สวัสดีครับชาว pantip.com วันนี้ผมมาชวนหนีร้อนไปพักผ่อนกันที่ AWA KOH CHANG กันดีกว่า
อยู่ไม่ใกล้ ไม่ไกล จังหวัดตราดนี่เอง ถ้าพร้อมแล้วก็ แพ็คกระเป๋าไปพร้อมกันเลยครับ
สำหรับทริปนี้เราเดินทางกันไป 4 คนครับ อาศัยบริการของรถบัสที่สุวรรณภูมิ เนื่องด้วยแอบเห็นค่าตั๋วเครื่องบิน
แล้วราคาน่าจะร้อนกว่าเดิม 55555555 ก็เลยเลือกเดินทางโดยบัสกันแทน ก็จะเสียเวลาในการเดินทางไปเยอะ
นิดนึงครับ ประมาณ 5-6 ชั่วโมงได้ โดยเราไปเตรียมขึ้นรถที่สนามบินสุวรรณภูมิครับ ตรงช่องทางออกหมายเลข 8
จะมีซุ้มนึงที่เขียนว่าเดินทางไปเกาะช้าง ใกล้ๆกับทางเดินเข้าไปยังฟู้ดคอร์ท
สำหรับรอบเวลาการออกของรถบัส ก็จะมีด้วยกัน 3 เวลาครับ 7.50 / 11.00 / 12.00 แนะนำว่าให้มาถึงรอบแรก
ของการเดินทางเลย เพราะถ้าใครต้องการไปรถบัสก็น่าจะต้องเผื่อเวลากันนิดนึง ค่าใช้จ่ายทั้งหมดก็ตกอยู่ที่
คนละ 900 บาทครับ สำหรับราคานี้ เป็นค่ารถไป-กลับ ค่าเรือข้ามฟากไปเกาะช้าง รวมถึงค่ารถตู้ที่จะรับเราจากอีกฟาก
ไปส่งยังโรงแรมที่เราพักครับ ก็ถือว่าโอเคนะครับเหมือนเค้าจัดการคอร์สมาให้เราเรียบร้อยแล้ว ถือว่าสบายไปในระดับนึงเลยทีเดียว
ถึงเวลาก็ออกเดินทางไปยังเกาะช้าง จังหวัดตราดกันเลยครับ...
ผ่านไป ห้าชั่วโมงเห็นจะได้ หลับจนไม่รู้จะหลับยังไงแล้วครับ 5555555 ก็เดินทางมาถึงท่าเรือข้ามฟากที่จะ
เดินทางไปยังเกาะช้าง ซึ่งตรงนี้ใช้เวลาประมาณ 25-30 นาทีครับในการข้ามไปเกาะช้าง เราไปถึงที่นั่นก็เป็น
เวลาบ่ายสองบ่ายสามแล้วครับ โดยเรือข้ามฟากนั้นจะมาทุกๆชั่วโมงครับ ก็ถือว่าเดินทางง่ายนะครับ ไม่งง
เพราะนี่ผมก็พึ่งเคยมาเกาะช้างครั้งแรกเหมือนกัน
เรามุ่งตรงโดยที่ไม่รอช้า เนื่องจากวันนี้เสียเวลาค่อนข้างเยอะแล้ว และแล้วก็มาถึงสถานที่ที่เราขอมาพักผ่อน
ในช่วงเวลา 3 วันนี้ “AWA KOH CHANG” พอมาถึงแล้วก็โอ้โหในใจเล็กน้อย เพราะมันสวยเหมือนที่เค้าบอกๆ
กันมาเลยครับ ไม่ผิดหวัง ชอบตรงคู่สีที่โรงแรมเลือกใช้มาก ให้ทั้งความสบายแล้วก็ดูหรูหราไปในเวลาเดียวกัน
สำหรับห้องพักที่พวกเรามาพักกันในครั้งนี้ คือ ห้อง Deluxe Premium เป็นห้องที่เหมาะมาพัก 3-4 ท่านครับ
เพราะเข้าไปด้านในห้อง ก็ถือว่าใหญ่สบายสำหรับคนจำนวน 4 คนพอดี ด้านในจะมีเตียงใหญ่ให้ 2 เตียงครับ
