สวัสดีค่ะพี่ๆทุกคน หนูทั้งอยากระบายและขอความช่วยเหลือขอคำปรึกษาในเวลาเดียวกัน วันนี้หนูก็อยากจะระบายปัญหาชีวิตหนูที่กำลังประสบอยู่ตอนนี้ ถ้าเป็นไปได้หนูอยากให้พี่ๆหลายๆคนอ่านแล้วช่วยให้คำแนะนำหน่อยนะคะว่าหนูควรทำยังไงต่อไปดี ชีวิตหนูไม่ได้ดีแบบคนอื่นตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้น (จากกระทู้เก่า) ทำให้เป็นผลพวงมาถึงปัญหาชีวิตที่เกิดขึ้นในปัจจุบันของหนู
พ่อแม่หนูเสียเงินไปเป็นแสนๆกับที่นั่น เพราะเหตุนั้นชีวิตการศึกษาของหนูถึงดับวูบลงในทันตา ตอนช่วง ม.4-ม.5 หนูก็ได้เรียนมัธยมแบบคนอื่นดีๆอยู่นั่นแหละค่ะ แต่แล้วจนกระทั่งเงินของครอบครัวร่อยหรอลง หนูแอบคิดนะคะที่พ่อแม่คิดผิดที่ส่งหนูไปอยู่ ณ จุดๆนั้นทั้งที่มันไม่ใช่ความฝันหนูเลยแม้แต่น้อย นั่นแหละค่ะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้หนูต้องออกจากโรงเรียนกะทันหันก่อนขึ้น ม.6
พ่อแม่ไม่มีเงินส่งหนูเรียนอีกแล้ว ชีวิตหนูพังทลายลง แต่ด้วยความที่หนูยังอยากเรียนและไม่ยอมแพ้ ตอนนั้นหนูขอพ่อแม่ว่าไปเรียน กศน. ก็ได้ อย่างน้อยให้ได้วุฒิการศึกษาเทียบเท่า ม.6 ก็ยังดี ซึ่งพวกท่านก็โอเค ให้หนูไปเรียน กศน. ซึ่งหนูก็จบออกมาโดยใช้เวลา 1 ปีครึ่ง (ที่จบในระยะเวลาแค่นั้นเพราะหนูเอาวุฒิการศึกษา ม.5 ไปยื่นให้ กศน. เขาก็เลยลดหย่อนเวลาการเรียนให้ค่ะ) หนูรู้สึกว่าชีวิตหนูกำลังลำบาก ไม่มีเงินเรียนต่อ
พี่ๆคะ หนูอยากเข้ามหาวิทยาลัยแบบคนอื่นเค้าค่ะ ยอมรับว่าทุกวันนี้นอนร้องไห้ทุกคืนที่ชีวิตตัวเองต้องมาเจออะไรแบบนี้เจอแต่อะไรที่ย่ำแย่ ถามว่าตอนนี้หนูอยู่ยังไง บอกเลยค่ะว่าทำงานเก็บเงินเพื่อจุดประสงค์เดียวคืออยากเข้ามหา'ลัย แต่ก็ใช่ว่าตอนนี้หนูจะไม่มีที่เรียนนะคะ แค่เป็นที่เรียนที่ค่อนข้างหนักหนาสาหัสเอาการสำหรับหนู นั่นคือหนูเลือกเรียนต่อ มสธ. ค่ะ มสธ. ที่เป็นมหา'ลัยเปิด
การเรียนของเค้าก็จะส่งตำรามาให้ศึกษาเองที่บ้านค่ะ ซึ่งหนูเลือกเรียนคณะที่หนูใฝ่ฝันนั่นคือนิติศาสตร์ (ศาสตร์แห่งกฎหมายที่ขึ้นชื่อว่าต้องระดับหัวกะทิเท่านั้นถึงจะเรียนไหว) ตอนแรกหนูก็คิดว่าอยู่อย่างนี้ก็ยังดีที่มั่นคงขึ้นมาหน่อย เพราะหนูไม่ต้องเสียค่าเทอมเยอะเหมือนมหา'ลัยปิดที่วัยรุ่นเค้าเรียนกันเป็นเทอมละหมื่นๆ แต่แล้วมาถึงตอนนี้หนูกลับคิดว่าตัวเองคิดผิด เพราะมันไม่เป็นอย่างนั้นเลย
มสธ. ที่หนูกำลังเรียนน่ะลงสมัครรุ่นปี 59 นะคะ หนูสอบผ่านมาแล้ว 1 เทอม ซึ่งบอกเลยว่าตำราเล่มหนา ยิ่งหนูทั้งทำงานทั้งเก็บเงินอยู่ด้วยแล้วหนูยิ่งไม่ค่อยมีเวลาอ่านมัน ตั้งแต่ได้ตำรามาก็อ่านแค่วันละ 20-30 หน้า ยอมรับว่าเกือบจะอ่านไม่ครบถ้าต้นทุนหนูไม่ได้เป็นคนขยัน หนูผ่านเทอมแรกไปได้สวยก็จริงค่ะ จนถึงตอนนี้หนูก็อยู่ในช่วงใกล้สอบไฟนอลเทอมสุดท้ายของปี 1 ค่ะ (หนูลงคณะนิติศาสตร์บัณฑิตหลักสูตร 4 ปี)
แต่หนูก็ยังไม่รู้ว่าจะสอบผ่านแบบเทอมก่อนหรือเปล่า เพราะตอนนี้สมองหนูเหนื่อยล้าเต็มทน ขอบอกจากใจจริงค่ะว่าไม่ไหวแล้ว จะให้มานั่งอ่านตำราด้วยตัวเองงกๆๆโดยไม่มีอาจารย์สอน หนูเครียดค่ะทุกวันนี้ เครียดจนบางครั้งอยากฆ่าตัวตาย แต่หนูยังพึงระลึกเสมอว่าเกิดมาแล้วก็ควรใช้ชีวิตให้สุด ใช้ชีวิตให้คุ้ม อะไรที่ไม่เคยทำก็ลงมือทำซะ หนูเตือนสติตัวเองด้วยประโยคนี้ประจำจนไม่คิดฆ่าตัวตายค่ะ ชีวิตหนูควรต้องเดินต่อ แม้ว่ามันจะเลวร้ายมากแค่ไหน
