สวัสดีค่ะ

ก่อนอื่น ขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ชื่อ แนน เป็นคนชอบเที่ยว ชอบถ่ายรูปในที่ต่างๆ แต่ไม่เคยได้เขียนรีวิวเพราะคิดว่ายังเป็นคนที่เขียนรีวิวไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ แต่ก็ขอเขียนเพื่อเป็นการแชร์ประสบการณ์ไม่มากก็น้อยและกันนะคะ การเขียนครั้งนี้ ไม่ได้ตั้งใจที่จะเขียนรีวิวมาก่อน หากรูป/ข้อความใดผิดพลาดก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ

เริ่มกันเลย !!! ทริปนี้จริงๆเป็นทริปมาเลเซีย3วัน2คืน ซึ่งได้จองตั๋วมาเลเซียข้ามปีของ Airasia ไปกลับ2คน 2500บาท ตกคนละ1250บาท จากนั้นไม่นาน ก็ได้เจอโปรการบินไทยซึ่งต้องขึ้นจากมาเลเซียไปนาริตะ ในราคาคนละ8500บาท(ราคานี้ Full service รวมทุกสรรพสิ่ง ถือว่าคุ้มมาก)
- โดยรูทนี้ต้องนั่งการบินไทยจากกัวลาลัมเปอร์ ->มาต่อเครื่องที่สุวรรณภูมิ เพื่อบินจากสุวรรณภูมิไปนาริตะ (โอ้โห ล้ำมากกก)
- ส่วนขากลับ เราจะบินจากนาริตะ ->ไปลงสุวรรณภูมิเลย การเดินทางนี้ใช้เวลาทั้งสิ้น 10วัน (รวมวันถึงไทย)
Day 1 กัวลาลัมเปอร์ ตึกแฝด Petronas
Day 2 กัวลาลัมเปอร์
Day 3 Galayuzawa+Nagano
Day 4 Tateyama (Toyama)+Matsumoto
Day 5 Koriyama (Fukushima)
Day 6 Aomori+Hakodate
Day 7 Hirosaki+Tokyo
Day 8 Tokyo
Day 9 สนามบินนาริตะ เดินทางกลับ เวลา 12.00
Day 10 ถึงไทย โดยสวัสดิภาพ

Day 1**
เริ่มเดินทาง ทริปนี้บิน 12.50น.ชิวๆเลยคะ ถึงมาเลเซีย 16.00น. (+1ชม) ลงเครื่องปุ๊บ พอถึงด่านตม. บร้ะเจ้า คนเยอะมากกก อะไรขนาดนี้ คือแถวยาวเป็นกิโล กว่าจะผ่านตม.ได้ เป็นชั่วโมง พอผ่านด่านตม. ออกมานั่งขึ้นรถบัสเพื่อเข้าเมือง นั่งรถบัสจะถูกกว่านั่งรถไฟเข้าเมือง และใช้เวลานานกว่า แต่ถือว่าสะดวกสบายเลยทีเดียว นั่งรถบัสมาลงสถานี KL Sentral แล้วเข็นกระเป๋าต่อ ที่พักเรา คือ Hotel Sentral ราคาประมาณ 800บาท นิดๆ ไม่เกิน 900บาท โรงแรมถือว่า โอเคเลยคะ ห้องกว้าง ห้องน้ำเริ่ด มีไดร์เป่าผมให้ แต่ขอหักคะแนนตรงที่ว่าต้องยกกระเป๋าเพื่อไปขึ้นลิฟท์ (ประมาน10ขั้น) ซึ่งกระเป๋าก็หนักมากอันนี้ไม่ค่อยโอคะ หักคะแนน!! เก็บกระเป๋าเสร็จ ก็ออกเดินทางไปยังตึกแฝด Petronas คนเยอะมากๆ หามุมถ่ายรูปกันไม่ถูก จากนั้นเวลาเหลือเราก็เดินเล่น เดินแหล่งช้อปแถวนั้น แล้วกลับห้องนอน

