ถ้าพูดถึงฟุตบอลอังกฤษ คนส่วนใหญ่จะนึกถึงแต่ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก หรืออย่างดีก็ลงไปถึงเดอะแชมเปี้ยนชิพซึ่งเป็นลีกรอง คงมีน้อยคนที่สนใจติดตามลีกต่ำกว่านั้นอย่างลีกวันหรือลีกทู แต่อันที่จริงการต่อสู้ในระดับลีกล่าง ๆ ก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กับลีกบนเช่นกัน โดยเฉพาะการต่อสู้ในท้ายตารางลีกทูเพื่อดิ้นรนให้อยู่รอดในฟุตบอลลีกต่อไปให้ได้
ถึงแม้ว่าในยุคนี้ การตกชั้นจากลีกทูไปสู่ลีกคอนเฟอเรนซ์หรือ "นอกลีก" จะไม่ได้เสียหายมากมายเหมือนแต่ก่อน เพราะการเลื่อนชั้นระหว่างลีกทูกับคอนเฟอเรนซ์มาใช้ระบบการเลื่อนชั้น ไม่ได้เป็นระบบโหวตเหมือนแต่ก่อน ซึ่งทำให้การเข้ามาเล่นในระดับฟุตบอลลีกอีกครั้งไม่ยากมากนัก (แต่ก่อนนี่ทีมนอกลีกกว่าจะโหวตชนะได้เข้ามาแทนทีมเก่าในลีกนี่ต้องเรียกว่าโคตรยาก เพราะทีมลีกส่วนมากก็โหวตให้ทีมเก่าชนะได้อยู่ในลีกต่อไป) แต่การตกชั้นและเลื่อนชั้นเข้าสู่ฟุตบอลลีกก็ยังถือเป็นประวัติศาสตร์อันน่าผิดหวังหรือน่าภูมิใจของทีม
112 ปีที่แตกต่าง
เมื่อปี 1905 ฟุตบอลลีกซึ่งตอนนั้นยังมีแค่ 2 ดิวิชั่น ได้มีการขยายจำนวนทีมในลีกจากดิวิชั่นละ 18 ทีมเป็น 20 ทีม ซึ่งในการนี้ก็ทำให้ต้องมีทีมใหม่ ๆ ที่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน โดยในจำนวนทีมที่เข้ามาใหม่ในครั้งนั้น 4 ทีม มีทีมในกรุงลอนดอนรวมอยู่ด้วย 2 ทีม
หนึ่งในสองทีมน้องใหม่จากลอนดอนปีนั้นก็คือ เชลซี ซึ่งปีนี้ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก
แต่ในขณะที่เชลซีได้ฉลองแชมป์ อีกหนึ่งทีมลอนดอนที่เข้ามาในปีเดียวกันก็คือ แคลปตัน โอเรียนท์ หรือที่เปลี่ยนชื่อมาหลายรอบจนมาเป็น "เลย์ตัน โอเรียนท์" กลับต้องพบกับความเศร้า เมื่อทีมของพวกเขาต้องตกต่ำจนกระทั่งจบลงที่อันดับสุดท้ายของลีกทู และต้องตกชั้นออกนอกฟุตบอลลีกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ หลังจากอยู่ในฟุตบอลลีกมายาวนานถึง 112 ปี
ตลอดช่วง 112 ปีในลีก โอเรียนท์เคยประสบความสำเร็จที่สุดในฤดูกาล 1961-62 เมื่อได้ตำแหน่งรองแชมป์ฟุตบอลดิวิชั่นสอง และได้เลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุด แต่อยู่ได้เพียงฤดูกาลเดียวก็ตกชั้น และในปี 1977-78 โอเรียนท์สามารถเข้าถึงรอบรองฯ ของฟุตบอลเอฟเอคัพ ซึ่งเป็นความสำเร็จสูงสุดในรายการฟุตบอลถ้วย
