**สวัสดีครับ นี้เป็นกระทู้แรกขอผมถ้ามีอะไรผิดพลาดหรือพิมพ์ตกลงก็ขอโทษด้วยนะครับ**
***เรื่องอาจจะยาวไปหน่อย ผมขอให้ช่วยให้จบด้วยนะครับ***
สวัสดีครับผมขอแทนชื่อสมมุติว่า"ราม"นะครับ คือเรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อตอนผมยังเรียนอยู่ม.4(ตอนนี้เรียนมหาลัยแล้วกำลังขึ้นปี2)ผมมีเพื่อนสนิทผช.คนหนึ่ง(ขอแทนชื่อว่าไก่)เราเรียนม.ต้นมาด้วยกันแต่พอขึ้นม.ปลายเค้าเลือกที่จะเรียนสายวิทย์-คณิต(ห้อง3) แต่ผมเลือกที่จะเรียนสายศิลป์-ภาษาฝรั่งเศส(ห้อง9)แต่ช่วงม.4เทอม1ผมยังไม่สนิทกับเพื่อนในห้องใหม่เท่าไรต่างจากไก่ที่เข้ากับเพื่อนห้องใหม่ได้ดีเฉพาะนั้นตอนพักกลางวันของช่วงแรกผมต้องมานั่งกินข้างกับไก่และเพื่อนใหม่ห้อง3เพราะเหตุนี้ทำให้ผมได้เจอกับเพื่อนผญ.ห้อง3คน ในครั้งที่เจอ..ครั้งแรกที่ได้เห็นหน้า..ครั้งแรกที่ได้พูดคุย..ทำให้ผมหลงรักเธอ(ขอแทนชื่อว่ากิ่ง) ฟังแล้วหลายๆคนจะอ้วกแตก แต่บอกได้เลยว่าตอนนั้นผมคิดอย่างนั้นจริงและผมคิดว่าจะไม่ขอรักใครต่อจากนี้ นอกจากคนๆนี้ คนเดียวเท่านั้นและความคิดนี้ผมก็ยังยึดมั่นอยู่จนถึงทุกวันนี้ แต่ด้วยความที่ว่าผมเป็นคนคุยไม่เก่ง จีบใครไม่เป็นเพราะไม่รุ้ความหมายของมันคือต้องทำยังไงเพราะไมเคยจีบใคร และเราก็ยังอยู่ต่างห้องกันมากเลยไม่ไม่ค่อยมีโอกาสได้คุยกัน ได้เจอกัน ได้ทำความรู้จักกันมากสักเท่าไรผมเลยเก็บความรู้สึกชอบไว้จนถึงม.4เทอม2 ผมก็ต้องปวดใจเมื่อได้รู้ว่ากิ่งคบกับรุ่นพี่นักบาสม.5 ผมก็เลยพยายามหลีกเลี่ยงที่จะเจอหน้าเพราะไม่อยากรู้สึกเจ็บเพราะเจอคนที่เราแอบชอบแต่ก็รู้ว่าเค้ามีเจ้าของแล้ว จนผมขึ้นม.5 โรงเรียนผมนั้นมีจะมีจัดค่ายวิทยาศาสตร์ที่จะขึ้นทุกปีโดยงานคือจะพาเด็กม.4ที่พึ่งมาเข้าเรียนใหม่ตั้งห้อง1(ห้องIEP)ห้อง2-3(ห้องวิทย์-คณิต)และห้อง4(ศิลป์คำนวน)ไปศึกษานอกสถานที่ๆจังหวัดประจวบฯ3วัน2คืน และค่ายนี้จะไม่ใช่ค่ายที่เหมือนค่ายลูกเสือที่จะมีวิทยากรกับอาจารย์ดูและแต่จะให้รุ่นม.5-6เป็นคนดูแลน้องๆและกำหนดการต่างโดยมีอาจารย์เป็นที่ปรึกษาตอนไป เราเรียกรุ่นพี่ที่ดูแลน้องตอนไปค่ายเหล่านั้นว่ารุ่นพี่ห้องเขียวหรือรุ่นพี่ค่ายวิทย์ และไก่ก็มาชวนผมไปสมัครอบรมการเป็นพี่ค่ายวิทย์ เพื่อเป็นพี่ค่ายวิทย์เต็มตัวพาน้องม.4ใหม่ปีนั้นไปค่าย เหมือนเป็นการเรียนรู้และเตรียมพร้อมเราว่าถ้าไปค่ายเราต้องทำหน้าที่อะไรบ้าง ผมก็ไปอบรมกับไอไก่และเพื่อนห้อง3ที่ผมรู้จัก และข้ามมาถึงตอนที่ใกล้จะไปค่าย อาจารย์อวุโสที่เป็นหัวหน้าก่อตั้งค่ายวิทย์นี้ขึ้นมา2คนชาย หญิง อ.ผช. คนค่ายเรียกว่าป๊า อ.ผญ.คนค่ายเรียกว่ามี้ วันนั้นมี้เป็นคนเลือกว่าใครไปค่ายไหน(เพราะมันมี4ค่ายไปสองรอบๆล่ะ2สถานที่แยกกันไปจะมีค่ายเล็กกับใหญ่)และใครทำหน้าที่อะไร มาทุกตอนนี้หลายคนอาจจะสงสัยว่าเรื่องค่ายวิทย์เกี่ยวอะไรกับความรักของผม คือว่าตั้งแต่อบรมแล้วล่ะ ผมไม่รู้กิ่งเค้าจะสมัครมาด้วยผมไม่ได้ตามกิ่งมานะผมตามไอไก่มาไมเคยคิดว่ากิ่งอาจจะมาเลยมาเลย และพอมี้เลือกเสร็จว่าใครไปค่ายไหน ผมก็ได้ไปค่ายที่1รอบที่1 เป็นหน้าที่อุปกรณ์คือเป็นคนยกของเตรียมของไว้สำหรับกำหนดการต่อไปอะไรอย่างเนี่ย ส่วนกิ่งนั้นหรอเหมือนมี้เค้าทั้งแกล้งทั้งรู้ใจผมอ่ะ กิ่งได้ไปค่ายที่1รอบที่1เหมือนผมแต่ได้หน้าที่เป็นพิธีกร อ่อผมลืมบอกไปว่ารุ่นพี่ที่เป็นพี่เลี้ยงแล้วจบไปแล้วถึงจะกับมาไปค่ายเราด้วยหรือไม่ได้ไปเราก็จะเรียกเค้าว่าพี่แก่ พอถึงวันไปจิงนัดกันที่โรงเรียนแต่เช้าผมตั้งใจว่าจะขึ้นรถบัสคนสุดท้ายเพราะต้องตรวจเช็คความเรียบร้อย พอออกเดินทางผมขึ้นรถไปไม่มีที่นั่งว่างเลยนอกจากที่ข้างหน้าแถวที่2เพราะแถวหน้าเป็นของอาจารย์และพี่แก่แต่ว่ามีพี่แก่อีกคนหนึ่งชื่อว่าแนทยังไม่มีที่นั่งผมเลยบอกให้พี่เค้านั่งตรงนั้นเดียวผมจะนั่งตรงบันไดขึ้นรถข้างคนขับแต่พี่แนทบอกว่าพี่เค้าจะนั่งเองแล้วผมไปนั่งที่ว่างนั้นและที่นั่งที่นั่งคู่กันที่ไม่ว่างนั้นเป็นที่ของกิ่ง... เพราะกิ่งเป็นพิธีกรจึ่งต้องมานั่งข้างหน้าเพราะต้องใช้ไมค์ของรถ (1ค่ายจะมีพิธีกรญ.กับช.เป็นคู่แต่ตอนอยู่บนรถจะแยกกันไปคนละคันเพราะค่ายหนึ่งจะมีรถ2คัน อุปกรณ์ก็เหมือนกันจะมี2คนแยกกันไปคนละคันเหมือนกัน(ผมไม่รู้นะว่ากิ่งจะมาอยู่คันนี้))และด้วยความที่ต้องลุกขึ้นพูดในรถบ่อยกิ่งเลยต้องนั่งที่ข้างทางเดินส่วนผมนั่งติดหน้าต่าง