Day 2**
วันสุดท้ายของการเที่ยวมาเลเซีย ก็ตระเวนช้อปปิ้งเบาๆตามห้างต่างๆฆ่าเวลา ถึงเวลาเดินทางกลับ ถึงสนามบินรอขึ้นเครื่อง 20.00น. เพื่อกลับมาสุวรรณภูมิ และจากสุวรรณภูมิไปนาริตะเครื่องออกประมาณ 23.00น. โดยการบินไทย เครื่องใหญ่มาก แต่ไม่ค่อยมีคน ยืดขาได้สบายยย บริการดี อิ่มตลอดทาง

Day 3**
แล้วก็มาถึง เวลาที่รอคอย !!! ถึงแล้ว สนามบิน นาริตะ ประเทศญี่ปุ่น เครื่องมาถึงเร็วกว่ากำหนด ประมาน 1ชม. ดีงาม มีเวลาเที่ยวเพิ่มขึ้นนิดนึง ผ่านตม.เสร็จ แล้วก็นั่งรถไฟจากสนามบินไปโตเกียว และต่อ Shikansen ไป Galayuzawa พร้อมกระเป๋าใบใหญ่คนละใบ ใช่คะ! ลากกระเป๋าไปเล่นหิมะ ฟังไม่ผิดคะ ทุลักทุเลพอสมควร ขึ้นๆลงๆ ในที่สุดเราก็ถึง Galayuzawa และวันนี้เราจะมาเล่นหิมะกัน มาถึงก็ติดต่อหน้าเค้าเตอร์ (มีภาษาไทยให้อ่านด้วย) มีบริการฝากกระเป๋า เช่าชุด นั่งกระเช้า เล่นsled (ลากเลื่อน) ค่าใช้จ่ายทั้งหมดอยู่ที่ประมาน 3000เยน/คน

เล่นเสร็จ หนาวเสร็จ ถึงเวลาลากกระเป๋ากันต่อ โดยคืนนี้เราจะนอนกันที่โรงแรม Hotel Sunroute Nagano-Highashiguchi ราคา2090บาท/คืน คืนนี้ต้องรีบนอน เพราะพรุ่งนี้เช้าเราจะออกเดินทางกันตั้งแต่ ตี5 เพื่อไปกำแพง Alps

Day 4**
ตื่นมาด้วยความงัวเงีย พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น แต่!!! ไปคะ แนนนี่ตื่นได้ (เรื่องเที่ยวขอให้บอก) วันนี้เรานั่งรถไฟไป Toyama เพื่อไปเที่ยว One day trip Tateyama โดยขึ้นรถรางประมาณ10นาที ต่อรถบัส 30นาที และระหว่างนั้น ทางเพจได้มีประกาศว่า อาจปิดบริการ ไม่ให้เข้า เนื่องจากสภาพอากาศไม่ค่อยดี (นอยสิคะ ตื่นตั้งแต่ตี5 นี่จะไม่ได้เข้าจริงไหรอเนี่ย) ลุ้นๆ ไหนๆมาละ ก็ต้องไปให้เห็นสักตั้งสิ และแล้วเราก็ได้ตั๋วรถบัส เราก็ได้ที่นั่ง และเราได้ไปต่อ !!!! ดีใจอย่างสุดซึ้ง ระหว่างทางจะคดเคี้ยวหน่อยๆ ถนนตัดผ่านทางหิมะ ขาวโพรนตลอดทาง ค่าใช้จ่ายที่ขึ้นมานี้อยู่ที่ประมาณ 10,000เยน/คน

ถึงที่หมาย ที่นั่งลุ้นมานานนน สวยมาก ขาวมาก คนเยอะมากๆคะ อุ้ย !!! ลืมบอกไป ว่าที่นี่เค้าจะเปิดเป็นช่วงๆนะคะ ไม่ได้เปิดตลอด ปีนี้จะเปิดให้เข้าช่วง เดือน เม.ย.-พ.ย. เท่านั้นคะ (รวมใช้เวลาทั้งสิ้น ตั้งแต่ออกจากโรงแรม มาถึงที่นี่ ประมาณ6ชม.)

