๏ ราตรีประดับดาว
แสงแวววาวผิวทะเล
เสียงคลื่นเจ้ากล่อมเห่
แสนว้าเหว่ห้วงหัวใจ
๏ เหม่อมองทะเลครวญ
รอยรัญจวนสนิทนัย
ลึกล้ำเกินคำไข
ปวดร้าวในห้วงใจคน
๏ นางหนึ่งเจ้าผันผ่าน
โฉมสะคราญมุ่งสู่ชล
ยลรอยความกังวล
อัสสุชลคลอดวงตา
๏ พิศพักตร์เจ้างามผ่อง
ใยหม่นหมองยามมองหา
ผ่านเลยถึงธารา
เพียงหันหน้าชายตามอง
๏ สายน้ำที่เยือกเย็น
คลื่นกระเซ็นย้ำผิวผ่อง
โสมขับแสงดาวส่อง
งามเทียมทองยามได้ยล
๏ ใยเจ้ามิยั้งก้าว
ย่ำทรายขาวสู่สายชล
หายไปในวังวน
ขาดเงาคนมิหวนคืน
๏ ครืนครืนเสียงซัดสาด
ป่าวประกาศว่ายังตื่น
ทะเลทุกวันคืน
มันก็ตื่นอยู่ร่ำไป
๏ เพียงโฉมเจ้าลาลับ
ไปมิกลับหรือไฉน
โศกเอ๋ยโศกอันใด
จึงทำให้คิดสั้นเอย
๏ สุดห้วงบ่วงความคิด
ตามประชิดเจ้าทรามเชย
อันใดจึงร้างเลย
ชีวิตเคยอภิรมย์
๏ คว้าร่างอรชร
โอบสมรดั่งใจสม
อุ้มร่างนางระทม
ขึ้นสู่ฝั่งได้ดั่งใจ
๏ งามยิ่งนักโฉมเอ๋ย
ใยมิเอ่ยคำปราศรัย
เจ้านอนพับหลับใหล
นั้นทำให้ข้าโศกตรม
๏ กายเจ้าที่เย็นเฉียบ
กลางความเงียบยินแต่ลม
หวีดหวิวห้วงโพยม
เสียงดังขรมหวั่นอุรา
๏ ลมหายใจเจ้าสิ้นสาย
เสียงเงียบหายใจประหม่า
พลิกกลับจับกายา
นอนคว่ำหน้าใส่บ่ายืน
๏ โอบอุ้มขึ้นเขย่า
เพียงเบาเบาให้เจ้าตื่น
สายน้ำที่เจ้ากลืน
จงไหลคืนกลับออกมา
๏ โฉมเจ้ายังนอนนิ่ง
ดุจเจ้าทิ้งความปรารถนา
ไม่หวนทวนเวลา
กลับเคหาโลกพิไล
๏ ริมฝีปากรูปกระจับ
สัมผัสรับลมหายใจ
ถ่ายทอดความห่วงใย
ที่รินไหลสู่กายนาง
๏ สายลมจากดวงใจ
อิงอุ่นไอจากเรือนร่าง
แสงส่องแม้นเลือนราง
พิศกระจ่างงามละไม
๏ คิ้วโกร่งดั่งคันศร
เส้นผมอ่อนดุจใยไหม
สะคราญแม้หลับไหล
เพราะเหตุใดใยเจ้าโศก
๏ โฉมเอยใยเจ้าเศร้า
เหตุใดเล่าวิปโยค
เปรียบเหมือนโลกทั้งโลก
ตามเศร้าโศกมิเว้นวาย
๏ โอบกอดเจ้าหอมกรุ่น
เอื้อไออุ่นให้หนาวคลาย
ลูบผมพลิ้วสยาย
เจ้าเคลื่อนกายลืมตามอง
๏ ดวงตาอันหมองเศร้า
มิต่างเราที่หม่นหมอง
สบตาคราประคอง
เจ้าก็มองสบสายตา
๏ จวบรุ่งอุษาสาง
อยู่เคียงข้างต่างมองหา
เพียงพบเพื่อสบตา
หมื่นวาจาต่างเงียบงัน
๏ สัมผัสหน้าต่างใจ
บ่งบอกนัยสู่ใจกัน
แทนถ้อยคำรำพัน
ความกดดันในจิตใจ
๏ จนแสงสุรีย์ส่อง
เพลาต้องจรจากไกล
ต่างคนต้องต่างไป
ต่างเข้าใจโลกของตน
๏ พบกันเพื่อพลัดพราก
หันหลังจากริมฝั่งชล
หันหลังเพื่อตัวตน
คนค้นคนต่างเข้าใจ
๏ อย่าผูกความสัมพันธ์
รักเหมือนฝันอันอ่อนไหว
ความเจ็บสั่งสอนให้
ถนอมไว้ทั้งใจกาย
๏ หาดทรายที่พาดยาว
กับรอยก้าวบนพื้นทราย
ไม่นานลบรอยหาย
สิ้นสลายแม้เค้าลาง
๏ เงาร่างทับทางแยก
มันไม่แปลกต้องแยกทาง
เดินถนนต่างอ้างว้าง
ดีกว่าสร้างแผลทางใจ ๚ะ๛
..
