สวัสดีค่ะทุกคน จากกระทู้แรกของกิ๊บ ที่เคยพาเพื่อนๆในพันทิปมาหิวด้วยกัน ในกระทู้ เมื่อฉันย้ายมาใช้ชีวิตที่' อ ม ต ะ น ค ร'
https://pantip.com/topic/35608635 <<อันนี้ใช้loginของเพื่อน ครั้งนี้กิ๊บอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวที่กิ๊บคิดว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมากครั้งนึงในชีวิตของผู้หญิงอายุ 26
ครอบครัวกิ๊บมีอยู่กัน 4 คนค่ะ พ่อ แม่ พี่ชายและก็กิ๊บ พี่ชายกับกิ๊บห่างกัน9ปี พี่ชายทำงานอยู่กรุงเทพ แม่เป็นแม่บ้าน ส่วนพ่อขับรถรับจ้าง ฐานะทางบ้านเราอยู่ในระดับปานกลางค่ะ ไม่ได้ร่ำรวย มีบ้างที่ชักหน้าไม่ถึงหลังแต่พอกิ๊บเรียนจบ ทุกอย่างก็เริ่มดีขึ้น กิ๊บทำงานที่ชลบุรีค่ะ เป็นซัพให้บริษัทก๊าซ กิ๊บมีความตั้งใจว่าจะซื้อบ้านให้ที่บ้านก่อนอายุ 30 ทุกอย่างเหมือนจะดี แต่แล้ว...
ปี 2557 เช้าวันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม กิ๊บได้รับโทรศัพท์จากพ่อว่าพี่ชาย หัวใจวายตอนนี้อยู่โรงพยาบาล ซึ่งตอนนั้นตัวกิ๊บอยู่ชลบุรี แต่บ้านอยู่บางนา การเดินทางจึงไม่นานมาก ตอนนั้นร้องไห้ค่ะ สติหลุดมาก เพิ่งเข้าใจตอนแม่ได้รับโทรศัพท์ว่าอากงเสียแล้วสติหลุดเป็นยังไง พอกิ๊บถึงโรงพยาบาล ได้คุยกับพยาบาลได้เรื่องว่าพี่ชายหัวใจวายล้มที่บ้านแฟน(พี่ชายแต่งงานแล้วค่ะ) แต่ด้วยความที่พี่ชายกิ๊บตัวใหญ่ กว่าจะพาเค้ามา รพ ได้ก็ต้องใช้เวลา พยาบาลบอกว่าใช้เวลาปั้มหัวใจพี่ชายกิ๊บนานมากเกินครึ่งชั่วโมง เค้าเห็นว่าอายุยังน้อยเลยสู้ หัวใจพี่ชายกิ๊บกลับมาเต้นอีกครั้ง แต่เค้ายังคงหลับอยู่ ทำให้ครอบครัวเราพอมีความหวังขึ้นมาบ้าง
วันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม พี่ชายกิ๊บตื่นค่ะ บ้านเรายิ้มกันถ้วนหน้า เพราะคิดว่าเดี๋ยวก็กลับบ้านเราได้แล้ว
ช่วงเย็น รพ โทรมาบอกพี่ชายมีภาวะไตวาย ต้องฟอกไต ตอนนี้พี่ชายเริ่มไม่มีสติแล้วค่ะ ของเสียไม่ขับ ปัสวะไม่ออก ทุกอย่างเริ่มแย่ ต้องให้ยากระตุ้นความดันและฟอกไตทุกวันหากทำได้ เพราะความดันลดลงต่ำมาก กิ๊บมีเพื่อนเป็นคุณหมอ เลยเริ่มโทรปรึกษาว่าแบบนี้ เราควรทำอย่างไรบ้าง โอกาสรอดมีบ้างมั๊ย เพื่อนกิ๊บบอกว่าโอกาสน้อยมาก ถ้ารอด ก็อาจจะเป็นเจ้าชายนิทรา กิ๊บพูดอะไรไม่ออก คิดแค่ว่าจะบอกที่บ้านยังไงให้เค้าเผื่อใจ มันพูดยากมากเลยนะคะ ตอนนั้นกิ๊บเลือกคุยกับแม่ก่อน ว่าทำใจนะ
