๏ รักสับสน บนถนนถุงมือกวี ๏




                  ณ ห้องแกรนด์ฮอลล์ถ่ายทอดสดของ‘เว็ปพันทิศ’  เจ้าของลิขสิทธิ์เกมโชว์รายการหนึ่ง

                  วันนี้...  ผมมาในฐานะกรรมการฝ่ายวิแคะแกะร่องรอยหนึ่งในแปดคน  เคาน์เตอร์และม้านั่งพวกเรายาวเหยียดน่าเกรงขามราวกับม้านั่งตุลาการศาลอะไรสักอย่าง  ระดับฟลอร์ของพวกเรายกสูงกว่าม้านั่งผู้เข้ามาชมการแข่งขัน‘เดอะโกลบ ไรท์เตอร์’ที่ตอนนี้พวกเขากำลังนั่งนิ่งเป็นระเบียบเหมือนคณะลูกขุนในหนังฮอลลีวูดไม่มีผิด  จะผิดก็แต่จำนวนซึ่งมีมากมายถึงหนึ่งร้อยลูกขุน

                  พวกเราทั้งชั้นบนชั้นล่างต่างมองไปยังเวทีตรงหน้าเป็นจุดเดียวกัน  สปอร์ตไลท์กว่าสิบหลอดสาดแสงสว่างจ้าไปยังเวที  บนนั้นมี‘พี่วันต์ วันสว่างถาวร’(ส่องแสงตะวันฉาย)ยืนคั่นกลาง‘โกลบไรท์เตอร์‘ซ้ายขวา

                  วันนี้โกลบไรท์เตอร์คู่แข่งขันทั้งสองคือ...  ‘ถุงมือชายช่ำชอง’กับ‘ถุงมือมะระขี้นก’

                  “หวัดดีครับท่านผู้ชมในห้องส่งทั้งหนึ่งร้อยท่าน อีกทั้งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจากกรมศิลาจารึกแปดท่านรวมเป็นร้อยแปด  และท่านผู้ชมทางบ้านอีกพันเก้าล้านท่าน  วันนี้ก็มาถึงวันซึ่งต้องน็อกเอ้าท์ถุงมือสำคัญอีกคู่จนได้  นั่นก็คือ ถุงมือชายช่ำชองงงงง..... ”  ร่างเล็กๆในชุดมาสคอตคลุมปี๊บปิดหัวยกมือถุงมือโชว์ราวกับผู้รักษาประตูกวิน ธรรมสัจจานันท์กำลังจะถูกยิงลูกจุดโทษ  ร่างเล็กพนมมือแล้วค่อยๆโค้งคารวะลงอย่างอ่อนช้อยสวยงาม โดยระวังอย่างสุดชีวิตกับปี๊บที่เจาะเพียงรูลูกตาจะหลุดร่วงลงมาให้เสียฟอร์ม  “และถุงมืออีกคนนั้น  นั่นก็คือ...  ถุงมือมะระขี้นกกกก.....  นั่นเองครับ”  ถุงมืออีกคนก้าวล้ำพิธีกรออกมา บนหัวมีปี๊บสังกะสีคลุมไว้เหมือนถุงมือชายช่ำชอง  ถุงมือมะระขี้นกถือโอกาสวาดลวดลายกระดกเอวในท่าไมเคิ่ล แจ็คสันห้าฉึกด้วยกัน  โดยเน้นโชว์ถุงมือสำหรับบิดคันเร่งบิ๊กไบค์กุมเป้ากางเกงหนังรัดเปรี๊ยะ!  เรียกเสียงฮือฮาดังลั่นหนักกว่าถุงมือชายช่ำชองประมาณสองกิโลครึ่ง

                  “วันนี้ได้รับเกียรติเช่นเคยจากคุณหวาง(WANG JIE)ผู้ทำหน้าที่ส่งบทกวีถุงมือทั้งสองขึ้นจอเช่นเคยครับผม” พี่วันต์พูดไม่ทันจบ เสียงปรบมือพลันกระหึ่มแกรนด์ฮอลล์หูดับตับเกรียมทันที  ฟลอร์ข้างเวทียกสูงด้านหนึ่ง มีสุภาพบุรุษในชุดทักซิโด้ลุกขึ้นยืนโค้งอย่างสง่างามราวกับรองหัวหน้าแก๊งค์ยากูซ่าทำความเคารพประมุข ท่าทางอันทรงบารมียังตามซ้ำมาอีก เมื่อเขาค่อยๆนั่งลงหน้าเครื่องคีย์บอร์ดขนาดเขื่องเสมือนเปียนโนยุคพระเจ้าหลุยส์วิตตองแสนสวย

