https://pantip.com/topic/36438932/comment53
นี่คือกระทู้เมื่อวาน ที่ได้มีคนได้ลงไว้ ถึงการที่ว่า เมื่อมีการถือ dwจนครบสัญญา แล้ว
ทำไมต้องนำเงินทั้งก้อน ที่ได้รับจากโบรกเกอร์ไปเสียภาษี
อันดับแรก ผมขอแจ้งความคืบหน้า นิดหนึ่งก่อนว่า
ณ ตอนนี้ ผมได้คุยกับทางสรรพากร ไปบรงส่วนในเรื่องนี้แล้ว
เพื่อตอบปัญหาคาใจนี้ และทางเจ้าหน้าที่ จะนำคำตอบมาแจ้งกับผมอีกที
จากที่มีข้อถกเถียงเมื่อว่าตามกระทู้ด้านบน
ผมต้องขอโทษเจ้าของกระทู้เดิมด้วยจากความไม่รอบคอบของผมจากการอ่านแบบผิวเผินถึง
เงื่อนไขการเสียภาษี สำหรับการถือ Dw จนครบสัญญา และ ระบบจะทำการ cash settlement
ให้
ในหลักปฎิบัติ ณ ปัจจุบัน ที่ใช้กันจริง เป็นดังนี้
สมมุติ ผมซื้อ dw หุ้น A จำนวน 100,000 หุ้น ราคา 1 บาท
= 100,000 บาทที่ผมจ่ายซื้อ dw
อัตราconversion 1:1@238
สมมติราคาหุ้นอ้างอิง ณ วันที่ settle ราคา 240
ดังนั้น ทางโบรกเกอร์จะจ่ายเงินให้นักลงทุน = (240-238)x100,000
เงินส่วนต่างที่ได้รับจากโบรกเกอร์ = 200,000 บาท
เอาละ่ครับ
ผมต้องนำเงิน 200,000 บาท นี้ ไปยื่นภาษี ในมาตรา 40(8)
ทั้งจำนวน นะครับ หากเรามองในแง่นักลงทุนมันก็เหมือนกับว่า
เงิน200,000 นี้ มันมีส่วนที่เป็น เงินทุน เรา 100,000 ตอนที่ซื้อ dw ครั้งแรกด้วย
แต่ในแง่ ของ สรรพากร ไม่ได้มองเหมือนนักลงทุนนะครับ
ทางสรรพากรมองว่า เงิน 200,000 นี้ คือ รายได้ครับ ด้วยเหตุนี้ จึงต้องนำเงินทั้งก้อนนี้
มาหักภาษี นั่นก็คือว่า แทนที่ เราจะได้กำไร 100,000 กับไม่ใช่นะครับ
เราจะได้แค่ 80,000 เท่านั้น ในกรณีที่เสียภาษี 10%
แลกกับการขายบนกระดาน ที่หากทำได้ เราจะได้ 100,000 บาทเต็ม
อันนี้คือการยกตัวอย่าง conversion ratio แบบง่ายๆ มาให้ดูนะครับ
ในบางratio หากเราถือจนครบสัญญา แม้เราจะกำไรในวันครบสัญญา
เราอาจจะขาดทุนก็ได้ เมื่อเสียภาษี
อาจจะมีคนแย้งว่า เราก็อย่าถือจนครบสิ ใช่ครับนั่นคือดีที่สุดครับ
แต่สำหรับคนที่หลวมตัวไปแล้ว ก็ถือว่าเป็นบทเรียน แต่สำหรับคนที่ยังก็จะได้เข้าใจ
นะครับว่า อย่าถือจนครบสัญญา
มาดูในแง่นักลงทุน
1. เหมือนถูกเอาเปรียบนะ เพราะมันเหมือนกับว่า ทำไมเราต้องเอาเงินต้น 100,000
มาเสียภาษีด้วย
2. ทำไมวิธีปฎิบัติ ไม่เหมือน rmf หรือ Ltf ล่ะ ที่เอาต้นทุนไปหัก แล้วเอาแค่ส่วนของกำไรมาคำนวรภาษี
3. ศัพท์ที่ใช้ว่า ส่วนต่างเงินสด ที่ทางโบรก สื่อสาร ทำให้เข้าใจผิด
แล้วเงินต้น Dw เท่าหายไปไหน เท่าที่ผมคุยกับโบรกเกอร์ นั้น เค้าแจ้งว่า
ราคาในตลาดที่ซื้อขายกันนั้นคือค่า premium นั่นเอง และค่าpremium นี้ มันก็จะหดไปตามเวลาที่เหลืออยู่
หรือที่ เรียกว่า time decay ดังนั้น คงเข้าใจคร่าว ๆ แล้วนะครับว่า ทำไมจึงควร
ขายก่อนครบสัญญา ไม่ว่า ราคาในกระดาษจะมีมากกว่า 0.01 ก็ตาม
เพราะไม่ว่าจะมีค่าเท่าไร มันก็จะเป็น o ทันที เพราะเค้าไม่เอาราคาซื้อขายของ dw
ในวันสุดท้าย มาคิดเลย
สำหรับเรื่องที่คุยกับสรรพากร ได้ผลอย่างไร ก็จะแจ้งให้ทราบกันอีกทีครับ
ใครจะเล่นdw ก็ระวังนะครับ
เล่นเฉพาะ uptrend และdowntrendเท่านั้น หากเล่นsw แล้ว เวลาเหลือน้อย time decay
จะมากินเงินคุณทีละนิดๆ เหมือนต้มกบเบาๆ นี่เอง
