คำบอกเล่าบางส่วนจากผู้นำฝูงจิ้งจองสีน้ำเงิน "The fairy tale of underfox"


หนังสือเล่มที่ 16 ของปี
แต่เป็นหนังสือเล่มที่พิเศษที่สุดของผมในปีนี้เลย

ผมได้หนังสือเล่มนี้มาจากงานการกุศลที่ผมไปเล่นฟุตบอลย้อนวันวาน
กับพี่ๆ น้องๆ ที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียลเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

"The fairy tale of underfox"
ให้สัมภาษณ์โดยพี่อัยย์ (อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา)
รุ่นพี่นักฟุตบอลที่ครั้งนึงเคยได้ร่วมทีมกับพี่เค้า
และเรียบเรียงโดยคุณจิรเดช โอภาสพันธ์วงศ์ ซึ่งเป็นเด็กเซนต์เหมือนกัน

เพราะความเป็นเซนต์คาเบรียล... มันเลยมีคุณค่ามากกว่าเล่มไหนๆ

ผมจึงอยากจะยกข้อความบางส่วนที่พี่อัยย์ได้แบ่งปัน มาแชร์ให้ผู้อื่นได้อ่านด้วย บางประโยคอาจจะไม่ได้สื่อตรงๆ แต่ก็ได้สะท้อนมุมมองที่เฉียบคมของพ่อ&ลูกคู่นี้ ในการบริหารสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ไปสู่บังลังค์แชมป์พรีเมียร์ลีค

- คุณพ่อเป็นคนไทยคนแรกๆ ที่เข้าไปซื้อบอร์ดโฆษณาในลีกอังกฤษในสนามของทีมเชลซี ซื้อโดยที่ไม่ได้เขียนคำว่า "King power" แต่เขียนคำว่า "Thailand" เราทำเพื่อให้คนมาเที่ยวเมืองไทย คุณพ่อไม่ได้คิดว่าต้องเป็น King power เขาคิดว่าติดเป็นร้อยป้ายตอนนั้นก็ไม่มีใครรู้จักหรอก ก็เลยติดคำว่า Thailand... ถ้าคนต่างชาติรู้จักประเทศไทย มาประเทศไทย ก็เจอคิง พาวเวอร์เอง

- คุณพ่อเป็นคนมีวิสัยทัศน์ประหลาด มองไกลจนผมตามไม่ทัน เวลาท่านพูดอะไรจะทำให้ได้ เอาให้ได้ วันที่ซื้อท่านบอกว่า จะพลาดหรือไม่พลาดไม่มีใครรู้ แต่ต้องทำให้สำเร็จ

- เราเข้ามาบริหารแบบที่เราซื้อใจคุณ คุณซื้อใจเรา ถ้าคุณทำให้เราดี คุณจะได้ในสิ่งที่เราอยากจะให้ เพราะฉะนั้นทุกคนต้องให้และรับ

- จุดเด่นประการหนึ่งของอัยยวัฒน์ คือ นอกจากสายตาแบบนักธุรกิจที่ได้มาจากการคลุกคลีกับธุรกิจในประเทศบ้านเกิด เขายังมีสายตาแบบคนที่เข้าใจฟุตบอล มองฟุตบอลขาดว่าอะไรคือแก่น อะไรคือเปลือก

- การเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง จะมีคนรอด่าอยู่เสมอ

- ปรัชญาของจิ้งจอกสีน้ำเงินไม่ได้ซับซ้อนอะไร แค่ห้ามหยุดสู้ ถ้ายังไม่ได้ยินเสียงนกหวีด

- ผมบอกนักฟุตบอลของเราชัดเจนว่า ต้องวิ่งจนกว่าจะได้ยินเสียงนกหวีดหมดเวลา ต้องสู้จนจบ ถ้าเมื่อไหร่ไม่สู้ อัญเชิญออกจากทีมเลย เราต้องชัดดเจน เราอยากเห็นการสู้เต็มที่ แพ้ช่างมัน

- ฟุตบอลสอนผมจริงๆ เมื่อก่อนแมตช์แรกๆ พอยิงเข้าผมดีใจเหมือนคนบ้า คุณเป็นกองเชียร์ ถ้าทีมที่เชียร์ยิงเข้าคุณกระโดดดีใจ อีกวันนึงแฮปปี้ ข่มกันได้ แต่เป็นเจ้าของคูณความรู้สึกไปสักร้อยเท่า แต่ตอนแพ้ก็คูณร้อยเท่าเหมือนกัน ฉะนั้นอารมณ์มันสวิงมาก แต่วันนี้ผมรู้สึกไม่ถึงขั้นนั้นแล้ว ผมนิ่งกับฟุตบอลลงไปเยอะ ถ้ายิงสวยๆ อาจจะบ้าบอเหมือนเดิม แต่มันก็จะกลับมารู้สึกว่าอีกตั้ง 60 นาที 70 นาที ถามว่าดีใจมั้ย ดีใจ แต่ต้องรอจนจบก่อน หรือพอจบแมตช์ เราก็รู้สึกว่ามันเหลืออีกตั้ง 20-30 แมตช์ ถ้าจะฉลองอย่าเพิ่งเลย ถ้าเกิดชนะก็มองว่าจะเอายังไงต่อไป ถ้าแพ้ก็คิดว่าแมตช์หน้าเอาใหม่มันทำให้ผมมีกำลังใจเวลาเฟล ซึ่งมันดีกับผม

#เทพนิยายจิ้งจองสีน้ำเงินจากคำบอกเล่าของพี่อัยย์

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่