และขากลับเราก็ต่อรถออกมาเพื่อไปที่ Matsumoto ต่อ ไปชมปราสาท Matsumoto และเป็นที่แรกที่เราเริ่มเห็นซากุระ ตื่นเต้นมากๆ แต่ที่นี่เริ่มร่วงโรยเบาๆ

แต่ได้เช็คสภาพอากาศทำให้รู้ว่าใกล้ๆนั้นมีซากุระที่เริ่มบานพอดี นั่นคือ สวนสาธารณะ Joyama ซึ่งเดินไปประมาน 2km ไปถึง คือสวยมาก บานมาก ชมพูมาก ถือว่าคุ้มค่ากับการเดินเลยทีเดียว (คือเหนื่อยมากจริงๆ)



หลังจากชมความสวยงามกันอย่างเพลิดเพลิน หันมาดูนาฬิกาอีกที ตายๆๆๆ เกือบมาขึ้นรถไฟไม่ทัน จ่ำกัน ขาขวิดสุดชีวิต ในที่สุดก็ทันคะ เราขึ้นรถไฟเพื่อไปเอากระเป๋าที่โรงแรม และมาพักโรงแรมอีกที่นีง คือ APA Hotel Koriyama-Ekimae (Fukushima) ราคา 2205บาท

Day 5 **
วันนี้เราจะไปกันที่ Fukushima จากพยากรณ์แถบนี้ซากุระจะเริ่ม Full bloom พอดิบพอดี แต่ที่ Hanamiyama Park ซากุระได้ร่วงเกือบหมด แต่ดอกพีชได้เริ่มบานและต้นไม้แถบนั้นเป็นใบไม้ออกสีแดงๆ ก็สวยไม่แพ้กันเลยทีเดียว

ถ่ายออกมาเหมือนภาพวาดมากๆ

และจากนั้นออกเดินทางไปอีกที เพื่อไปหาซากุระ Full bloom เช่นกัน ที่ Dakeonsen (อิ่มซากุระกันเลย) โดยระหว่างที่เรากำลังเดินทางไป คือเราก็นั่งรอรถบัส ซึ่งตามกำหนดรอประมาณ 1ชม.กว่ารถบัสจะมา (ซึ่งได้ถาม Taxi ค่าเดินทางประมาน 4000เยน ซึ่งรถบัส จะคนละ1000เยน) ก็โอเค รอก็รอ เพื่อความประหยัด แต่ทันใดนั้น!!! ได้มีคุณลุงคุณป้าสามีภรรยาชาวญี่ปุ่นได้เดินมา ก็คุยๆกับคนขับรถบัส ทำนองว่าต้องรอรถบัส 1ชม.เหมือนกัน(ไปที่เดียวกันสินะ คิดในใจ) แล้วทีนี้คุณลุงขับรถบัสก็ชี้มาทางเรา ทำนองว่าเราก็จะไปที่นั่นเหมือนกัน แล้วก็โยนมาให้เราคุยกันเอง (จะไป Dake เหมือนกันใช่ไหม อร้ายยย กรี้ดดดด ไปต้องรออออ) แต่ซึ่งจริงๆเราก็ไม่แน่ใจว่าคุณลุงจะไปทางเดียวกันกับเราจริงๆใช่ไหม ซึ่งคุณลุงก็ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ เราก็ไม่สามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้ เราก็ใช้ภาษามือเอา (ซากุระๆ เปิดรูปๆ yesๆ) โอเคเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ก็ขึ้น Taxi ไปกะคุณลุงเลยยย

ในที่สุดเราก็มาถึง สรุปที่เดียวกันค่า ดีใจมาก ไม่โดนหลอก เราก็ช่วยแชร์ค่ารถให้คุณลุงกับคุณป้า คือเรายื่นค่าTaxiให้เท่าไร นางก็ไม่เอา นางก็บอกทำนองว่า ไม่เป็นไรๆ ทางเดียวกัน จนสุดท้ายเราก็ต้องขอบคุณคุณลุงคุณป้างามๆที่ให้เราติดรถมาด้วยในครั้งนี้ จากนั้นเราก็ได้ตื่นเต้นกับซุ้มซากุระที่บานสะพรั่ง สวยมากกก ขาวมาก บานมากๆ เดินถ่ายรูปไปๆมา