ด้านนี้จะเป็นมุมวิวสระว่ายน้ำครับ ที่มองทะลุไปจนถึงทางด้านหาดเลยทีเดียว ก็เรียกว่าเป็นมุมสวยและมุมดี
เลยทีเดียวครับ สำหรับอากาศวันนี้ค่อนข้างจะร้อนมากกกก รวมไปถึงสภาพอากาศก็จะค่อนข้างอึมครึม
เลยตัดสินใจว่าจะพักผ่อนในห้องให้เต็มที่ แล้วอีกสักพักค่อยลงไปเดินชมรอบๆตัวโรงแรมครับ
สำหรับในห้องที่ผมประทับใจมากๆ คงเป็นห้องน้ำครับ ใหญ่โตมโหฬารมากครับ 5555 แล้วก็ถูกแบ่งสัดส่วน
ไว้เป็นอย่างดีชอบที่กระจกบานใหญ่นี่มากครับ แอบมาเขียนเล่นตอนที่ไอน้ำขึ้นแล้วสนุกสนานมาก
เหมือนได้กระดานใบใหญ่อยู่ในห้องน้ำ
พักหายเหนื่อยกันสักพักใหญ่ก็ได้ฤกษ์เดินลงมาสำรวจรอบๆโรงแรมแบบคร่าวๆ จนผ่านไปยังด้านข้างโซน Lobby
ก็พบกับโซน “The Teas” เป็นโซนของขนมและเครื่องดื่ม ที่เรียกว่าสายของหวานน่าจะประทับใจมากแน่นอนครับ
เพราะของหวานที่นี่เค้าไม่ธรรมดาเลย
พวกเราลองทานสองเมนูนี้ครับ ตัวแรกนี่เป็น Blueberry Chocolate Moose ตัวนี้บอกได้คำเดียวว่าเน้นๆ
เต็มปากเต็มคำมากครับ ใครชอบทานไวท์ช็อคหรือเค้กแบบเนื้อและครีมแน่นๆ แนะนำให้สั่งตัวนี้
มาลองทานเลยครับ รับรองว่าติดใจทุกคนแน่นอน
อีกตัวนึงคือ Apple Tart ที่แน่นมากกกกกไปด้วยเนื้อแอปเปิ้ล ไม่ต้องกลัวว่าจะเลี่ยนเกินไปนะครับ เพราะด้านใน
มีทั้งแอปเปิ้ลแดงและเขียว คอยตัดสลับความเลี่ยนกันอยู่ครับ แต่ว่าหากใครกลัวทานแล้วจะเลี่ยนไปจริงๆที่นี่
มี Italian Soda ที่อยากแนะนำเหมือนกันครับ ตัวนี้เลยครับ Passion Mango Italian Soda ผมชอบมากกกกกกก
สั่งมากินทุกวัน รสมันกำลังพอดีหวานอมเปรี้ยว แถมได้เคี้ยวเมล็ดของตัวเสาวรสด้วย ชอบมากครับ
ตกเย็นวันนี้ก็เดินหาร้านข้าวกินแถวๆนั้นครับ ที่นี่ร้านอาหารเยอะมาก มีให้เลือกแบบหลากหลายไปหมดทั้งไทย
ฝรั่ง จีน รวมไปถึงอีกหลายๆสัญชาติ มีเรียงกันแบบไม่ขาดสายเลย เรียกได้ว่าไม่รู้ต้องมาเกาะช้างกี่ครั้ง ถึงจะเก็บร้านเด็ดๆพวกนี้จนครบ
จบค่ำคืนนี้ด้วยสภาพร่างกายแบบเหนื่อยล้า บวกกับอากาศที่ฝนก็ตก แดดก็ออกมาทั้งวัน ทำให้วันนี้สิ่งที่ตอบโจทย์
มากที่สุดก็คงจะเป็นเจ้าเตียงนอนและหมอนนุ่มๆที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ให้ ความหวังของพรุ่งนี้คือคาดหวังให้แดดออก
และอากาศแจ่มใสครับ ไม่งั้นกลัวจะได้สิงกันแต่ห้องนอนแน่ๆ
.........
......
...
.
