เรื่องมันมีอยู่ว่า
เมื่อปี 2014 เราเป็นแฟนกับพี่ผู้หญิงคนหนึ่ง ชื่อพี่เอ ที่เรียน ป.โท ด้วยกันค่ะ พอคบกันได้ซัก 2-3 เดือน เรารู้ว่าเค้ายังติดต่อกับแฟนเก่า(ผญ) ชื่อพี่บี อยู่ และพี่บีบอกกับเราว่าเค้ายังไม่ได้เลิกกัน พี่เอบอกกับเราว่าเลิกกันแล้ว พี่บีพยายามตอแยเพราะแกเคยประชดทิ้งพี่เอไปมีอะไรกับผู้ชาย และตอนนี้อยากกลับมาคบกับพี่เอ ทะเลาะกันซักพัก หลังจากนั้นพี่บีก็หายไปจากวงจรชีวิตเรากับพี่เอ
จากคราวนั้นผ่านมาอีก 2-3 เดือน เราไปเห็นรูปแต่งงานของพี่เอกับพี่ซี ในเฟสพี่เอ ...
เราโวยวายร้องไห้ฟูมฟาย เป็นดังประโยคสุดท้ายที่พี่บีเคยบอกเราว่าพี่เอแต่งงานกับผู้ชายประชดพี่บีเช่นกัน พี่เอขอโทษเราทั้งน้ำตา เสียใจที่ดึงเราเข้ามาในชีวิตทำให้ต้องเจอเรื่องแย่ๆ พี่ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายน้อง พี่เอว่า .. พี่เอไม่เคยมีอะไรกับพี่ซี การแต่งงานครั้งนี้เป็นเพียงฉากหนึ่งเท่านั้น พี่ซีเองก็มีชีวิตจองพี่ซีไม่มีอะไรเกี่ยวข้องนอกจากการต้องแสดงว่าเป็นสามีภรรยา .. สุดท้ายเราให้อภัย และยืนหยัดที่จะอยู่เคียงข้างพี่เอที่เคยตัดสินใจทำพลาดครั้งยิ่งใหญ่โดยการแต่งงานกับผู้ชาย เพื่อหน้าตาทางสังคมและเพื่อเปิดทางให้น้องชายของพี่เอได้แต่งงานเสียที .. เรารับมันทั้งที่หัวใจแทบแตกสลาย ไม่น่าเชื่อว่าความรักของเรามันช่างซับซ้อน หดหู่ ขนาดนี้ ..
ระหว่างที่เราคบกับพี่เอ ไม่มีวันไหนเลยที่เรารู้สึกว่าพี่เอไม่รักเรา เราอบอุ่นกับความรักที่พี่เอมีให้ เรายืนยันที่จะคบแบบนี้ต่อไป แม้ว่าเราจะไม่มีวันได้อยู่กันอย่างครอบครัวจริงๆ ไปตลอดชีวิต เราคิดนะถ้าวันหนึ่งพี่เอจะกลับไปมีครอบครัวกับพี่ซี เราก็คงต้องยอมปล่อยไป .. เราจริงจังกับพี่เอมากขึ้น พี่เอให้เรามากเหลือเกิน มากแบบที่เราไม่เคยได้รับจากใคร เราจึงเชื่อว่านี่คือความรัก .. แม่รู้เรื่องเราคบกับพี่เอ แต่ไม่ได้บอกว่าพี่เอแต่งงานแล้ว และแม่ก็ยอมให้เราคบกัน .. แต่บ้านพี่เอจะต้องไม่รู้ เพราะพี่เอยังต้องแสดงว่าคบกับพี่ซีอยู่
เรากับพี่เอทะเลาะกันบ้างนิดๆหน่อยๆ แต่ก็จับมือคืนดีกันมาตลอด ไม่เคยทะเลาะกันข้ามวัน เพราะเราอยู่กันคนละจังหวัด จะเจอกันก็แค่ ศ-อา ช่วงที่ต้องไปเรียนในมหาวิทยาลัย พี่เอจะออกจากที่ทำงานในวันศุกร์ ถึงบ้านเราตอนหัวค่ำ และพี่เอจะกลับไปทำงานในช่วงเช้าตรู่วันจันทร์ ออกจากบ้านเราตีสี่เดินทางสามชั่วโมงเพื่อให้ไปทันเข้างาน