สอบครั้งสุดท้ายของปี 1 ก่อนขึ้นปี 2 คือวันที่ 29-30 เดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ค่ะ หนูก็หวังว่าการอ่านหนังสืออย่างหนักจะช่วยให้หนูไม่ต้องสอบตก อย่างที่รู้ๆว่าวิชากฎหมายมันไม่ได้หมู แต่หนูเชื่อมั่นค่ะว่าหนูต้องทำได้ด้วยความมุ่งมั่น เพราะหนูก็เคยมุ่งมั่นมาครั้งหนึ่งตอนเรียนสถาบันกวดวิชา หนูคิดมาตลอดว่าหนูเป็นคนโง่ คณิตศาสตร์วิทยาศาสตร์หนูทำไม่ได้ แต่แล้วพอหนูได้ลองตั้งใจหนักๆดู แค่ 1 เดือนจากคนโง่หนูกลับเรียนเก่งกว่าใครเพื่อน
แต่ก็อย่างที่หนูว่าล่ะค่ะว่าจะให้ตัวเองมานั่งจมกับตำราจนจะเป็นบ้าแบบนี้หนูไม่ไหวแล้วจริงๆ หนูทำไม่ได้อีกแล้ว หนูไม่รู้จะต้องแบกความรู้บนสมองหนักๆแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ต้องเจอแต่ตัวหนังสือเป็นล้านๆตัว หนูว่าอย่างน้อยมีอาจารย์สอนก็ยังดี เพราะงี้แหละค่ะจึงเป็นต้นเหตุที่หนูอยากเข้าเรียนมหา'ลัยปิดแบบคนอื่นเค้า หนูถึงต้องมาตั้งกระทู้ปรึกษาปัญหานี่ล่ะค่ะ หนูจนปัญหาแล้วจริงๆ จนมุมเหมือนหมาจนตรอก
ที่หนูมาเล่านี้คือหนูมีความปรารถนาค่ะ ตอนนี้หนูอยู่ได้ด้วยตัวเอง ทำงานหาเลี้ยงตัวเอง เก็บเงินไว้บ้างสำหรับตัวเอง ไม่ต้องมีพ่อแม่มาจ้ำจี้จ้ำชัย แต่ติดปัญหาตรงที่หนูไม่มีเงินพอจะเข้ามหา'ลัยนี่สิคะ ลืมบอกไปค่ะตอนนี้หนูอายุ 20 แล้ว อีกไม่กี่เดือนหลังสอบเสร็จก็จะขึ้นปี 2 ถ้าเทียบจริงๆหนูเรียนช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันไป 1 ปีนั่นแหละค่ะ แต่หนูไม่แคร์เพราะอย่างน้อยหนูก็ยังได้เรียน ไม่คิดละเลยการศึกษา
พูดตรงๆตอนนี้หนูตัวคนเดียวค่ะ ไม่มีเพื่อนไม่มีสังคม บางครั้งตอนนอนหนูมักจินตนาการวาดฝันอนาคตตัวเองเสมอ ว่าต้องไปในทางนี้นะ ไปแบบนี้นะถึงจะมีความสุข แม้ว่าโอกาสจะน้อยนิดจนแทบเป็นศูนย์ หนูชอบนึกภาพตัวเองเดินในมหา'ลัย เรียนตามตึกนั้นตึกนี้ ได้พูดคุยได้เจอเพื่อนฝูง ได้ใส่ชุดนักศึกษาได้แต่งตัวสวยๆ แต่ก็ได้แค่คิดล่ะค่ะ เพราะหนูยังทำไม่ได้สักอย่างด้วยซ้ำ ใช่ที่หนูมีเงินเก็บ แต่เงินเก็บของหนูมันยังไม่พอค่ะ (หนูคิดว่ายังไม่พอนะ)
เพราะงั้นตอนนี้หนูถึงตั้งเป้าหมายในชีวิตค่ะ หนูวางแผนไว้นะคะ วางแผนว่าหนูจะฝืนใจเรียน มสธ. อีกแค่ 1 ปี นั่นคือจบปี 2 ปุ๊บ หนูอยากย้ายเข้ามหา'ลัยเรียนแบบคนอื่น หนูไม่ไหวจริงๆค่ะ แค่อ่านตำรา หนูอาจเป็นหนอนหนังสือแต่มันก็จำแค่ตัวอักษร แค่ตัวอักษรน่ะอาจเอาไปใช้จริงแทบไม่เป็นด้วยซ้ำ อย่างน้อยหนูอยากให้มีอาจารย์คอยทำให้เห็นภาพ สอนว่ามาตรานี้ๆต้องหยิบมาใช้ในกรณีแบบนี้ๆนะ
และอีกปัญหาที่สำคัญสำหรับหนูตอนนี้คือการเทียบโอนหน่วยกิตนี่แหละค่ะที่หนูอยากปรึกษาผู้รู้ หนูไม่รู้ด้วยว่า มสธ. จะสามารถเทียบโอนไปมหา'ลัยปิดได้หรือเปล่า แต่เท่าที่หนูเปิดเว็บ มสธ. สอบถามเค้าก็บอกทำได้ ต้องยื่นเรื่องทำเอกสาร เขาว่าอย่างนั้นจริงแต่หนูก็ยังไม่รู้ว่ามหา'ลัยในจังหวัดเชียงใหม่ที่ไหนรับโอนหน่วยกิตของ มสธ. บ้าง เพราะว่าแต่ละหน่วยกิตของ สมธ. มันไม่เทียบเท่าของมหา'ลัยปิดน่ะค่ะ