เสร็จแล้วก็นั่งรถบัสเพื่อกลับลงมาที่สถานี แล้วมาเอากระเป๋าที่โรงแรม และนั่งรถไฟไป Aomori โดยที่พักคืนนี้คือ Hotel Select Inn Aomori ราคา3361บาท/2คืน

Day 6**
วันนี้เราจะเดินทางขึ้นเหนือกันนน นั่นก็ คือ เกาะ Hokkaido แต่ครั้งนี้เราจะไปแค่ Hakodate ที่เดียวเท่านั้น เพราะฝนตกจ้า เดินทางยากมาก และแล้วเราก็ถึงป้อม Goryokaku Park เป็นจุดชมวิวอีกหนึ่งจุด หรือที่เรียกกันว่า The Castle of Star เป็นป้อมปราการรูปดาว

หลังจากเสร็จภารกิจต่างๆก็กลับมาที่Aomori และเดินทางต่อไปที่ Hirosaki park เพื่อไปดูซากุระ(ตอนกลางคืน)มันก็จะสวยงามไปอีกแบบ และพอถึงฝนก็ยังตกไม่หาย อากาศหนาวและแฉะมาก ควันออกปาก แต่เราก็ไม่ท้อ มุ่งหน้าเข้าไปหาซากุระทันที ซึ่งเป็นการชมซากุระกลางคืนที่ไม่เคยเห็นมาก่อน สวยมาก โดยเขาจะใช้วิธีการส่องไฟไปที่ต้นและไฟก็จะเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ



Day 7**
จากเมื่อคืนที่ยังไม่สะใจกับซากุระกลางคืน แฉะ หนาว และทนไม่ไหว เลยขอไปแก้ตัวซากุระที่ Hirosaki Park อีกรอบ อากาศดีมากๆ ซากุระพร้อมใจกันบานสวยสง่าตลอดทาง




เสดภารกิจวันนี้เราก็ไปเอากระเป๋าที่โรงแรม แล้วมานอนที่ โรงแรม Hotel Horidome Villa(Tokyo) ราคา 3392บาท/2คืน

Day 8 **
วันนี้จะท่องเที่ยวในย่าน Tokyo ได้เวลา Shopping แล้ว โดยเริ่มจากย่าน Akihabara เรากะแฟนก็ต้องแยกกัน ณ ที่แห่งนี้ 5555 นางก็ไปเดินส่องของเล่นของนาง เราก็ไปเล่นดูของตะมุตะมิเรื่อยๆ ได้ติดไม้ติดมือมาคนละหลายๆชิ้น และสถานีต่อไปเราก็นั่งรถไฟไปชานเมืองเพื่อส่องของมือสอง และกลับมาย่านของเล่นที่ Nakano

Day 9**
วันสุดท้าย ได้ไปเที่ยวกันต่อที่ Tokyo Tower และเดินเล่นดูของที่ Shibuya และ Harajuku เบาๆ

และกลับปิดส่งท้ายที่อากิคาบาระ(อีกรอบ) ยังไม่พอคือกระเป๋าก็จะแตกแล้ววว
และนี่คืออีกหนึ่งชิ้นที่ทำให้การเดินทางลำบากมากขึ้น (แฟนอยากได้ จ้องตั้งแต่อยู่ไทยละ)

เสร็จก็มาเอากระเป๋าและไปสนามบิน คืนนี้นอนกันที่สนามบิน เพราะพรุ่งนี้เช้า กลับ 12.00น. เลยนอนสนามบินก็ได้ ประหยัดดี (งกเบาๆ) แต่ก็โอเค ไม่ต้องตื่นเช้า และที่สำคัญ คือ จะไม่ตกเครื่องแน่ๆ (ประสบการณ์ตกเครื่อง 1ครั้งที่ญี่ปุ่น เสียใจมาก)

Day 10**
ถึงไทยโดยสวัสดิภาพ เวลา16.30น.
สรุปแล้ว ไปทั้งหมด2ประเทศ10เมือง โดยค่าใช้จ่ายประมาณ คนละ 50,000บาทไทย/คน รวมทุกอย่าง กินจนตัวแตก ช๊อปจนทะลุกระเป๋า เหมา duty free