ตลอด 3 สัปดาห์ที่พี่ชายกิ๊บนอนอยู่โรงพยาบาล กิ๊บโทรไปที่ CCU ทุกวัน วันละ 3 เวลา
--เช้า :: สอบถามอาการของช่วงคืนที่ผ่านมา ความดันเท่าไหร่ รู้สึกตัวบ้างมั๊ย วันนี้ฟอกไตไหวมั๊ย (ถ้าความดันต่ำมาก รพ จะไม่ฟอกไตให้ แต่หากอยู่ในช่วงที่ไม่ต่ำมาก พอใช้ยากระตุ้นได้ เค้าก็จะฟอกให้ค่ะ เพราะข้อเสียในร่างกายพี่ชายกิ๊บไม่ขับเองเลย) จะดึงน้ำออกเยอะมั๊ย ฟอกได้ประมาณกี่โมง
--บ่าย :: อาการเป็นยังไงบ้าง น้ำออกได้ที่ตั้งไว้รึป่าว
--หัวค่ำ :: อาการทั่วไป ความดัน การเต้นของหัวใจ
เพราะกิ๊บเองต้องทำงาน ไม่สามารถไปเยี่ยมได้ทุกวัน และได้กำชับโรงพยาบาลว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นให้โทรเข้าที่เบอร์กิ๊บ เพราะกิ๊บกลัวแม่กับพ่อช๊อค กิ๊บทำได้เท่านี้ รอให้ถึงวันศุกร์ ถึงกลับมาเยี่ยมได้ แต่บางวันก็ต้องลากลับมา บางทีอาการแย่ลงมาก โรงพยาบาลก็จะโทรมาตาม ช่วงนั้นหลับไม่สนิทสักคืน กลัว รพ โทรมาแล้วไม่ได้ยิน
คืนวันพฤหัสที่ 28 สิงหาคม ประมาณ 4 ทุ่มกว่าๆ วันนั้นฝนตกหนักมาก รพ โทรมาบอกพี่ชายไม่ไหวแล้วนะ ให้รีบมาโรงพยาบาล กิ๊บรีบไป แต่ไม่ทันดูใจ พี่ชายกิ๊บหลับสบายแล้วค่ะ พี่ชายไม่ต้องทรมานแล้ว
หลังจากนั้นเดือนกว่า กิ๊บเองก็เลิกกับแฟนค่ะ ซึ่งเป็นเหตุผลระหว่างคน 2 คน มีปัญหาตั้งแต่ก่อนพี่ชายป่วย สุดท้ายเราก็ไปด้วยกันไม่รอด ตอนนั้นเสียใจมากค่ะ กลับบ้านมาก็เศร้าไม่ได้ แม่ยังคงเสียใจเรื่องพี่ชายอยู่ กิ๊บเองก็เสียใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ กิ๊บเป็นคนเลือกเดินออกมาเอง ก่อนพี่ชายเสียเกือบ2ปี กิ๊บมีปัญหากับพี่ชายทำให้เราไม่ได้คุยกันเลย แต่อย่างน้อย วันที่พี่ชายตื่นมา แม้จะเป็นเพียงวันเดียว กิ๊บได้บอกกับเค้าว่า "กิ๊บไม่โกรธแล้ว รีบๆหายแล้วไปกินข้าวกัน กิ๊บเลี้ยงเอง" เรายิ้มให้กันครั้งแรกในรอบเกือบ2ปี
ช่วงเดือน ปลายพฤศจิกายน แม่เกิดอาการทรงตัวไม่ค่อยอยู่ น้ำหนักตัวลด พ่อมีอาการแน่นหน้าอกบ่อยๆ
ต้นเดือนธันวาน ผลตรวจออกว่า แม่เป็นเนื้องอกที่เส้นประสาทหู ต้องผ่าสมอง ก้อนเนื้อใหญ่ สายตาเริ่มมองเห็นภาพซ้อน ส่วนพ่อ พบเส้นเลือดหัวใจตีบ 3 เส้น ต้องใส่ขดลวด