คือหน่วยกิต มสธ. เนี่ย 1 วิชาจะเท่ากับ 6 หน่วยกิตเลยทีเดียว ซึ่งถ้าเปรียบเทียบจริง 1 วิชา = 2 วิชาของมหา'ลัยปิด จากที่หนูไปศึกษาดูคือ 1 วิชาของมหา'ลัยปิดจะหน่วยกิตวิชาละไม่เกิน 3 ซึ่งแตกต่างจาก มสธ. มสธ.น่ะเปิดให้ลงทะเบียนวิชาเทอมละ 3 วิชาเท่านั้นค่ะ นั่นคือ 1 ปีจะลงเรียนได้แค่ 6 วิชาแต่อาจเทียบเท่า 12 วิชาใน 1 ปีของมหา'ลัยปิด แสดงว่าถ้าหนูเรียน มสธ. 1 ปีจะสะสมหน่วยกิตได้ทั้งหมด 36 หน่วยกิตค่ะ
อันนี้หนูไม่มีปัญหา เพราะมหา'ลัยทั่วไปปีนึงก็ให้นักศึกษาได้หน่วยกิตไม่เกินจากนี้อยู่แล้ว แต่หนูก็ยังไม่ชัวร์เต็มร้อยว่าในอนาคตหนูจะได้เรียนมหา'ลัยแบบคนอื่นจริง หนูกำลังเก็บเงิน ตอนนี้ก็เก็บได้จำนวนนึงแล้ว แต่หนูว่าถ้าหนูจะเข้ามหา'ลัยก็ต้องใช้ค่าใช้จ่ายมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว ค่าเทอมเป็นหมื่นๆเอย ค่าหอพักในละแวกใกล้มหา'ลัยเอย ค่ากินอยู่เอย หนูคงลำบากน่าดู
ชีวิตหนูนี่ตกอับจังเนอะคะ พอหนูลองคำนวณแค่ค่าเทอมใน 1 ปีดู หนูคิดว่าคงต้องมีสักปีละแสนเพื่อสิ่งนี้โดยเฉพาะ ไม่รู้ว่าหนูจะทำได้ไหม เก็บเงินเป็นแสนๆมันยากค่ะ แต่หนูไม่อยากล้มเลิกความคิด ไม่อยากยอมแพ้ หนูก็เลยวางแผนว่าจะเรียน มสธ. ถึงแค่ปี 2 ถึงตอนนั้นหนู (น่าจะ) มีเงินเก็บถึงจำนวนนั้น แล้วหนูก็คิดว่าต้องทำให้ได้ ถึงงานที่หนูทำอยู่จะได้เงินไม่ค่อยมากนัก หนูถึงวางแผนจะหางานใหม่เพิ่มจากพรสวรรค์ที่หนูมี
นั่นคืองานเขียนค่ะ หนูเป็นคนชอบแต่งนิยายตั้งแต่เด็ก เมื่อก่อนหนูเคยมีผลงานลงเว็บเด็กดี และก็มีคนอ่านเยอะ แต่ไอดีนั้นหนูปิดไปตั้งแต่ก่อนเข้าสถาบันกวดวิชาที่ว่า หนูเป็นคนชอบโฟกัสอยู่สิ่งๆเดียว ตอนนั้นคิดแค่ว่าทำเพื่อพ่อแม่ให้สำเร็จ ถึงแม้สุดท้ายเรือจะล่มก็เถอะค่ะ หนูคิดว่าพรสวรรค์เดียวที่หนูยังหลงเหลืออยู่น่าจะพอช่วยกอบกู้ชีวิตของหนูได้ ครั้งหนึ่งหนูเคยส่งนิยายให้ สนพ. พิจารณา ซึ่งผลตอบรับคือผ่าน
แต่เขาขอให้เขียนตอนพิเศษเพิ่มอีกสัก 2-3 บท ปรากฏว่าหนูไม่ได้ทำตามคำขอ เพราะติดภารกิจตอนสถาบันกวดวิชานั้นพอดี หนูแอบเสียดายนะคะที่เกือบได้ตีพิมพ์ แต่อย่างน้อยก็ทำให้หนูรู้ว่าหนูมีความสามารถทางด้านนี้ และหนูจะเริ่มต้นทำในเร็ววันที่พร้อม ชีวิตหนูลำบากใช่ไหมล่ะคะ แต่มาถึงจุดนี้ไม่ใช่เวลามาคิดสั้นอีกต่อไปแล้ว หนูคิดว่าหนูต้องทำได้ด้วยความมุมานะของหนูเอง
ความปรารถนาของหนูเพียงแค่มีโอกาสได้อยู่ในรั้วมหา'ลัยแบบใครเค้า อย่างน้อยได้อยู่ในนั้นตอนปี 3 ปี 4 แค่ 2 ปีก็ยังดี ขอแค่ได้สัมผัสมัน สัมผัสชีวิตวัยรุ่นที่ควรจะเป็นของหนู ทุกวันนี้หนูก็ยังคงเฝ้าภาวนาต่อพระเจ้า หนูภาวนาขอให้หนูมีสติ ไม่ยอมแพ้ในสิ่งที่ทำอยู่ แม้มันจะยังไม่เกิดผลงอกเงยขึ้นเลยก็ตาม ภาวนาขอให้ตัวเองอยู่ในคุณงามความดีแบบนี้เสมอ ไม่หลงผิดไปเป็นคนบาป
