คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 17
สุดยอด 8 เมืองสีสันคัลเลอร์ฟูลที่สุดในโลก!
สถาปัตยกรรมบนโลกเราทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นตึกรามบ้านช่อง หรืออาคารต่าง ๆ เรามักจะเห็นว่าสร้างจากวัสดุทั่วไปอย่างอิฐสีแดง เหล็กสีเทา และหินสีอ่อน เป็นต้น ซึ่งดูแล้วเป็นอะไรที่ธรรมดา นานวันเข้าก็ทำให้ดูน่าเบื่อ เพราะพบเห็นได้ทั่วไป แต่เพื่อน ๆ รู้ไหมคะว่ายังมีบางส่วนบนโลกใบนี้ ที่เค้าสร้างสิ่งอัศจรรย์ทางสถาปัตยกรรมที่แปลกแหวกแนวมานานแล้ว ซึ่งเราอาจไม่เคยทราบว่ามันมีอยู่ วันนี้กระปุกดอทคอมจึงหยิบเอา 8 เมืองสีสันสุดจิ๊ด ราวกับถูกระบายด้วยดินสอสี จากเว็บไซต์ enpundit.com มาแนะนำกัน...
1. มานาโรลา ประเทศอิตาลี (Manarola, Italy)
หมู่บ้านมานาโรลา อาจได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านที่เล็กเป็นอันดับสอง แต่เก่าแก่ที่สุดในบรรดาหมู่บ้านทั้ง 5 ของ ชิงเกว แตร์เร (Cinque Terre) ที่สร้างมาตั้งแต่ปี 1338 ในประเทศอิตาลี โดยหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ริมหน้าผาสูงชันบนฝั่งริเวียล่า ซึ่งเมื่อมาถึงจะพบเมืองโดดเด่นด้วยสีอันสดใส เพราะอาคารและตึกถูกทาด้วยสีสันสวยงามหลากสี ดึงดูดคุณให้ต้องรัวชัตเตอร์ถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก กับความงดงามของวิวทิวทัศน์หน้าผาริมทะเล ตัดกับสีสันของหมู่บ้านสีลูกกวาดแห่งนี้


2. กวานาฮวาโต้ ประเทศเม็คซิโก (Guanajuato, Mexico)
เมืองกวานาฮวาโต้ ตั้งอยู่ในหุบเขาแคบ ๆ ใจกลางประเทศเม็คซิโก โดยที่นี้ถูกค้นพบจากเหมืองแร่เก่าแห่งหนึ่ง ในภูเขาที่โอบล้อมเมืองนี้อยู่ สภาพของเมืองถูกตกแต่งด้วยสีที่ฉูดฉาดบาดตา เช่น สีเขียว สีชมพู สีฟ้า ฯลฯ จึงทำให้เมืองดูน่าสนใจขึ้น ไม่ว่าจะเป็นตามอาคารบ้านเรือน สำนักงาน โบสถ์ พลาซ่า วิหารต่าง ๆ ดึงดูดสายตาผู้คนที่ผ่านไปผ่านมา แถมบางส่วนของตรอกซอกซอยในใจกลางเมือง ยังมีขนาดเล็กมากจนรถยนต์ไม่สามารถขับผ่านได้ เปรียบเสมือนเป็นถนนคนเดินเท่านั้น...ว้าว! นอกจากนี้ เมืองนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นบ้านของพิพิธภัณฑ์มัมมี่ เพราะมีการพบซากของมัมมี่ในหลุมศพเมือง ช่วงระหว่างศตวรรษที่ 19 และ 20 อีกด้วย


3. ท่าเรือบรีเก็น เมืองเบอเกน ประเทศนอร์เวย์ (Bryggen, Bergen, Norway)
บรีเก็น เป็นท่าเรือเก่าของ เมืองเบอร์เกน ประเทศนอร์เวย์ ได้ชื่อว่าเป็นเมืองมรดกโลก จากองค์การยูเนสโกไปเมื่อปี 1979 เดิมทีเคยถูกเพลิงไหม้ เผาทำลายบ้านไม้อันสวยงามมาหลายครั้งแล้ว แต่ปัจจุบันยังหลงเหลือสภาพอาคารไม้แบบโบราณนี้อยู่บ้างจากท่าเรือเดิม มีลักษณะเด่นที่การก่อสร้างอาคารเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ไปตามถนนแคบ ๆ ที่ทอดตัวขนานไปกับท่าเรือ ซึ่งบ้านเรือนจะมีลักษณะเป็นบ้านไม้สามชั้น มีหน้าจั่วและผนังข้างมุงด้วยแผ่นไม้ ทาสีที่โดดเด่นสะดุดตา สลับกันไปมา ส่วนด้านหลังมีโกดังหรือห้องเก็บของขนาดเล็กที่สร้างด้วยหิน เพื่อป้องกันบริเวณนี้จากเหตุเพลิงไหม้