--ตลอดเวลาช่วงนี้ กิ๊บทำงานคนเดียว ไม่กล้าให้แม่เดินทางไปไหนมาไหนคนเดียว กลัวล้ม ส่วนพ่อ ทำอะไรหนักมากไม่ได้
ต้นปี2558 ฉลองปีใหม่ โดยแม่เข้าผ่าตัดใหญ่ที่ศิริราช ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีค่ะ การผ่าประสบผลสำเร็จ
ที่กิ๊บเล่ามาทั้งหมด กิ๊บแค่อยากให้กำลังใจทุกคนที่กำลังเจอปัญหา ทุกวันนี้กิ๊บยิ้มได้เต็มปาก หัวเราะได้เต็มเสียงแล้วค่ะ อาจจะใช้เวลานานสักนิด แต่คุ้มนะคะ 2 ปีกว่าที่ผ่านมา กิ๊บร้องไห้ทุกคืน น้อยใจในโชคชะตา คิดว่าทำไมต้องเป็นเราที่เจอเรื่องแบบนี้ ถ้าหากถามว่าเพื่อนละ เพื่อนไปไหน เพื่อนกิ๊บมีค่ะ แต่ตอนนั้นเพื่อนสนิทกิ๊บเริ่มเรียน ป.โท อีกคนกำลังจะจบโท ทำเล่มกันหนักหน่วง ทั้งเรียนทั้งงาน กิ๊บคิดว่ามันก็หนักพอสำหรับเค้าแล้ว แต่เพื่อนเค้าไม่เคยทิ้งกิ๊บไปไหนนะคะ ถามว่าเคยคิดสั้นมั๊ย ช่วงนั้นคิดทุกวันค่ะ แต่พอนึกถึงหน้าแม่หน้าพ่อ ว่าใครจะอยู่ดูแลเค้า จะให้เค้ามานั่งฟังพระสวดแบบงานพี่ชายหรอ กิ๊บทนไม่ได้ค่ะ เห็นน้ำตาเค้าในวันนั้นแล้ว ทำใจไม่ได้จริงๆ กิ๊บต้องขอบคุณทุกคนรอบข้างมากๆ แม้บางคนไม่ได้สนิทเป็นการส่วนตัว แต่ก็มีแวะเวียนมาให้กำลังใจกัน ขอบคุณจริงๆค่ะ ปีนี้เป็นปีสุดท้ายแล้วที่กิ๊บจะใช้เลข2นำหน้าแล้ว กิ๊บไม่คาดหวังอะไรในชีวิต นอกจากรอยยิ้มของพ่อกับแม่ และขอให้ตัวกิ๊บเองรับมือกับปัญหาได้ดีกว่าเมื่อวาน บางทีเวลาอาจจะไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหา แต่กิ๊บเชื่อค่ะ ถ้าเราอดทนและมีสติ เวลาจะทำให้เรายอมรับ เรียนรู้ที่จะอยู่และรับมือกับมันได้ แล้วมันจะผ่านไปด้วยดี
ปล. 2 เดือนก่อนแม่เจอก้อนเนื้อที่ต่อมน้ำลายค่ะ แต่ไม่ใหญ่ แม่ไม่กลัวเลย บอกผ่าสมองมาแล้ว ไม่กลัวอะไรแล้วถ้าต้องผ่าอีกรอบ
บนโลกนี้ไม่มีอะไรอยู่กับเรานาน ความทุกข์ก็เช่นกัน กิ๊บเป็นกำลังใจให้กับทุกคนนะคะ
ครั้งหนึ่ง...ฉันเคยเกือบคิดสั้น
ครอบครัวกิ๊บมีอยู่กัน 4 คนค่ะ พ่อ แม่ พี่ชายและก็กิ๊บ พี่ชายกับกิ๊บห่างกัน9ปี พี่ชายทำงานอยู่กรุงเทพ แม่เป็นแม่บ้าน ส่วนพ่อขับรถรับจ้าง ฐานะทางบ้านเราอยู่ในระดับปานกลางค่ะ ไม่ได้ร่ำรวย มีบ้างที่ชักหน้าไม่ถึงหลังแต่พอกิ๊บเรียนจบ ทุกอย่างก็เริ่มดีขึ้น กิ๊บทำงานที่ชลบุรีค่ะ เป็นซัพให้บริษัทก๊าซ กิ๊บมีความตั้งใจว่าจะซื้อบ้านให้ที่บ้านก่อนอายุ 30 ทุกอย่างเหมือนจะดี แต่แล้ว...