หนูนั่งสมาธิทุกคืนเพื่อเยียวยาไม่ให้ตัวเองคิดมาก บรรเทาทุกข์ให้จิตใจหนูสงบไม่ฟุ้งซ่าน นี่แหละค่ะตัวตนที่แท้จริงของหนู หนูเป็นคนอย่างนี้แต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะค่ะ ค่อนข้างธรรมะธัมโม เป็นเด็กประหลาด เป็นลูกแกะตัวน้อยๆที่อยู่ในอ้อมอกของพระผู้เป็นเจ้า พ่อแม่มักสอนให้หนูทำแต่ความดีเพื่อสักวันสิ่งที่หนูทำนั้นจะหวนกลับมาทำให้มีชีวิตที่ดีขึ้น หนูยังคงมีความเชื่อล้นหัวใจค่ะว่าพระองค์ผู้สถิตอยู่ในสวรรค์ไม่มีวันทอดทิ้งคนดีๆสักคนไปแน่
วันนี้หนูอาจหมดกำลังใจ มีบ้างที่สิ้นศรัทธาในตัวเอง คลำหาแสงสว่างนำทางไม่เจอ แต่สิ่งหนึ่ง ไม่ว่าหนูจะตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายแค่ไหน หนูคิดว่าที่จะไม่เปลี่ยนคือการเป็นคนดีค่ะ หนูสัญญาด้วยชีวิตของหนู ถ้าหนูได้ทำตามเป้าหมายดั่งใจหวัง เรียนจบออกมาหนูจะทำหน้าที่ทนาย สู่อัยการ สู่ผู้พิพากษา หนูจะเป็นผู้จบวิชากฎหมายและใช้มันเพื่อพัฒนาสังคมนี้ให้น่าอยู่กว่าที่เป็น หนูสัญญาค่ะ
ข้างบนนั้นหนูระบายออกมาหมดแล้วนะคะ หนูจะเดินต่อค่ะ หนูอยู่ได้ด้วยตัวของหนูเอง มาถึงคำถามกันบ้าง ที่หนูอยากรู้ค่ะ
1. มีความเป็นไปได้ไหมคะที่มหา'ลัยสักแห่งในเชียงใหม่จะรับโอนหน่วยกิตของ มสธ. เนื่องด้วยวิชามันต่างกันมาก 1 วิชา มสธ. = 2 วิชามหา'ลัยทั่วไป หนูวางแผนเอาไว้ค่ะว่าปีหน้า ('61) จะมีเงินพอจ่ายค่าเทอมหลักหมื่นสำหรับปี 3
2. ปัญหาของ มสธ. ที่ทำให้ช่วงรับสมัครไม่ตรงกันค่ะ อย่างที่บอกว่า มสธ. สอบตั้งปลายเดือนกรกฎาคม ทั้งที่มหา'ลัยทั่วไปสอบในช่วงเดือนพฤษภาคม แล้วที่เราอ่านๆดูคือมหา'ลัยทั่วไปเขาเปิดเทอมกลางเดือนสิงหาคม ซึ่งคิดดูว่าถ้าหนูสอบ มสธ. เสร็จปลายเดือนกรกฎาคม เกรดก็ออกไม่ทันไปยื่นโอนหน่วยกิตในช่วงที่มหา'ลัยทั่วไปเปิดรับสมัครนักศึกษา (นั่นคือช่วงต้นสิงหาคม) น่ะสิคะ ตัวอย่างมหา'ลัยที่หนูดูๆอยู่เช่น มช. ค่ะ เขาบอกรับเทียบโอนหน่วยกิตจากมหา'ลัยอื่นในช่วงต้นเดือนสิงหาคมก่อนเปิดเทอม (มช.เป็นมหา'ลัยในฝันของหนูค่ะ แค่ยังไม่รู้รับ มสธ. ไหม หนูกำลังรอหาอาจารย์ มช. สักคนมาตอบ) ซึ่งคาดการณ์ไว้ยังไงหนูก็คิดว่าเกรด มสธ. คงออกช้าจนไม่ได้ยื่นเข้ามหา'ลัยแน่เลยค่ะ หนูควรทำไงดีคะ?
หนูมีคำถามแค่นี้ล่ะค่ะ นอกจากนี้คือการตัดสินใจของหนูล้วนๆว่าจะเอายังไงต่อ ขอแค่หนูรู้คำตอบ และไม่ว่ายังไงก็รับประกันค่ะว่าไม่ล้มเลิกแค่นี้แน่นอน หนูมีเป้าหมายของหนูแล้ว ภาวนาว่าสักวันจะสำเร็จ หนูจะได้มีชีวิตวัยรุ่นแบบคนอื่นเค้าสักที อย่างน้อยหนูก็ไม่ได้แบมือขอเงินพ่อแม่อีกแล้ว เป็นกำลังใจให้หนูด้วยนะคะ ช่วงนี้ก็จะเริ่มเขียนหนังสือสักเล่มส่ง สนพ. แล้ว หวังว่าพรสวรรค์ดั้งเดิมของหนูฝุ่นจะยังไม่เกาะ
เก็บเงินให้ได้สักแสนสองแสนส่งเสียตัวเองเรียน นี่แหละค่ะที่กำลังจะทำ ขอให้ทันก่อนจะขึ้นปี 3 ปีหน้าก็พอ หนูจะได้ไม่ต้องเหนื่อยจมอยู่กับตำราเล่มหนานี้อีกแล้ว อีกอย่างเกือบลืม หนูไมไ่ด้ว่าเรียน มสธ. ไม่ดีนะคะ แต่หนูชมว่าสุดยอดมากต่างหาก ใครเรียน มสธ. ไหวนี่คงยอดคนเลยเชียวค่ะ ยกเว้นสำหรับหนู หนูคงไม่ไหวถึงขั้นนั้น ยังไงก็อยากให้พี่ๆพันทิปตอบคำถามหนูนะคะ ไหว้ล่ะค่ะ หนูต้องการมันจริงๆ, ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ (จาก P.)