เป็นแบบนี้อยู่เป็นปี จนเราเรียนคอร์สเวิร์คจบ พี่เอก็ยังทำแบบนี้อยู่ไม่ได้หายไปไหนเลย สิ่งที่เราทำร่วมกันหลายอย่าง มันเหมือนจะไม่มีวันหมดไป เหมือนกับว่าชีวิตนี้เราเกิดมาเพื่อเติมเต็มกันและกันในทุกเรื่อง แม้จะไม่ได้เป็นคู่ชีวิตแบบชายหญิง เราก็ได้แต่คิดว่าคงเป็นกรรมเก่าที่ทำให้เราไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตคู่ จะได้แต่งงานมีลูกเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์เหมือนคนอื่น แต่เรามั่นใจมากว่าเราจะอยู่ดูแลกันไปจนแก่เฒ่า
อยู่มาวันหนึ่งในต้นปี 2016 มีข้อความจากพี่ดี (ผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่จังหวัดเดียวกันกับพี่เอ และเรากับพี่เอเคยขอให้พี่ดีช่วยนำงานในโปรเจคสุดท้ายของตัวคอร์สเวิร์ค ป โท ของเรากับพี่เอไปใช้ในทดลองใช้ในที่ทำงาน ตอน ช่วงกลางปี 2015)
ข้อความนั้นส่งมาว่า "น้องเป็นแฟนกับพี่เอเหรอคะ"
เราไม่ตอบ เพราะไม่รู้เจตนา กลัวว่าตอบไปแล้วเขาอาจจะเอาเรื่องไปบอกที่บ้านพี่เอ แล้วจะทำให้พี่เอเดือดร้อน เราแคปหน้าจอไปให้พี่เอดู แล้วถามพี่เอว่าเขาเป็นใครกันแน่ ทำไมอยู่ๆ มาถามแบบนี้คะ พี่เอบอกเราไม่ต้องไปยุ่งกับเขา
วันถัดมา พี่ดีส่งข้อความมาหาเราอีกครั้ง "น้องรักพี่เอมั้ย ถ้าน้องรักพี่เอ ช่วยเอาพี่เอออกไปจากชีวิตพี่ที" ..?.. เรางงมากคืออะไร ?!
เราแคปหน้าจอไปให้พี่เออีกครั้ง พร้อมกับโทรไปโวยวายว่าคืออะไร คบซ้อนเหรอ นอกใจน้องเหรอ พี่เอบอกเราว่าไม่เคยมีอะไรเลย พี่งงเหมือนกันเค้าทำอะไรของเค้า พี่เอจะโทรไปคุยว่าเค้าทำแบบนี้ทำไม แล้ววางสายเรา ... เราโมโหมาก ... เราเข้าไปในเฟสพี่ดี ปรากฏว่ามีหลายต่อหลายครั้งที่พี่เอออกไปข้างนอกด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน ไปหากันที่ทำงาน ซื้อของไปฝาก ไปงานด้วยกัน ตั้งแต่ครั้งที่เราเริ่มทำโปรเจคในกลางปี 2015 .. เราถูกหลอกมาตลอด .. เจ็บมาก จุกมาก .. ทำแบบนี้ทำไม ได้แต่พูดว่า แค่เรารักกันสองคนมันก็ลำบากมากอยู่แล้วที่ต้องอยู่เงียบๆ ทำไมยังต้องไปดึงใครเข้ามาในชีวิตให้มันซับซ้อนมากกว่าเดิมอีก ทำไมใช้ชีวิตแบบนี้ ความรักที่น้องให้มันไม่เพียงพอเหรอ เค้าให้อะไรพี่ที่น้องให้ไม่ได้บ้าง น้องทำผิดอะไร ไม่พอใจก็แค่บอก แค่เลิกกันไป ถ้าไม่รักกันก็จบจะฝืนใจทำดีต่อกันไปเพื่ออะไร เราจะเลิก .. พี่เอไม่ยอม ขับรถมาเย็นวันนั้นทั้งที่เป็นวันปกติ มาง้อเราที่บ้าน .. สุดท้าย .. เรายอม .. เพราะเรารัก เราให้อภัย และหวังว่าการให้โอกาสในครั้งนี้ จะทำให้พี่เอรู้ว่าเรารักพี่เอมากแค่ไหน และไม่กล้าทำผิดกับเราอีก .. เช้าวันต่อมา พี่ดีส่งข้อความมาหาเราอีกครั้ง "พี่ขอโทษ พี่จะออกไปจากชีวิตทุกคนเอง อย่างทิ้งพี่เอนะ พี่จะเป็นคนถอยออกมาเอง" ... เราไม่พูด ไม่ตอบ ... บล็อกเฟสพี่ดี ขออย่ามายุ่งเกี่ยวกันอีกเลย ...
เรากับพี่เอคบกันต่อ ทั้งที่ในใจยังระแวงมาก เพราะเขาทำงานอยู่ใกล้ๆกัน ผ่านไปหลายเดือน เราปลดบล็อกเฟสพี่ดี เพื่อไปตามส่อง ..เห็นพี่ดีย้ายที่ทำงานมาอยู่ใกล้กับพี่เอมากขึ้น.. แต่ ไม่มีพิรุธอะไร .. เราจึงสงบและเลิกระแวง เลิกส่องไปในที่สุด ..
ผ่านไปหนึ่งปี ไม่มีเรื่องพี่ดีเข้ามาให้เคืองหัวใจ เรากับพี่เอมีความสุขมาก พากันเที่ยวทั้งในประเทศต่างประเทศ ซื้อของเข้าบ้าน ดูแลกันและกันทั้งเรื่องเงิน เรื่องงาน เรื่องสุขภาพ เหมือนกับว่าเรื่องเลวร้ายทั้งหมดได้ผ่านไปแล้ว
ช่วงต้นปี 2017 ที่ผ่านมา พี่เองานเยอะมากเพราะได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้างานหลายอย่างด้วยความสามารถของพี่เอ ทำให้ก้าวหน้าด้านการงานอย่างมาก พี่เอไม่ค่อยมีเวลาให้เราเหมือนเมื่อก่อน เฟสทามกันน้อยลง ออกบ้านตอนกลางคืนบ่อยๆ โมโหมากขึ้นเวลาเราห่วงว่าอย่ากลับบ้านดึกนะ น้องรอนะ แต่บางวันก็นอนเช้ามาก จะได้เฟสทามแค่ตอนจะนอนแล้ว พอนอนก็ขอพักหน้าจอ แล้วหลับไป เราพยายามไม่กวน เพราะพี่เอคงเหนื่อยมาก เป็นแบบนี้จนเรารู้สึกเหงา ก็ยิ่งเผลอเรียกร้อง ช่วงเมษาที่ผ่านมา พี่ไม่มาหาเราเลยทั้งที่เป็นวันหยุด เพราะต้องออกงานต่างจังหวัดเป็นวิทยากรตลอด เราเลยไปหาพี่เอที่บ้าน คืนนั้นเราออกไปกินข้าวกันที่ร้านอาหารร้านหนึ่ง .. เราได้รับข้อความจากพี่ดี "น้องยังคบกับพี่เอเหรอ ทำไมเป็นแบบนี้"
แฟนคบซ้อน ทั้งเจ็บทั้งจุก เขางอกทะลุหลังคาบ้าน
เมื่อปี 2014 เราเป็นแฟนกับพี่ผู้หญิงคนหนึ่ง ชื่อพี่เอ ที่เรียน ป.โท ด้วยกันค่ะ พอคบกันได้ซัก 2-3 เดือน เรารู้ว่าเค้ายังติดต่อกับแฟนเก่า(ผญ) ชื่อพี่บี อยู่ และพี่บีบอกกับเราว่าเค้ายังไม่ได้เลิกกัน พี่เอบอกกับเราว่าเลิกกันแล้ว พี่บีพยายามตอแยเพราะแกเคยประชดทิ้งพี่เอไปมีอะไรกับผู้ชาย และตอนนี้อยากกลับมาคบกับพี่เอ ทะเลาะกันซักพัก หลังจากนั้นพี่บีก็หายไปจากวงจรชีวิตเรากับพี่เอ
จากคราวนั้นผ่านมาอีก 2-3 เดือน เราไปเห็นรูปแต่งงานของพี่เอกับพี่ซี ในเฟสพี่เอ ...
