ประสบการณ์ผมนะ ผมเคยถูกเลือกแกมบังคับให้เป็นหัวหน้าห้องตอน ม.2
โดยการถูกเลือกก็พอเปิดเทอม ครูประจำชั้นก็บอกว่าจะให้มีการเลือกหัวหน้าห้องแทนหัวหน้าห้องคนเดิม (ตอน ม.1)
ในห้องก็มีการเสนอชื่อหัวหน้าห้องคนเดิมขึ้นมา แต่หัวหน้าห้องคนเดิมปฏิเสธไม่ต้องการเป็นแล้ว เพื่อนในห้องจึงเสนอชื่อผมขึ้นมาเพียงชื่อเดียว ตอนนั้นผมปฏิเสธว่าผมไม่พร้อม แต่ทั้งเพื่อนและครูไม่สนใจ บอกแต่ว่าให้เป็นไปเถอะไม่มีอะไรมากหรอก คิดซะว่าเพื่อนให้เกียรติเลือกขึ้นมาทำหน้าที่
ผมก็ปฏิเสธตำแหน่งเพราะผมไม่อยากเป็น ไม่อยากมีภาระ แต่ด้วยตอนนั้นเด็กด้วยมั้งเลย จำใจแกมถูกบังคับจากครูประจำชั้น แต่ไม่เป็นจริงอย่างว่า ตำแหน่งหัวหน้าห้องไม่เป็นไปอย่างที่ครูบอกว่าไม่มีอะไรมากหรอก ความรับผิดรับชอบ งานที่ต้องทำก็มีหลากหลาย ยกตัวอย่าง เช่น
1. ตอนเช้าก่อนเข้าแถวต้องทำทะเบียนมาเรียนมาขาดส่งห้องปกครองก่อนเข้าแถวทุกวัน
2. ตอนเข้าเรียนทุกคาบวิชาต้องทำหน้าที่บอกเคารพครูทั้งก่อนและหลังคาบ "นักเรียนเคารพ สวัสดีครับคุณครู"
3. ต้องเป็นคนนำการบ้านหรืองานอื่นใดที่เพื่อนต้องส่งครูมาให้เรารับผิดชอบ เอาไปส่ง เอามาคืน จากโต๊ะครูมาที่ห้องเรียน
4. จะเป็นเหมือนคนรับใช้ครูเวลาครูต้องการอะไร พวกอุปกรณ์การเรียนต่าง ๆ หรือธุระอะไรจะให้หัวหน้าห้องไปทำ
5. เวลาครูไม่อยู่จะฝากให้เราดูแลเพื่อนไม่ให้ส่งเสียงดัง แน่นอนว่าไม่มีใครฟังอยู่แล้ว พอครูกลับมาเราจะโดนทำโทษข้อหาว่าไม่ดูแลเพื่อน และแน่นอนว่าเพื่อนก็โดยทำโทษด้วย แต่หัวหน้าโดยสองเท่า
6. หากมีกิจกรรมใดที่ต้องมีการเก็บเงินเพื่อน หน้าที่จะตกเป็นของเรา ให้เราเป็นคนเก็บ ทำบัญชี ดูแล เพื่อนบางคนก็ไม่ให้ ต้องตามต้องทวง เอามาทำบัญชีใช้จ่าย ซึ่งเก็บเงินคนอื่นไม่ใช่เรื่องง่าย เงินหายเงินขาดก็ต้องรับผิดชอบ
7. มีครั้งหนึ่งเพื่อนเล่นยาเสพติดกัน ทั้งเสพทั้งขายยาม้า (ตอนนั้นเรียกยาม้า) จนถูกตำรวจจับ มาตามเอาเรื่องที่โรงเรียน ก็กลายเป็นหัวหน้าห้องที่ถูกสอบสวนว่ามีส่วนไหม เห็นเพื่อนเล่นยาแล้วทำไมไม่แจ้งครู (อันนี้ไม่รู้จริง ๆ ว่ามันเล่นยา เห็นแต่สูบบุหรี่ในส้วมกัน ของแบบนี้เราก็ไม่ได้สุงสิงด้วย)
8. หากมีกิจกรรมใด ๆ ทีต้องส่งตัวแทนเข้าร่วม ก็เป็นเป็นหัวหน้าห้องทุกครั้ง ประกวดนู่นนี่ มารยาท ฯลฯ ถามว่ามารยาทดีไหม ไหว้สวยไหม บอกเลยว่าไม่รู้ ไม่เคยมีการคัดเลือก เพื่อนแค่บอกให้หัวหน้าห้องทำ เพราะตัวเองจะได้ไม่ต้องทำ
ฯลฯ