ปี 2557 เช้าวันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม กิ๊บได้รับโทรศัพท์จากพ่อว่าพี่ชาย หัวใจวายตอนนี้อยู่โรงพยาบาล ซึ่งตอนนั้นตัวกิ๊บอยู่ชลบุรี แต่บ้านอยู่บางนา การเดินทางจึงไม่นานมาก ตอนนั้นร้องไห้ค่ะ สติหลุดมาก เพิ่งเข้าใจตอนแม่ได้รับโทรศัพท์ว่าอากงเสียแล้วสติหลุดเป็นยังไง พอกิ๊บถึงโรงพยาบาล ได้คุยกับพยาบาลได้เรื่องว่าพี่ชายหัวใจวายล้มที่บ้านแฟน(พี่ชายแต่งงานแล้วค่ะ) แต่ด้วยความที่พี่ชายกิ๊บตัวใหญ่ กว่าจะพาเค้ามา รพ ได้ก็ต้องใช้เวลา พยาบาลบอกว่าใช้เวลาปั้มหัวใจพี่ชายกิ๊บนานมากเกินครึ่งชั่วโมง เค้าเห็นว่าอายุยังน้อยเลยสู้ หัวใจพี่ชายกิ๊บกลับมาเต้นอีกครั้ง แต่เค้ายังคงหลับอยู่ ทำให้ครอบครัวเราพอมีความหวังขึ้นมาบ้าง
วันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม พี่ชายกิ๊บตื่นค่ะ บ้านเรายิ้มกันถ้วนหน้า เพราะคิดว่าเดี๋ยวก็กลับบ้านเราได้แล้ว
ช่วงเย็น รพ โทรมาบอกพี่ชายมีภาวะไตวาย ต้องฟอกไต ตอนนี้พี่ชายเริ่มไม่มีสติแล้วค่ะ ของเสียไม่ขับ ปัสวะไม่ออก ทุกอย่างเริ่มแย่ ต้องให้ยากระตุ้นความดันและฟอกไตทุกวันหากทำได้ เพราะความดันลดลงต่ำมาก กิ๊บมีเพื่อนเป็นคุณหมอ เลยเริ่มโทรปรึกษาว่าแบบนี้ เราควรทำอย่างไรบ้าง โอกาสรอดมีบ้างมั๊ย เพื่อนกิ๊บบอกว่าโอกาสน้อยมาก ถ้ารอด ก็อาจจะเป็นเจ้าชายนิทรา กิ๊บพูดอะไรไม่ออก คิดแค่ว่าจะบอกที่บ้านยังไงให้เค้าเผื่อใจ มันพูดยากมากเลยนะคะ ตอนนั้นกิ๊บเลือกคุยกับแม่ก่อน ว่าทำใจนะ
ตลอด 3 สัปดาห์ที่พี่ชายกิ๊บนอนอยู่โรงพยาบาล กิ๊บโทรไปที่ CCU ทุกวัน วันละ 3 เวลา
--เช้า :: สอบถามอาการของช่วงคืนที่ผ่านมา ความดันเท่าไหร่ รู้สึกตัวบ้างมั๊ย วันนี้ฟอกไตไหวมั๊ย (ถ้าความดันต่ำมาก รพ จะไม่ฟอกไตให้ แต่หากอยู่ในช่วงที่ไม่ต่ำมาก พอใช้ยากระตุ้นได้ เค้าก็จะฟอกให้ค่ะ เพราะข้อเสียในร่างกายพี่ชายกิ๊บไม่ขับเองเลย) จะดึงน้ำออกเยอะมั๊ย ฟอกได้ประมาณกี่โมง
--บ่าย :: อาการเป็นยังไงบ้าง น้ำออกได้ที่ตั้งไว้รึป่าว
--หัวค่ำ :: อาการทั่วไป ความดัน การเต้นของหัวใจ
เพราะกิ๊บเองต้องทำงาน ไม่สามารถไปเยี่ยมได้ทุกวัน และได้กำชับโรงพยาบาลว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นให้โทรเข้าที่เบอร์กิ๊บ เพราะกิ๊บกลัวแม่กับพ่อช๊อค กิ๊บทำได้เท่านี้ รอให้ถึงวันศุกร์ ถึงกลับมาเยี่ยมได้ แต่บางวันก็ต้องลากลับมา บางทีอาการแย่ลงมาก โรงพยาบาลก็จะโทรมาตาม ช่วงนั้นหลับไม่สนิทสักคืน กลัว รพ โทรมาแล้วไม่ได้ยิน
คืนวันพฤหัสที่ 28 สิงหาคม ประมาณ 4 ทุ่มกว่าๆ วันนั้นฝนตกหนักมาก รพ โทรมาบอกพี่ชายไม่ไหวแล้วนะ ให้รีบมาโรงพยาบาล กิ๊บรีบไป แต่ไม่ทันดูใจ พี่ชายกิ๊บหลับสบายแล้วค่ะ พี่ชายไม่ต้องทรมานแล้ว
