กฏห้ามใช้มือถือในโรงเรียนแก้ปัญหาอะไรได้ ?

ปัญหาการใช้มือถือในห้องเรียนคืออีกปัญหาหนึ่งที่หลาย ๆ โรงเรียนออกกฏมาห้าม โดยกฏส่วนใหญ่คือครอบคลุมการห้ามใช้งานในทุกช่วงเวลาแม้ในช่วงเวลาว่างก็ตาม

ในฐานะของผู้เรียนที่อยู่ในระดับแนวหน้า ๆ ของสถาบัน ผมจึงอยากจะมาเล่ามุมมองของผมเองที่มองว่ากฏนี้มันดี - ไม่ดีอย่างไร โดยท่านผู้อ่านสามารถแสดงความเห็นต่าง หรือเห็นชอบได้โดยวางอยู่บนเหตุและผล

กฏการห้ามใช้มือถือในโรงเรียน ผมมองว่ากฏนี้มันครอบคลุมเกินไป อาจจะด้วยเหตุผลคือโรงเรียนไม่อยากรับผิดชอบกรณีนักเรียนทำโทรศัพท์มือถือหายแล้วเดือดร้อนถึงโรงเรียน แค่ปัญหานี้ถามว่าการออกกฏมามันช่วยได้หรือไม่ ? ผมเชื่อว่ามีนักเรียนที่แหกกฏอยู่แล้วที่แอบเอามือถือมาแล้วใช้โดยไม่มีใครเห็น (ผมก็เคยทำแบบนั้น) ทีนี้ย้อนกลับมาว่าทำไมมือถือถึงหายได้ การที่มือถือหายไปได้มีอยู่หลายสาเหตุ ที่ผมนึกออกมีดังนี้
1. ทำหายเอง เช่น วางลืม ทำร่วง ฯลฯ
2. โดนขโมย เช่น โดนหยิบออกไปจากกระเป๋า โดนขู่กรรโชก ฯลฯ
ในมุมมองของผมเอง ปัญหาทั้ง 2 ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยกฏห้ามใช้มือถือในโรงเรียน เพราะ
1. ทำหายเอง -> อันนี้ต้นเหตุมาจากตัวนักเรียนเอง เราไม่สามารถแก้ไขได้ คือคนที่จะทำของหาย ต่อให้ครอบครองอะไรก็ทำหายได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นมือถือ แต่สิ่งที่ช่วยได้คือการปลูกฝังให้คนที่พบเจอ นำของมาคืน แล้วอาจจะประกาศเป็นความดีความชอบไป แบบนี้จะดีกว่าหรือเปล่า ?
2. โดนขโมย -> ข้อนี้คือมีคนผิดชัดเจน ดังนั้นสิ่งที่ควรจะมีถกกันคือจะหาตัวคนผิดยังไง ในมุมมองของผมคืออาจะพยายามปลูกฝังให้ทุกคนช่วยเป็นหูเป็นตา หรือถ้าเป็นทางโรงเรียนเองอาจจะติดกล้องวงจรปิดในทุกจุดไปเลย นอกจากเรื่องมือถือยังสามารถดูประวัติย้อนหลังเรื่องครูเอาของมาขาย เรื่องของหายในห้อง และเรื่องอื่น ๆ ได้ด้วย
(ถ้ามีเหตุผลอื่น ๆ ที่เห็นสมควรห้ามสามารถคอมเม้นได้เลยครับ)

ด้วยเหตุผล 2 ข้อนี้ ผมจึงขอสมมุติให้โรงเรียนลดหย่อนกฏ เป็นห้ามใช้ในห้องเรียนอย่างเดียว