โดยรอบนี้เราไปเป็นรอบที่3 และมีข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ต่างพอสมควร หากท่านใดต้องการคำแนะนำหรือคำชี้แนะ เรายินดีให้คำปรึกษาคะ
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาถึงจุดนี้ มันยาวมากจริงๆ ขอบคุณค่ะ
[CR] * - ตะลุย Japan แถมบิน Malaysia - *
เริ่มกันเลย !!! ทริปนี้จริงๆเป็นทริปมาเลเซีย3วัน2คืน ซึ่งได้จองตั๋วมาเลเซียข้ามปีของ Airasia ไปกลับ2คน 2500บาท ตกคนละ1250บาท จากนั้นไม่นาน ก็ได้เจอโปรการบินไทยซึ่งต้องขึ้นจากมาเลเซียไปนาริตะ ในราคาคนละ8500บาท(ราคานี้ Full service รวมทุกสรรพสิ่ง ถือว่าคุ้มมาก)
- โดยรูทนี้ต้องนั่งการบินไทยจากกัวลาลัมเปอร์ ->มาต่อเครื่องที่สุวรรณภูมิ เพื่อบินจากสุวรรณภูมิไปนาริตะ (โอ้โห ล้ำมากกก)
- ส่วนขากลับ เราจะบินจากนาริตะ ->ไปลงสุวรรณภูมิเลย การเดินทางนี้ใช้เวลาทั้งสิ้น 10วัน (รวมวันถึงไทย)
Day 1 กัวลาลัมเปอร์ ตึกแฝด Petronas
Day 2 กัวลาลัมเปอร์
Day 3 Galayuzawa+Nagano
Day 4 Tateyama (Toyama)+Matsumoto
Day 5 Koriyama (Fukushima)
Day 6 Aomori+Hakodate
Day 7 Hirosaki+Tokyo
Day 8 Tokyo
Day 9 สนามบินนาริตะ เดินทางกลับ เวลา 12.00
Day 10 ถึงไทย โดยสวัสดิภาพ
เริ่มเดินทาง ทริปนี้บิน 12.50น.ชิวๆเลยคะ ถึงมาเลเซีย 16.00น. (+1ชม) ลงเครื่องปุ๊บ พอถึงด่านตม. บร้ะเจ้า คนเยอะมากกก อะไรขนาดนี้ คือแถวยาวเป็นกิโล กว่าจะผ่านตม.ได้ เป็นชั่วโมง พอผ่านด่านตม. ออกมานั่งขึ้นรถบัสเพื่อเข้าเมือง นั่งรถบัสจะถูกกว่านั่งรถไฟเข้าเมือง และใช้เวลานานกว่า แต่ถือว่าสะดวกสบายเลยทีเดียว นั่งรถบัสมาลงสถานี KL Sentral แล้วเข็นกระเป๋าต่อ ที่พักเรา คือ Hotel Sentral ราคาประมาณ 800บาท นิดๆ ไม่เกิน 900บาท โรงแรมถือว่า โอเคเลยคะ ห้องกว้าง ห้องน้ำเริ่ด มีไดร์เป่าผมให้ แต่ขอหักคะแนนตรงที่ว่าต้องยกกระเป๋าเพื่อไปขึ้นลิฟท์ (ประมาน10ขั้น) ซึ่งกระเป๋าก็หนักมากอันนี้ไม่ค่อยโอคะ หักคะแนน!! เก็บกระเป๋าเสร็จ ก็ออกเดินทางไปยังตึกแฝด Petronas คนเยอะมากๆ หามุมถ่ายรูปกันไม่ถูก จากนั้นเวลาเหลือเราก็เดินเล่น เดินแหล่งช้อปแถวนั้น แล้วกลับห้องนอน
วันสุดท้ายของการเที่ยวมาเลเซีย ก็ตระเวนช้อปปิ้งเบาๆตามห้างต่างๆฆ่าเวลา ถึงเวลาเดินทางกลับ ถึงสนามบินรอขึ้นเครื่อง 20.00น. เพื่อกลับมาสุวรรณภูมิ และจากสุวรรณภูมิไปนาริตะเครื่องออกประมาณ 23.00น. โดยการบินไทย เครื่องใหญ่มาก แต่ไม่ค่อยมีคน ยืดขาได้สบายยย บริการดี อิ่มตลอดทาง