และบอกเลยว่าทริปนี้ฝนตกเกือบตลอดแต่ไม่ถึงกับหนักมากเย็นวันแรกเราให้รุ่นน้องตั้งเต๊นท์นอนข้างหาดทรายกันและวันที่สองเราต้องเดินทางไปตั้งเต๊นท์คืนที่สองอีกหาดหนึ่งและเย็นวันที่2กิ่งเริ่มไม่สบายเป้นหวัดไม่ค่อยมีเสียง จนมาตอนกลับบ้านขากลับช่วงแรกเราจะเปิดให้น้องๆเต้นกันบนรถไปจนถึงใกล้นครปฐมจะเปลี่ยนเป็นเพลงฟังทั่วไปเพื่อนให้น้องๆนั่งหรือนอนพักเพราะจะมีธรรมเนียมที่ว่าพอรถวิ่งกลับไปที่รถโรงเรียนจะผ่านทางหน้าเซนทรัลปิ่นเกล้าเราจะให้จะสั่งให้น้องเปิดหน้าต่างรถและตะโกนบูมของค่ายวิทย์เราจนวนไปซ้ำๆตลอดทางจนถึงที่โรงเรียน กลับมาต่อในช่วงที่ถึงนครปฐมแล้วก็จะเปิดเพลงทั่วไป ให้นั่งนอนพักผ่อนตอนนั้นส่วนผมกับกิ่งก็นั่งตำแหน่งเดิมคือข้างๆกันผมรู้ว่ากิ่งเหนื่อยและไม่สบายอยู่ด้วยความเป็นห่วง ผมเลยบอกให้กิ่งนอนพักผ่อนก่อนเดียวใกล้ถึงผมจะปลุกเอง(บอกก่อนว่าตอนนี้กิ่งก็ยังคบกับรุ่นพี่นักบาสอยู่เหมือนเดิม) กิ่งก็โอเครและก็นอนแบบนั่งนั่งเงยหน้าขึ้นคงนึกภาพออกกันนะ ส่วนผมกก็นั่งดูวิวนอกหน้าต่างไป(ตอนนั้นเย็นแล้ว6โมงเห็นจะได้เริ่มมืดแล้ว) พอมองวิวไปได้ประมาณสัก2-3นาทีผมก็มีความรู้สึกว่ามีอะไรมากระทบไหล่ซ้ายของผม ผมเลยหันไปมอง เห้ย!! อยู่ดีๆตัวกับหัวกิ่งก็เอียงมาซบไหล่ผมเฉยเลยยยย ตอนนั้นผมรู้สึกดีใจมากเลย แต่พอได้ดีใจไม่นานเพลงที่เล่นอยู่ก็จบลงและเริ่มเพลงใหม่ขึ้นมา เพลงใหม่นี้มันทำให้ผมรุ้สึกเจ็บปวดมากกก นั้นคือเพลง พรมลิขิตผิดเวลา ของ SoCool ถ้าใครเคยฟังจะเข้าความรู้สึกของผมตอนนั้นดีว่ารู้เป็นยังไง (ใครยังไม่เคยก็ไปฟังดูนะครับ) ผมเลยคิดว่า "ไอสัสเอ่ยยยย ชีวิต

แกล้งกูชัดๆจะมาอะไรได้พอดีแบบนี้"พอเพลงจบสักกิ่งตื่นมาผมก็แกล้งทำเป็นเฉยๆ หลังจากนั้นผมก็ทำตัวหลีกเลี่ยงที่จะเจอเหมือนเดิม จนถึงม.6เทอม2ใกล้จะจบ ผมก็ได้ข่าวมาว่ากิ่งเลิกกับรุ่นพี่นักบาสตั้งแต่ม.5ปลายเทอมสองแล้ว ผมพึ่งรุ้เลยพยามยามคุย พยายามทำความรู้จักให้มากขึ้น จนจึงวันเรียนจบ อย่างที่บอกผมคิดว่าจะไม่รักอีกนอกจากผญ.คนนี้ พองานเลิกทุกคนกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะไปกินหมูกะทะฉลองเรียนจบกัน ผมหาจังหวะที่กิ่งอยู่คนเดียวแล้วเดินเค้าไปสารภาพรัก พอพูดเสร็จกิ่งก็บอกกับผมว่า"ขอบคุณนะที่รู้สึกดีๆกับกิ่ง แต่ตอนนี้กิ่งมีคนที่ชอบอยู่แล้ว และกิ่งคิดว่ากิ่งจะไปไม่รักใครอีกนอกจากคนๆนั้น" ผมอุทารณ์ใจ"เชี้ยยย คิดเหมือนกูเลยไอสัสเอ่ยยยย" ผมก็เลยว่า"โอเคร เราเค้าใจเพราะเราก็คิดเหมือนกิ่งเหมือนกัน แต่ยังไงเราก็จะรอกิ่งอยู่เสมอนะ" และจากนั้นผมก็รอกิ่งมาจนถึงปลายเดือนมีนา ปี2560 ที่ผ่านมา ผมเรียนนิเทศ เอกประชาสัมพันธ์ มันต้องเรียนถ่ายรูป และตอนปลายเดือนมีนานั้นมันเป็นปลายปีเทอม2แล้ว อ.ที่สอนถ่ายรุปเลยให้งานไฟนอลมา โจทย์คือ"ให้ถ่ายถ่ายรูปคนที่คุณที่สุด" โดยให้ใช้การถ่ายทั้งหมดที่เรียนมาๆผสมกันให้เป็นภาพเดียว(อย่าพึ่งดราม่านะครับว่าทำไมไม่ถ่ายรูปพ่อแม่ เองไม่รักพ่อแม่เองหรอ? รักครับแต่ทุกวันนี้ผมก็ถ่ายรุปกับแม่บ่อยอยู่แล้วส่วนพ่อทิ้งผมกับแม่ไปก่อนผมเกิดฉะนั้นตัดออกไปได้เลยครับ)ผมเลยนึกถึงกิ่งเลยทักไปหากิ่งแล้วขอให้มาช่วยเป็นนางแบบให้ได้ไหม กิ่งบอกได้"แต่ผมไม่ได้บอกว่าโจทย์คืออะไรนะ" มาถึงวันที่นัดถ่ายรูปผมอยากได้ฟิวรุปที่ไม่เฟค ไม่แอคท่า แต่อยากได้รุปที่รอยยิ้มของกิ่งเวลาเผลอ ผมเลยชวนไปถ่ายที่ท่าน้ำมหาราชวันนั้นเรานั่งกินข้าว คุยเรื่องต่างๆด้วยกัน ไม่รู้ทำไม ? แต่แค่เพียงผมได้เห็นใบหน้าของกิ่งตอนยิ้มตอนมีความสุข ได้ฟังเธอเล่าเรื่องต่างๆของเธอ ได้อยุ่ใกล้ๆเธอมันทำให้ผมมีความสุขมากกว่าทุกที่คนที่ผมเคยคุยมา(คุยแบบสานสัมพันธ์นะ)
ปล.ผมโทรHappy new year กิ่งทุกปีตั้งแต่ม.5จนถึงตอนนี้
นั้นและครับคือเรื่องราวทั้งหมด ตอนนี้...ไม่สิตั้งแต่สารภาพรักไปครั้งนั้นผมอยากมีความรู้สึกทั้งเจ็บปวดใจ ทั้งเหงา ทั้งคิดถึงกิ่งอยู่ตลอด และมีความรู้สึกว่าเมื่อไรกิ่งจะให้โอกาสผมทำให้หัวใจเธอมีความสุขบ้างนะ เมื่อไรเราจะได้รักกันสักที ?
ปล2.รวมเวลาที่ผมชอบและรักกิ่งทั้งหมดจนถึงตอนนนี้ก็ 5 ปีแล้วครับ
นั้นคือสิ่งที่ผมรู้สึก ผมอยากรู้ว่า
1.ผมรู้สึกอย่างนี้มันคือสิ่งที่ถูกต้องไหมและผมมีสิทธิ์ที่จะรู้สึกแบบนี้หรือเปล่า?
2.และถ้าผมมีสิทธิ์รู้สึกแบบนี้ ผมคือทำยังไงต่อไปหรือควรทำยังไงถึงจะสมหวัง?
ช่วยตอบกันหน่อยครับผม
ผมยังรอและรักผญ. คนหนึ่งมา4ปีแล้ว ถึงแม้เค้าจะบอกว่าเค้าจะไม่รักใครอีกนอกจากคนๆหนึ่ง อยากถามว่าควรทำไงต่อไปดีครับ?
