อยากหยุดเรียนซักปีเพื่อทำตามความฝันค่ะ แต่ไม่รู้จะคุยกับพ่อแม่ยังไงดี

เราไม่รู้จะเริ่มเล่าจากตรงไหนถึงจะให้ทุกคนเข้าใจดี เอาเป็นว่าจะค่อยๆเล่า แต่ยาวหน่อยนะ มีหลายประเด็น แต่ช่วยให้คำปรึกษาด้วยนะคะ

เรามีความฝันว่าอยากเป็นนักร้องต้องแต่ม.ต้นค่ะ รู้ตัวจริงๆคือตอนม.1 เราฝึกร้องเพลงเอง ฝึกเต้นเอง ไปออดิชั่นทุกปี
แต่พอไปออดิชั่นทำให้เรารู้ว่าสิ่งที่เราขาดคือความมั่นใจค่ะ มันต่างกับการแข่งขันในโรงเรียนอย่างสิ้นเชิง ถึงเราจะได้ที่ 1
ในโรงเรียนแทบทุกครั้งก็รู้สึกว่าสู้คนข้างนอกไม่ได้เลย คราวนี้เราเลยอยากเรียนเพิ่มค่ะ เพราะรู้สึกว่าสิ่งที่เราทำได้มันยังไม่พอ
แต่บ้านเราก็ไม่ได้มีฐานะมากมาย แถมตอนม.ต้นเรายังอยู่โรงเรียนประจำ ซึ่งค่าเทอมก็แพงอยู่พอตัวเราเลยคิดว่า
ฝึกเอาเองก็ได้วะ เพราะค่าเทอมก็แพง ค่าเรียนร้องเพลงก็แพง(กว่า) พ่อแม่เราจะไปหาเงินมาจากไหนเยอะขนาดนั้น


จนมาช่วงม.ปลาย เรายังไปออดิชั่นอยู่ค่ะ แต่เรารู้สึกว่าชีวิตม.ปลายยุ่งขึ้นมาก บางช่วงเราแทบไม่ได้ร้องเพลงเลย
แล้วบางทีเราเครียดจากเรื่องเรียนเรื่องการบ้านเรื่องที่บ้านจนร้องเพลงไม่ได้ จนพอนานๆร้องทีเรารู้สึกว่าเราเจ็บคอ
เจ็บจนปวด เป็นอยู่นานเป็นเดือนจนเรารู้สึกว่านี่มันไม่ใช่แล้ว มันต้องมีอะไรผิดวิธี เราเริ่มอยากเรียนร้องเพลงอีกครั้ง
อยากทำให้มันถูกเพราะเรากลัวว่าเราจะฝืนจนร้องเพลงไม่ได้อีก อันนี้เป็นเรื่องที่เราเครียดที่สุดเพราะถ้าร้องเพลงไม่ได้
อีกเราคง... ไม่จะพูดยังไงเหมือนกัน นี่เป็นสิ่งที่เรารักมากที่สุดในชีวิต และคราวนี้ก็จะตั้งใจจะเรียนเพื่อออดิชั่นให้ผ่าน
เพราะเราอยากเป็นศิลปินมาตั้งแต่ม.1 แล้ว ซึ่งเราคิดว่ามันสายไปมากๆสำหรับการทำตามความฝัน
แต่เราก็ยังอยากจะลองเฮือกสุดท้าย ปัญหาคือตอนนี้เราจบม.6 แล้วแม่ก็อยากให้เราเข้ามหาลัยค่ะ


แต่เราขอเขาหยุดไว้ก่อนปีนึงเพื่อเรียนร้องเพลงและออดิชั่นให้ผ่าน เพราะเราคิดว่าถ้าไม่ออดิชั่นให้ผ่านภายในปีนี้
ก็คงยากแล้วเรื่องเดบิวต์ เพราะอายุก็ไม่ใช่น้อยๆแล้ว ไหนจะต้องฝึกอีก เราขอแม่หยุดหนึ่งปีเพื่อเรียนร้องเพลง
ถ้าออดิชั่นไม่ผ่านภายในปีนี้เราก็จะยอมกลับไปเรียนมหาลัยอย่างที่แม่อยาก ตอนที่ตัดสินใจคุยกับแม่เราร้องไห้เลย
หลังจากที่เราทนเก็บมาหกปีเพราะติดเรื่องเงิน บวกกับกังวลว่าแม่จะไม่เห็นด้วย แต่สุดท้ายก็ลองพูด
แม่เราก็รับฟังนะ บอกว่าขอเวลาหาเงินอีกหน่อย เราก็ติดต่อกับสถาบันเรียบร้อย แต่ก็รอเงินพร้อมถึงจะเริ่มเรียนได้
ระหว่างนั้นเราก็พูดเรื่องนี้น้อยลงเพราะไม่อยากจะเซ้าซี้มาก เรารู้ว่าเค้าเครียดจากเรื่องงานก็ไม่อยากให้มาเครียดเพราะเราอีก