แล้วก็มาถึง เวลาที่รอคอย !!! ถึงแล้ว สนามบิน นาริตะ ประเทศญี่ปุ่น เครื่องมาถึงเร็วกว่ากำหนด ประมาน 1ชม. ดีงาม มีเวลาเที่ยวเพิ่มขึ้นนิดนึง ผ่านตม.เสร็จ แล้วก็นั่งรถไฟจากสนามบินไปโตเกียว และต่อ Shikansen ไป Galayuzawa พร้อมกระเป๋าใบใหญ่คนละใบ ใช่คะ! ลากกระเป๋าไปเล่นหิมะ ฟังไม่ผิดคะ ทุลักทุเลพอสมควร ขึ้นๆลงๆ ในที่สุดเราก็ถึง Galayuzawa และวันนี้เราจะมาเล่นหิมะกัน มาถึงก็ติดต่อหน้าเค้าเตอร์ (มีภาษาไทยให้อ่านด้วย) มีบริการฝากกระเป๋า เช่าชุด นั่งกระเช้า เล่นsled (ลากเลื่อน) ค่าใช้จ่ายทั้งหมดอยู่ที่ประมาน 3000เยน/คน
เล่นเสร็จ หนาวเสร็จ ถึงเวลาลากกระเป๋ากันต่อ โดยคืนนี้เราจะนอนกันที่โรงแรม Hotel Sunroute Nagano-Highashiguchi ราคา2090บาท/คืน คืนนี้ต้องรีบนอน เพราะพรุ่งนี้เช้าเราจะออกเดินทางกันตั้งแต่ ตี5 เพื่อไปกำแพง Alps
ตื่นมาด้วยความงัวเงีย พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น แต่!!! ไปคะ แนนนี่ตื่นได้ (เรื่องเที่ยวขอให้บอก) วันนี้เรานั่งรถไฟไป Toyama เพื่อไปเที่ยว One day trip Tateyama โดยขึ้นรถรางประมาณ10นาที ต่อรถบัส 30นาที และระหว่างนั้น ทางเพจได้มีประกาศว่า อาจปิดบริการ ไม่ให้เข้า เนื่องจากสภาพอากาศไม่ค่อยดี (นอยสิคะ ตื่นตั้งแต่ตี5 นี่จะไม่ได้เข้าจริงไหรอเนี่ย) ลุ้นๆ ไหนๆมาละ ก็ต้องไปให้เห็นสักตั้งสิ และแล้วเราก็ได้ตั๋วรถบัส เราก็ได้ที่นั่ง และเราได้ไปต่อ !!!! ดีใจอย่างสุดซึ้ง ระหว่างทางจะคดเคี้ยวหน่อยๆ ถนนตัดผ่านทางหิมะ ขาวโพรนตลอดทาง ค่าใช้จ่ายที่ขึ้นมานี้อยู่ที่ประมาณ 10,000เยน/คน
ถึงที่หมาย ที่นั่งลุ้นมานานนน สวยมาก ขาวมาก คนเยอะมากๆคะ อุ้ย !!! ลืมบอกไป ว่าที่นี่เค้าจะเปิดเป็นช่วงๆนะคะ ไม่ได้เปิดตลอด ปีนี้จะเปิดให้เข้าช่วง เดือน เม.ย.-พ.ย. เท่านั้นคะ (รวมใช้เวลาทั้งสิ้น ตั้งแต่ออกจากโรงแรม มาถึงที่นี่ ประมาณ6ชม.)
และขากลับเราก็ต่อรถออกมาเพื่อไปที่ Matsumoto ต่อ ไปชมปราสาท Matsumoto และเป็นที่แรกที่เราเริ่มเห็นซากุระ ตื่นเต้นมากๆ แต่ที่นี่เริ่มร่วงโรยเบาๆ
แต่ได้เช็คสภาพอากาศทำให้รู้ว่าใกล้ๆนั้นมีซากุระที่เริ่มบานพอดี นั่นคือ สวนสาธารณะ Joyama ซึ่งเดินไปประมาน 2km ไปถึง คือสวยมาก บานมาก ชมพูมาก ถือว่าคุ้มค่ากับการเดินเลยทีเดียว (คือเหนื่อยมากจริงๆ)