4. วรอตสวัฟ ประเทศโปแลนด์ (Wroclaw, Poland)
เมืองวรอตสวัฟ เป็นเมืองหลวงของจังหวัดโลว์เออร์ไซลีเชีย และยังเป็นเมืองใหญ่อันดับ 4 ของประเทศโปแลนด์อีกด้วย โดยที่นี้ถือว่าเป็นเมืองหนึ่งที่ดูทันสมัย มีความหลากหลายและเต็มไปด้วยวัฒนธรรมของประวัติศาสตร์ นอกจากความน่าสนใจในเรื่องของประวัติศาสตร์แล้ว ในเมืองแห่งนี้ยังถูกฉาบไปด้วยสีสันของสถาปัตยกรรมอาคารอันสวยงามรอบเมือง ตัดกับสีฟ้าครามบนท้องฟ้าในวันที่อากาศดี ช่างทำให้เมืองนี้ดูสวยงามมากยิ่งขึ้น ราวกับหลุดออกมาจากภาพวาดของศิลปินเลยทีเดียว


5. วิลเลมสตัด เกาะคูราเซา (Willemstad, Curacao)
วิลเลมสตัด เป็นเมืองหลวงของเกาะคูราเซา ดินแดนเนเธอร์แลนด์แอนทิลลีส เกาะทางตอนใต้ของทะเลแคริบเบียน ประเทศเนเธอร์แลนด์ ดินแดนสวรรค์ของนักดำน้ำและผู้รักธรรมชาติทั้งหลาย โดยที่ลักษณะการตกแต่งอาคารบ้านเรือน โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมอาณานิคมสไตล์ชาวดัตช์ และบริเวณทางเข้าของท่าเรือที่รายล้อมไปด้วยร้านอาหาร ร้านค้าต่าง ๆ และสถานที่ท่องเที่ยวยามค่ำคืน ซึ่งอาคารแถบนั้นถูกระบายด้วยสีสันคัลเลอร์ฟูล ขนานไปกับพื้นผิวน้ำที่อยู่ข้าง ๆ สร้างความประทับใจแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ถูกยกให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกอีกด้วย


6. เซนต์จอห์น นิวฟาวด์แลนด์ ประเทศแคนาดา (St. John’s, Newfoundland, Canada)
เซนต์จอห์น เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดใน นิวฟาวด์แลนด์ ประเทศแคนาดา สำหรับสถาปัตยกรรมการตกแต่งของทีนี้นั้น มีความโดดเด่นแตกต่างจากที่อื่น ๆ ของแคนาดา ในส่วนของอาคารหลัก ๆ ของเมือง เป็นส่วนที่หลงเหลือจากประวัติศาสตร์ของอาณานิคมอังกฤษ แล้วนำมาบูรณะใหม่หลากหลายรูปแบบ แต่ที่เหมือนกันคือส่วนใหญ่จะทาด้วยสีสันที่แสบทรวง บาดจิตบาดใจ ซึ่งมองดูจากภาพระยะไกลแล้ว ช่างดูเหมือนกับเมืองในเทพนิยายเสียเหลือเกิน