ปล. แท็กการเรียนอยู่ตรงไหน หาไม่เจอ ขออภัยนะคะพี่ๆ
ไหว้ล่ะค่ะพี่ๆในพันทิป เข้ามาอ่านปัญหาชีวิตของหนูกับการอยากเรียนมหา'ลัยแบบคนอื่น แต่โอกาสแทบไม่มี
พ่อแม่หนูเสียเงินไปเป็นแสนๆกับที่นั่น เพราะเหตุนั้นชีวิตการศึกษาของหนูถึงดับวูบลงในทันตา ตอนช่วง ม.4-ม.5 หนูก็ได้เรียนมัธยมแบบคนอื่นดีๆอยู่นั่นแหละค่ะ แต่แล้วจนกระทั่งเงินของครอบครัวร่อยหรอลง หนูแอบคิดนะคะที่พ่อแม่คิดผิดที่ส่งหนูไปอยู่ ณ จุดๆนั้นทั้งที่มันไม่ใช่ความฝันหนูเลยแม้แต่น้อย นั่นแหละค่ะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้หนูต้องออกจากโรงเรียนกะทันหันก่อนขึ้น ม.6
พ่อแม่ไม่มีเงินส่งหนูเรียนอีกแล้ว ชีวิตหนูพังทลายลง แต่ด้วยความที่หนูยังอยากเรียนและไม่ยอมแพ้ ตอนนั้นหนูขอพ่อแม่ว่าไปเรียน กศน. ก็ได้ อย่างน้อยให้ได้วุฒิการศึกษาเทียบเท่า ม.6 ก็ยังดี ซึ่งพวกท่านก็โอเค ให้หนูไปเรียน กศน. ซึ่งหนูก็จบออกมาโดยใช้เวลา 1 ปีครึ่ง (ที่จบในระยะเวลาแค่นั้นเพราะหนูเอาวุฒิการศึกษา ม.5 ไปยื่นให้ กศน. เขาก็เลยลดหย่อนเวลาการเรียนให้ค่ะ) หนูรู้สึกว่าชีวิตหนูกำลังลำบาก ไม่มีเงินเรียนต่อ
พี่ๆคะ หนูอยากเข้ามหาวิทยาลัยแบบคนอื่นเค้าค่ะ ยอมรับว่าทุกวันนี้นอนร้องไห้ทุกคืนที่ชีวิตตัวเองต้องมาเจออะไรแบบนี้เจอแต่อะไรที่ย่ำแย่ ถามว่าตอนนี้หนูอยู่ยังไง บอกเลยค่ะว่าทำงานเก็บเงินเพื่อจุดประสงค์เดียวคืออยากเข้ามหา'ลัย แต่ก็ใช่ว่าตอนนี้หนูจะไม่มีที่เรียนนะคะ แค่เป็นที่เรียนที่ค่อนข้างหนักหนาสาหัสเอาการสำหรับหนู นั่นคือหนูเลือกเรียนต่อ มสธ. ค่ะ มสธ. ที่เป็นมหา'ลัยเปิด
การเรียนของเค้าก็จะส่งตำรามาให้ศึกษาเองที่บ้านค่ะ ซึ่งหนูเลือกเรียนคณะที่หนูใฝ่ฝันนั่นคือนิติศาสตร์ (ศาสตร์แห่งกฎหมายที่ขึ้นชื่อว่าต้องระดับหัวกะทิเท่านั้นถึงจะเรียนไหว) ตอนแรกหนูก็คิดว่าอยู่อย่างนี้ก็ยังดีที่มั่นคงขึ้นมาหน่อย เพราะหนูไม่ต้องเสียค่าเทอมเยอะเหมือนมหา'ลัยปิดที่วัยรุ่นเค้าเรียนกันเป็นเทอมละหมื่นๆ แต่แล้วมาถึงตอนนี้หนูกลับคิดว่าตัวเองคิดผิด เพราะมันไม่เป็นอย่างนั้นเลย
มสธ. ที่หนูกำลังเรียนน่ะลงสมัครรุ่นปี 59 นะคะ หนูสอบผ่านมาแล้ว 1 เทอม ซึ่งบอกเลยว่าตำราเล่มหนา ยิ่งหนูทั้งทำงานทั้งเก็บเงินอยู่ด้วยแล้วหนูยิ่งไม่ค่อยมีเวลาอ่านมัน ตั้งแต่ได้ตำรามาก็อ่านแค่วันละ 20-30 หน้า ยอมรับว่าเกือบจะอ่านไม่ครบถ้าต้นทุนหนูไม่ได้เป็นคนขยัน หนูผ่านเทอมแรกไปได้สวยก็จริงค่ะ จนถึงตอนนี้หนูก็อยู่ในช่วงใกล้สอบไฟนอลเทอมสุดท้ายของปี 1 ค่ะ (หนูลงคณะนิติศาสตร์บัณฑิตหลักสูตร 4 ปี)
แต่หนูก็ยังไม่รู้ว่าจะสอบผ่านแบบเทอมก่อนหรือเปล่า เพราะตอนนี้สมองหนูเหนื่อยล้าเต็มทน ขอบอกจากใจจริงค่ะว่าไม่ไหวแล้ว จะให้มานั่งอ่านตำราด้วยตัวเองงกๆๆโดยไม่มีอาจารย์สอน หนูเครียดค่ะทุกวันนี้ เครียดจนบางครั้งอยากฆ่าตัวตาย แต่หนูยังพึงระลึกเสมอว่าเกิดมาแล้วก็ควรใช้ชีวิตให้สุด ใช้ชีวิตให้คุ้ม อะไรที่ไม่เคยทำก็ลงมือทำซะ หนูเตือนสติตัวเองด้วยประโยคนี้ประจำจนไม่คิดฆ่าตัวตายค่ะ ชีวิตหนูควรต้องเดินต่อ แม้ว่ามันจะเลวร้ายมากแค่ไหน
