ห่างหายไปพักใหญ่เนื่องจากภาระกิจรัดตัว ตอนนี้กลับมาแล้วครับ สัญญาว่าจะพยายามเรียบเรียงเรื่องราวมาให้อ่านอย่างสม่ำเสมอนะครับ วันนี้ขอเสนอเรื่อง "สิ่งศักดิ์สิทธิ์"
แต่เดิม เราเป็นคนไม่เชื่อเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้ ออกแนวหัวสมัยใหม่ ชอบลองของและท้าทายด้วยซ้ำ อีกทั้งยังไม่เคยแขวนพระ จนมีเหตุการณ์ที่เราเห็นวิญญาณคนแถวบ้าน (เคยลงให้อ่านในกลุ่มนี้ ตามอ่านได้จากแฮ๊ชแทคนะครับ) แม่เราก็เป็นห่วงเลยบังคับให้แขวนพระตลอดเวลา ห้ามถอดเด็ดขาด โดยย่าได้ให้ "หลวงปู่ทวด" มา 1 องค์ ย่าบอกว่าได้พระองค์นี้มาตั้งแต่สมัยสาวๆ ยังไม่ได้แต่งงานกับปู่ด้วยซ้ำ เราก็เลยต้องแขวนพระ เพื่อความสบายใจของคนที่บ้าน หลังจากนั้นก็มีหลายๆเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนเราต้องยอมเชื่อว่า... "สิ่งศักดิ์สิทธิ์" มีจริง!!!
1. หลังจากแขวนพระได้ไม่นานนัก เราก็คึกคะนองตามประสา ขี่มอเตอร์ไซค์ ซูซุกิ RC100 ไม่ได้สวมหมวกกันน๊อค โดยใช้ความเร็วพอสมควร จู่ๆก็มีรถยนต์เลี้ยวตัดหน้า เราก็เลยชนเข้ากลางลำ ยังจำภาพเหตุการณ์ตอนนั้นได้ดี ตัวเราลอยเข้าไปอัดกับบอดี้รถยนต์เต็มๆ เสียงดังมาก ชาวบ้านแถวนั้นวิ่งเข้ามาช่วยกันหลายคน ปรากฏว่า รถยนต์บี้ เปิดประตูไม่ได้ คันชักหักต้องใช้รถมากลากออกไป มอเตอร์ไซค์ของเราก็พังทั้งคัน ต้องทิ้งเป็นเศษเหล็ก แต่ตัวเราไม่เป็นอะไรเลย แค่จุกจากการลอยเข้าไปอัดกับรถยนต์ ป้าที่มาช่วยพยุงเราออกมา บอกว่า ตอนได้ยินเสียงรถชน คิดในใจว่า ไม่น่ารอดแล้วแหละชนแรงขนาดนั้น พอกลับถึงบ้านเพิ่งสังเกตเห็นว่า กรอบพระเราซึ่งเป็นกรอบพลาสติกกันน้ำ แตกร้าวตรงกลาง เราก็เลยบอกให้พ่อเอาไปเลี่ยมให้ใหม่ พ่อบอกหลวงปู่ช่วยไว้ แต่ตอนนั้นเรายังไม่เชื่อ คิดแต่ว่าเป็นเพราะแรงอัดกระแทกจากรถชน
2. สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เราเรียนวิศวะ ซึ่งจะมีวิชาที่เลิกดึกเสมอ วันนั้นจำได้ว่าเลิกประมาณ 4 ทุ่ม เราก็ขี่มอเตอร์ไซค์ แต่ไม่มีไฟหน้า (เป็นรถคลาสสิคและยังประกอบไม่เสร็จดี เราเอามาขี่ไปเรียนก่อน) กำลังจะขี่กลับหอ ซึ่งระหว่างทางมืดมาก เหมือนไฟทางเสีย ขี่มากำลังจะถึงวงเวียน ก็มีเสียงตะโกนเรียกชื่อเราดังๆ จากข้างทาง ตอนนั้นเราคิดว่าคงเป็นเพื่อนในSec เรียกเพื่อจะขอซ้อนท้ายให้ไปส่งขึ้นรถหน้ามหาวิทยาลัย ก็เลยชะลอรถแล้วหันไปมอง แต่กลับไม่เจอใครอยู่ตรงนั้นเลย พอคิดว่าสงสัยคงหูฝาด หันกลับมากำลังจะบิดไปต่อ ก็มีมอเตอร์ไซค์ซึ่งไม่มีไฟหน้าเหมือนกัน ขี่ด้วยความเร็วสูง ตัดหน้าเราไปเลย ตอนนั้นตกใจมากต้องจอดสงบอารมณ์ข้างทาง คือถ้าไม่มีเสียงเรียกจากข้างทางตอนนั้น รถเราก็จะชนกับรถอีกคันแน่ๆ ซึ่งหลังจากเหตุการณ์นี้ เราก็เริ่มเชื่อว่าหลวงปู่น่าจะคอยคุ้มครองอยู่จริงๆ
3. ตอนเรากำลังจะซื้อรถยนต์ เราจองรถสีดำไปเพราะความชอบส่วนตัว มีเพื่อนมาทักท้วงว่าเราใช้รถสีดำไม่ดีนะ ควรใช้สีส้มหรือแดง(เราเกิดวันพฤหัส) แต่เราก็ดื้อ ไม่ฟัง คิดว่าไม่เกี่ยวกันหรอก เซลล์ก็ขับรถมาให้เราเช็คแถวที่ทำงาน เราเช็ครถเสร็จก็ตกลงซื้อ จนถึงวันรับรถ เราคิดยังไงไม่รู้ยกมือไหว้บอก "หลวงปู่ทวดช่วยลูกเลือกรถด้วยครับ" ไปถึงโชว์รูม เซลล์เพิ่งขับรถคันที่เราจองมาจอดไว้ที่หน้าโชว์รูม เราเดินไปจับกระโปรงรถยังอุ่นๆอยู่เลย เราก็ไปจัดการเรื่องเอกสารต่ออีกแป๊บ พอกลับมาจะขับรถกลับ ปรากฏว่า สต๊าทไม่ติด ทำยังไงก็ไม่ติด ทางฝ่ายช่างเข้ามาตรวจเช็คให้ก็ไม่เจอสาเหตุ ปกติทุกอย่าง แต่สต๊าทไม่ติด ฝ่ายช่างก็จนปัญญา เปลี่ยนคันก็ไม่ได้เพราะสีนี้เหลือคันสุดท้าย เราก็อยากขับรถกลับวันนั้นเลยเพราะต้องลางาน สุดท้ายเลยยอมเปลี่ยนสี เซลล์ไปเช็คแล้วกลับมาบอกว่าตอนนี้เหลือแค่คันเดียว คือ สีแดง พอเราเดินไปดูคันจริง เกิดชอบขึ้นมาเฉยๆ เลยตกลงเอาคันนั้น
4. ประมาณ 3 ปีที่แล้ว เราไปเที่ยวเพชรบูรณ์ช่วงวันหยุดยาวปีใหม่ ซึ่งตลอดทริปที่ไปเที่ยวยอมรับว่านอนน้อยมาก เพราะอากาศหนาวจัดจนนอนไม่ค่อยหลับ จนขากลับขับมาถึงแถวอยุธยาประมาณตี3 ง่วงจัดมากจนไม่ไหว เลยว่าจะแวะพักนอนข้างทางสักงีบ แต่ปรากฏว่าริมถนนสายเอเชีย ไม่มีที่ให้จอดนอนเลย รถจอดงีบกันตลอดทั้งเส้น