                  “ก่อนอื่น  ผมคงต้องขอกราบเรียนทุกท่านว่า  เป็นที่น่าเสียดายเหลือเกินที่ถุงมือทั้งสองท่านต้องมาตัดเชือกกันในวันนี้  เพราะทั้งสองเฉียบคมจนมองไม่เห็นว่าใคร? จะ‘เป็นต่อ’ นอกจากคุณชาคริต  ณ บัดนี้ผมเชื่อว่า ท่านผู้ชมทั้งร้อยแปดพันเก้าล้านท่านก็คงไม่อยากให้มีวันนี้อย่างแน่นอน  ผมก็รู้สึกเช่นเดียวกันครับผม  แต่อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดครับ ไม่มีใครห้ามตะวันส่องแสงได้ฉันใด  ก็ย่อมไม่มีใครห้ามการโหวตด้วยหัวใจได้ฉันนั้น  ผู้ชนะวันนี้เท่านั้น ถึงจะได้ผ่านเข้ารอบต่อไป  ซึ่งก็อยู่ที่เจ้าหน้าที่กรมหลักศิลาจารึกและท่านผู้ชมข้างล่างนี้นั่นเอง”  พี่วันต์กลืนน้ำลายเพราะพูดต่อเนื่องมากไป  และหลังจากชุ่มคอชื่นใจแล้ว  พี่วันต์ก็ประกาศก้อง

                  “วันนี้...  เราจะเริ่มกันที่ถุงมือชายช่ำชองก่อนนะครับ”  พี่วันต์หันไปส่งสัญญาณมือให้กับท่านหวางก่อนกลับมาสบตาผ่านรูเล็กๆข้างปี๊บสังกะสี  “บทกวีที่ถุงมือชายช่ำชองเสนอในวันนี้คือ...   กลอนหกผสมกลอนแปดผสานกลอนเก้า ชื่อกลอน  ...พิษรัก...   ครับผม   เชิญทัศนาได้ ณ บัดนี้เลยครับ”

                  จอโปรเจคเตอร์ข้างบุรุษทักซิโด้ปรากฎบทกวีหกบทขึ้นทันที  จอขนาดป้ายไฟโฆษณาหลังม้านั่งป้ายรถเมล์ขสมก. โชว์อักษรว่า



                  เสียงอื้ออึงขณะคุณหวางโชว์บทกวีถุงมือชายช่ำชอง  ทำให้กล้องถ่ายทอดทุกตัวเบนไปหาตุลาการเกมทั้งแปดท่าน

                  “เพลงเกือบพัน”  เสียงจากสาวสวยในชุดแซกยืนชี้นิ้วไปยังจออย่างมั่นใจ

                  “อืมมมม........  ก็น่าคิดนะลิงน้อย”  ตุลาการผู้เสียค่ารถจากนครสวรรค์มากรุงเทพครางในลำคอ  อ้อ  สาวชุดแซกคือลิงน้อยนี่เอง

                  “สำนวนกลอนออกโทนพีเรียดแบบนี้  ทำให้ผมนึกถึงละครเรื่อง‘อยู่กับก๋ง’  มีคนหนึ่งบนถนนที่เขียนงานออกมาแล้วผมรู้สึกถึงละครเรื่องดังกล่าว  ผมว่าเป็นใครไปไม่ได้  คุณส่องแสงตะวันฉายอย่างแน่นอนครับผม...^^” สุภาพบุรุษรูปร่างสะโอดสะองพูดกับกล้อง เมื่อพี่วันต์พิธีกรอนุญาตให้เริ่มคนแรก ทั้งๆที่โดนสองสาวท่าทางแสบซ่าส์ตัดหน้ามาหยกๆ

                  ผู้ชมรวมทั้งเจ้าหน้าที่กรมศิลาจารึกทั้งร้อยแปดต่างครางอือออกับคำวิแคะของคุณซัยซะนะ[คุณNa(นะ)]  รวมทั้งพิธีกรก็อมยิ้มไปหนึ่งแวบเมื่อถูกเอ่ยชื่อถึง แล้วเขาก็ยืดอกขึ้นมาอย่างมั่นใจเมื่อคิดได้ว่า  วันนี้เขามาทำหน้าที่พิธีกรในนามพี่วันต์ วันสว่างถาวร’นี่นา ไม่มี  ไม่มีแน่นอนที่ใครจะรู้ว่าเขาคือคนคนเดียวกันกับ‘ส่องแสงตะวันฉาย’  ฮ่าฮ่า ... เอิ๊ก ๆ ๆ ....

                  พิธีกรส่งสัญญาณอนุญาตท่านผู้อาวุโสท่านหนึ่งวิแคะบ้าง  ท่านดินสายสลอ(Broken Pencil)ไม่พูดพล่ามทำเพลง

                   “แสร้งว่าเป็นผู้บ่าว  แท้คือสาวพรพิมล  เป็น‘ป้ามล’แน่นอน ยากจะกลบเกลื่อน คริคริ .....  ทายว่าเป็นป้ามล ครับผม”

                  “อืมม ม  ม   .    .    .   .      .

                  เสียงอื้ออึงดีเอ็นเอคนหลายใจจากหลายคน   ดังเซ็งแซ่ห้องแกรนด์ฮอลล์เย็นฉ่ำ



(มีต่อครับผม)

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

*** เข้ามาแก้ไขชื่อถุงมือชายช่ำชองผิดไปครับ ***
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่