7. ไนแฮน โคเปนเฮเก้น ประเทศเดนมาร์ค (Nyhavn, Copenhagen, Denmark)
ท่าเรือใหม่ ไนแฮน เป็นเขตแห่งความบันเทิงริมน้ำของ เมืองโคเปนเฮเก้น ประเทศเดนมาร์ค เพราะตามถนนขนาบริมคลองแห่งนี้ เต็มไปด้วยทาวเฮ้าส์ บาร์ คาเฟ่ ร้านอาหารมากมายที่ฉุดนักท่องเที่ยวเข้ามา โดยสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 17 เพื่อรองรับการขยายตัวของท่าเรือเดิม และเพื่อเป็นคลองเชื่อมระหว่างเมืองออกสู่ทะเล ซึ่งอาคารร้านค้าที่สร้างด้วยไม้ อิฐ อันเก่าแก่นั้น ถูกระบายสีสันสดใสอย่างไฉไล ขนาบนาบน้ำทั้งสองฝั่ง เตะตาผู้คนเป็นจำนวนมาก และทำให้ดูเป็นเอกลักษณ์ของทีนี้ไปเลย


8. ลา โบกา กรุงบัวโนส ไอเรส (La Boca, Buenos Aires)
เขต ลา โบกา เป็นย่านหนึ่งของกรุงบัวโนส ไอเรส เมืองหลวงของประเทศอาร์เจนตินา ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องทีมฟุตบอลอย่างทีม โบคา จูเนียส์ ที่อดีตยอดนักฟุตบอลอย่าง ดีเอโก้ มาราโดน่า เคยเล่นและคุมทีมอยู่ โดยที่บ้านเมืองของที่นี้จะทาสีบ้านเหมือนสีลูกกวาดหลากสี ที่สะดุดตามาก ซึ่งบ้านหลังหนึ่งก็ตกแต่งหลายสี ผสมปนเปกันไปราวกับบ้านในนิยาย แถมดูไปดูมาก็เหมือนย่านฝึกระบายสีบ้านยังไงยังงั้นแหละ
โอ้โห! ดูแล้วแสบตากันเลยทีเดียวใช่ไหมคะ กับเมืองแห่งสีสันทั้ง 8 ที่เราได้นำมาให้ชมกัน สวย แปลกตาไปอีกแบบดีเหมือนกันนะคะ แทนที่เราจะสร้างอะไรแบบเเมือน ๆ กัน พวกเขาก็ทำให้มันมีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น ซึ่งไม่ซ้ำแบบใครขึ้นมา แถมยังขายจุดเด่นตรงนี้นำนักท่องเที่ยวให้เข้ามาชมได้อีกด้วย หากเพื่อน ๆ คนไหน มีโอกาสดี ๆ ได้เดินทางไปเที่ยวก็นำมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ เห็นด้วยตาตัวเอง ย่อมประทับใจกว่าจากภาพถ่ายอยู่แล้วเนอะ


ขอบคุณเวปกระปุกดอทคอมด้วยครับ
สถาปัตยกรรมบนโลกเราทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นตึกรามบ้านช่อง หรืออาคารต่าง ๆ เรามักจะเห็นว่าสร้างจากวัสดุทั่วไปอย่างอิฐสีแดง เหล็กสีเทา และหินสีอ่อน เป็นต้น ซึ่งดูแล้วเป็นอะไรที่ธรรมดา นานวันเข้าก็ทำให้ดูน่าเบื่อ เพราะพบเห็นได้ทั่วไป แต่เพื่อน ๆ รู้ไหมคะว่ายังมีบางส่วนบนโลกใบนี้ ที่เค้าสร้างสิ่งอัศจรรย์ทางสถาปัตยกรรมที่แปลกแหวกแนวมานานแล้ว ซึ่งเราอาจไม่เคยทราบว่ามันมีอยู่ วันนี้กระปุกดอทคอมจึงหยิบเอา 8 เมืองสีสันสุดจิ๊ด ราวกับถูกระบายด้วยดินสอสี จากเว็บไซต์ enpundit.com มาแนะนำกัน...
1. มานาโรลา ประเทศอิตาลี (Manarola, Italy)
หมู่บ้านมานาโรลา อาจได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านที่เล็กเป็นอันดับสอง แต่เก่าแก่ที่สุดในบรรดาหมู่บ้านทั้ง 5 ของ ชิงเกว แตร์เร (Cinque Terre) ที่สร้างมาตั้งแต่ปี 1338 ในประเทศอิตาลี โดยหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ริมหน้าผาสูงชันบนฝั่งริเวียล่า ซึ่งเมื่อมาถึงจะพบเมืองโดดเด่นด้วยสีอันสดใส เพราะอาคารและตึกถูกทาด้วยสีสันสวยงามหลากสี ดึงดูดคุณให้ต้องรัวชัตเตอร์ถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก กับความงดงามของวิวทิวทัศน์หน้าผาริมทะเล ตัดกับสีสันของหมู่บ้านสีลูกกวาดแห่งนี้