สอบครั้งสุดท้ายของปี 1 ก่อนขึ้นปี 2 คือวันที่ 29-30 เดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ค่ะ หนูก็หวังว่าการอ่านหนังสืออย่างหนักจะช่วยให้หนูไม่ต้องสอบตก อย่างที่รู้ๆว่าวิชากฎหมายมันไม่ได้หมู แต่หนูเชื่อมั่นค่ะว่าหนูต้องทำได้ด้วยความมุ่งมั่น เพราะหนูก็เคยมุ่งมั่นมาครั้งหนึ่งตอนเรียนสถาบันกวดวิชา หนูคิดมาตลอดว่าหนูเป็นคนโง่ คณิตศาสตร์วิทยาศาสตร์หนูทำไม่ได้ แต่แล้วพอหนูได้ลองตั้งใจหนักๆดู แค่ 1 เดือนจากคนโง่หนูกลับเรียนเก่งกว่าใครเพื่อน
แต่ก็อย่างที่หนูว่าล่ะค่ะว่าจะให้ตัวเองมานั่งจมกับตำราจนจะเป็นบ้าแบบนี้หนูไม่ไหวแล้วจริงๆ หนูทำไม่ได้อีกแล้ว หนูไม่รู้จะต้องแบกความรู้บนสมองหนักๆแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ต้องเจอแต่ตัวหนังสือเป็นล้านๆตัว หนูว่าอย่างน้อยมีอาจารย์สอนก็ยังดี เพราะงี้แหละค่ะจึงเป็นต้นเหตุที่หนูอยากเข้าเรียนมหา'ลัยปิดแบบคนอื่นเค้า หนูถึงต้องมาตั้งกระทู้ปรึกษาปัญหานี่ล่ะค่ะ หนูจนปัญหาแล้วจริงๆ จนมุมเหมือนหมาจนตรอก
ที่หนูมาเล่านี้คือหนูมีความปรารถนาค่ะ ตอนนี้หนูอยู่ได้ด้วยตัวเอง ทำงานหาเลี้ยงตัวเอง เก็บเงินไว้บ้างสำหรับตัวเอง ไม่ต้องมีพ่อแม่มาจ้ำจี้จ้ำชัย แต่ติดปัญหาตรงที่หนูไม่มีเงินพอจะเข้ามหา'ลัยนี่สิคะ ลืมบอกไปค่ะตอนนี้หนูอายุ 20 แล้ว อีกไม่กี่เดือนหลังสอบเสร็จก็จะขึ้นปี 2 ถ้าเทียบจริงๆหนูเรียนช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันไป 1 ปีนั่นแหละค่ะ แต่หนูไม่แคร์เพราะอย่างน้อยหนูก็ยังได้เรียน ไม่คิดละเลยการศึกษา
พูดตรงๆตอนนี้หนูตัวคนเดียวค่ะ ไม่มีเพื่อนไม่มีสังคม บางครั้งตอนนอนหนูมักจินตนาการวาดฝันอนาคตตัวเองเสมอ ว่าต้องไปในทางนี้นะ ไปแบบนี้นะถึงจะมีความสุข แม้ว่าโอกาสจะน้อยนิดจนแทบเป็นศูนย์ หนูชอบนึกภาพตัวเองเดินในมหา'ลัย เรียนตามตึกนั้นตึกนี้ ได้พูดคุยได้เจอเพื่อนฝูง ได้ใส่ชุดนักศึกษาได้แต่งตัวสวยๆ แต่ก็ได้แค่คิดล่ะค่ะ เพราะหนูยังทำไม่ได้สักอย่างด้วยซ้ำ ใช่ที่หนูมีเงินเก็บ แต่เงินเก็บของหนูมันยังไม่พอค่ะ (หนูคิดว่ายังไม่พอนะ)
เพราะงั้นตอนนี้หนูถึงตั้งเป้าหมายในชีวิตค่ะ หนูวางแผนไว้นะคะ วางแผนว่าหนูจะฝืนใจเรียน มสธ. อีกแค่ 1 ปี นั่นคือจบปี 2 ปุ๊บ หนูอยากย้ายเข้ามหา'ลัยเรียนแบบคนอื่น หนูไม่ไหวจริงๆค่ะ แค่อ่านตำรา หนูอาจเป็นหนอนหนังสือแต่มันก็จำแค่ตัวอักษร แค่ตัวอักษรน่ะอาจเอาไปใช้จริงแทบไม่เป็นด้วยซ้ำ อย่างน้อยหนูอยากให้มีอาจารย์คอยทำให้เห็นภาพ สอนว่ามาตรานี้ๆต้องหยิบมาใช้ในกรณีแบบนี้ๆนะ
และอีกปัญหาที่สำคัญสำหรับหนูตอนนี้คือการเทียบโอนหน่วยกิตนี่แหละค่ะที่หนูอยากปรึกษาผู้รู้ หนูไม่รู้ด้วยว่า มสธ. จะสามารถเทียบโอนไปมหา'ลัยปิดได้หรือเปล่า แต่เท่าที่หนูเปิดเว็บ มสธ. สอบถามเค้าก็บอกทำได้ ต้องยื่นเรื่องทำเอกสาร เขาว่าอย่างนั้นจริงแต่หนูก็ยังไม่รู้ว่ามหา'ลัยในจังหวัดเชียงใหม่ที่ไหนรับโอนหน่วยกิตของ มสธ. บ้าง เพราะว่าแต่ละหน่วยกิตของ สมธ. มันไม่เทียบเท่าของมหา'ลัยปิดน่ะค่ะ