เมื่อปี 2014 โอเรียนท์ยังดูดีอยู่เลย ได้อันดับ 3 ในลีกวัน แต่พลาดในการเพลย์ออฟทำให้อดเลื่อนชั้นขึ้นเดอะแชมเปี้ยนชิพ แล้วในปีนั้นเอง แบร์รี่ เฮิร์นส์ (คนเดียวกับที่เป็นประธานสนุกเกอร์โลก) ได้ขายทีมให้กับนักธุรกิจอิตาลี แล้วทีมก็ตกต่ำอย่างรวดเร็ว โดยตกชั้นสู่ลีกทูในปีถัดมา ก่อนที่จะจบด้วยอันดับสุดท้ายของลีกทู สิ้นสุดประวัติศาสตร์ 112 ปีในฟุตบอลลีกไว้แต่เพียงเท่านี้
ลาก่อน จอมเหนียวแห่งฟุตบอลลีก
พร้อมกับโอเรียนท์ ฮาร์ทลีพูล ยูไนเต็ด อีก 1 ทีมเก่าแก่ของฟุตบอลลีกที่ต้องอำลาฟุตบอลลีกไปในปีนี้ หลังจากต้องลุ้นกันจนถึงนัดหน้าซึ่งฮาร์ทลีพูลก็ทำได้ดีที่สุดแล้วด้วยการชนะดอนคาสเตอร์ ทีมที่ได้เลื่อนชั้น 2-1 แต่ก็ไม่เพียงพอเพราะนิวปอร์ทมาได้ประตูในนาทีสุดท้ายชนะน็อตต์เคาน์ตี้ได้ 2-1 เหมือนกัน ทำให้ฮาร์ทลีพูลจบที่อันดับรองสุดท้ายและกระเด็นออกจากฟุตบอลลีกไปในที่สุด หลังจากที่เข้ามาตั้งแต่เมื่อมีการตั้งลีกดิวิชั่น 3 ภาคเหนือเมื่อปี 1921 และก็วนเวียนอยู่ในลีกล่าง ๆ มาตลอด แถมยังเป็นทีมที่เคยโดนเข้ากระบวนการโหวตว่าจะได้อยู่ต่อหรือต้องออกนอกลีกมากที่สุดในประวัติศาสตร์ 14 ครั้ง แต่ก็รอดมาได้ตลอด จนกระทั่งในที่สุดก็ต้องมาตกชั้นออกนอกลีกจนได้
ปีมหัศจรรย์ของลินคอล์น ซิตี้
ลินคอล์น ซิตี้ เป็นอีกหนึ่งทีมเก่าแก่ของฟุตบอลอังกฤษ และเคยเล่นในฟุตบอลลีกมาหลายปี แต่หลังจากตกชั้นจากลีกทูในปี 2011 แล้ว ก็ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่มีแววว่าจะได้กลับคืนสู่ฟุตบอลลีกเอาเสียเลย เพราะได้อันดับสิบกว่า ๆ มาตลอด
แต่จู่ ๆ ในปีนี้พวกเขาสร้างผลงานได้อย่างน่ามหัศจรรย์ โดยนอกจากจะทำผลงานในลีกได้อย่างยอดเยี่ยมคว้าแชมป์ฟุตบอลเดอะคอนเฟอเรนซ์ ทำให้ได้กลับคืนสู่ฟุตบอลลีกอีกครั้งหนึ่งแล้ว พวกเขายังสามารถทำผลงานได้อย่างเหลือเชื่อในฟุตบอลเอฟเอคัพ ด้วยการผ่านเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบร้อยกว่าปีเลยทีเดียวที่มีทีมนอกลีกผ่านเข้ามาถึงรอบนี้ได้ ก่อนจะไปแพ้อาร์เซนอล 0-5
น้องใหม่ป้ายแดง "ฟอเรสต์ กรีน"