2. กวานาฮวาโต้ ประเทศเม็คซิโก (Guanajuato, Mexico)
เมืองกวานาฮวาโต้ ตั้งอยู่ในหุบเขาแคบ ๆ ใจกลางประเทศเม็คซิโก โดยที่นี้ถูกค้นพบจากเหมืองแร่เก่าแห่งหนึ่ง ในภูเขาที่โอบล้อมเมืองนี้อยู่ สภาพของเมืองถูกตกแต่งด้วยสีที่ฉูดฉาดบาดตา เช่น สีเขียว สีชมพู สีฟ้า ฯลฯ จึงทำให้เมืองดูน่าสนใจขึ้น ไม่ว่าจะเป็นตามอาคารบ้านเรือน สำนักงาน โบสถ์ พลาซ่า วิหารต่าง ๆ ดึงดูดสายตาผู้คนที่ผ่านไปผ่านมา แถมบางส่วนของตรอกซอกซอยในใจกลางเมือง ยังมีขนาดเล็กมากจนรถยนต์ไม่สามารถขับผ่านได้ เปรียบเสมือนเป็นถนนคนเดินเท่านั้น...ว้าว! นอกจากนี้ เมืองนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นบ้านของพิพิธภัณฑ์มัมมี่ เพราะมีการพบซากของมัมมี่ในหลุมศพเมือง ช่วงระหว่างศตวรรษที่ 19 และ 20 อีกด้วย


3. ท่าเรือบรีเก็น เมืองเบอเกน ประเทศนอร์เวย์ (Bryggen, Bergen, Norway)
บรีเก็น เป็นท่าเรือเก่าของ เมืองเบอร์เกน ประเทศนอร์เวย์ ได้ชื่อว่าเป็นเมืองมรดกโลก จากองค์การยูเนสโกไปเมื่อปี 1979 เดิมทีเคยถูกเพลิงไหม้ เผาทำลายบ้านไม้อันสวยงามมาหลายครั้งแล้ว แต่ปัจจุบันยังหลงเหลือสภาพอาคารไม้แบบโบราณนี้อยู่บ้างจากท่าเรือเดิม มีลักษณะเด่นที่การก่อสร้างอาคารเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ไปตามถนนแคบ ๆ ที่ทอดตัวขนานไปกับท่าเรือ ซึ่งบ้านเรือนจะมีลักษณะเป็นบ้านไม้สามชั้น มีหน้าจั่วและผนังข้างมุงด้วยแผ่นไม้ ทาสีที่โดดเด่นสะดุดตา สลับกันไปมา ส่วนด้านหลังมีโกดังหรือห้องเก็บของขนาดเล็กที่สร้างด้วยหิน เพื่อป้องกันบริเวณนี้จากเหตุเพลิงไหม้


4. วรอตสวัฟ ประเทศโปแลนด์ (Wroclaw, Poland)
เมืองวรอตสวัฟ เป็นเมืองหลวงของจังหวัดโลว์เออร์ไซลีเชีย และยังเป็นเมืองใหญ่อันดับ 4 ของประเทศโปแลนด์อีกด้วย โดยที่นี้ถือว่าเป็นเมืองหนึ่งที่ดูทันสมัย มีความหลากหลายและเต็มไปด้วยวัฒนธรรมของประวัติศาสตร์ นอกจากความน่าสนใจในเรื่องของประวัติศาสตร์แล้ว ในเมืองแห่งนี้ยังถูกฉาบไปด้วยสีสันของสถาปัตยกรรมอาคารอันสวยงามรอบเมือง ตัดกับสีฟ้าครามบนท้องฟ้าในวันที่อากาศดี ช่างทำให้เมืองนี้ดูสวยงามมากยิ่งขึ้น ราวกับหลุดออกมาจากภาพวาดของศิลปินเลยทีเดียว


