วันนี้เราได้ออกไปซื้อหนังสือการ์ตูนตามภาษาเด็กมหาลัยที่ปิดเทอมแล้ว อิอิ
เราได้พูดคุยกับคุณป้าเจ้าของร้าน ร้านของป้าเป็นเพียงร้านเล็ก ๆ แต่มันก็ใหญ่แล้วนะในจังหวัด (อ่ะจ้าา เด็กต่างจังหวัด 😉) ร้านของป้าส่วนมาก็จะมีพวกหนังสือพิมพ์ หนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นเป็นหลัก เรียกได้ว่าถ้าจะหาซื้อการ์ตูนญี่ปุ่นต้องมาหาป้าเลยล่ะ
แต่แล้วเราก็ได้รับรู้จากคุณป้าว่า...ภายใน 1-2 ปีนี้ ป้าจะปิดร้านแล้ว ร้านที่เปิดมาเกือบ 50 ปี คุณป้าบอกว่า"เพราะคนซื้อหนังสือน้อยลง ขนาดหนังสือเรียนยังมีคนซื้อน้อย" จะบอกว่าเพราะมีร้านใหญ่มาเปิดหรอ? คงไม่ เพราะเมื่อก่อนในตัวเมืองเคยมี ซีเอ็ด 2 สาขา แต่ตอนนี้ก็เหลือสาขาเดียว (เป็นไงล่ะ สาขาที่ปิดคือสาขาที่อยู่ในห้างซะด้วย) แล้วการ์ตูนญี่ปุ่นละ? ร้านใหญ่ก็ไม่เคยเอามาขาย การ์ตูนญี่ปุ่นอ่ะหรอ? แค่โคนันยังเห็นยากเลย
คงจะพูดไม่ได้ว่าคนซื้อหนังสือน้อยลงเพราะคนอ่านหนังสือน้อยลง เพราะทุกวันนี้ก็ยังมีคนอ่านหนังสือมากอยู่ เพียงแต่เปลี่ยนไปในรูปแบบออนไลน์ อ่านฟรีสแกน หรืออีบุ๊ค ทำให้ร้านหนังสือประจำพื้นที่ ค่อย ๆ ทยอยปิดตัวลง สำนักพิมพ์ โรงพิมพ์ที่ปิดลงตาม ๆ กันไป รวมไปถึง นักเขียนหลาย ๆ คน ที่อาจจะไม่ได้เขียนต่อ ในสิ่งที่ตัวเองได้สร้าง
เราเป็นคนหนึ่งที่อ่านออนไลน์เหมือนกันเพราะบางเรื่องก็ไม่มีสำนักพิมพ์ไหนซื้อมาแปล บางเรื่องโดนมีลิขสิทธ์แล้วก็นะ แปลช้าเหลือเกิน ดองจนเหม็นส่าเหล้า 😏 ทำให้การอ่านฟรีสแกนเป็นทางเลือกของหลาย ๆ คน และหลาย ๆ คน ก็ขอแค่ได้อ่าน ได้รับรู้ ไม่จำเป็นต้องซื้อก็ได้ ... ก็จริง ไม่ซื้อก็ได้ 😈
นี่สินะ butterfly effect 🦋 ...
หลังจากเรากลับมาเราก็มาคุยกับแม่ แม่เป็นคนปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้เรากับน้อง (อ่านมันทุกอย่าง อ่านตั้งแต่หนังสือ ยัน ส่วนผสมข้างขวดยาสระผม) แม่บอกว่า แม่เลิกซื้อหนังสือมานานแล้ว ไม่ใช่ไม่อยากซื้อเพียงแต่ มันมีอย่างอื่นที่ต้องจ่ายมากกว่า แล้วพวกหนังสือเนี้ย นับเป็นของฟุ่มเฟือย ทำให้เขาลดต้นทุนลงเรื่อย ๆ ยิ่งในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ สิ่งแรกที่คนจะทิ้งคือ ศิลปะ ตามด้วย สิ่งบรรเทิง
ฉะนั้น ต่อให้เราเป็นคนนึง ที่ยังคงซื้อหนังสืออยู่ แต่มันก็แค่กำลังเล็ก ๆ คือ อุดมการณ์ที่ดี แต่ก็นะ "ทำใจเถอะโยม" << แม่ว่ามางี้ 😏
อนาคตข้างหน้า เราจะไม่มีหนังสือเป็นเล่มให้อ่านแล้ว หรือ???