ตื่นเช้าขึ้นมา ตั้งปลุกกันตั้งแต่หกโมง คิดเอาไว้แล้วว่าพระอาทิตย์จะต้องออกมาต้อนรับแบบสวยงามแน่นอน เพราะวิวห้อง
ของเราก็ค่อนข้างใช้ได้เลยทีเดียว... ฝนตกจ้าาาาาาาาาาา 5555555 ก็นั่งรอกันไปก่อนครับ เจ้าฝนก็หยุดตกเอาประมาณ
ช่วงแปดโมงครับ ก็เลยได้ฤกษ์ในการลงไปทานอาหารเช้ากันที่ส่วนของ “The Spoon” ที่เป็นโซนทานอาหารเช้า
เป็นอีกโซนนึงที่สวยเด่นของโรงแรมเลยครับ
สำหรับอาหารเช้าของที่นี่หลากหลายมากครับ รองรับความต้องการของคนที่มาพักได้เป็นอย่างดี มีตั้งแต่ขนมปัง สปาเก็ตตี้
สลัดบาร์ จนไปถึงอาหารไทยธรรมดา ก็เรียกว่าใครชอบทานอะไรแบบไหนก็น่าจะตอบโจทย์ได้ครบสำหรับพาร์ทอาหารเช้าเลยครับ
อิ่มหนำสำราญกันแล้ว ก็เลยคิดว่าจะไปเดินเล่นกันที่ชายหาด จริงๆตอนแรกตั้งใจอยากไปดำน้ำ หรือไม่ก็สำรวจรอบเกาะให้มากๆ
แต่ด้วยสภาพอากาศที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ เลยตัดสินใจว่างั้นสำรวจเจ้าหาดใกล้บริเวณที่พักไปก่อน เพื่อความสะดวกและ
รวดเร็วสำหรับการมาครั้งแรกนี่แหละฮะ
ที่พักของเราตั้งอยู่ที่หาดชื่อว่า หาดไก่แบ้ครับ หาดนี้ค่อนข้างเงียบนะครับ แต่จากเท่าที่ถามพี่พี่แถวนี้มา เค้าบอกว่าถ้าอยาก
เล่นน้ำแบบสวยจริงๆ พี่เค้าแนะนำให้ไปที่ หาดคล้องพร้าวครับ ที่นั่นเค้าบอกว่าหาดสวย น้ำใสเหมาะแก่การดำน้ำเล่นมากมาก
แต่ไม่เป็นไรครับเราเดินเล่นที่เจ้าหาดไก่แบ้กันไปก่อนก็ได้ ไหนๆก็มาถึงแล้ว
แต่เดินเล่นได้แปปเดียวจริงๆอ่ะครับ พอฝนหมดไปแดดก็มาแบบเต็มกำลังมาก ซึ่งที่นี่แดดแรงมากนะครับ จริงๆก็ไม่ควรตาก
แดดกันนานมากเกินไป ก็เลยหลบมุมมาเซ็ตของถ่ายรูปกันไปพลางๆ
ปาเข้าไปอีกทีก็เกือบบ่ายแล้วครับ ก็เดินทางกลับมายังที่พัก ก่อนจะให้ทางที่พักรบกวนไปส่งที่ร้านอาหาร “ครัวฆาราฑี”
ร้านนี้จะอยู่เลยที่พักขึ้นไปประมาณ 10 นาทีครับ ร้านนี้ตั้งอยู่ในโรงแรม รามายานาครับ ร้านนี้ดูภายนอกร้านคนอาจจะคิดว่า
คงราคาค่อนข้างสูง เพราะด้วยการตกแต่งสไตล์ไทย แนวรามเกียรติ์บวกกับภาพเมนูอาหาร ที่กุ้งเป็นกุ้ง ปลาเป็นปลา
ไม่มาตัวเล็กๆกระจิ๊ดริ๊ด จริงๆแล้วราคาน่าคบหาเอามากๆครับ แล้วปริมาณต่อจานที่พูดได้ว่าเล่นเอาจุกอยู่เหมือนกัน
[SR] HELLO SUMMER : ร้อนนักขอมาพักหน่อย AWA KOH CHANG
อยู่ไม่ใกล้ ไม่ไกล จังหวัดตราดนี่เอง ถ้าพร้อมแล้วก็ แพ็คกระเป๋าไปพร้อมกันเลยครับ