คือหน่วยกิต มสธ. เนี่ย 1 วิชาจะเท่ากับ 6 หน่วยกิตเลยทีเดียว ซึ่งถ้าเปรียบเทียบจริง 1 วิชา = 2 วิชาของมหา'ลัยปิด จากที่หนูไปศึกษาดูคือ 1 วิชาของมหา'ลัยปิดจะหน่วยกิตวิชาละไม่เกิน 3 ซึ่งแตกต่างจาก มสธ. มสธ.น่ะเปิดให้ลงทะเบียนวิชาเทอมละ 3 วิชาเท่านั้นค่ะ นั่นคือ 1 ปีจะลงเรียนได้แค่ 6 วิชาแต่อาจเทียบเท่า 12 วิชาใน 1 ปีของมหา'ลัยปิด แสดงว่าถ้าหนูเรียน มสธ. 1 ปีจะสะสมหน่วยกิตได้ทั้งหมด 36 หน่วยกิตค่ะ
อันนี้หนูไม่มีปัญหา เพราะมหา'ลัยทั่วไปปีนึงก็ให้นักศึกษาได้หน่วยกิตไม่เกินจากนี้อยู่แล้ว แต่หนูก็ยังไม่ชัวร์เต็มร้อยว่าในอนาคตหนูจะได้เรียนมหา'ลัยแบบคนอื่นจริง หนูกำลังเก็บเงิน ตอนนี้ก็เก็บได้จำนวนนึงแล้ว แต่หนูว่าถ้าหนูจะเข้ามหา'ลัยก็ต้องใช้ค่าใช้จ่ายมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว ค่าเทอมเป็นหมื่นๆเอย ค่าหอพักในละแวกใกล้มหา'ลัยเอย ค่ากินอยู่เอย หนูคงลำบากน่าดู
ชีวิตหนูนี่ตกอับจังเนอะคะ พอหนูลองคำนวณแค่ค่าเทอมใน 1 ปีดู หนูคิดว่าคงต้องมีสักปีละแสนเพื่อสิ่งนี้โดยเฉพาะ ไม่รู้ว่าหนูจะทำได้ไหม เก็บเงินเป็นแสนๆมันยากค่ะ แต่หนูไม่อยากล้มเลิกความคิด ไม่อยากยอมแพ้ หนูก็เลยวางแผนว่าจะเรียน มสธ. ถึงแค่ปี 2 ถึงตอนนั้นหนู (น่าจะ) มีเงินเก็บถึงจำนวนนั้น แล้วหนูก็คิดว่าต้องทำให้ได้ ถึงงานที่หนูทำอยู่จะได้เงินไม่ค่อยมากนัก หนูถึงวางแผนจะหางานใหม่เพิ่มจากพรสวรรค์ที่หนูมี
นั่นคืองานเขียนค่ะ หนูเป็นคนชอบแต่งนิยายตั้งแต่เด็ก เมื่อก่อนหนูเคยมีผลงานลงเว็บเด็กดี และก็มีคนอ่านเยอะ แต่ไอดีนั้นหนูปิดไปตั้งแต่ก่อนเข้าสถาบันกวดวิชาที่ว่า หนูเป็นคนชอบโฟกัสอยู่สิ่งๆเดียว ตอนนั้นคิดแค่ว่าทำเพื่อพ่อแม่ให้สำเร็จ ถึงแม้สุดท้ายเรือจะล่มก็เถอะค่ะ หนูคิดว่าพรสวรรค์เดียวที่หนูยังหลงเหลืออยู่น่าจะพอช่วยกอบกู้ชีวิตของหนูได้ ครั้งหนึ่งหนูเคยส่งนิยายให้ สนพ. พิจารณา ซึ่งผลตอบรับคือผ่าน
แต่เขาขอให้เขียนตอนพิเศษเพิ่มอีกสัก 2-3 บท ปรากฏว่าหนูไม่ได้ทำตามคำขอ เพราะติดภารกิจตอนสถาบันกวดวิชานั้นพอดี หนูแอบเสียดายนะคะที่เกือบได้ตีพิมพ์ แต่อย่างน้อยก็ทำให้หนูรู้ว่าหนูมีความสามารถทางด้านนี้ และหนูจะเริ่มต้นทำในเร็ววันที่พร้อม ชีวิตหนูลำบากใช่ไหมล่ะคะ แต่มาถึงจุดนี้ไม่ใช่เวลามาคิดสั้นอีกต่อไปแล้ว หนูคิดว่าหนูต้องทำได้ด้วยความมุมานะของหนูเอง
ความปรารถนาของหนูเพียงแค่มีโอกาสได้อยู่ในรั้วมหา'ลัยแบบใครเค้า อย่างน้อยได้อยู่ในนั้นตอนปี 3 ปี 4 แค่ 2 ปีก็ยังดี ขอแค่ได้สัมผัสมัน สัมผัสชีวิตวัยรุ่นที่ควรจะเป็นของหนู ทุกวันนี้หนูก็ยังคงเฝ้าภาวนาต่อพระเจ้า หนูภาวนาขอให้หนูมีสติ ไม่ยอมแพ้ในสิ่งที่ทำอยู่ แม้มันจะยังไม่เกิดผลงอกเงยขึ้นเลยก็ตาม ภาวนาขอให้ตัวเองอยู่ในคุณงามความดีแบบนี้เสมอ ไม่หลงผิดไปเป็นคนบาป