จากกระทู้เมื่อวาน เรื่อง การขาย DW แล้วต้องนำเงินทั้งหมดไปเสียภาษี
นี่คือกระทู้เมื่อวาน ที่ได้มีคนได้ลงไว้ ถึงการที่ว่า เมื่อมีการถือ dwจนครบสัญญา แล้ว
ทำไมต้องนำเงินทั้งก้อน ที่ได้รับจากโบรกเกอร์ไปเสียภาษี
อันดับแรก ผมขอแจ้งความคืบหน้า นิดหนึ่งก่อนว่า
ณ ตอนนี้ ผมได้คุยกับทางสรรพากร ไปบรงส่วนในเรื่องนี้แล้ว
เพื่อตอบปัญหาคาใจนี้ และทางเจ้าหน้าที่ จะนำคำตอบมาแจ้งกับผมอีกที
จากที่มีข้อถกเถียงเมื่อว่าตามกระทู้ด้านบน
ผมต้องขอโทษเจ้าของกระทู้เดิมด้วยจากความไม่รอบคอบของผมจากการอ่านแบบผิวเผินถึง
เงื่อนไขการเสียภาษี สำหรับการถือ Dw จนครบสัญญา และ ระบบจะทำการ cash settlement
ให้
ในหลักปฎิบัติ ณ ปัจจุบัน ที่ใช้กันจริง เป็นดังนี้
สมมุติ ผมซื้อ dw หุ้น A จำนวน 100,000 หุ้น ราคา 1 บาท
= 100,000 บาทที่ผมจ่ายซื้อ dw
อัตราconversion 1:1@238
สมมติราคาหุ้นอ้างอิง ณ วันที่ settle ราคา 240
ดังนั้น ทางโบรกเกอร์จะจ่ายเงินให้นักลงทุน = (240-238)x100,000
เงินส่วนต่างที่ได้รับจากโบรกเกอร์ = 200,000 บาท
เอาละ่ครับ
ผมต้องนำเงิน 200,000 บาท นี้ ไปยื่นภาษี ในมาตรา 40(8)
ทั้งจำนวน นะครับ หากเรามองในแง่นักลงทุนมันก็เหมือนกับว่า
เงิน200,000 นี้ มันมีส่วนที่เป็น เงินทุน เรา 100,000 ตอนที่ซื้อ dw ครั้งแรกด้วย
แต่ในแง่ ของ สรรพากร ไม่ได้มองเหมือนนักลงทุนนะครับ
ทางสรรพากรมองว่า เงิน 200,000 นี้ คือ รายได้ครับ ด้วยเหตุนี้ จึงต้องนำเงินทั้งก้อนนี้
มาหักภาษี นั่นก็คือว่า แทนที่ เราจะได้กำไร 100,000 กับไม่ใช่นะครับ
เราจะได้แค่ 80,000 เท่านั้น ในกรณีที่เสียภาษี 10%
แลกกับการขายบนกระดาน ที่หากทำได้ เราจะได้ 100,000 บาทเต็ม
อันนี้คือการยกตัวอย่าง conversion ratio แบบง่ายๆ มาให้ดูนะครับ
ในบางratio หากเราถือจนครบสัญญา แม้เราจะกำไรในวันครบสัญญา
เราอาจจะขาดทุนก็ได้ เมื่อเสียภาษี
อาจจะมีคนแย้งว่า เราก็อย่าถือจนครบสิ ใช่ครับนั่นคือดีที่สุดครับ
แต่สำหรับคนที่หลวมตัวไปแล้ว ก็ถือว่าเป็นบทเรียน แต่สำหรับคนที่ยังก็จะได้เข้าใจ
นะครับว่า อย่าถือจนครบสัญญา
มาดูในแง่นักลงทุน
1. เหมือนถูกเอาเปรียบนะ เพราะมันเหมือนกับว่า ทำไมเราต้องเอาเงินต้น 100,000
มาเสียภาษีด้วย
2. ทำไมวิธีปฎิบัติ ไม่เหมือน rmf หรือ Ltf ล่ะ ที่เอาต้นทุนไปหัก แล้วเอาแค่ส่วนของกำไรมาคำนวรภาษี
3. ศัพท์ที่ใช้ว่า ส่วนต่างเงินสด ที่ทางโบรก สื่อสาร ทำให้เข้าใจผิด
แล้วเงินต้น Dw เท่าหายไปไหน เท่าที่ผมคุยกับโบรกเกอร์ นั้น เค้าแจ้งว่า
ราคาในตลาดที่ซื้อขายกันนั้นคือค่า premium นั่นเอง และค่าpremium นี้ มันก็จะหดไปตามเวลาที่เหลืออยู่
หรือที่ เรียกว่า time decay ดังนั้น คงเข้าใจคร่าว ๆ แล้วนะครับว่า ทำไมจึงควร
ขายก่อนครบสัญญา ไม่ว่า ราคาในกระดาษจะมีมากกว่า 0.01 ก็ตาม
เพราะไม่ว่าจะมีค่าเท่าไร มันก็จะเป็น o ทันที เพราะเค้าไม่เอาราคาซื้อขายของ dw
ในวันสุดท้าย มาคิดเลย
สำหรับเรื่องที่คุยกับสรรพากร ได้ผลอย่างไร ก็จะแจ้งให้ทราบกันอีกทีครับ
ใครจะเล่นdw ก็ระวังนะครับ
เล่นเฉพาะ uptrend และdowntrendเท่านั้น หากเล่นsw แล้ว เวลาเหลือน้อย time decay
จะมากินเงินคุณทีละนิดๆ เหมือนต้มกบเบาๆ นี่เอง