ลมหายใจแห่งรัตติกาล
แสงแวววาวผิวทะเล
เสียงคลื่นเจ้ากล่อมเห่
แสนว้าเหว่ห้วงหัวใจ
๏ เหม่อมองทะเลครวญ
รอยรัญจวนสนิทนัย
ลึกล้ำเกินคำไข
ปวดร้าวในห้วงใจคน
๏ นางหนึ่งเจ้าผันผ่าน
โฉมสะคราญมุ่งสู่ชล
ยลรอยความกังวล
อัสสุชลคลอดวงตา
๏ พิศพักตร์เจ้างามผ่อง
ใยหม่นหมองยามมองหา
ผ่านเลยถึงธารา
เพียงหันหน้าชายตามอง
๏ สายน้ำที่เยือกเย็น
คลื่นกระเซ็นย้ำผิวผ่อง
โสมขับแสงดาวส่อง
งามเทียมทองยามได้ยล
๏ ใยเจ้ามิยั้งก้าว
ย่ำทรายขาวสู่สายชล
หายไปในวังวน
ขาดเงาคนมิหวนคืน
๏ ครืนครืนเสียงซัดสาด
ป่าวประกาศว่ายังตื่น
ทะเลทุกวันคืน
มันก็ตื่นอยู่ร่ำไป
๏ เพียงโฉมเจ้าลาลับ
ไปมิกลับหรือไฉน
โศกเอ๋ยโศกอันใด
จึงทำให้คิดสั้นเอย
๏ สุดห้วงบ่วงความคิด
ตามประชิดเจ้าทรามเชย
อันใดจึงร้างเลย
ชีวิตเคยอภิรมย์
๏ คว้าร่างอรชร
โอบสมรดั่งใจสม
อุ้มร่างนางระทม
ขึ้นสู่ฝั่งได้ดั่งใจ
๏ งามยิ่งนักโฉมเอ๋ย
ใยมิเอ่ยคำปราศรัย
เจ้านอนพับหลับใหล
นั้นทำให้ข้าโศกตรม
๏ กายเจ้าที่เย็นเฉียบ
กลางความเงียบยินแต่ลม
หวีดหวิวห้วงโพยม
เสียงดังขรมหวั่นอุรา
๏ ลมหายใจเจ้าสิ้นสาย
เสียงเงียบหายใจประหม่า
พลิกกลับจับกายา
นอนคว่ำหน้าใส่บ่ายืน
๏ โอบอุ้มขึ้นเขย่า
เพียงเบาเบาให้เจ้าตื่น
สายน้ำที่เจ้ากลืน
จงไหลคืนกลับออกมา
๏ โฉมเจ้ายังนอนนิ่ง
ดุจเจ้าทิ้งความปรารถนา
ไม่หวนทวนเวลา
กลับเคหาโลกพิไล
๏ ริมฝีปากรูปกระจับ
สัมผัสรับลมหายใจ
ถ่ายทอดความห่วงใย
ที่รินไหลสู่กายนาง
๏ สายลมจากดวงใจ
อิงอุ่นไอจากเรือนร่าง
แสงส่องแม้นเลือนราง
พิศกระจ่างงามละไม
๏ คิ้วโกร่งดั่งคันศร
เส้นผมอ่อนดุจใยไหม
สะคราญแม้หลับไหล
เพราะเหตุใดใยเจ้าโศก
๏ โฉมเอยใยเจ้าเศร้า
เหตุใดเล่าวิปโยค
เปรียบเหมือนโลกทั้งโลก
ตามเศร้าโศกมิเว้นวาย
๏ โอบกอดเจ้าหอมกรุ่น
เอื้อไออุ่นให้หนาวคลาย
ลูบผมพลิ้วสยาย
เจ้าเคลื่อนกายลืมตามอง
๏ ดวงตาอันหมองเศร้า
มิต่างเราที่หม่นหมอง
สบตาคราประคอง
เจ้าก็มองสบสายตา
๏ จวบรุ่งอุษาสาง
อยู่เคียงข้างต่างมองหา
เพียงพบเพื่อสบตา
หมื่นวาจาต่างเงียบงัน
๏ สัมผัสหน้าต่างใจ
บ่งบอกนัยสู่ใจกัน
แทนถ้อยคำรำพัน
ความกดดันในจิตใจ
๏ จนแสงสุรีย์ส่อง
เพลาต้องจรจากไกล
ต่างคนต้องต่างไป
ต่างเข้าใจโลกของตน
๏ พบกันเพื่อพลัดพราก
หันหลังจากริมฝั่งชล
หันหลังเพื่อตัวตน
คนค้นคนต่างเข้าใจ
๏ อย่าผูกความสัมพันธ์
รักเหมือนฝันอันอ่อนไหว
ความเจ็บสั่งสอนให้
ถนอมไว้ทั้งใจกาย
๏ หาดทรายที่พาดยาว
กับรอยก้าวบนพื้นทราย
ไม่นานลบรอยหาย
สิ้นสลายแม้เค้าลาง
๏ เงาร่างทับทางแยก
มันไม่แปลกต้องแยกทาง
เดินถนนต่างอ้างว้าง
ดีกว่าสร้างแผลทางใจ ๚ะ๛
..