ช่วงนั้นผมอึดอัดมาก ต้องมารับผิดชอบงานของคนอื่นมากมาย การเรียนผมตกลง เพราะต้องเอาเวลาไปทำเรื่องพวกนี้ ไปปรึกษาครูประจำชั้นขอลาออก เพราะไม่ได้อยากเป็นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว พอเป็นแล้วการเรียนก็เสีย เครียดด้วย ครูก็รับฟังนะแต่ไม่ให้ลาออก แต่ช่วยแต่งตั้งรองหัวหน้าห้องขึ้นมาสองคนมาช่วยผม จากนั้นงานบางอย่างก็ถูกถ่ายไปให้รองหัวหน้าห้องทำบ้าง
ซึ่งตอนนั้นผมแจ้งครูไปเลยว่าผมไม่ได้อยากมาเป็นหัวหน้าห้อง ผมไม่ได้สมัครใจครูบังคับผมมา ถ้าบางอย่างผมไม่ยินดีที่จะทำหรือไม่อยากทำผมจะไม่ทำ และจะมาลงโทษผมสองเท่าแบบนั้นไม่ได้ ผมมาเรียนหนังสือ ผมยินดีช่วยเหลือตามสมควรแต่ให้มารับผิดชอบมากมายผมไม่ยินดี
จากวันนั้นผมกลายเป็นเด็กหัวแข็งในสายตาครูทันที แต่ผมก็มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าห้องจนจบ ม.3 (ม.3 มีการเลือกใหม่ เพื่อนก็ยังเสนอชื่อผมอยู่ดี ผมปฏิเสธแต่ก็ถูกบังคับเหมือนเดิมจนมีปัญหากับครูประจำชั้นคนใหม่ หาว่าเรื่องมากให้เป็นหัวหน้าเขายังไม่ดีอีก ยิ่งปฏิเสธ ครูยิ่งไม่พอใจเลยบอกให้เป็นไปเลยอีกปี
มีเหตุการณ์ครั้งนึงที่โรงเรียนมีประกวดมารยาทไทย โดยให้ห้องส่งตัวแทนสองคน ชายหญิง แน่นอนว่าผมถูกเลือกกับเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งให้เป็นตัวแทน ผมปฏิเสธทันทีเพราะไม่อยากทำ ไม่ต้องมาบังคับ แต่ครูยืนยันว่าเธอนั่นแหละเพื่อน ๆ เขาเลือกแล้ว เขาเลือกให้ไปทำดีไม่ได้ไปทำไม่ดีอะไร และเขาก็ส่งชื่อผมเข้าร่วม แต่ผมแจ้งด้วยวาจาตรงนั้นว่าผมจะไม่เข้าร่วมประกวดถึงแม้จะส่งชื่อผมไปก็ตาม
พอวันงานประกวด เขาประกวดกันที่หอประชุมโรงเรียน เอาเด็กนักเรียนทั้งโรงเรียนมานั่งดู การประกวดก็ดำเนินไปเรื่อย ๆ จนถึงคิวห้องผม โฆษกก็ประกาศชื่อ ตัวแทนห้อง...... ด.ช........ด.ญ......... เพื่อนหญิงก็ออกไปรอหน้าห้องประชุมแล้ว ส่วนผมนั่งอยู่ในแถว ไม่สนใจ หน้าเวทีเขาก็เรียกชื่อซ้ำ ๆ เพื่อนก็พยายามดันจะให้ออกไป แต่ด้วยที่เราแจ้งปฏิเสธไว้แล้วว่าเราไม่ยอมเป็นตัวแทนห้อง เราก็ไม่ออกไป จนครูประจำชั้นมาตามที่แถวที่นั่ง
ผมก็ยืนยันว่าผมแจ้งไปแล้วตั้งแต่วันที่จะส่งชื่อว่าผมไม่ต้องการเป็นตัวแทน ไม่มีใครบังคับผมได้ถ้าผมไม่ยินดี ครูจะหักคะแนนหรือลงโทษอะไรก็ตามใจ ยังไงผมก็ยืนยันคำเดิม ครูโมโหมากแต่ด้วยเวลากระชั้น ครูเลยต้องให้เพื่อนนักเรียนอีกคนขึ้นไปเป็นตัวแทนแก้ขัดไปก่อน และบอกทิ้งท้ายไว้ว่าพรุ่งนี้ค่อยมาจัดกับกับผม