เราโวยวายร้องไห้ฟูมฟาย เป็นดังประโยคสุดท้ายที่พี่บีเคยบอกเราว่าพี่เอแต่งงานกับผู้ชายประชดพี่บีเช่นกัน พี่เอขอโทษเราทั้งน้ำตา เสียใจที่ดึงเราเข้ามาในชีวิตทำให้ต้องเจอเรื่องแย่ๆ พี่ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายน้อง พี่เอว่า .. พี่เอไม่เคยมีอะไรกับพี่ซี การแต่งงานครั้งนี้เป็นเพียงฉากหนึ่งเท่านั้น พี่ซีเองก็มีชีวิตจองพี่ซีไม่มีอะไรเกี่ยวข้องนอกจากการต้องแสดงว่าเป็นสามีภรรยา .. สุดท้ายเราให้อภัย และยืนหยัดที่จะอยู่เคียงข้างพี่เอที่เคยตัดสินใจทำพลาดครั้งยิ่งใหญ่โดยการแต่งงานกับผู้ชาย เพื่อหน้าตาทางสังคมและเพื่อเปิดทางให้น้องชายของพี่เอได้แต่งงานเสียที .. เรารับมันทั้งที่หัวใจแทบแตกสลาย ไม่น่าเชื่อว่าความรักของเรามันช่างซับซ้อน หดหู่ ขนาดนี้ ..
ระหว่างที่เราคบกับพี่เอ ไม่มีวันไหนเลยที่เรารู้สึกว่าพี่เอไม่รักเรา เราอบอุ่นกับความรักที่พี่เอมีให้ เรายืนยันที่จะคบแบบนี้ต่อไป แม้ว่าเราจะไม่มีวันได้อยู่กันอย่างครอบครัวจริงๆ ไปตลอดชีวิต เราคิดนะถ้าวันหนึ่งพี่เอจะกลับไปมีครอบครัวกับพี่ซี เราก็คงต้องยอมปล่อยไป .. เราจริงจังกับพี่เอมากขึ้น พี่เอให้เรามากเหลือเกิน มากแบบที่เราไม่เคยได้รับจากใคร เราจึงเชื่อว่านี่คือความรัก .. แม่รู้เรื่องเราคบกับพี่เอ แต่ไม่ได้บอกว่าพี่เอแต่งงานแล้ว และแม่ก็ยอมให้เราคบกัน .. แต่บ้านพี่เอจะต้องไม่รู้ เพราะพี่เอยังต้องแสดงว่าคบกับพี่ซีอยู่
เรากับพี่เอทะเลาะกันบ้างนิดๆหน่อยๆ แต่ก็จับมือคืนดีกันมาตลอด ไม่เคยทะเลาะกันข้ามวัน เพราะเราอยู่กันคนละจังหวัด จะเจอกันก็แค่ ศ-อา ช่วงที่ต้องไปเรียนในมหาวิทยาลัย พี่เอจะออกจากที่ทำงานในวันศุกร์ ถึงบ้านเราตอนหัวค่ำ และพี่เอจะกลับไปทำงานในช่วงเช้าตรู่วันจันทร์ ออกจากบ้านเราตีสี่เดินทางสามชั่วโมงเพื่อให้ไปทันเข้างาน เป็นแบบนี้อยู่เป็นปี จนเราเรียนคอร์สเวิร์คจบ พี่เอก็ยังทำแบบนี้อยู่ไม่ได้หายไปไหนเลย สิ่งที่เราทำร่วมกันหลายอย่าง มันเหมือนจะไม่มีวันหมดไป