แต่คราวนี้มันผ่านมาจนจะถึงเวลายื่นแอดแล้ว เราก็ยังไม่ได้เริ่มเรียนร้องเพลง ก่อนหน้านั้นเค้าก็ถามเราตลอดเรื่องยื่นแอด
ทั้งที่คิดว่าตกลงกันเรียบร้อยเรื่องขอหยุดหนึ่งปี ถ้าออดิชั่นไม่ผ่านจะไปเรียนปีหน้า เรากลัวว่าถ้าแอดติดแล้วจะต้องเรียนค่ะ
เราคิดว่าเราเสียเวลาเพราะความกล้าๆกลัวๆที่จะบอกความต้องการของเรามา 6 ปีแล้ว เราไม่อยากเสียมันอีกปี ตอนเราติด
รับตรงเราก็สละสิทธิ์ไป แน่นอนว่าถ้าเราแอดติดก็ต้องเรียน เราก็ต้องโดนบังคับให้สนใจเรื่องเรียนมากสุดทั้งที่เรามีความสุข
กับการพยายามในเรื่องอื่นมากกว่า เราเครียดมาหลายเดือนแล้วค่ะ ร้องไห้แทบทุกวัน รู้สึกไม่มีอารมณ์ทำอะไรเลย มันไม่มีความสุข
เราอยากทำในสิ่งที่เราตั้งใจให้เต็มที่ อยากพยายามเรื่องเดียวคือร้องเพลงไม่เอาอย่างอื่นมาปน แต่เราไม่รู้จะพูดกับแม่ยังไงดีค่ะ
จะเข้าเอก voice ก็ไม่ได้เพราะเราก็ไม่เคยเรียนพวกการร้องเพลงที่เจาะลึกขนาดทฤษฏี


ส่วนเหตุผลที่เราอยากเป็นนักร้องเพราะว่าอย่างที่บอกไปเศรษฐกิจบ้านเราค่อนข้างฝืดเคืองค่ะ ส่วนใหญ่ก็เสียไปกับการศึกษา
แต่เรารู้สึกว่าเราไม่มั่นใจว่าเรียน 4 ปีจบออกมาเราจะสามารถประสบความสำเร็จได้ตอนไหน จะสามารถช่วยเหลือครอบครัว ใช้หนี้
ให้พ่อแม่หมดได้ตอนอายุเท่าไหร่ ที่ยังไม่อยากเรียนมหาลัยตอนนี้ก็เพราะเราไม่อยากให้แม่ต้องเสียเงินทั้งค่าเทอมค่าเรียนร้องเพลง
แม่บอกว่าจะสู้กันอีกเฮือกนึงให้เราจบมหาลัย แต่เราอยากให้การสู้เฮือกนี้มีประโยชน์ที่สุดค่ะ แล้วเรามีความสุขกับการร้องเพลง
มันกลายเป็นอาชีพได้และเราก็ทำมันได้เรื่อยๆเพราะความสุขกับงานนี้


เราอยากรีบหาเงินเยอะๆ ไม่ต้องรอจบมหาลัย พ่อกับแม่จะได้สบายได้เร็วๆ เพราะเค้าทำงานหนักมาก
แต่เราอยากใช้เงินที่เค้าหามาให้มีประโยชน์ที่สุดคือการพัฒนาความสามารถเราให้ถึงที่สุดจนสู้กับคนอื่นได้


สิ่งที่เราอยากได้คำปรึกษาคือ หนึ่ง เราควรพูดกับแม่ยังไงดีให้แม่เข้าใจเรา เราขอบอกว่า เราตัดสินใจดีแล้วและพร้อมจะตั้งใจเรียนสิ่งที่
เราต้องการค่ะ สอง ถ้าสมมุติยื่นแอดติด เรายังไม่เข้าเรียนในปีแรกได้มั้ยคะ ดร็อปไว้ก่อนปีนึงแล้วค่อยไปเรียนปีต่อไปได้รึเปล่า
สาม มีมหาลัยไหนที่เปิดรับเอก voice ในโปรแกรมแอดมิชชั่นมั้ย หรือมีโรงเรียนร้องเพลงที่ค่าเรียนไม่โหดมากแนะนำมั้ย
(ที่เราติดต่อไว้ตกชม.ละประมาณ 1,600+ บาทค่ะ)
สี่... ไม่รู้เรากังวลเกินไปมั้ย แต่พอเราเครียดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ อารมณ์แปรปรวนก็กลัวตัวเองจะเป็นโรคจิตค่ะ นี่เป็นอาการ
ของคนทั่วไปเวลาเครียดเหมือนกันรึเปล่า


สุดท้าย เราก็อายนะที่คิดว่าจะไม่จบพร้อมเพื่อน ที่จะบอกคนอื่นว่ามหาลัยเอาไว้ก่อน ขอทำตรงนี้ให้รู้ผล แต่ก็ไม่รู้ว่าสุดท้าย
จะได้เป็นอย่างที่ฝันไว้รึเปล่า แต่ที่อยากทำแบบนี้ก็คิดถึงครอบครัวอย่างเดียว ไม่รู้ว่ามาตั้งกระทู้แบบนี้แล้วจะมีประโยชน์อะไรมั้ย
แต่อยากรู้ว่าคนอื่นจะคิดยังไงบ้าง เราปรึกษาเพื่อนจนรู้สึกเกรงใจเพื่อนแล้วค่ะ เพราะเค้าก็เหนื่อยใจและกังวลไปกับเรา


ท้ายที่สุด.. ขอบคุณมากๆที่อ่านมาจนจบ และขอบคุณสำหรับคำปรึกษาล่วงหน้าค่ะ ไม่รู้จะติดแท็กห้องไหนดี ต้องขออภัยด้วย
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่