เราก็เลยแค่ล้างหน้าล้างตาแล้วกัดฟันขับต่อ เพราะอีกไม่ไกลก็ถึงแล้ว จนมาขึ้นทางด่วนตรงแถวรังสิตเพื่อจะไปลงอนุสาวรีย์ชัย (เราพักอยู่แถวนั้น) เลยด่านเก็บเงินทางด่วนมาได้นิดเดียว รู้สึกง่วงมาก จะแวะนอนบนทางด่วนก็ไม่ใช่เรื่อง อีกทั้งคิดว่าไม่เกิน 10 นาที เหยียบๆหน่อยก็จะถึงหอ ได้นอนพักเต็มๆแล้ว
เราก็ใช้วิธีเอากระเป๋าสตางค์มาหนีบไว้ด้วยหัวเข่าทั้งสองข้าง ให้ท่านั่งมันลำบากๆจะได้ไม่ง่วง กัดริมฝีปากให้รู้สึกตัว และนับเลข 1-10 เพื่อให้มีสมาธิ ก็นับ 1 2 3 มาเรื่อยๆ ไม่รู้ตัวว่าวูบไปตอนไหน จำได้ว่านับมาถึง 7 ก็เหมือนมีเสียงผู้ชายมานับต่อว่า 9 เราก็เลยตอบกลับ "เห้ย! 8 เว้ย" แล้วในจังหวะที่เราเห้ยนั้น เหมือนเรารู้สึกตัว ลืมตามา ภาพข้างหน้าคือเรากำลังจะชนกับแบริเออร์ปูนอยู่แล้ว ตอนนั้นไม่รู้สติมาจากไหน คิดได้ว่าถ้าหักพวงมาลัย รถพลิกคว่ำแน่ๆ เลยหักพวงมาลัยแค่นิดเดียว กะว่าเอาด้านข้างเข้าชนละกัน ปรากฏว่ารถเราแค่เฉี่ยวกับฐานปูนของแบริเออร์ มีรอยถลอกแค่ตรงยางและแม็กนิดเดียว ตอนนั้นเราตกใจมาก หายง่วงเลย พอเช็คแล้วว่ารถไม่เป็นอะไรมาก ก็ค่อยๆขับจนมาถึงหออย่างปลอดภัย
หลังจากหลายๆเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เราเชื่ออย่างสนิทใจ และทุกวันนี้ ถ้าไม่แขวนพระ เราจะไม่ออกไปไหนอย่างเด็ดขาด
*จบ*
สิ่งศักดิ์สิทธิ์
แต่เดิม เราเป็นคนไม่เชื่อเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้ ออกแนวหัวสมัยใหม่ ชอบลองของและท้าทายด้วยซ้ำ อีกทั้งยังไม่เคยแขวนพระ จนมีเหตุการณ์ที่เราเห็นวิญญาณคนแถวบ้าน (เคยลงให้อ่านในกลุ่มนี้ ตามอ่านได้จากแฮ๊ชแทคนะครับ) แม่เราก็เป็นห่วงเลยบังคับให้แขวนพระตลอดเวลา ห้ามถอดเด็ดขาด โดยย่าได้ให้ "หลวงปู่ทวด" มา 1 องค์ ย่าบอกว่าได้พระองค์นี้มาตั้งแต่สมัยสาวๆ ยังไม่ได้แต่งงานกับปู่ด้วยซ้ำ เราก็เลยต้องแขวนพระ เพื่อความสบายใจของคนที่บ้าน หลังจากนั้นก็มีหลายๆเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนเราต้องยอมเชื่อว่า... "สิ่งศักดิ์สิทธิ์" มีจริง!!!