วันนั้นก็ผ่านไป วันรุ่งขึ้นผมถูกเรียกออกมาหน้าชั้นเรียน มาให้ครูต่อว่าว่าเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบ เป็นหัวหน้าห้องซะเปล่า ทำไมทำแบบนี้ นี่ถ้าเพื่อนไม่ออกไปทำหน้าที่แทนจะเป็นยังไง ตอนนั้นถูกครูต่อว่าจนน้ำตาผมซึม อยากชี้แจงแต่ก็ชี้แจงไม่ออก ได้แต่ก้มหน้าอย่างเดียว ในใจก็สะใจที่ได้ฉีกหน้าครู ครูคงนึงไม่ถึงว่าผมจะกล้าทำ แต่ในเมื่อแจ้งไปแล้วว่าไม่ต้องการเป็นตัวแทนโดยไม่ได้เต็มใจ ผมจะไม่ทำ
วันนั้นผมไม่ได้ถูกลงโทษอื่น นอกจากคำพูดที่มันเสียดใจ พูดให้ฟังแล้วเหมือนว่าผมผิดทุกอย่าง ผิดที่ไม่ให้เกียรติเพื่อน ไม่เชื่อฟังครู ไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร ฯลฯ ทุกวันนี้เหตุการณ์วันนั้นยังคงติดอยู่ในใจตลอด ว่าตกลงเราผิดจริงหรือ ผมแค่อยากมาเรียนหนังสือ ช่วยงานโรงเรียนตามสมควรก็แค่นั้น
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ผมก็ไม่ได้ไปขอโทษครู คิดอยู่ในใจว่าผมผิดอะไร ความคิดในการจะลาออกจากการเป็นหัวหน้าห้องที่ถูกบังคับให้เป็นก็กลับมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ไปแจ้งปรึกษากับครูอีกแล้ว เพราะคำตอบก็คงเหมือนเดิม ใจมันไม่ได้ไปแล้ว ได้แต่บอกให้รองหัวหน้าห้องสองคนทำหน้าที่แทนไปเลย ลาออกไม่ได้ก็ไม่ออก แต่ไม่ขอทำหน้าที่อีกแล้ว ดีที่เพื่อน ๆ เข้าใจ ก็อยู่แบบเซ็ง ๆ ไปจนจบ ม.3
เรื่องของผมก็ประมาณนี้ครับ เพื่อน ๆ มีประสบการณ์ก็ร่วมแชร์กันครับ
ในความทรงจำ เมื่อผมถูกบังคับให้เป็นหัวหน้าห้องตอน ม.2-ม.3 (พ.ศ.2531)
โดยการถูกเลือกก็พอเปิดเทอม ครูประจำชั้นก็บอกว่าจะให้มีการเลือกหัวหน้าห้องแทนหัวหน้าห้องคนเดิม (ตอน ม.1)
ในห้องก็มีการเสนอชื่อหัวหน้าห้องคนเดิมขึ้นมา แต่หัวหน้าห้องคนเดิมปฏิเสธไม่ต้องการเป็นแล้ว เพื่อนในห้องจึงเสนอชื่อผมขึ้นมาเพียงชื่อเดียว ตอนนั้นผมปฏิเสธว่าผมไม่พร้อม แต่ทั้งเพื่อนและครูไม่สนใจ บอกแต่ว่าให้เป็นไปเถอะไม่มีอะไรมากหรอก คิดซะว่าเพื่อนให้เกียรติเลือกขึ้นมาทำหน้าที่
ผมก็ปฏิเสธตำแหน่งเพราะผมไม่อยากเป็น ไม่อยากมีภาระ แต่ด้วยตอนนั้นเด็กด้วยมั้งเลย จำใจแกมถูกบังคับจากครูประจำชั้น แต่ไม่เป็นจริงอย่างว่า ตำแหน่งหัวหน้าห้องไม่เป็นไปอย่างที่ครูบอกว่าไม่มีอะไรมากหรอก ความรับผิดรับชอบ งานที่ต้องทำก็มีหลากหลาย ยกตัวอย่าง เช่น
1. ตอนเช้าก่อนเข้าแถวต้องทำทะเบียนมาเรียนมาขาดส่งห้องปกครองก่อนเข้าแถวทุกวัน
2. ตอนเข้าเรียนทุกคาบวิชาต้องทำหน้าที่บอกเคารพครูทั้งก่อนและหลังคาบ "นักเรียนเคารพ สวัสดีครับคุณครู"
3. ต้องเป็นคนนำการบ้านหรืองานอื่นใดที่เพื่อนต้องส่งครูมาให้เรารับผิดชอบ เอาไปส่ง เอามาคืน จากโต๊ะครูมาที่ห้องเรียน
4. จะเป็นเหมือนคนรับใช้ครูเวลาครูต้องการอะไร พวกอุปกรณ์การเรียนต่าง ๆ หรือธุระอะไรจะให้หัวหน้าห้องไปทำ