หนูนั่งสมาธิทุกคืนเพื่อเยียวยาไม่ให้ตัวเองคิดมาก บรรเทาทุกข์ให้จิตใจหนูสงบไม่ฟุ้งซ่าน นี่แหละค่ะตัวตนที่แท้จริงของหนู หนูเป็นคนอย่างนี้แต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะค่ะ ค่อนข้างธรรมะธัมโม เป็นเด็กประหลาด เป็นลูกแกะตัวน้อยๆที่อยู่ในอ้อมอกของพระผู้เป็นเจ้า พ่อแม่มักสอนให้หนูทำแต่ความดีเพื่อสักวันสิ่งที่หนูทำนั้นจะหวนกลับมาทำให้มีชีวิตที่ดีขึ้น หนูยังคงมีความเชื่อล้นหัวใจค่ะว่าพระองค์ผู้สถิตอยู่ในสวรรค์ไม่มีวันทอดทิ้งคนดีๆสักคนไปแน่
วันนี้หนูอาจหมดกำลังใจ มีบ้างที่สิ้นศรัทธาในตัวเอง คลำหาแสงสว่างนำทางไม่เจอ แต่สิ่งหนึ่ง ไม่ว่าหนูจะตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายแค่ไหน หนูคิดว่าที่จะไม่เปลี่ยนคือการเป็นคนดีค่ะ หนูสัญญาด้วยชีวิตของหนู ถ้าหนูได้ทำตามเป้าหมายดั่งใจหวัง เรียนจบออกมาหนูจะทำหน้าที่ทนาย สู่อัยการ สู่ผู้พิพากษา หนูจะเป็นผู้จบวิชากฎหมายและใช้มันเพื่อพัฒนาสังคมนี้ให้น่าอยู่กว่าที่เป็น หนูสัญญาค่ะ
ข้างบนนั้นหนูระบายออกมาหมดแล้วนะคะ หนูจะเดินต่อค่ะ หนูอยู่ได้ด้วยตัวของหนูเอง มาถึงคำถามกันบ้าง ที่หนูอยากรู้ค่ะ
1. มีความเป็นไปได้ไหมคะที่มหา'ลัยสักแห่งในเชียงใหม่จะรับโอนหน่วยกิตของ มสธ. เนื่องด้วยวิชามันต่างกันมาก 1 วิชา มสธ. = 2 วิชามหา'ลัยทั่วไป หนูวางแผนเอาไว้ค่ะว่าปีหน้า ('61) จะมีเงินพอจ่ายค่าเทอมหลักหมื่นสำหรับปี 3
2. ปัญหาของ มสธ. ที่ทำให้ช่วงรับสมัครไม่ตรงกันค่ะ อย่างที่บอกว่า มสธ. สอบตั้งปลายเดือนกรกฎาคม ทั้งที่มหา'ลัยทั่วไปสอบในช่วงเดือนพฤษภาคม แล้วที่เราอ่านๆดูคือมหา'ลัยทั่วไปเขาเปิดเทอมกลางเดือนสิงหาคม ซึ่งคิดดูว่าถ้าหนูสอบ มสธ. เสร็จปลายเดือนกรกฎาคม เกรดก็ออกไม่ทันไปยื่นโอนหน่วยกิตในช่วงที่มหา'ลัยทั่วไปเปิดรับสมัครนักศึกษา (นั่นคือช่วงต้นสิงหาคม) น่ะสิคะ ตัวอย่างมหา'ลัยที่หนูดูๆอยู่เช่น มช. ค่ะ เขาบอกรับเทียบโอนหน่วยกิตจากมหา'ลัยอื่นในช่วงต้นเดือนสิงหาคมก่อนเปิดเทอม (มช.เป็นมหา'ลัยในฝันของหนูค่ะ แค่ยังไม่รู้รับ มสธ. ไหม หนูกำลังรอหาอาจารย์ มช. สักคนมาตอบ) ซึ่งคาดการณ์ไว้ยังไงหนูก็คิดว่าเกรด มสธ. คงออกช้าจนไม่ได้ยื่นเข้ามหา'ลัยแน่เลยค่ะ หนูควรทำไงดีคะ?
หนูมีคำถามแค่นี้ล่ะค่ะ นอกจากนี้คือการตัดสินใจของหนูล้วนๆว่าจะเอายังไงต่อ ขอแค่หนูรู้คำตอบ และไม่ว่ายังไงก็รับประกันค่ะว่าไม่ล้มเลิกแค่นี้แน่นอน หนูมีเป้าหมายของหนูแล้ว ภาวนาว่าสักวันจะสำเร็จ หนูจะได้มีชีวิตวัยรุ่นแบบคนอื่นเค้าสักที อย่างน้อยหนูก็ไม่ได้แบมือขอเงินพ่อแม่อีกแล้ว เป็นกำลังใจให้หนูด้วยนะคะ ช่วงนี้ก็จะเริ่มเขียนหนังสือสักเล่มส่ง สนพ. แล้ว หวังว่าพรสวรรค์ดั้งเดิมของหนูฝุ่นจะยังไม่เกาะ
เก็บเงินให้ได้สักแสนสองแสนส่งเสียตัวเองเรียน นี่แหละค่ะที่กำลังจะทำ ขอให้ทันก่อนจะขึ้นปี 3 ปีหน้าก็พอ หนูจะได้ไม่ต้องเหนื่อยจมอยู่กับตำราเล่มหนานี้อีกแล้ว อีกอย่างเกือบลืม หนูไมไ่ด้ว่าเรียน มสธ. ไม่ดีนะคะ แต่หนูชมว่าสุดยอดมากต่างหาก ใครเรียน มสธ. ไหวนี่คงยอดคนเลยเชียวค่ะ ยกเว้นสำหรับหนู หนูคงไม่ไหวถึงขั้นนั้น ยังไงก็อยากให้พี่ๆพันทิปตอบคำถามหนูนะคะ ไหว้ล่ะค่ะ หนูต้องการมันจริงๆ, ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ (จาก P.)
ปล. แท็กการเรียนอยู่ตรงไหน หาไม่เจอ ขออภัยนะคะพี่ๆ