สำหรับทริปนี้เราเดินทางกันไป 4 คนครับ อาศัยบริการของรถบัสที่สุวรรณภูมิ เนื่องด้วยแอบเห็นค่าตั๋วเครื่องบิน
แล้วราคาน่าจะร้อนกว่าเดิม 55555555 ก็เลยเลือกเดินทางโดยบัสกันแทน ก็จะเสียเวลาในการเดินทางไปเยอะ
นิดนึงครับ ประมาณ 5-6 ชั่วโมงได้ โดยเราไปเตรียมขึ้นรถที่สนามบินสุวรรณภูมิครับ ตรงช่องทางออกหมายเลข 8
จะมีซุ้มนึงที่เขียนว่าเดินทางไปเกาะช้าง ใกล้ๆกับทางเดินเข้าไปยังฟู้ดคอร์ท
สำหรับรอบเวลาการออกของรถบัส ก็จะมีด้วยกัน 3 เวลาครับ 7.50 / 11.00 / 12.00 แนะนำว่าให้มาถึงรอบแรก
ของการเดินทางเลย เพราะถ้าใครต้องการไปรถบัสก็น่าจะต้องเผื่อเวลากันนิดนึง ค่าใช้จ่ายทั้งหมดก็ตกอยู่ที่
คนละ 900 บาทครับ สำหรับราคานี้ เป็นค่ารถไป-กลับ ค่าเรือข้ามฟากไปเกาะช้าง รวมถึงค่ารถตู้ที่จะรับเราจากอีกฟาก
ไปส่งยังโรงแรมที่เราพักครับ ก็ถือว่าโอเคนะครับเหมือนเค้าจัดการคอร์สมาให้เราเรียบร้อยแล้ว ถือว่าสบายไปในระดับนึงเลยทีเดียว
ผ่านไป ห้าชั่วโมงเห็นจะได้ หลับจนไม่รู้จะหลับยังไงแล้วครับ 5555555 ก็เดินทางมาถึงท่าเรือข้ามฟากที่จะ
เดินทางไปยังเกาะช้าง ซึ่งตรงนี้ใช้เวลาประมาณ 25-30 นาทีครับในการข้ามไปเกาะช้าง เราไปถึงที่นั่นก็เป็น
เวลาบ่ายสองบ่ายสามแล้วครับ โดยเรือข้ามฟากนั้นจะมาทุกๆชั่วโมงครับ ก็ถือว่าเดินทางง่ายนะครับ ไม่งง
เพราะนี่ผมก็พึ่งเคยมาเกาะช้างครั้งแรกเหมือนกัน
ในช่วงเวลา 3 วันนี้ “AWA KOH CHANG” พอมาถึงแล้วก็โอ้โหในใจเล็กน้อย เพราะมันสวยเหมือนที่เค้าบอกๆ
กันมาเลยครับ ไม่ผิดหวัง ชอบตรงคู่สีที่โรงแรมเลือกใช้มาก ให้ทั้งความสบายแล้วก็ดูหรูหราไปในเวลาเดียวกัน
เพราะเข้าไปด้านในห้อง ก็ถือว่าใหญ่สบายสำหรับคนจำนวน 4 คนพอดี ด้านในจะมีเตียงใหญ่ให้ 2 เตียงครับ
เลยทีเดียวครับ สำหรับอากาศวันนี้ค่อนข้างจะร้อนมากกกก รวมไปถึงสภาพอากาศก็จะค่อนข้างอึมครึม
เลยตัดสินใจว่าจะพักผ่อนในห้องให้เต็มที่ แล้วอีกสักพักค่อยลงไปเดินชมรอบๆตัวโรงแรมครับ
ไว้เป็นอย่างดีชอบที่กระจกบานใหญ่นี่มากครับ แอบมาเขียนเล่นตอนที่ไอน้ำขึ้นแล้วสนุกสนานมาก
เหมือนได้กระดานใบใหญ่อยู่ในห้องน้ำ
ก็พบกับโซน “The Teas” เป็นโซนของขนมและเครื่องดื่ม ที่เรียกว่าสายของหวานน่าจะประทับใจมากแน่นอนครับ
เพราะของหวานที่นี่เค้าไม่ธรรมดาเลย