5. เวลาครูไม่อยู่จะฝากให้เราดูแลเพื่อนไม่ให้ส่งเสียงดัง แน่นอนว่าไม่มีใครฟังอยู่แล้ว พอครูกลับมาเราจะโดนทำโทษข้อหาว่าไม่ดูแลเพื่อน และแน่นอนว่าเพื่อนก็โดยทำโทษด้วย แต่หัวหน้าโดยสองเท่า
6. หากมีกิจกรรมใดที่ต้องมีการเก็บเงินเพื่อน หน้าที่จะตกเป็นของเรา ให้เราเป็นคนเก็บ ทำบัญชี ดูแล เพื่อนบางคนก็ไม่ให้ ต้องตามต้องทวง เอามาทำบัญชีใช้จ่าย ซึ่งเก็บเงินคนอื่นไม่ใช่เรื่องง่าย เงินหายเงินขาดก็ต้องรับผิดชอบ
7. มีครั้งหนึ่งเพื่อนเล่นยาเสพติดกัน ทั้งเสพทั้งขายยาม้า (ตอนนั้นเรียกยาม้า) จนถูกตำรวจจับ มาตามเอาเรื่องที่โรงเรียน ก็กลายเป็นหัวหน้าห้องที่ถูกสอบสวนว่ามีส่วนไหม เห็นเพื่อนเล่นยาแล้วทำไมไม่แจ้งครู (อันนี้ไม่รู้จริง ๆ ว่ามันเล่นยา เห็นแต่สูบบุหรี่ในส้วมกัน ของแบบนี้เราก็ไม่ได้สุงสิงด้วย)
8. หากมีกิจกรรมใด ๆ ทีต้องส่งตัวแทนเข้าร่วม ก็เป็นเป็นหัวหน้าห้องทุกครั้ง ประกวดนู่นนี่ มารยาท ฯลฯ ถามว่ามารยาทดีไหม ไหว้สวยไหม บอกเลยว่าไม่รู้ ไม่เคยมีการคัดเลือก เพื่อนแค่บอกให้หัวหน้าห้องทำ เพราะตัวเองจะได้ไม่ต้องทำ
ฯลฯ
ช่วงนั้นผมอึดอัดมาก ต้องมารับผิดชอบงานของคนอื่นมากมาย การเรียนผมตกลง เพราะต้องเอาเวลาไปทำเรื่องพวกนี้ ไปปรึกษาครูประจำชั้นขอลาออก เพราะไม่ได้อยากเป็นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว พอเป็นแล้วการเรียนก็เสีย เครียดด้วย ครูก็รับฟังนะแต่ไม่ให้ลาออก แต่ช่วยแต่งตั้งรองหัวหน้าห้องขึ้นมาสองคนมาช่วยผม จากนั้นงานบางอย่างก็ถูกถ่ายไปให้รองหัวหน้าห้องทำบ้าง
ซึ่งตอนนั้นผมแจ้งครูไปเลยว่าผมไม่ได้อยากมาเป็นหัวหน้าห้อง ผมไม่ได้สมัครใจครูบังคับผมมา ถ้าบางอย่างผมไม่ยินดีที่จะทำหรือไม่อยากทำผมจะไม่ทำ และจะมาลงโทษผมสองเท่าแบบนั้นไม่ได้ ผมมาเรียนหนังสือ ผมยินดีช่วยเหลือตามสมควรแต่ให้มารับผิดชอบมากมายผมไม่ยินดี
จากวันนั้นผมกลายเป็นเด็กหัวแข็งในสายตาครูทันที แต่ผมก็มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าห้องจนจบ ม.3 (ม.3 มีการเลือกใหม่ เพื่อนก็ยังเสนอชื่อผมอยู่ดี ผมปฏิเสธแต่ก็ถูกบังคับเหมือนเดิมจนมีปัญหากับครูประจำชั้นคนใหม่ หาว่าเรื่องมากให้เป็นหัวหน้าเขายังไม่ดีอีก ยิ่งปฏิเสธ ครูยิ่งไม่พอใจเลยบอกให้เป็นไปเลยอีกปี
มีเหตุการณ์ครั้งนึงที่โรงเรียนมีประกวดมารยาทไทย โดยให้ห้องส่งตัวแทนสองคน ชายหญิง แน่นอนว่าผมถูกเลือกกับเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งให้เป็นตัวแทน ผมปฏิเสธทันทีเพราะไม่อยากทำ ไม่ต้องมาบังคับ แต่ครูยืนยันว่าเธอนั่นแหละเพื่อน ๆ เขาเลือกแล้ว เขาเลือกให้ไปทำดีไม่ได้ไปทำไม่ดีอะไร และเขาก็ส่งชื่อผมเข้าร่วม แต่ผมแจ้งด้วยวาจาตรงนั้นว่าผมจะไม่เข้าร่วมประกวดถึงแม้จะส่งชื่อผมไปก็ตาม
