือกผี กับเลือกGu เมิงเลือกไร "Guเลือกผี!"
หลังจากนั้น เราตัดขาดเพื่อนโดยถาวร เราบอกเลิก เราเด็ดขาดพอ บล็อกไลน์+เบอร์ทุกอย่าง ลบทิ้ง
โกรธเรื่องนั้นไม่พอ เมิงยังสะเออะ เลือกผีอีก เห็นผีดีกว่าตรู T-T
เราโทรไปคุยกับพ่อเพื่อน เล่าให้ฟังทุกอย่าง บอกว่า ถ้าวันไหนพ่อรื้อห้องนอนเขา
แอบดูหน่อยนะคะว่าเลี้ยงตัวอะไรอยู่ไหม ให้จับทิ้งไปเลย เขาบอกหนูว่าเขาจะไม่เข้าวัด หนูงงมาก
หนูอยากให้พ่อพาเขาเข้าวัดดูเผื่อจะดีขึ้นได้ค่ะ
หลังจากบอกเลิกเพื่อนประมาณเดือนนึง มีโทรศัพท์ปริศนาโทรเข้าบ้าน แม่มาเล่าให้เราฟังว่า
ตอนนั้นเราไม่อยู่ มี ผญ.คนนึงโทรมาขอสายเรานะ เสียงเหมือน.....เลย (ชื่อเพื่อน) พอดีแม่ไม่ได้ถามชื่อ
แม่บอกแค่ว่า เราไม่อยู่ ..............................จนถึงทุกวันนี้เราก็ยังไม่รู้ว่า สายนั้นที่โทรมาคือใคร ?
เพราะถ้าเพื่อนคนอื่น โทรมือถือกันหมด (ไม่มีใครโทรเบอร์บ้านแล้ว) นึกแล้วก็แอบขนลุก
แต่เราก็ไม่มีวันที่จะกลับไปอีกแล้ว ขอโทษจริงๆ เพื่อนรัก
สรุป
1. เราไม่รู้ว่าคือผี อะไร ผีจริง หรือ ผีมโน
2. เราคบกับเพื่อนคนนี้มา 7 ปี (รวมช่วงที่ป่วยด้วย)
3. เราโกรธที่เพื่อนไปบอกว่า เราสั่งให้บล็อก
4. แต่โกรธกว่าที่เพื่อนเลือกผี มากกว่า เลือกเรา
5. บางครั้งเพื่อนเราพูดรู้เรื่อง ปนไม่รู้เรื่อง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโรค หรือเพราะนิสัยเขาเอง
6. อยากฝากไปถึง ผช.แรกคนนั้นที่มาหลอกเพื่อนเรา เพราะ ผช.Hereๆ แบบเมิง เมิงทำให้ชีวิตเพื่อนกุพัง
7. ความจริงเราเข้าใจทุกอย่างว่า ทำไมเพื่อนเราถึงเป็นแบบนั้น ทุกอย่างมันมีที่มาที่ไป ตั้งแต่ครอบครัว จนถึงเพื่อนรอบข้าง
แต่เราอยากดึงให้มันหลุดพ้น แต่เราดึงไม่ขึ้น เราเหนื่อยแล้ว เราขอโทษนะ
8. ป่านนี้เลี้ยงผีไม่รู้เป็นไงมั่ง อย่าให้ผีมันทำร้ายเธอก็พอนะ เพื่อน
เมื่อฉันบอกเลิกเพื่อนสนิท ที่คบกันมา 7 ปี
เรื่องที่กำลังจะเล่า คือเรื่องจริงทั้งหมด และหลังจากเล่าเราน่าจะโดนด่า เพราะเราเป็นคนทิ้งเพื่อนคนนี้ไปเอง
เราจะยอมรับทุกความคิดเห็น และหวังว่าจะได้บทเรียนอะไรดีๆ จากที่นี่ (หรือได้ บาทา)
สมัย ม.ปลายเรามีเพื่อน ผญ.เธอเป็นรุ่นน้อง มีเพื่อนน้อย น่ารักนิสัยดี ติงต๊อง โทรคุยกันทุกวันแทบสายไหม้
ถัดมา ต่างคนต่างเข้ามหาลัย แยกย้าย และไม่ค่อยได้คุยกันเหมือนก่อน เพราะเพื่อนเราย้ายไปอยู่หอ
ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาถือว่า สนิทมากที่สุด เราเคยนอนบ้านเพื่อน เพื่อนเคยนอนบ้านเรา แต่ละครอบครัวต่างรู้จักกันดี