เหมือนกับว่าชีวิตนี้เราเกิดมาเพื่อเติมเต็มกันและกันในทุกเรื่อง แม้จะไม่ได้เป็นคู่ชีวิตแบบชายหญิง เราก็ได้แต่คิดว่าคงเป็นกรรมเก่าที่ทำให้เราไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตคู่ จะได้แต่งงานมีลูกเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์เหมือนคนอื่น แต่เรามั่นใจมากว่าเราจะอยู่ดูแลกันไปจนแก่เฒ่า
อยู่มาวันหนึ่งในต้นปี 2016 มีข้อความจากพี่ดี (ผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่จังหวัดเดียวกันกับพี่เอ และเรากับพี่เอเคยขอให้พี่ดีช่วยนำงานในโปรเจคสุดท้ายของตัวคอร์สเวิร์ค ป โท ของเรากับพี่เอไปใช้ในทดลองใช้ในที่ทำงาน ตอน ช่วงกลางปี 2015)
ข้อความนั้นส่งมาว่า "น้องเป็นแฟนกับพี่เอเหรอคะ"
เราไม่ตอบ เพราะไม่รู้เจตนา กลัวว่าตอบไปแล้วเขาอาจจะเอาเรื่องไปบอกที่บ้านพี่เอ แล้วจะทำให้พี่เอเดือดร้อน เราแคปหน้าจอไปให้พี่เอดู แล้วถามพี่เอว่าเขาเป็นใครกันแน่ ทำไมอยู่ๆ มาถามแบบนี้คะ พี่เอบอกเราไม่ต้องไปยุ่งกับเขา
วันถัดมา พี่ดีส่งข้อความมาหาเราอีกครั้ง "น้องรักพี่เอมั้ย ถ้าน้องรักพี่เอ ช่วยเอาพี่เอออกไปจากชีวิตพี่ที" ..?.. เรางงมากคืออะไร ?!
เราแคปหน้าจอไปให้พี่เออีกครั้ง พร้อมกับโทรไปโวยวายว่าคืออะไร คบซ้อนเหรอ นอกใจน้องเหรอ พี่เอบอกเราว่าไม่เคยมีอะไรเลย พี่งงเหมือนกันเค้าทำอะไรของเค้า พี่เอจะโทรไปคุยว่าเค้าทำแบบนี้ทำไม แล้ววางสายเรา ... เราโมโหมาก ... เราเข้าไปในเฟสพี่ดี ปรากฏว่ามีหลายต่อหลายครั้งที่พี่เอออกไปข้างนอกด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน ไปหากันที่ทำงาน ซื้อของไปฝาก ไปงานด้วยกัน ตั้งแต่ครั้งที่เราเริ่มทำโปรเจคในกลางปี 2015 .. เราถูกหลอกมาตลอด .. เจ็บมาก จุกมาก .. ทำแบบนี้ทำไม ได้แต่พูดว่า แค่เรารักกันสองคนมันก็ลำบากมากอยู่แล้วที่ต้องอยู่เงียบๆ ทำไมยังต้องไปดึงใครเข้ามาในชีวิตให้มันซับซ้อนมากกว่าเดิมอีก ทำไมใช้ชีวิตแบบนี้ ความรักที่น้องให้มันไม่เพียงพอเหรอ เค้าให้อะไรพี่ที่น้องให้ไม่ได้บ้าง