พอวันงานประกวด เขาประกวดกันที่หอประชุมโรงเรียน เอาเด็กนักเรียนทั้งโรงเรียนมานั่งดู การประกวดก็ดำเนินไปเรื่อย ๆ จนถึงคิวห้องผม โฆษกก็ประกาศชื่อ ตัวแทนห้อง...... ด.ช........ด.ญ......... เพื่อนหญิงก็ออกไปรอหน้าห้องประชุมแล้ว ส่วนผมนั่งอยู่ในแถว ไม่สนใจ หน้าเวทีเขาก็เรียกชื่อซ้ำ ๆ เพื่อนก็พยายามดันจะให้ออกไป แต่ด้วยที่เราแจ้งปฏิเสธไว้แล้วว่าเราไม่ยอมเป็นตัวแทนห้อง เราก็ไม่ออกไป จนครูประจำชั้นมาตามที่แถวที่นั่ง
ผมก็ยืนยันว่าผมแจ้งไปแล้วตั้งแต่วันที่จะส่งชื่อว่าผมไม่ต้องการเป็นตัวแทน ไม่มีใครบังคับผมได้ถ้าผมไม่ยินดี ครูจะหักคะแนนหรือลงโทษอะไรก็ตามใจ ยังไงผมก็ยืนยันคำเดิม ครูโมโหมากแต่ด้วยเวลากระชั้น ครูเลยต้องให้เพื่อนนักเรียนอีกคนขึ้นไปเป็นตัวแทนแก้ขัดไปก่อน และบอกทิ้งท้ายไว้ว่าพรุ่งนี้ค่อยมาจัดกับกับผม
วันนั้นก็ผ่านไป วันรุ่งขึ้นผมถูกเรียกออกมาหน้าชั้นเรียน มาให้ครูต่อว่าว่าเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบ เป็นหัวหน้าห้องซะเปล่า ทำไมทำแบบนี้ นี่ถ้าเพื่อนไม่ออกไปทำหน้าที่แทนจะเป็นยังไง ตอนนั้นถูกครูต่อว่าจนน้ำตาผมซึม อยากชี้แจงแต่ก็ชี้แจงไม่ออก ได้แต่ก้มหน้าอย่างเดียว ในใจก็สะใจที่ได้ฉีกหน้าครู ครูคงนึงไม่ถึงว่าผมจะกล้าทำ แต่ในเมื่อแจ้งไปแล้วว่าไม่ต้องการเป็นตัวแทนโดยไม่ได้เต็มใจ ผมจะไม่ทำ
วันนั้นผมไม่ได้ถูกลงโทษอื่น นอกจากคำพูดที่มันเสียดใจ พูดให้ฟังแล้วเหมือนว่าผมผิดทุกอย่าง ผิดที่ไม่ให้เกียรติเพื่อน ไม่เชื่อฟังครู ไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร ฯลฯ ทุกวันนี้เหตุการณ์วันนั้นยังคงติดอยู่ในใจตลอด ว่าตกลงเราผิดจริงหรือ ผมแค่อยากมาเรียนหนังสือ ช่วยงานโรงเรียนตามสมควรก็แค่นั้น
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ผมก็ไม่ได้ไปขอโทษครู คิดอยู่ในใจว่าผมผิดอะไร ความคิดในการจะลาออกจากการเป็นหัวหน้าห้องที่ถูกบังคับให้เป็นก็กลับมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ไปแจ้งปรึกษากับครูอีกแล้ว เพราะคำตอบก็คงเหมือนเดิม ใจมันไม่ได้ไปแล้ว ได้แต่บอกให้รองหัวหน้าห้องสองคนทำหน้าที่แทนไปเลย ลาออกไม่ได้ก็ไม่ออก แต่ไม่ขอทำหน้าที่อีกแล้ว ดีที่เพื่อน ๆ เข้าใจ ก็อยู่แบบเซ็ง ๆ ไปจนจบ ม.3
เรื่องของผมก็ประมาณนี้ครับ เพื่อน ๆ มีประสบการณ์ก็ร่วมแชร์กันครับ