1. หลังจากแขวนพระได้ไม่นานนัก เราก็คึกคะนองตามประสา ขี่มอเตอร์ไซค์ ซูซุกิ RC100 ไม่ได้สวมหมวกกันน๊อค โดยใช้ความเร็วพอสมควร จู่ๆก็มีรถยนต์เลี้ยวตัดหน้า เราก็เลยชนเข้ากลางลำ ยังจำภาพเหตุการณ์ตอนนั้นได้ดี ตัวเราลอยเข้าไปอัดกับบอดี้รถยนต์เต็มๆ เสียงดังมาก ชาวบ้านแถวนั้นวิ่งเข้ามาช่วยกันหลายคน ปรากฏว่า รถยนต์บี้ เปิดประตูไม่ได้ คันชักหักต้องใช้รถมากลากออกไป มอเตอร์ไซค์ของเราก็พังทั้งคัน ต้องทิ้งเป็นเศษเหล็ก แต่ตัวเราไม่เป็นอะไรเลย แค่จุกจากการลอยเข้าไปอัดกับรถยนต์ ป้าที่มาช่วยพยุงเราออกมา บอกว่า ตอนได้ยินเสียงรถชน คิดในใจว่า ไม่น่ารอดแล้วแหละชนแรงขนาดนั้น พอกลับถึงบ้านเพิ่งสังเกตเห็นว่า กรอบพระเราซึ่งเป็นกรอบพลาสติกกันน้ำ แตกร้าวตรงกลาง เราก็เลยบอกให้พ่อเอาไปเลี่ยมให้ใหม่ พ่อบอกหลวงปู่ช่วยไว้ แต่ตอนนั้นเรายังไม่เชื่อ คิดแต่ว่าเป็นเพราะแรงอัดกระแทกจากรถชน
2. สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เราเรียนวิศวะ ซึ่งจะมีวิชาที่เลิกดึกเสมอ วันนั้นจำได้ว่าเลิกประมาณ 4 ทุ่ม เราก็ขี่มอเตอร์ไซค์ แต่ไม่มีไฟหน้า (เป็นรถคลาสสิคและยังประกอบไม่เสร็จดี เราเอามาขี่ไปเรียนก่อน) กำลังจะขี่กลับหอ ซึ่งระหว่างทางมืดมาก เหมือนไฟทางเสีย ขี่มากำลังจะถึงวงเวียน ก็มีเสียงตะโกนเรียกชื่อเราดังๆ จากข้างทาง ตอนนั้นเราคิดว่าคงเป็นเพื่อนในSec เรียกเพื่อจะขอซ้อนท้ายให้ไปส่งขึ้นรถหน้ามหาวิทยาลัย ก็เลยชะลอรถแล้วหันไปมอง แต่กลับไม่เจอใครอยู่ตรงนั้นเลย พอคิดว่าสงสัยคงหูฝาด หันกลับมากำลังจะบิดไปต่อ ก็มีมอเตอร์ไซค์ซึ่งไม่มีไฟหน้าเหมือนกัน ขี่ด้วยความเร็วสูง ตัดหน้าเราไปเลย ตอนนั้นตกใจมากต้องจอดสงบอารมณ์ข้างทาง คือถ้าไม่มีเสียงเรียกจากข้างทางตอนนั้น รถเราก็จะชนกับรถอีกคันแน่ๆ ซึ่งหลังจากเหตุการณ์นี้ เราก็เริ่มเชื่อว่าหลวงปู่น่าจะคอยคุ้มครองอยู่จริงๆ
3. ตอนเรากำลังจะซื้อรถยนต์ เราจองรถสีดำไปเพราะความชอบส่วนตัว มีเพื่อนมาทักท้วงว่าเราใช้รถสีดำไม่ดีนะ ควรใช้สีส้มหรือแดง(เราเกิดวันพฤหัส) แต่เราก็ดื้อ ไม่ฟัง คิดว่าไม่เกี่ยวกันหรอก เซลล์ก็ขับรถมาให้เราเช็คแถวที่ทำงาน เราเช็ครถเสร็จก็ตกลงซื้อ จนถึงวันรับรถ เราคิดยังไงไม่รู้ยกมือไหว้บอก "หลวงปู่ทวดช่วยลูกเลือกรถด้วยครับ" ไปถึงโชว์รูม