***เรื่องอาจจะยาวไปหน่อย ผมขอให้ช่วยให้จบด้วยนะครับ***
สวัสดีครับผมขอแทนชื่อสมมุติว่า"ราม"นะครับ คือเรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อตอนผมยังเรียนอยู่ม.4(ตอนนี้เรียนมหาลัยแล้วกำลังขึ้นปี2)ผมมีเพื่อนสนิทผช.คนหนึ่ง(ขอแทนชื่อว่าไก่)เราเรียนม.ต้นมาด้วยกันแต่พอขึ้นม.ปลายเค้าเลือกที่จะเรียนสายวิทย์-คณิต(ห้อง3) แต่ผมเลือกที่จะเรียนสายศิลป์-ภาษาฝรั่งเศส(ห้อง9)แต่ช่วงม.4เทอม1ผมยังไม่สนิทกับเพื่อนในห้องใหม่เท่าไรต่างจากไก่ที่เข้ากับเพื่อนห้องใหม่ได้ดีเฉพาะนั้นตอนพักกลางวันของช่วงแรกผมต้องมานั่งกินข้างกับไก่และเพื่อนใหม่ห้อง3เพราะเหตุนี้ทำให้ผมได้เจอกับเพื่อนผญ.ห้อง3คน ในครั้งที่เจอ..ครั้งแรกที่ได้เห็นหน้า..ครั้งแรกที่ได้พูดคุย..ทำให้ผมหลงรักเธอ(ขอแทนชื่อว่ากิ่ง) ฟังแล้วหลายๆคนจะอ้วกแตก แต่บอกได้เลยว่าตอนนั้นผมคิดอย่างนั้นจริงและผมคิดว่าจะไม่ขอรักใครต่อจากนี้ นอกจากคนๆนี้ คนเดียวเท่านั้นและความคิดนี้ผมก็ยังยึดมั่นอยู่จนถึงทุกวันนี้ แต่ด้วยความที่ว่าผมเป็นคนคุยไม่เก่ง จีบใครไม่เป็นเพราะไม่รุ้ความหมายของมันคือต้องทำยังไงเพราะไมเคยจีบใคร และเราก็ยังอยู่ต่างห้องกันมากเลยไม่ไม่ค่อยมีโอกาสได้คุยกัน ได้เจอกัน ได้ทำความรู้จักกันมากสักเท่าไรผมเลยเก็บความรู้สึกชอบไว้จนถึงม.4เทอม2 ผมก็ต้องปวดใจเมื่อได้รู้ว่ากิ่งคบกับรุ่นพี่นักบาสม.5 ผมก็เลยพยายามหลีกเลี่ยงที่จะเจอหน้าเพราะไม่อยากรู้สึกเจ็บเพราะเจอคนที่เราแอบชอบแต่ก็รู้ว่าเค้ามีเจ้าของแล้ว จนผมขึ้นม.5 โรงเรียนผมนั้นมีจะมีจัดค่ายวิทยาศาสตร์ที่จะขึ้นทุกปีโดยงานคือจะพาเด็กม.4ที่พึ่งมาเข้าเรียนใหม่ตั้งห้อง1(ห้องIEP)ห้อง2-3(ห้องวิทย์-คณิต)และห้อง4(ศิลป์คำนวน)ไปศึกษานอกสถานที่ๆจังหวัดประจวบฯ3วัน2คืน และค่ายนี้จะไม่ใช่ค่ายที่เหมือนค่ายลูกเสือที่จะมีวิทยากรกับอาจารย์ดูและแต่จะให้รุ่นม.5-6เป็นคนดูแลน้องๆและกำหนดการต่างโดยมีอาจารย์เป็นที่ปรึกษาตอนไป เราเรียกรุ่นพี่ที่ดูแลน้องตอนไปค่ายเหล่านั้นว่ารุ่นพี่ห้องเขียวหรือรุ่นพี่ค่ายวิทย์ และไก่ก็มาชวนผมไปสมัครอบรมการเป็นพี่ค่ายวิทย์ เพื่อเป็นพี่ค่ายวิทย์เต็มตัวพาน้องม.4ใหม่ปีนั้นไปค่าย เหมือนเป็นการเรียนรู้และเตรียมพร้อมเราว่าถ้าไปค่ายเราต้องทำหน้าที่อะไรบ้าง ผมก็ไปอบรมกับไอไก่และเพื่อนห้อง3ที่ผมรู้จัก และข้ามมาถึงตอนที่ใกล้จะไปค่าย อาจารย์อวุโสที่เป็นหัวหน้าก่อตั้งค่ายวิทย์นี้ขึ้นมา2คนชาย หญิง อ.