หลังจากชมความสวยงามกันอย่างเพลิดเพลิน หันมาดูนาฬิกาอีกที ตายๆๆๆ เกือบมาขึ้นรถไฟไม่ทัน จ่ำกัน ขาขวิดสุดชีวิต ในที่สุดก็ทันคะ เราขึ้นรถไฟเพื่อไปเอากระเป๋าที่โรงแรม และมาพักโรงแรมอีกที่นีง คือ APA Hotel Koriyama-Ekimae (Fukushima) ราคา 2205บาท
วันนี้เราจะไปกันที่ Fukushima จากพยากรณ์แถบนี้ซากุระจะเริ่ม Full bloom พอดิบพอดี แต่ที่ Hanamiyama Park ซากุระได้ร่วงเกือบหมด แต่ดอกพีชได้เริ่มบานและต้นไม้แถบนั้นเป็นใบไม้ออกสีแดงๆ ก็สวยไม่แพ้กันเลยทีเดียว
ถ่ายออกมาเหมือนภาพวาดมากๆ
และจากนั้นออกเดินทางไปอีกที เพื่อไปหาซากุระ Full bloom เช่นกัน ที่ Dakeonsen (อิ่มซากุระกันเลย) โดยระหว่างที่เรากำลังเดินทางไป คือเราก็นั่งรอรถบัส ซึ่งตามกำหนดรอประมาณ 1ชม.กว่ารถบัสจะมา (ซึ่งได้ถาม Taxi ค่าเดินทางประมาน 4000เยน ซึ่งรถบัส จะคนละ1000เยน) ก็โอเค รอก็รอ เพื่อความประหยัด แต่ทันใดนั้น!!! ได้มีคุณลุงคุณป้าสามีภรรยาชาวญี่ปุ่นได้เดินมา ก็คุยๆกับคนขับรถบัส ทำนองว่าต้องรอรถบัส 1ชม.เหมือนกัน(ไปที่เดียวกันสินะ คิดในใจ) แล้วทีนี้คุณลุงขับรถบัสก็ชี้มาทางเรา ทำนองว่าเราก็จะไปที่นั่นเหมือนกัน แล้วก็โยนมาให้เราคุยกันเอง (จะไป Dake เหมือนกันใช่ไหม อร้ายยย กรี้ดดดด ไปต้องรออออ) แต่ซึ่งจริงๆเราก็ไม่แน่ใจว่าคุณลุงจะไปทางเดียวกันกับเราจริงๆใช่ไหม ซึ่งคุณลุงก็ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ เราก็ไม่สามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้ เราก็ใช้ภาษามือเอา (ซากุระๆ เปิดรูปๆ yesๆ) โอเคเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ก็ขึ้น Taxi ไปกะคุณลุงเลยยย
ในที่สุดเราก็มาถึง สรุปที่เดียวกันค่า ดีใจมาก ไม่โดนหลอก เราก็ช่วยแชร์ค่ารถให้คุณลุงกับคุณป้า คือเรายื่นค่าTaxiให้เท่าไร นางก็ไม่เอา นางก็บอกทำนองว่า ไม่เป็นไรๆ ทางเดียวกัน จนสุดท้ายเราก็ต้องขอบคุณคุณลุงคุณป้างามๆที่ให้เราติดรถมาด้วยในครั้งนี้ จากนั้นเราก็ได้ตื่นเต้นกับซุ้มซากุระที่บานสะพรั่ง สวยมากกก ขาวมาก บานมากๆ เดินถ่ายรูปไปๆมา
เสร็จแล้วก็นั่งรถบัสเพื่อกลับลงมาที่สถานี แล้วมาเอากระเป๋าที่โรงแรม และนั่งรถไฟไป Aomori โดยที่พักคืนนี้คือ Hotel Select Inn Aomori ราคา3361บาท/2คืน
วันนี้เราจะเดินทางขึ้นเหนือกันนน นั่นก็ คือ เกาะ Hokkaido แต่ครั้งนี้เราจะไปแค่ Hakodate ที่เดียวเท่านั้น เพราะฝนตกจ้า เดินทางยากมาก และแล้วเราก็ถึงป้อม Goryokaku Park เป็นจุดชมวิวอีกหนึ่งจุด หรือที่เรียกกันว่า The Castle of Star เป็นป้อมปราการรูปดาว