ถ้าพูดถึง "ฟอเรสต์" ในวงการฟุตบอลลีกอังกฤษ แน่นอนว่าทุกคนต้องนึกถึง น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ทีมเจ้าป่าที่เคยประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในทศวรรษที่ 80-90 มาแล้ว แต่หลังจากนี้เป็นต้นไป ในวงการฟุตบอลลีกจะมีอีกหนึ่ง "ฟอเรสต์" เข้ามาร่วมวงไพบูลย์ด้วย
นั่นก็คือทีมน้องใหม่ป้ายแดง "ฟอเรสต์ กรีน โรเวอร์"
ฟอเรสต์ กรีน ไม่ใช่ทีมใหม่เอี่ยม เพราะก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1889 ก่อนทีมใหญ่ ๆ ในพรีเมียร์ลีกหลายทีมเสียอีก แต่เล่นในอยู่ในลีกท้องถิ่นมาตลอด ก่อนที่จะได้เข้ามาเล่นในฟุตบอลลีกคอนเฟอเรนซ์ (ลีกระดับ 5) ในปี 1998 แต่ก็ทำผลงานลุ่ม ๆ ดอน ๆ มาตลอด
จนกระทั่งในปี 2014-15 ฟอเรสต์ กรีน จึงเริ่มประสบความสำเร็จด้วยการจบอันดับ 5 ได้ลุ้นเลื่อนชั้นเข้าฟุตบอลลีกเป็นครั้งแรก แต่ก็ไปแพ้บริสตอล โรเวอร์ในรอบแรก อดเลื่อนชั้น
ฤดูกาลต่อมา 2015-16 จบด้วยตำแหน่งรองแชมป์ แต่ก็ไปแพ้กริมสบี้ในรอบชิงฯ เพลย์ออฟ อดเลื่อนชั้นอีกครั้ง
และในฤดูกาลนี้ 2016-17 พวกเขาก็จบที่อันดับสาม ได้เพลย์ออฟอีกครั้ง และคราวนี้ก็เป็น Third Time Lucky เสียที โดยการเอาชนะทรานเมียร์ โรเวอร์ ในรอบชิง 3-1 ได้เลื่อนชั้นขึ้นสู่ฟุตบอลลีกทูเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
เก่าไปใหม่มา 112 ปีที่แตกต่าง กับอีกหนึ่ง "ฟอเรสต์" น้องใหม่ของฟุตบอลลีก
ถึงแม้ว่าในยุคนี้ การตกชั้นจากลีกทูไปสู่ลีกคอนเฟอเรนซ์หรือ "นอกลีก" จะไม่ได้เสียหายมากมายเหมือนแต่ก่อน เพราะการเลื่อนชั้นระหว่างลีกทูกับคอนเฟอเรนซ์มาใช้ระบบการเลื่อนชั้น ไม่ได้เป็นระบบโหวตเหมือนแต่ก่อน ซึ่งทำให้การเข้ามาเล่นในระดับฟุตบอลลีกอีกครั้งไม่ยากมากนัก (แต่ก่อนนี่ทีมนอกลีกกว่าจะโหวตชนะได้เข้ามาแทนทีมเก่าในลีกนี่ต้องเรียกว่าโคตรยาก เพราะทีมลีกส่วนมากก็โหวตให้ทีมเก่าชนะได้อยู่ในลีกต่อไป) แต่การตกชั้นและเลื่อนชั้นเข้าสู่ฟุตบอลลีกก็ยังถือเป็นประวัติศาสตร์อันน่าผิดหวังหรือน่าภูมิใจของทีม
112 ปีที่แตกต่าง
เมื่อปี 1905 ฟุตบอลลีกซึ่งตอนนั้นยังมีแค่ 2 ดิวิชั่น ได้มีการขยายจำนวนทีมในลีกจากดิวิชั่นละ 18 ทีมเป็น 20 ทีม ซึ่งในการนี้ก็ทำให้ต้องมีทีมใหม่ ๆ ที่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน โดยในจำนวนทีมที่เข้ามาใหม่ในครั้งนั้น 4 ทีม มีทีมในกรุงลอนดอนรวมอยู่ด้วย 2 ทีม