น้องทำผิดอะไร ไม่พอใจก็แค่บอก แค่เลิกกันไป ถ้าไม่รักกันก็จบจะฝืนใจทำดีต่อกันไปเพื่ออะไร เราจะเลิก .. พี่เอไม่ยอม ขับรถมาเย็นวันนั้นทั้งที่เป็นวันปกติ มาง้อเราที่บ้าน .. สุดท้าย .. เรายอม .. เพราะเรารัก เราให้อภัย และหวังว่าการให้โอกาสในครั้งนี้ จะทำให้พี่เอรู้ว่าเรารักพี่เอมากแค่ไหน และไม่กล้าทำผิดกับเราอีก .. เช้าวันต่อมา พี่ดีส่งข้อความมาหาเราอีกครั้ง "พี่ขอโทษ พี่จะออกไปจากชีวิตทุกคนเอง อย่างทิ้งพี่เอนะ พี่จะเป็นคนถอยออกมาเอง" ... เราไม่พูด ไม่ตอบ ... บล็อกเฟสพี่ดี ขออย่ามายุ่งเกี่ยวกันอีกเลย ...
เรากับพี่เอคบกันต่อ ทั้งที่ในใจยังระแวงมาก เพราะเขาทำงานอยู่ใกล้ๆกัน ผ่านไปหลายเดือน เราปลดบล็อกเฟสพี่ดี เพื่อไปตามส่อง ..เห็นพี่ดีย้ายที่ทำงานมาอยู่ใกล้กับพี่เอมากขึ้น.. แต่ ไม่มีพิรุธอะไร .. เราจึงสงบและเลิกระแวง เลิกส่องไปในที่สุด ..
ผ่านไปหนึ่งปี ไม่มีเรื่องพี่ดีเข้ามาให้เคืองหัวใจ เรากับพี่เอมีความสุขมาก พากันเที่ยวทั้งในประเทศต่างประเทศ ซื้อของเข้าบ้าน ดูแลกันและกันทั้งเรื่องเงิน เรื่องงาน เรื่องสุขภาพ เหมือนกับว่าเรื่องเลวร้ายทั้งหมดได้ผ่านไปแล้ว
ช่วงต้นปี 2017 ที่ผ่านมา พี่เองานเยอะมากเพราะได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้างานหลายอย่างด้วยความสามารถของพี่เอ ทำให้ก้าวหน้าด้านการงานอย่างมาก พี่เอไม่ค่อยมีเวลาให้เราเหมือนเมื่อก่อน เฟสทามกันน้อยลง ออกบ้านตอนกลางคืนบ่อยๆ โมโหมากขึ้นเวลาเราห่วงว่าอย่ากลับบ้านดึกนะ น้องรอนะ แต่บางวันก็นอนเช้ามาก จะได้เฟสทามแค่ตอนจะนอนแล้ว พอนอนก็ขอพักหน้าจอ แล้วหลับไป เราพยายามไม่กวน เพราะพี่เอคงเหนื่อยมาก เป็นแบบนี้จนเรารู้สึกเหงา ก็ยิ่งเผลอเรียกร้อง ช่วงเมษาที่ผ่านมา พี่ไม่มาหาเราเลยทั้งที่เป็นวันหยุด เพราะต้องออกงานต่างจังหวัดเป็นวิทยากรตลอด เราเลยไปหาพี่เอที่บ้าน คืนนั้นเราออกไปกินข้าวกันที่ร้านอาหารร้านหนึ่ง .. เราได้รับข้อความจากพี่ดี "น้องยังคบกับพี่เอเหรอ ทำไมเป็นแบบนี้"