ผช. คนค่ายเรียกว่าป๊า อ.ผญ.คนค่ายเรียกว่ามี้ วันนั้นมี้เป็นคนเลือกว่าใครไปค่ายไหน(เพราะมันมี4ค่ายไปสองรอบๆล่ะ2สถานที่แยกกันไปจะมีค่ายเล็กกับใหญ่)และใครทำหน้าที่อะไร มาทุกตอนนี้หลายคนอาจจะสงสัยว่าเรื่องค่ายวิทย์เกี่ยวอะไรกับความรักของผม คือว่าตั้งแต่อบรมแล้วล่ะ ผมไม่รู้กิ่งเค้าจะสมัครมาด้วยผมไม่ได้ตามกิ่งมานะผมตามไอไก่มาไมเคยคิดว่ากิ่งอาจจะมาเลยมาเลย และพอมี้เลือกเสร็จว่าใครไปค่ายไหน ผมก็ได้ไปค่ายที่1รอบที่1 เป็นหน้าที่อุปกรณ์คือเป็นคนยกของเตรียมของไว้สำหรับกำหนดการต่อไปอะไรอย่างเนี่ย ส่วนกิ่งนั้นหรอเหมือนมี้เค้าทั้งแกล้งทั้งรู้ใจผมอ่ะ กิ่งได้ไปค่ายที่1รอบที่1เหมือนผมแต่ได้หน้าที่เป็นพิธีกร อ่อผมลืมบอกไปว่ารุ่นพี่ที่เป็นพี่เลี้ยงแล้วจบไปแล้วถึงจะกับมาไปค่ายเราด้วยหรือไม่ได้ไปเราก็จะเรียกเค้าว่าพี่แก่ พอถึงวันไปจิงนัดกันที่โรงเรียนแต่เช้าผมตั้งใจว่าจะขึ้นรถบัสคนสุดท้ายเพราะต้องตรวจเช็คความเรียบร้อย พอออกเดินทางผมขึ้นรถไปไม่มีที่นั่งว่างเลยนอกจากที่ข้างหน้าแถวที่2เพราะแถวหน้าเป็นของอาจารย์และพี่แก่แต่ว่ามีพี่แก่อีกคนหนึ่งชื่อว่าแนทยังไม่มีที่นั่งผมเลยบอกให้พี่เค้านั่งตรงนั้นเดียวผมจะนั่งตรงบันไดขึ้นรถข้างคนขับแต่พี่แนทบอกว่าพี่เค้าจะนั่งเองแล้วผมไปนั่งที่ว่างนั้นและที่นั่งที่นั่งคู่กันที่ไม่ว่างนั้นเป็นที่ของกิ่ง... เพราะกิ่งเป็นพิธีกรจึ่งต้องมานั่งข้างหน้าเพราะต้องใช้ไมค์ของรถ (1ค่ายจะมีพิธีกรญ.กับช.เป็นคู่แต่ตอนอยู่บนรถจะแยกกันไปคนละคันเพราะค่ายหนึ่งจะมีรถ2คัน อุปกรณ์ก็เหมือนกันจะมี2คนแยกกันไปคนละคันเหมือนกัน(ผมไม่รู้นะว่ากิ่งจะมาอยู่คันนี้))และด้วยความที่ต้องลุกขึ้นพูดในรถบ่อยกิ่งเลยต้องนั่งที่ข้างทางเดินส่วนผมนั่งติดหน้าต่าง และบอกเลยว่าทริปนี้ฝนตกเกือบตลอดแต่ไม่ถึงกับหนักมากเย็นวันแรกเราให้รุ่นน้องตั้งเต๊นท์นอนข้างหาดทรายกันและวันที่สองเราต้องเดินทางไปตั้งเต๊นท์คืนที่สองอีกหาดหนึ่งและเย็นวันที่2กิ่งเริ่มไม่สบายเป้นหวัดไม่ค่อยมีเสียง