หนึ่งในสองทีมน้องใหม่จากลอนดอนปีนั้นก็คือ เชลซี ซึ่งปีนี้ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก
แต่ในขณะที่เชลซีได้ฉลองแชมป์ อีกหนึ่งทีมลอนดอนที่เข้ามาในปีเดียวกันก็คือ แคลปตัน โอเรียนท์ หรือที่เปลี่ยนชื่อมาหลายรอบจนมาเป็น "เลย์ตัน โอเรียนท์" กลับต้องพบกับความเศร้า เมื่อทีมของพวกเขาต้องตกต่ำจนกระทั่งจบลงที่อันดับสุดท้ายของลีกทู และต้องตกชั้นออกนอกฟุตบอลลีกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ หลังจากอยู่ในฟุตบอลลีกมายาวนานถึง 112 ปี
ตลอดช่วง 112 ปีในลีก โอเรียนท์เคยประสบความสำเร็จที่สุดในฤดูกาล 1961-62 เมื่อได้ตำแหน่งรองแชมป์ฟุตบอลดิวิชั่นสอง และได้เลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุด แต่อยู่ได้เพียงฤดูกาลเดียวก็ตกชั้น และในปี 1977-78 โอเรียนท์สามารถเข้าถึงรอบรองฯ ของฟุตบอลเอฟเอคัพ ซึ่งเป็นความสำเร็จสูงสุดในรายการฟุตบอลถ้วย
เมื่อปี 2014 โอเรียนท์ยังดูดีอยู่เลย ได้อันดับ 3 ในลีกวัน แต่พลาดในการเพลย์ออฟทำให้อดเลื่อนชั้นขึ้นเดอะแชมเปี้ยนชิพ แล้วในปีนั้นเอง แบร์รี่ เฮิร์นส์ (คนเดียวกับที่เป็นประธานสนุกเกอร์โลก) ได้ขายทีมให้กับนักธุรกิจอิตาลี แล้วทีมก็ตกต่ำอย่างรวดเร็ว โดยตกชั้นสู่ลีกทูในปีถัดมา ก่อนที่จะจบด้วยอันดับสุดท้ายของลีกทู สิ้นสุดประวัติศาสตร์ 112 ปีในฟุตบอลลีกไว้แต่เพียงเท่านี้
ลาก่อน จอมเหนียวแห่งฟุตบอลลีก
พร้อมกับโอเรียนท์ ฮาร์ทลีพูล ยูไนเต็ด อีก 1 ทีมเก่าแก่ของฟุตบอลลีกที่ต้องอำลาฟุตบอลลีกไปในปีนี้ หลังจากต้องลุ้นกันจนถึงนัดหน้าซึ่งฮาร์ทลีพูลก็ทำได้ดีที่สุดแล้วด้วยการชนะดอนคาสเตอร์ ทีมที่ได้เลื่อนชั้น 2-1 แต่ก็ไม่เพียงพอเพราะนิวปอร์ทมาได้ประตูในนาทีสุดท้ายชนะน็อตต์เคาน์ตี้ได้ 2-1 เหมือนกัน ทำให้ฮาร์ทลีพูลจบที่อันดับรองสุดท้ายและกระเด็นออกจากฟุตบอลลีกไปในที่สุด หลังจากที่เข้ามาตั้งแต่เมื่อมีการตั้งลีกดิวิชั่น 3 ภาคเหนือเมื่อปี 1921 และก็วนเวียนอยู่ในลีกล่าง ๆ มาตลอด แถมยังเป็นทีมที่เคยโดนเข้ากระบวนการโหวตว่าจะได้อยู่ต่อหรือต้องออกนอกลีกมากที่สุดในประวัติศาสตร์ 14 ครั้ง แต่ก็รอดมาได้ตลอด จนกระทั่งในที่สุดก็ต้องมาตกชั้นออกนอกลีกจนได้