หลังจากนั้นเดือนกว่า กิ๊บเองก็เลิกกับแฟนค่ะ ซึ่งเป็นเหตุผลระหว่างคน 2 คน มีปัญหาตั้งแต่ก่อนพี่ชายป่วย สุดท้ายเราก็ไปด้วยกันไม่รอด ตอนนั้นเสียใจมากค่ะ กลับบ้านมาก็เศร้าไม่ได้ แม่ยังคงเสียใจเรื่องพี่ชายอยู่ กิ๊บเองก็เสียใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ กิ๊บเป็นคนเลือกเดินออกมาเอง ก่อนพี่ชายเสียเกือบ2ปี กิ๊บมีปัญหากับพี่ชายทำให้เราไม่ได้คุยกันเลย แต่อย่างน้อย วันที่พี่ชายตื่นมา แม้จะเป็นเพียงวันเดียว กิ๊บได้บอกกับเค้าว่า "กิ๊บไม่โกรธแล้ว รีบๆหายแล้วไปกินข้าวกัน กิ๊บเลี้ยงเอง" เรายิ้มให้กันครั้งแรกในรอบเกือบ2ปี
ช่วงเดือน ปลายพฤศจิกายน แม่เกิดอาการทรงตัวไม่ค่อยอยู่ น้ำหนักตัวลด พ่อมีอาการแน่นหน้าอกบ่อยๆ
ต้นเดือนธันวาน ผลตรวจออกว่า แม่เป็นเนื้องอกที่เส้นประสาทหู ต้องผ่าสมอง ก้อนเนื้อใหญ่ สายตาเริ่มมองเห็นภาพซ้อน ส่วนพ่อ พบเส้นเลือดหัวใจตีบ 3 เส้น ต้องใส่ขดลวด
--ตลอดเวลาช่วงนี้ กิ๊บทำงานคนเดียว ไม่กล้าให้แม่เดินทางไปไหนมาไหนคนเดียว กลัวล้ม ส่วนพ่อ ทำอะไรหนักมากไม่ได้
ต้นปี2558 ฉลองปีใหม่ โดยแม่เข้าผ่าตัดใหญ่ที่ศิริราช ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีค่ะ การผ่าประสบผลสำเร็จ
ที่กิ๊บเล่ามาทั้งหมด กิ๊บแค่อยากให้กำลังใจทุกคนที่กำลังเจอปัญหา ทุกวันนี้กิ๊บยิ้มได้เต็มปาก หัวเราะได้เต็มเสียงแล้วค่ะ อาจจะใช้เวลานานสักนิด แต่คุ้มนะคะ 2 ปีกว่าที่ผ่านมา กิ๊บร้องไห้ทุกคืน น้อยใจในโชคชะตา คิดว่าทำไมต้องเป็นเราที่เจอเรื่องแบบนี้ ถ้าหากถามว่าเพื่อนละ เพื่อนไปไหน เพื่อนกิ๊บมีค่ะ แต่ตอนนั้นเพื่อนสนิทกิ๊บเริ่มเรียน ป.โท อีกคนกำลังจะจบโท ทำเล่มกันหนักหน่วง ทั้งเรียนทั้งงาน กิ๊บคิดว่ามันก็หนักพอสำหรับเค้าแล้ว แต่เพื่อนเค้าไม่เคยทิ้งกิ๊บไปไหนนะคะ ถามว่าเคยคิดสั้นมั๊ย ช่วงนั้นคิดทุกวันค่ะ แต่พอนึกถึงหน้าแม่หน้าพ่อ ว่าใครจะอยู่ดูแลเค้า จะให้เค้ามานั่งฟังพระสวดแบบงานพี่ชายหรอ กิ๊บทนไม่ได้ค่ะ เห็นน้ำตาเค้าในวันนั้นแล้ว ทำใจไม่ได้จริงๆ กิ๊บต้องขอบคุณทุกคนรอบข้างมากๆ แม้บางคนไม่ได้สนิทเป็นการส่วนตัว แต่ก็มีแวะเวียนมาให้กำลังใจกัน ขอบคุณจริงๆค่ะ ปีนี้เป็นปีสุดท้ายแล้วที่กิ๊บจะใช้เลข2นำหน้าแล้ว กิ๊บไม่คาดหวังอะไรในชีวิต นอกจากรอยยิ้มของพ่อกับแม่ และขอให้ตัวกิ๊บเองรับมือกับปัญหาได้ดีกว่าเมื่อวาน บางทีเวลาอาจจะไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหา แต่กิ๊บเชื่อค่ะ ถ้าเราอดทนและมีสติ เวลาจะทำให้เรายอมรับ เรียนรู้ที่จะอยู่และรับมือกับมันได้ แล้วมันจะผ่านไปด้วยดี
ปล. 2 เดือนก่อนแม่เจอก้อนเนื้อที่ต่อมน้ำลายค่ะ แต่ไม่ใหญ่ แม่ไม่กลัวเลย บอกผ่าสมองมาแล้ว ไม่กลัวอะไรแล้วถ้าต้องผ่าอีกรอบ
บนโลกนี้ไม่มีอะไรอยู่กับเรานาน ความทุกข์ก็เช่นกัน กิ๊บเป็นกำลังใจให้กับทุกคนนะคะ