จนมาตอนกลับบ้านขากลับช่วงแรกเราจะเปิดให้น้องๆเต้นกันบนรถไปจนถึงใกล้นครปฐมจะเปลี่ยนเป็นเพลงฟังทั่วไปเพื่อนให้น้องๆนั่งหรือนอนพักเพราะจะมีธรรมเนียมที่ว่าพอรถวิ่งกลับไปที่รถโรงเรียนจะผ่านทางหน้าเซนทรัลปิ่นเกล้าเราจะให้จะสั่งให้น้องเปิดหน้าต่างรถและตะโกนบูมของค่ายวิทย์เราจนวนไปซ้ำๆตลอดทางจนถึงที่โรงเรียน กลับมาต่อในช่วงที่ถึงนครปฐมแล้วก็จะเปิดเพลงทั่วไป ให้นั่งนอนพักผ่อนตอนนั้นส่วนผมกับกิ่งก็นั่งตำแหน่งเดิมคือข้างๆกันผมรู้ว่ากิ่งเหนื่อยและไม่สบายอยู่ด้วยความเป็นห่วง ผมเลยบอกให้กิ่งนอนพักผ่อนก่อนเดียวใกล้ถึงผมจะปลุกเอง(บอกก่อนว่าตอนนี้กิ่งก็ยังคบกับรุ่นพี่นักบาสอยู่เหมือนเดิม) กิ่งก็โอเครและก็นอนแบบนั่งนั่งเงยหน้าขึ้นคงนึกภาพออกกันนะ ส่วนผมกก็นั่งดูวิวนอกหน้าต่างไป(ตอนนั้นเย็นแล้ว6โมงเห็นจะได้เริ่มมืดแล้ว) พอมองวิวไปได้ประมาณสัก2-3นาทีผมก็มีความรู้สึกว่ามีอะไรมากระทบไหล่ซ้ายของผม ผมเลยหันไปมอง เห้ย!! อยู่ดีๆตัวกับหัวกิ่งก็เอียงมาซบไหล่ผมเฉยเลยยยย ตอนนั้นผมรู้สึกดีใจมากเลย แต่พอได้ดีใจไม่นานเพลงที่เล่นอยู่ก็จบลงและเริ่มเพลงใหม่ขึ้นมา เพลงใหม่นี้มันทำให้ผมรุ้สึกเจ็บปวดมากกก นั้นคือเพลง พรมลิขิตผิดเวลา ของ SoCool ถ้าใครเคยฟังจะเข้าความรู้สึกของผมตอนนั้นดีว่ารู้เป็นยังไง (ใครยังไม่เคยก็ไปฟังดูนะครับ) ผมเลยคิดว่า "ไอสัสเอ่ยยยย ชีวิต
ปล.ผมโทรHappy new year กิ่งทุกปีตั้งแต่ม.5จนถึงตอนนี้
นั้นและครับคือเรื่องราวทั้งหมด ตอนนี้...ไม่สิตั้งแต่สารภาพรักไปครั้งนั้นผมอยากมีความรู้สึกทั้งเจ็บปวดใจ ทั้งเหงา ทั้งคิดถึงกิ่งอยู่ตลอด และมีความรู้สึกว่าเมื่อไรกิ่งจะให้โอกาสผมทำให้หัวใจเธอมีความสุขบ้างนะ เมื่อไรเราจะได้รักกันสักที ?
ปล2.รวมเวลาที่ผมชอบและรักกิ่งทั้งหมดจนถึงตอนนนี้ก็ 5 ปีแล้วครับ
นั้นคือสิ่งที่ผมรู้สึก ผมอยากรู้ว่า
1.ผมรู้สึกอย่างนี้มันคือสิ่งที่ถูกต้องไหมและผมมีสิทธิ์ที่จะรู้สึกแบบนี้หรือเปล่า?
2.และถ้าผมมีสิทธิ์รู้สึกแบบนี้ ผมคือทำยังไงต่อไปหรือควรทำยังไงถึงจะสมหวัง?
ช่วยตอบกันหน่อยครับผม