ปีมหัศจรรย์ของลินคอล์น ซิตี้
ลินคอล์น ซิตี้ เป็นอีกหนึ่งทีมเก่าแก่ของฟุตบอลอังกฤษ และเคยเล่นในฟุตบอลลีกมาหลายปี แต่หลังจากตกชั้นจากลีกทูในปี 2011 แล้ว ก็ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่มีแววว่าจะได้กลับคืนสู่ฟุตบอลลีกเอาเสียเลย เพราะได้อันดับสิบกว่า ๆ มาตลอด
แต่จู่ ๆ ในปีนี้พวกเขาสร้างผลงานได้อย่างน่ามหัศจรรย์ โดยนอกจากจะทำผลงานในลีกได้อย่างยอดเยี่ยมคว้าแชมป์ฟุตบอลเดอะคอนเฟอเรนซ์ ทำให้ได้กลับคืนสู่ฟุตบอลลีกอีกครั้งหนึ่งแล้ว พวกเขายังสามารถทำผลงานได้อย่างเหลือเชื่อในฟุตบอลเอฟเอคัพ ด้วยการผ่านเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบร้อยกว่าปีเลยทีเดียวที่มีทีมนอกลีกผ่านเข้ามาถึงรอบนี้ได้ ก่อนจะไปแพ้อาร์เซนอล 0-5
น้องใหม่ป้ายแดง "ฟอเรสต์ กรีน"
ถ้าพูดถึง "ฟอเรสต์" ในวงการฟุตบอลลีกอังกฤษ แน่นอนว่าทุกคนต้องนึกถึง น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ทีมเจ้าป่าที่เคยประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในทศวรรษที่ 80-90 มาแล้ว แต่หลังจากนี้เป็นต้นไป ในวงการฟุตบอลลีกจะมีอีกหนึ่ง "ฟอเรสต์" เข้ามาร่วมวงไพบูลย์ด้วย
นั่นก็คือทีมน้องใหม่ป้ายแดง "ฟอเรสต์ กรีน โรเวอร์"
ฟอเรสต์ กรีน ไม่ใช่ทีมใหม่เอี่ยม เพราะก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1889 ก่อนทีมใหญ่ ๆ ในพรีเมียร์ลีกหลายทีมเสียอีก แต่เล่นในอยู่ในลีกท้องถิ่นมาตลอด ก่อนที่จะได้เข้ามาเล่นในฟุตบอลลีกคอนเฟอเรนซ์ (ลีกระดับ 5) ในปี 1998 แต่ก็ทำผลงานลุ่ม ๆ ดอน ๆ มาตลอด
จนกระทั่งในปี 2014-15 ฟอเรสต์ กรีน จึงเริ่มประสบความสำเร็จด้วยการจบอันดับ 5 ได้ลุ้นเลื่อนชั้นเข้าฟุตบอลลีกเป็นครั้งแรก แต่ก็ไปแพ้บริสตอล โรเวอร์ในรอบแรก อดเลื่อนชั้น
ฤดูกาลต่อมา 2015-16 จบด้วยตำแหน่งรองแชมป์ แต่ก็ไปแพ้กริมสบี้ในรอบชิงฯ เพลย์ออฟ อดเลื่อนชั้นอีกครั้ง
และในฤดูกาลนี้ 2016-17 พวกเขาก็จบที่อันดับสาม ได้เพลย์ออฟอีกครั้ง และคราวนี้ก็เป็น Third Time Lucky เสียที โดยการเอาชนะทรานเมียร์ โรเวอร์ ในรอบชิง 3-1 ได้เลื่อนชั้นขึ้นสู่ฟุตบอลลีกทูเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์