5. วิลเลมสตัด เกาะคูราเซา (Willemstad, Curacao)
วิลเลมสตัด เป็นเมืองหลวงของเกาะคูราเซา ดินแดนเนเธอร์แลนด์แอนทิลลีส เกาะทางตอนใต้ของทะเลแคริบเบียน ประเทศเนเธอร์แลนด์ ดินแดนสวรรค์ของนักดำน้ำและผู้รักธรรมชาติทั้งหลาย โดยที่ลักษณะการตกแต่งอาคารบ้านเรือน โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมอาณานิคมสไตล์ชาวดัตช์ และบริเวณทางเข้าของท่าเรือที่รายล้อมไปด้วยร้านอาหาร ร้านค้าต่าง ๆ และสถานที่ท่องเที่ยวยามค่ำคืน ซึ่งอาคารแถบนั้นถูกระบายด้วยสีสันคัลเลอร์ฟูล ขนานไปกับพื้นผิวน้ำที่อยู่ข้าง ๆ สร้างความประทับใจแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ถูกยกให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกอีกด้วย


6. เซนต์จอห์น นิวฟาวด์แลนด์ ประเทศแคนาดา (St. John’s, Newfoundland, Canada)
เซนต์จอห์น เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดใน นิวฟาวด์แลนด์ ประเทศแคนาดา สำหรับสถาปัตยกรรมการตกแต่งของทีนี้นั้น มีความโดดเด่นแตกต่างจากที่อื่น ๆ ของแคนาดา ในส่วนของอาคารหลัก ๆ ของเมือง เป็นส่วนที่หลงเหลือจากประวัติศาสตร์ของอาณานิคมอังกฤษ แล้วนำมาบูรณะใหม่หลากหลายรูปแบบ แต่ที่เหมือนกันคือส่วนใหญ่จะทาด้วยสีสันที่แสบทรวง บาดจิตบาดใจ ซึ่งมองดูจากภาพระยะไกลแล้ว ช่างดูเหมือนกับเมืองในเทพนิยายเสียเหลือเกิน


7. ไนแฮน โคเปนเฮเก้น ประเทศเดนมาร์ค (Nyhavn, Copenhagen, Denmark)
ท่าเรือใหม่ ไนแฮน เป็นเขตแห่งความบันเทิงริมน้ำของ เมืองโคเปนเฮเก้น ประเทศเดนมาร์ค เพราะตามถนนขนาบริมคลองแห่งนี้ เต็มไปด้วยทาวเฮ้าส์ บาร์ คาเฟ่ ร้านอาหารมากมายที่ฉุดนักท่องเที่ยวเข้ามา โดยสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 17 เพื่อรองรับการขยายตัวของท่าเรือเดิม และเพื่อเป็นคลองเชื่อมระหว่างเมืองออกสู่ทะเล ซึ่งอาคารร้านค้าที่สร้างด้วยไม้ อิฐ อันเก่าแก่นั้น ถูกระบายสีสันสดใสอย่างไฉไล ขนาบนาบน้ำทั้งสองฝั่ง เตะตาผู้คนเป็นจำนวนมาก และทำให้ดูเป็นเอกลักษณ์ของทีนี้ไปเลย


8. ลา โบกา กรุงบัวโนส ไอเรส (La Boca, Buenos Aires)
เขต ลา โบกา เป็นย่านหนึ่งของกรุงบัวโนส ไอเรส เมืองหลวงของประเทศอาร์เจนตินา ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องทีมฟุตบอลอย่างทีม โบคา จูเนียส์ ที่อดีตยอดนักฟุตบอลอย่าง ดีเอโก้ มาราโดน่า เคยเล่นและคุมทีมอยู่ โดยที่บ้านเมืองของที่นี้จะทาสีบ้านเหมือนสีลูกกวาดหลากสี ที่สะดุดตามาก ซึ่งบ้านหลังหนึ่งก็ตกแต่งหลายสี ผสมปนเปกันไปราวกับบ้านในนิยาย แถมดูไปดูมาก็เหมือนย่านฝึกระบายสีบ้านยังไงยังงั้นแหละ
โอ้โห! ดูแล้วแสบตากันเลยทีเดียวใช่ไหมคะ กับเมืองแห่งสีสันทั้ง 8 ที่เราได้นำมาให้ชมกัน สวย แปลกตาไปอีกแบบดีเหมือนกันนะคะ แทนที่เราจะสร้างอะไรแบบเเมือน ๆ กัน พวกเขาก็ทำให้มันมีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น ซึ่งไม่ซ้ำแบบใครขึ้นมา แถมยังขายจุดเด่นตรงนี้นำนักท่องเที่ยวให้เข้ามาชมได้อีกด้วย หากเพื่อน ๆ คนไหน มีโอกาสดี ๆ ได้เดินทางไปเที่ยวก็นำมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ เห็นด้วยตาตัวเอง ย่อมประทับใจกว่าจากภาพถ่ายอยู่แล้วเนอะ