เราได้พูดคุยกับคุณป้าเจ้าของร้าน ร้านของป้าเป็นเพียงร้านเล็ก ๆ แต่มันก็ใหญ่แล้วนะในจังหวัด (อ่ะจ้าา เด็กต่างจังหวัด 😉) ร้านของป้าส่วนมาก็จะมีพวกหนังสือพิมพ์ หนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นเป็นหลัก เรียกได้ว่าถ้าจะหาซื้อการ์ตูนญี่ปุ่นต้องมาหาป้าเลยล่ะ
แต่แล้วเราก็ได้รับรู้จากคุณป้าว่า...ภายใน 1-2 ปีนี้ ป้าจะปิดร้านแล้ว ร้านที่เปิดมาเกือบ 50 ปี คุณป้าบอกว่า"เพราะคนซื้อหนังสือน้อยลง ขนาดหนังสือเรียนยังมีคนซื้อน้อย" จะบอกว่าเพราะมีร้านใหญ่มาเปิดหรอ? คงไม่ เพราะเมื่อก่อนในตัวเมืองเคยมี ซีเอ็ด 2 สาขา แต่ตอนนี้ก็เหลือสาขาเดียว (เป็นไงล่ะ สาขาที่ปิดคือสาขาที่อยู่ในห้างซะด้วย) แล้วการ์ตูนญี่ปุ่นละ? ร้านใหญ่ก็ไม่เคยเอามาขาย การ์ตูนญี่ปุ่นอ่ะหรอ? แค่โคนันยังเห็นยากเลย
คงจะพูดไม่ได้ว่าคนซื้อหนังสือน้อยลงเพราะคนอ่านหนังสือน้อยลง เพราะทุกวันนี้ก็ยังมีคนอ่านหนังสือมากอยู่ เพียงแต่เปลี่ยนไปในรูปแบบออนไลน์ อ่านฟรีสแกน หรืออีบุ๊ค ทำให้ร้านหนังสือประจำพื้นที่ ค่อย ๆ ทยอยปิดตัวลง สำนักพิมพ์ โรงพิมพ์ที่ปิดลงตาม ๆ กันไป รวมไปถึง นักเขียนหลาย ๆ คน ที่อาจจะไม่ได้เขียนต่อ ในสิ่งที่ตัวเองได้สร้าง
เราเป็นคนหนึ่งที่อ่านออนไลน์เหมือนกันเพราะบางเรื่องก็ไม่มีสำนักพิมพ์ไหนซื้อมาแปล บางเรื่องโดนมีลิขสิทธ์แล้วก็นะ แปลช้าเหลือเกิน ดองจนเหม็นส่าเหล้า 😏 ทำให้การอ่านฟรีสแกนเป็นทางเลือกของหลาย ๆ คน และหลาย ๆ คน ก็ขอแค่ได้อ่าน ได้รับรู้ ไม่จำเป็นต้องซื้อก็ได้ ... ก็จริง ไม่ซื้อก็ได้ 😈
นี่สินะ butterfly effect 🦋 ...
หลังจากเรากลับมาเราก็มาคุยกับแม่ แม่เป็นคนปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้เรากับน้อง (อ่านมันทุกอย่าง อ่านตั้งแต่หนังสือ ยัน ส่วนผสมข้างขวดยาสระผม) แม่บอกว่า แม่เลิกซื้อหนังสือมานานแล้ว ไม่ใช่ไม่อยากซื้อเพียงแต่ มันมีอย่างอื่นที่ต้องจ่ายมากกว่า แล้วพวกหนังสือเนี้ย นับเป็นของฟุ่มเฟือย ทำให้เขาลดต้นทุนลงเรื่อย ๆ ยิ่งในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ สิ่งแรกที่คนจะทิ้งคือ ศิลปะ ตามด้วย สิ่งบรรเทิง
ฉะนั้น ต่อให้เราเป็นคนนึง ที่ยังคงซื้อหนังสืออยู่ แต่มันก็แค่กำลังเล็ก ๆ คือ อุดมการณ์ที่ดี แต่ก็นะ "ทำใจเถอะโยม" << แม่ว่ามางี้ 😏