เซลล์เพิ่งขับรถคันที่เราจองมาจอดไว้ที่หน้าโชว์รูม เราเดินไปจับกระโปรงรถยังอุ่นๆอยู่เลย เราก็ไปจัดการเรื่องเอกสารต่ออีกแป๊บ พอกลับมาจะขับรถกลับ ปรากฏว่า สต๊าทไม่ติด ทำยังไงก็ไม่ติด ทางฝ่ายช่างเข้ามาตรวจเช็คให้ก็ไม่เจอสาเหตุ ปกติทุกอย่าง แต่สต๊าทไม่ติด ฝ่ายช่างก็จนปัญญา เปลี่ยนคันก็ไม่ได้เพราะสีนี้เหลือคันสุดท้าย เราก็อยากขับรถกลับวันนั้นเลยเพราะต้องลางาน สุดท้ายเลยยอมเปลี่ยนสี เซลล์ไปเช็คแล้วกลับมาบอกว่าตอนนี้เหลือแค่คันเดียว คือ สีแดง พอเราเดินไปดูคันจริง เกิดชอบขึ้นมาเฉยๆ เลยตกลงเอาคันนั้น
4. ประมาณ 3 ปีที่แล้ว เราไปเที่ยวเพชรบูรณ์ช่วงวันหยุดยาวปีใหม่ ซึ่งตลอดทริปที่ไปเที่ยวยอมรับว่านอนน้อยมาก เพราะอากาศหนาวจัดจนนอนไม่ค่อยหลับ จนขากลับขับมาถึงแถวอยุธยาประมาณตี3 ง่วงจัดมากจนไม่ไหว เลยว่าจะแวะพักนอนข้างทางสักงีบ แต่ปรากฏว่าริมถนนสายเอเชีย ไม่มีที่ให้จอดนอนเลย รถจอดงีบกันตลอดทั้งเส้น เราก็เลยแค่ล้างหน้าล้างตาแล้วกัดฟันขับต่อ เพราะอีกไม่ไกลก็ถึงแล้ว จนมาขึ้นทางด่วนตรงแถวรังสิตเพื่อจะไปลงอนุสาวรีย์ชัย (เราพักอยู่แถวนั้น) เลยด่านเก็บเงินทางด่วนมาได้นิดเดียว รู้สึกง่วงมาก จะแวะนอนบนทางด่วนก็ไม่ใช่เรื่อง อีกทั้งคิดว่าไม่เกิน 10 นาที เหยียบๆหน่อยก็จะถึงหอ ได้นอนพักเต็มๆแล้ว
เราก็ใช้วิธีเอากระเป๋าสตางค์มาหนีบไว้ด้วยหัวเข่าทั้งสองข้าง ให้ท่านั่งมันลำบากๆจะได้ไม่ง่วง กัดริมฝีปากให้รู้สึกตัว และนับเลข 1-10 เพื่อให้มีสมาธิ ก็นับ 1 2 3 มาเรื่อยๆ ไม่รู้ตัวว่าวูบไปตอนไหน จำได้ว่านับมาถึง 7 ก็เหมือนมีเสียงผู้ชายมานับต่อว่า 9 เราก็เลยตอบกลับ "เห้ย! 8 เว้ย" แล้วในจังหวะที่เราเห้ยนั้น เหมือนเรารู้สึกตัว ลืมตามา ภาพข้างหน้าคือเรากำลังจะชนกับแบริเออร์ปูนอยู่แล้ว ตอนนั้นไม่รู้สติมาจากไหน คิดได้ว่าถ้าหักพวงมาลัย รถพลิกคว่ำแน่ๆ เลยหักพวงมาลัยแค่นิดเดียว กะว่าเอาด้านข้างเข้าชนละกัน ปรากฏว่ารถเราแค่เฉี่ยวกับฐานปูนของแบริเออร์ มีรอยถลอกแค่ตรงยางและแม็กนิดเดียว ตอนนั้นเราตกใจมาก หายง่วงเลย พอเช็คแล้วว่ารถไม่เป็นอะไรมาก ก็ค่อยๆขับจนมาถึงหออย่างปลอดภัย
หลังจากหลายๆเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เราเชื่ออย่างสนิทใจ และทุกวันนี้ ถ้าไม่แขวนพระ เราจะไม่ออกไปไหนอย่างเด็ดขาด
*จบ*