จู่ๆ เพื่อนเราก็หายไป ซึ่งเราก็ไม่ได้สงสัยอะไร ต่างคนต่างเรียน หายไปนานเกือบปีได้ เรายอมรับว่าไม่ได้โทรหา
(เหมือนเพื่อนเก่าที่เริ่มจะลางๆ)
ต่อมา ตอนนั้นเราอยู่ที่มหาลัย แม่โทรหาเราด้วยน้ำเสียงตกใจมาก เล่าให้ฟังว่า เพื่อนเราคนนี้โทรเข้าบ้านหาเรามากกว่า 10 ครั้ง
เพื่อนถามเรื่องเดิมๆว่า ".....อยู่บ้านมั้ย" (จุดๆ คือเอ่ยชื่อเรา) พอแม่บอกว่า ไม่อยู่บ้าน อยู่มหาลัย
ถัดไปไม่กี่นาที ก็โทรมาอีก ถามคำถามเดิม ทั้งๆที่เพิ่งวางสายแม่ไป แม่บอกว่า น่ากลัวมากเหมือนโรคจิต ขนลุกไปหมดแล้ว
เราก็ตกใจไปด้วย แถมสงสัยว่าทำไมมันไม่โทรเข้ามือถือเรา จึงรีบโทรหาเพื่อน แต่โทรไม่ติด แล้วเราจำได้ว่ามีเบอร์พ่อเขา
จึงโทรไปคุย และได้คำตอบว่า "ลาออกจากมหาลัยแล้ว มารักษาตัวอยู่ที่ศรีธัญญา"
เราช็อคจนน้ำตาไหล เมื่อพ่อเขาเล่าต่อว่า "พ่อก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เหมือน...ไปรัก ผช.คนนึง
จนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ เดินไปหา ผช.คนนั้นที่หอถึงดึกๆ เคาะประตูโวยวาย ไม่ใส่รองเท้า วิ่งกลางถนน จนเกือบรถชนตาย
แล้วก็พูดไม่รู้เรื่อง เรียนต่อไม่ได้ พร่ำเพ้อ แถมยังพูดถึงไสยศาสตร์อะไรก็ไม่รู้"
เลยสรุปกับพ่อเพื่อนว่า ถ้าเพื่อนอยากเจอเราขนาดนั้น เราก็ยินดีจะเจอ ซึ่งแม่เราไม่ยินยอมที่จะให้เราไปหาที่บ้านเพื่อน
แต่ให้เพื่อนมาบ้านเราแทน เพราะกลัวเราเป็นอันตราย เราเลยตกลงกับพ่อเขา ก็โอเค หลังจากนั้นพ่อก็ขับรถพาเพื่อนมาส่งที่บ้าน
สภาพที่เราเห็น เพื่อนเราโทรมมาก ที่สำคัญ พูดไม่รู้เรื่องเลย เราไม่อยากจะเชื่อสายตาว่านี่คือเพื่อนเราจริงๆ
เราคุยอะไรถามอะไรไม่ได้เลย ถามA ตอบB ถามB ตอบC และยังพร่ำเพ้อถึง ผช.คนนั้นตลอดเวลา (ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าคือใคร)
สรุปภาพรวมคือ เราคิดว่า ผช.คนนี้น่าจะมาหลอกเพื่อนเรา จนทำให้เสียสติ
เพราะเพื่อนเราเพ้อเสมอว่า "กลัวท้อง" แล้วก็ร้องไห้ แล้วก็เหม่อ แล้วก็หัวเราะ
(จะบอกว่าภาพที่เห็นตอนนั้น ทั้งน่ากลัว ขนลุก และน่าสงสารจับใจ)
เราจะไม่ขุดคุ้ยหาความจริงอะไรอีก เราสัญญากับตัวเองว่า จะพาให้เพื่อนหลุดพ้นจากตรงนี้ให้ได้
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ถัดมาเกือบ 2 ปี เราเรียนจบ จนทำงานแล้ว เพื่อนเรายังคงรับยาจากศรีธัญญาตลอดเวลา จนเริ่มดีขึ้น คุยรู้เรื่องแล้ว
ถามอะไรก็ตอบได้แล้ว เราดีใจสุดๆ อันดับแรกที่เราห่วงคือเรื่องการเรียน เราอยากให้มันจบปริญญาตรี เพื่อนเลยไปลงเรียน มสธ.
