เหตุการณ์มีอยู่ว่า ตอนดิฉันอยู่ ม.2 แม่ของดิฉันประสบปัญหาธุระกิจที่ทำอยู่ล้มละลายแม่จึงได้ตัดสินใจส่งฉันกลับไปเรียน ม.3ต่อที่ต่างจังหวัดกับยายซึ่งบ้านยาย ณ ตอนนั้น ก็ไม่มั่งมียายดิฉันมีอาชีพทำนาและรับจ้างทั่วไปเงินทองก็ไม่ค่อยมีกู้ยืมกองทุนหมู่บ้านเพื่อหาเลี้ยงชีพและส่งเสียดิฉันเรียน จนเมื่อดิฉันเริ่มเรียนสูงขึ้นค่าใช้จ่ายก็เริ่มสูงขึ้น ทุกช่วงปิดภาคเรียนดิฉันจะเข้ากรุงเทพเพื่อไปทำงานแบ่งเบาภาระจนเมื่อเปิดภาคเรียนเข้าสู่ ม.5ยายของดิฉันได้บอกกับดิฉันว่า"แม่ไม่รู้ว่าจะมีเงินส่งจนหนูจบไหมนะ"ดิฉันสงสารยายมากอยากจะออกเรียนแล้วไปทำงานแต่ยายดิฉันก็ไม่ยอมให้ออก จนจุดเริ่มต้นของเรื่องได้เกิดขึ้น น้องสาวของยายดิฉันได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเพราะลูกสาวของท่านได้สามีรวยท่านจึงขอให้ลูกสาวของท่านช่วยส่งดิฉันเรียน ซึ่งตอนนั้นดิฉันดีใจและปราบปลื้มใจมากที่มีผุ้อุปการะคุณยื่นมือเข้ามาช่วยส่งดิฉันตั้งแต่ ม.5จนจบ ปวส. จนวันหนึ่งที่ดิฉันทำความสะอาดบ้านให้ท่านอยุ่ ดิฉันได้ไปเห็นสมุดจดบันทึกเล่มหนึ่ง ดิฉันเสียมารยาทเปิดดู ก็พบว่าสมุดนั้นเต็มไปด้วยการจดหนี้ของดิฉันว่าให้ดิฉันไปเท่าไหร่กี่ปีมาพร้อมดอกเบี้ยที่ไม่ได้ระบุร้อยละอย่างตายตัว ทั้งที่ตอนยื่นมือมาช่วยบอกกับคนทั่วหมู่บ้านว่าไม่ได้คิดอะไรสงสารเด็กมัน แต่สิ่งที่ดิฉันพึ่งทราบความจริงที่แท้แล้วมันไม่ใช่ ดิฉันร้องไห้เสียใจเสียความรู้สึกมาก จนดิฉันเริ่มทำตัวออกห่าง และเมื่อได้ทำงานดิฉันได้บอกท่านไว้ว่าหากดิฉันมีเงินมากพอดิฉันจะส่งไปใช้หนี้เป็นก้อนใหญ่(ดิฉันได้ส่งก้อนแรกไป10,000+ให้ท่านได้ใช้เล็กน้อย)และตัวดิฉันเองไม่ค่อยอยากติดต่อกับท่านเพราะความรู้สึกมันพังไปตั้งแต่ดิฉันรู้ความจริงจะติดต่อแค่ตอนส่งหนี้และถามทุกข์สุขแต่ดิฉันไม่อยากคุยกับท่านนานเพราะเวลาคุยท่านก็จะพูดปัญหาที่ดิฉันไม่ได้สร้างแต่ต้องมารับหน้าที่เป็นผู้รับภาระ ดิฉันเหนื่อยท้อและหมดกำลังใจทุกครั้งที่ยัง)(แต่ดิฉันไม่เคยลืมพระคุณท่านที่ท่านและครอบครัวได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือดิฉันและครอบครัว)จนวันนึงท่านให้น้องสาวต่างบิดาของดิฉันส่งข้อความมาบอกว่าดิฉันว่า ไม่อยากคุยแล้วใช่ไหมหนี้เมื่อไหร่จะใช้ค่าประกันอีกจะเอาดอกแพงๆแล้วที่นาก็จะเอาแพงๆ(เพื่อให้ดิฉันไถ่คืนไม่ได้)เรื่องราวมันยาวลึกกว่านี้มากดิฉันไม่สามารถเล่าจหมดได้ ดิฉันอยากทราบกับสิ่งที่คนอื่นมอง ดิฉันเป็นคนเนรคุณจริงหรือเปล่า
แบบนี้เรียกว่าเนรคุณหรือเปล่าค่ะ