เต็มปากเต็มคำมากครับ ใครชอบทานไวท์ช็อคหรือเค้กแบบเนื้อและครีมแน่นๆ แนะนำให้สั่งตัวนี้
มาลองทานเลยครับ รับรองว่าติดใจทุกคนแน่นอน
มีทั้งแอปเปิ้ลแดงและเขียว คอยตัดสลับความเลี่ยนกันอยู่ครับ แต่ว่าหากใครกลัวทานแล้วจะเลี่ยนไปจริงๆที่นี่
มี Italian Soda ที่อยากแนะนำเหมือนกันครับ ตัวนี้เลยครับ Passion Mango Italian Soda ผมชอบมากกกกกกก
สั่งมากินทุกวัน รสมันกำลังพอดีหวานอมเปรี้ยว แถมได้เคี้ยวเมล็ดของตัวเสาวรสด้วย ชอบมากครับ
ฝรั่ง จีน รวมไปถึงอีกหลายๆสัญชาติ มีเรียงกันแบบไม่ขาดสายเลย เรียกได้ว่าไม่รู้ต้องมาเกาะช้างกี่ครั้ง ถึงจะเก็บร้านเด็ดๆพวกนี้จนครบ
มากที่สุดก็คงจะเป็นเจ้าเตียงนอนและหมอนนุ่มๆที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ให้ ความหวังของพรุ่งนี้คือคาดหวังให้แดดออก
และอากาศแจ่มใสครับ ไม่งั้นกลัวจะได้สิงกันแต่ห้องนอนแน่ๆ
.........
......
...
.
ของเราก็ค่อนข้างใช้ได้เลยทีเดียว... ฝนตกจ้าาาาาาาาาาา 5555555 ก็นั่งรอกันไปก่อนครับ เจ้าฝนก็หยุดตกเอาประมาณ
ช่วงแปดโมงครับ ก็เลยได้ฤกษ์ในการลงไปทานอาหารเช้ากันที่ส่วนของ “The Spoon” ที่เป็นโซนทานอาหารเช้า
เป็นอีกโซนนึงที่สวยเด่นของโรงแรมเลยครับ
สลัดบาร์ จนไปถึงอาหารไทยธรรมดา ก็เรียกว่าใครชอบทานอะไรแบบไหนก็น่าจะตอบโจทย์ได้ครบสำหรับพาร์ทอาหารเช้าเลยครับ
แต่ด้วยสภาพอากาศที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ เลยตัดสินใจว่างั้นสำรวจเจ้าหาดใกล้บริเวณที่พักไปก่อน เพื่อความสะดวกและ
รวดเร็วสำหรับการมาครั้งแรกนี่แหละฮะ
เล่นน้ำแบบสวยจริงๆ พี่เค้าแนะนำให้ไปที่ หาดคล้องพร้าวครับ ที่นั่นเค้าบอกว่าหาดสวย น้ำใสเหมาะแก่การดำน้ำเล่นมากมาก
แต่ไม่เป็นไรครับเราเดินเล่นที่เจ้าหาดไก่แบ้กันไปก่อนก็ได้ ไหนๆก็มาถึงแล้ว
แดดกันนานมากเกินไป ก็เลยหลบมุมมาเซ็ตของถ่ายรูปกันไปพลางๆ
ร้านนี้จะอยู่เลยที่พักขึ้นไปประมาณ 10 นาทีครับ ร้านนี้ตั้งอยู่ในโรงแรม รามายานาครับ ร้านนี้ดูภายนอกร้านคนอาจจะคิดว่า
คงราคาค่อนข้างสูง เพราะด้วยการตกแต่งสไตล์ไทย แนวรามเกียรติ์บวกกับภาพเมนูอาหาร ที่กุ้งเป็นกุ้ง ปลาเป็นปลา
ไม่มาตัวเล็กๆกระจิ๊ดริ๊ด จริงๆแล้วราคาน่าคบหาเอามากๆครับ แล้วปริมาณต่อจานที่พูดได้ว่าเล่นเอาจุกอยู่เหมือนกัน