กลับมาตั้งใจเรียนเหมือนเดิม เราจะให้กำลังใจตลอดว่า ผช.ช่างมันนะ เอาตัวเราให้ดีที่สุด จะได้ไปเย้ยมัน!
เรียนไปได้ 2 ปี มีหลายตัวที่สอบตก สอบหลายครั้งก็ยังไม่ผ่าน สุดท้ายชีวิตเพื่อนก็พลิกผัน
เมื่อครอบครัวเพื่อนตัดสินใจไม่ส่งให้เพื่อนเรียนต่อ และ(บังคับ)ให้ออกมาหางานทำแทน
พูดง่ายๆ คือ เหมือนครอบครัวเขาตั้งเป้าไว้แล้วว่า จะเรียนจบปีไหน มีงานทำปีไหน เงินเดือนเท่าไร แต่ตอนนี้ผิดแผนไปหมด
ต่อมา เพื่อนเราออกมาหางานทำ แต่เพราะมีวุฒิจบแค่ ม.6 งานที่ได้ทำก็จะออกแนวแรงงาน
เพื่อนจะเล่าให้ฟังตลอดว่า ทนไม่ไหว ทำได้ 2 วันก็ลาออก 7 วันก็ถูกไล่ออก วนเวียนแบบนี้ไปเรื่อยๆ
เหมือนอดทนอะไรนานๆ ไม่ได้ แต่เราจะบอกเสมอว่า อดทนหน่อยนะ ทำงานจะได้มีเงิน แล้วเก็บเงินเรียนต่อไง
ต่อมา เพื่อนเราเริ่มปักหลักกับงานได้ที่หนึ่ง และมักเล่าให้ฟังเสมอว่า เพื่อนร่วมงานเป็นแบบนั้นแบบนี้
ผช.ชอบมาเหมือนแต๊ะอั๋ง จับนั่นนี่ ถามว่ามีแฟนยัง เคยไรยัง ชวนไปบ้าน
เรารู้สึกว่าเฮ้ย ผช.แบบนี้ไม่โอเคเลย อย่าไปยุ่ง อย่าสนใจ อันตราย
แต่เพื่อนเราก็จะ แหมไม่เป็นไรมั้ง เรารู้สึกเพื่อนเราอ่อนแอและอ่อนไหวง่ายมาก เราพยายามทำความเข้าใจ
และบอกเพื่อนว่า อย่าให้ใครมาทำร้ายใจเราอีก ตั้งสติให้ดีๆ ก่อน
ต่อมา เพื่อนเราเล่าให้ฟังว่า รู้สึกชอบ ผช.คนนี้ (ที่ทำงานใหม่) เราก็ยังแซว เห็นไหม ลืมคนเก่าได้แล้วสิ
เห็นเพื่อนเรามีรักใหม่ ดูมีความสุข ยิ้มได้ เราก็ดีใจ แต่... ตอนหลังเพื่อนมาเล่าว่า "ผช.เขามีแฟนแล้วอ่ะ"
เราก็ อ่าว... จบค่ะ แยกย้ายๆ ต่างคนต่างทำงานไป ถ้ารู้ตัวว่าเลิกชอบไม่ได้ ก็ชอบต่อไป แต่แค่อย่าแสดงออกน่าเกลียดก็พอ
เพื่อนก็ถามว่า โทรหาได้ไหม เราบอก ไม่ได้ ผช.มีแฟนแล้วนะ
เพื่อนก็ถามว่า งั้นไลน์คุยได้ไหม เราบอกว่า คุยเรื่องทั่วไปได้ แต่อย่าเกินไปกว่านั้น
เพื่อนก็ถามว่า งั้นตัวเขาทำอะไรได้บ้าง! โมโหใส่เรา เราก็อ้าว ก็เขามีแฟนแล้วจะไปอะไรเยอะแยะเล่า
ถัดมา เพื่อนเล่าว่า เหมือน ผช.จะรู้ว่ามันชอบ เลยพยายามอ่อย เราบอกว่า อย่าไปหลงกล ไม่ต้องสนใจ
เพื่อนปรึกษาว่า ควรตั้งสเตตัสว่าไงให้เขาเลิกยุ่งดี? เราบอกว่า เมิงไม่ต้องตั้งอะไรเลยน่ะดีที่สุด!