หลังจากเสร็จภารกิจต่างๆก็กลับมาที่Aomori และเดินทางต่อไปที่ Hirosaki park เพื่อไปดูซากุระ(ตอนกลางคืน)มันก็จะสวยงามไปอีกแบบ และพอถึงฝนก็ยังตกไม่หาย อากาศหนาวและแฉะมาก ควันออกปาก แต่เราก็ไม่ท้อ มุ่งหน้าเข้าไปหาซากุระทันที ซึ่งเป็นการชมซากุระกลางคืนที่ไม่เคยเห็นมาก่อน สวยมาก โดยเขาจะใช้วิธีการส่องไฟไปที่ต้นและไฟก็จะเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ
จากเมื่อคืนที่ยังไม่สะใจกับซากุระกลางคืน แฉะ หนาว และทนไม่ไหว เลยขอไปแก้ตัวซากุระที่ Hirosaki Park อีกรอบ อากาศดีมากๆ ซากุระพร้อมใจกันบานสวยสง่าตลอดทาง
เสดภารกิจวันนี้เราก็ไปเอากระเป๋าที่โรงแรม แล้วมานอนที่ โรงแรม Hotel Horidome Villa(Tokyo) ราคา 3392บาท/2คืน
วันนี้จะท่องเที่ยวในย่าน Tokyo ได้เวลา Shopping แล้ว โดยเริ่มจากย่าน Akihabara เรากะแฟนก็ต้องแยกกัน ณ ที่แห่งนี้ 5555 นางก็ไปเดินส่องของเล่นของนาง เราก็ไปเล่นดูของตะมุตะมิเรื่อยๆ ได้ติดไม้ติดมือมาคนละหลายๆชิ้น และสถานีต่อไปเราก็นั่งรถไฟไปชานเมืองเพื่อส่องของมือสอง และกลับมาย่านของเล่นที่ Nakano
วันสุดท้าย ได้ไปเที่ยวกันต่อที่ Tokyo Tower และเดินเล่นดูของที่ Shibuya และ Harajuku เบาๆ
และกลับปิดส่งท้ายที่อากิคาบาระ(อีกรอบ) ยังไม่พอคือกระเป๋าก็จะแตกแล้ววว
และนี่คืออีกหนึ่งชิ้นที่ทำให้การเดินทางลำบากมากขึ้น (แฟนอยากได้ จ้องตั้งแต่อยู่ไทยละ)
เสร็จก็มาเอากระเป๋าและไปสนามบิน คืนนี้นอนกันที่สนามบิน เพราะพรุ่งนี้เช้า กลับ 12.00น. เลยนอนสนามบินก็ได้ ประหยัดดี (งกเบาๆ) แต่ก็โอเค ไม่ต้องตื่นเช้า และที่สำคัญ คือ จะไม่ตกเครื่องแน่ๆ (ประสบการณ์ตกเครื่อง 1ครั้งที่ญี่ปุ่น เสียใจมาก)
ถึงไทยโดยสวัสดิภาพ เวลา16.30น.
สรุปแล้ว ไปทั้งหมด2ประเทศ10เมือง โดยค่าใช้จ่ายประมาณ คนละ 50,000บาทไทย/คน รวมทุกอย่าง กินจนตัวแตก ช๊อปจนทะลุกระเป๋า เหมา duty free
โดยรอบนี้เราไปเป็นรอบที่3 และมีข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ต่างพอสมควร หากท่านใดต้องการคำแนะนำหรือคำชี้แนะ เรายินดีให้คำปรึกษาคะ
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาถึงจุดนี้ มันยาวมากจริงๆ ขอบคุณค่ะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น