ขอบคุณเวปกระปุกดอทคอมด้วยครับ
แสดงความคิดเห็น
ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม...มีแต่เสียง 18/5/2017 (เมืองสีรุ้ง)
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องเพลงและเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
วันนี้จะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวเมืองสีรุ้งกันค่ะ วันนี้จะไปอินโดนีเซียกับเม็กซิโก เผื่อประเทศไหนจะนำไปเป็นไอเดียกันได้บ้างค่ะ
อินโดนีเซีย
หมู่บ้าน Kampung Pelangi บนเกาะชวากลาง ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจในโลกออนไลน์
นักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมาชมคนแปลกตาของหมู่บ้านแห่งนี้ ที่เปลี่ยนจากชุมชนแออัดมาเป็นหมู่บ้านสีรุ้ง
เริ่มจาก Slamet Widodo ครูใหญ่วัย 52 ในหมู่บ้านนี้คิดว่าควรเปลี่ยนแปลงให้กับชุมชนของเขา
จึงริเริ่มโครงการ "สร้างสีสันให้กับบ้านทุกหลัง" ในหมู่บ้าน Kampung Pelangi
จากนั้นรัฐบาลอินโดนีเซีย ก็ทุ่มงบประมาณกว่า 22,000 ดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือราว 760,000 บาท
เนรมิตจากชุมชนแออัด กลายเป็น "เมืองสีรุ้ง" แลนด์มาร์กแห่งใหม่ที่มีชื่อเสียงในขณะนี้
ไม่ใช่แค่การสร้างสีสัน แต่ยังมีการทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะ หรือแม่น้ำลำคลองอีกด้วยค่ะ
ถือว่าเป็นตัวอย่างโครงการดีๆ ที่น่าสนใจ
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยปรับทัศนียภาพให้มีความสวยงาม สะอาดตาขึ้นเท่านั้น
แต่ยังช่วยส่งเสริมรายได้ต่อชุมชน เช่น การจำหน่ายของที่ระลึก การขายอาหาร ให้กับนักท่องเที่ยว
ถือเป็นการพัฒนาชุมชนที่ประสบความสำเร็จอีกทาง
เม็กซิโก
พาลมิทัส เมืองเล็กๆ ในปาชูก้า ประเทศเม็กซิโก ได้รับการแปลงโฉมจนกลายเป็นเมืองสีสันสดใสราวสีรุ้ง
เป็นไอเดียเก๋ไก๋ของทางการเม็กซิโก ทีมกราฟิตี้ Germen Crew ร่วมกับชาวเมือง 1,808 คน 452 ครอบครัว
ช่วยกันทาสีบ้านเรือนมากกว่า 209 หลังให้เป็นสีรุ้ง ครอบคลุมเนื้อที่ 20,000 ตร.ม.
นอกจากจะได้เมืองรูปโฉมใหม่สีสันสดใสกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว ยังทำให้ชาวเมืองได้ทำกิจกรรมร่วมกันสร้างความสามัคคีด้วย
ขอบคุณที่มาข้อมูลและภาพประกอบ
http://news.mthai.com/world-news/564386.html
https://www.meekhao.com/travel/rainbow-village-indonesia
https://board.postjung.com/923328.html
....................................................................
โครงการดังกล่าว ทำให้ชุมชนแออัด กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นมา
สร้างความตื่นตัวที่จะรักษาภูมิทัศน์ของคนในชุมชน ทำให้เศรษฐกิจ การค้าดีขึ้น
คุณภาพชีวิตของพวกเขาก็ดีตาม
รุ้งกินน้ำ : อัสนี+วสันต์
https://www.youtube.com/watch?v=y1yGaqWMUoc