ถัดมา เพื่อนเล่าว่า โทรไปหา ผช.ตอนตี1 เราก็อ้าวเฮ้ย โทรไปทำไม
เราบอกว่า ไม่ได้นะ เหงาแค่ไหนก็ห้ามโทร จนพักหลังๆ กลายเป็นว่า เพื่อนเรานี่แหละไปอ่อย ผช.แทน
หลายครั้งเราทะเลาะกัน เพราะเพื่อนไม่ฟังเรา ยึดเอาแต่สิ่งที่ตนเองต้องการ และบอกตลอดว่า ไม่สบายอยู่นะต้องกินยา
เป็นแบบนี้อยู่สักพักใหญ่ๆ เราเริ่มเหนื่อยและท้อ เพราะเหมือนยิ่งรั้ง เพื่อนเรายิ่งเตลิดไปไกล
แต่ถ้าไม่รั้ง ก็จะไปไกลกว่านี้อีก เพราะไม่มีใครกรองข้อมูลให้ (ประมาณว่า เละแล้ว เละเลย)
จนกระทั่งล่าสุด เพื่อนบอกว่า ผช.มาบอกว่ารำคาญ เราถึงกับสะอึก (เพื่อนด่ากันเอง ยังไม่เท่า คนนอกด่าว่า รำคาญ)
เพื่อนเราเสียใจหนักมาก บอกว่าไม่มีคนรัก ทำอะไรก็ผิด เราก็ เฮ้ยไม่ใช่แบบนั้น
สุดท้ายแล้ว เพื่อนเราก็ทนเห็นหน้า ผช.คนนั้นไม่ได้ บอกว่าทรมานใจ จึงต้องลาออกและหางานใหม่
เราเลยสอนว่า อย่าให้ ผช.คนไหนมาทำให้เราเสียอนาคตอีกเลย แต่ไม่เป็นไร งั้นเริ่มใหม่กันนะ ตัดอดีตทิ้งไป
แต่เพื่อนเรายังตัดไม่ขาด ขอเก็บไลน์+เบอร์ ผช.คนนี้ไว้
เรากลัวว่า คืนไหนมันเหงาแล้วเผลอโทรหา ถูก ผช.หลอกไปหาทำไง เลยสั่งว่า ห้ามเก็บ บล็อกทิ้งให้หมด
เพื่อนเลยจำใจบล็อก ผช.คนนั้น ตามที่เราสั่ง
สุดท้าย เพื่อนมาเล่าว่า ฝั่งเพื่อน ผช.ไลน์มาหาบอกว่า บล็อก ผช.คนนั้นหรอ
แล้วเพื่อนตอบไปว่า ".....สั่งให้บล็อกอ่ะ" คือเอ่ยชื่อเราไป และให้เหตุผลฝั่งนั้นว่า จริงๆไม่ได้อยากบล็อก แต่เราสั่งไว้
ซึ่งเพื่อนเราก็เล่าให้ฟังเรียบๆ เหมือนแค่มาเล่าให้ฟังเฉยๆ แต่เราโกรธมาก มาก ถึง มาก ที่สุด
เราถามเพื่อน (แบบงี่เง่าเลย) ว่า พูดแบบนี้หมายความว่า สรุปเราผิดใช่มั้ยที่สั่งให้บล็อก? โทษเราใช่มั้ย?