กฏการห้ามใช้มือถือในห้องเรียนส่วนหนึ่งผมเองก็เห็นด้วยเหมือนกัน เพราะบางครั้งผมก็เห็นเพื่อนของผมก็เอามือถือขึ้นมาใช้ตอนคาบเรียนเหมือนกัน แต่ว่า เขาจะเอามาใช้เพราะคาบที่น่าเบื่อ ครูผู้สอนไม่สามารถดึงดูดให้ผู้เรียนสนใจกับการเรียนได้ คำถามคือ ถ้าสาเหตุคือครูที่ไม่สามารถทำให้นักเรียนสนใจได้ เราจะแก้ปัญหาที่ปลายเหตุอย่างนั้นหรอ ? ถ้านักเรียนเบื่อครูแล้วไปกัดยางลบเล่นจะยึดยางลบไหม ? ปัญหาควรแก้ที่ต้นเหตุหรือไม่ ตัวครูเองที่ควรถูกคัดเข้ามา ให้สอนสนุก สอนน่าเรียน

ผมของยกตัวอย่างเป็นการแสดง สมมุติว่าคุณซื้อบัตรเข้าไปชม แล้วคุณสนุก คุณสนใจ คุณจะหยิบมือถือขึ้นมาใช้หรือไม่ ? ลองพิจารณาเอานะครับ

ส่วนถ้าหากบางคนมีปัญหาจริง ควรจะพิจารณาเป็นคน ๆ ไปดีกว่าครับ

ต่อมา ผมอยากจะเล่าเรื่องหนึ่งที่ผมเจอมาเกี่ยวกับมือถือนี่ละ

ผมและเพื่อน ๆ กลุ่มหนึ่งเคยได้ไปอบรมณ์วิชาการเกี่ยวกับ Thailand 4.0 แล้ววิทยากรได้ยกสิ่งหนึ่งขึ้นมา พร้อมพูด Keyword ออกมา 2 3 คำ หากใครตอบได้จะได้รางวัลไป
ผลคือ ไม่มีใครตอบได้ วิทยากรได้เฉลยว่ามันคืออะไร พร้อมทั้งบอกว่า "ถ้าเป็นนักเรียนของผม เขาจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วเอา Keyword ไปค้นหา ไม่เกิน 5 นาทีตอบได้ทั้งห้อง" ส่วนครูที่นั่งฟังอยู่ด้วยได้แต่ยิ้มอย่างเดียว เพราะในห้องเรียนไม่เคยสอนให้หาความรู้เองเลย จึงเป็นเรื่องปกติที่คนทั้งห้องไม่หยิบสิ่งที่ควรจะใช้เป็นเครื่องมือหาคำตอบออกมา

สิ่งที่ผมอยากจะบอกคือ การที่เราให้นักเรียนเรียนตามหนังสือเพียงอย่างเดียวมันถูกแล้วหรือ เทคโนโลยีสมัยใหม่เปลี่ยนไปเร็วมาก อินเตอร์เน็ต อวกาศ ทุกข่าวสารในหนังสือมีหรือไม่ ? มันถึงเวลาแล้วหรือเปล่าที่จะสอนให้นักเรียนไขว่คว้าและค้นหาข้อมูลด้วยตนเอง เพราะในชีวิตจริงคงไม่สามารถมีใครมาป้อนทุก ๆ อย่างที่เราอยากรู้ได้หรอกครับ

ผมไปเจอคำพูดที่ว่า "สมัยก่อนพวกพี่ก็ไม่ใช้มือถือ ก็ผ่านกันมาได้" คือพี่อะรุ่น Thailland 3.0 ถ้าทำซ้ำ ๆ แบบเดิม ผลก็เหมือนเดิม Thailand 4.0 คงไม่เกิดในช่วงชีวิตของพี่แน่ ๆ ครับ
อย่างที่ผมบอก Thailand 4.0 คือการส่งเสริมนวัตกรรม แต่สิ่งที่เป็นกฏอย่าง "ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือในโรงเรียน" มันสอดคล้องกับโลกปัจจุบันหรือไม่ ก็ลองพิจารณาเอาดูนะครับ

สุดท้ายคือใครมีความเห็นอะไรอย่างไร สามารถคอมเม้นมาได้โดยมีเหตุและผลเป็นสำคัญนะครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่