แล้วไหนบอกจะตัดขาด แต่ทำไมยังคุยอยู่ เพื่อนบอกว่า ก็ไม่ได้คุยกับ ผช.คนนั้น แค่คุยกับเพื่อนเขาแค่นั้น
เราถามว่า ก็เลิกยุ่งให้หมดเลยไม่ได้หรอ ก็ลาออกมาแล้วนี่ เพื่อนก็โมโหเรากลับ บอกว่า ทำไมเราต้องโมโห
จากนั้นเราก็ทะเลาะกัน (จริงๆปกติก็ทะเลาะกันบ่อยอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้สำหรับเราคือแรงที่สุด เพราะเราไม่ยอม)
เราบอกว่า มันต้องรู้จักปล่อยวางให้ได้ ไปเข้าวัดบ้างก็ดี ชีวิตไม่ควรจมอยู่กับอดีต เริ่มใหม่ก็คือเริ่มใหม่ อย่าไปแคร์คนอื่นให้มาก
ในระหว่างที่เรากำลังอารมณ์ขึ้น จู่ๆ เพื่อนก็บอกว่า "Guไม่เข้าวัด และจะไม่มีวันเข้าวัด" เราเหวอไปเลย ถามว่า ทำไม
เพื่อนบอก ไม่เข้าวัด เพราะเลี้ยงผีอยู่ เราก็ อ้าว! อะไรของมันนี่ พยายามไล่ถามว่า ผีอะไรวะไหนเล่าให้ฟัง
เพื่อนพูดชื่อผีมา 3 ชื่อ เรา งง หนักมาก เราถามว่าได้มายังไง สรุปกลายเป็นว่า พูดไม่รู้เรื่องอีกเลย
ถามA ได้B ถามB ได้C เหมือนสมัยที่เพื่อนยังอาการหนักอยู่
สุดท้าย เราถามว่า เลี้ยงผีแล้วได้อะไร เพื่อนบอกว่า "ผีคอยคุ้มครองเขาอยู่" (อันนี้ตอบรู้เรื่อง)
เราถามว่า เมิงเลือกมา เลือกผี กับเลือกGu เมิงเลือกไร "Guเลือกผี!"
หลังจากนั้น เราตัดขาดเพื่อนโดยถาวร เราบอกเลิก เราเด็ดขาดพอ บล็อกไลน์+เบอร์ทุกอย่าง ลบทิ้ง
โกรธเรื่องนั้นไม่พอ เมิงยังสะเออะ เลือกผีอีก เห็นผีดีกว่าตรู T-T
เราโทรไปคุยกับพ่อเพื่อน เล่าให้ฟังทุกอย่าง บอกว่า ถ้าวันไหนพ่อรื้อห้องนอนเขา
แอบดูหน่อยนะคะว่าเลี้ยงตัวอะไรอยู่ไหม ให้จับทิ้งไปเลย เขาบอกหนูว่าเขาจะไม่เข้าวัด หนูงงมาก
หนูอยากให้พ่อพาเขาเข้าวัดดูเผื่อจะดีขึ้นได้ค่ะ
หลังจากบอกเลิกเพื่อนประมาณเดือนนึง มีโทรศัพท์ปริศนาโทรเข้าบ้าน แม่มาเล่าให้เราฟังว่า
ตอนนั้นเราไม่อยู่ มี ผญ.คนนึงโทรมาขอสายเรานะ เสียงเหมือน.....เลย (ชื่อเพื่อน) พอดีแม่ไม่ได้ถามชื่อ
แม่บอกแค่ว่า เราไม่อยู่ ..............................จนถึงทุกวันนี้เราก็ยังไม่รู้ว่า สายนั้นที่โทรมาคือใคร ?
เพราะถ้าเพื่อนคนอื่น โทรมือถือกันหมด (ไม่มีใครโทรเบอร์บ้านแล้ว) นึกแล้วก็แอบขนลุก
แต่เราก็ไม่มีวันที่จะกลับไปอีกแล้ว ขอโทษจริงๆ เพื่อนรัก
สรุป
1. เราไม่รู้ว่าคือผี อะไร ผีจริง หรือ ผีมโน
2. เราคบกับเพื่อนคนนี้มา 7 ปี (รวมช่วงที่ป่วยด้วย)
3. เราโกรธที่เพื่อนไปบอกว่า เราสั่งให้บล็อก
4. แต่โกรธกว่าที่เพื่อนเลือกผี มากกว่า เลือกเรา
5. บางครั้งเพื่อนเราพูดรู้เรื่อง ปนไม่รู้เรื่อง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโรค หรือเพราะนิสัยเขาเอง
6. อยากฝากไปถึง ผช.แรกคนนั้นที่มาหลอกเพื่อนเรา เพราะ ผช.Hereๆ แบบเมิง เมิงทำให้ชีวิตเพื่อนกุพัง
7. ความจริงเราเข้าใจทุกอย่างว่า ทำไมเพื่อนเราถึงเป็นแบบนั้น ทุกอย่างมันมีที่มาที่ไป ตั้งแต่ครอบครัว จนถึงเพื่อนรอบข้าง
แต่เราอยากดึงให้มันหลุดพ้น แต่เราดึงไม่ขึ้น เราเหนื่อยแล้ว เราขอโทษนะ
8. ป่านนี้เลี้ยงผีไม่รู้เป็นไงมั่ง อย่าให้ผีมันทำร้ายเธอก็พอนะ เพื่อน